แหลมเหลว

 ห่างจากอำเภอบ้านแหลมประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างทางจากบ้านแหลมไปบางตะบูน บริเวณแหลมเหลวเป็นหมู่บ้านของชาวประมง มีสะพานไม้ทอดผ่านหมู่บ้านและป่าชายเลนไปยังร้านอาหารริมชายทะเล บริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของลิงฝูงใหญ่ ซึ่งมักออกมาคอยอาหารจากผู้คนอยู่ทั่วไป

 ติดต่อผู้ให้บริการในแหลมเหลว
 - เรือแลเล 032-489046
 - แหลมเหลว 032-481803

ข้อมูลเพิ่มเติม:- เรือแลเล 032-489046
- แหลมเหลว 032-481803

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

คอนโดนกนางแอ่น อาชีพการเลี้ยงนกนางแอ่นด้วยการสร้างคอนโดสูงๆ แบบนี้ เมื่อก่อนผมเคยเห็นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และก็ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นการสร้างคอนโดนกในภาคกลางอย่างจังหวัดเพชรบุรีแบบนี้ ระหว่างการเดินทางไปแหลมเหลว ผ่านบางตะบูนไปยังบ้านแหลม ผมเห็นคอนโดนกอยู่หลายแห่ง ปกติก็จะสร้างเป็นก่ออิฐโบกปูนไม่ค่อยมีสีสัน แต่ก็มีอยู่หลายแห่งที่มีการทาสีคอนโดนก เลยดูสวยงามมากขึ้น แรกๆ เห็นตึกหน้าตาแบบนี้ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเหมือนกัน คล้ายอพาร์ทเมนต์ของคนแต่ไม่ยักมีหน้าต่าง ถามคนในพื้นที่ถึงได้รู้ว่าเค้าสร้างขึ้นมาให้นกนางแอ่นเข้ามาทำรังแล้วเก็บเอารังของมันไปขาย

หมึกแห้งริมทาง อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะได้เห็น อาชีพการทำหมึกตากแห้ง ส่วนมากเป็นหมึกที่จับมาได้ระหว่างการออกเรือประมง เอามาทำเองตากเอง เพื่อขายเองจะได้กำหนดราคาเองได้ ถ้าใครชื่นชอบการกินหมึกแห้งแบบนี้ ต้องหาผู้ผลิตให้เจอจะได้ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง แต่ก็ต้องดูด้วยว่าจะคุ้มค่าการขับรถหาคนทำหมึกหรือเปล่า

ถึงแล้วแหลมเหลว ก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างใน ผมขออธิบายไว้คร่าวๆ ก่อนนะครับว่า ปกติแหลมเหลวไม่ใช่สถานที่ที่จะมานั่งพักผ่อน กินลมชมวิว เพราะที่นี่ไม่มีพื้นดินให้เราลงไปเดินเล่น ข้างล่างเป็นโคลนหรือเลนชายฝั่ง ชาวบ้านละแวกนี้ประกอบอาชีพประมง จะสร้างบ้านแบบยกสูง บนพื้นที่ที่เป็นเลน มีเรือจอดอยู่ใต้ถุนบ้าน ระหว่างบ้านแต่ละหลังเชื่อมถึงกันได้ด้วยสะพานไม้ที่สูงจากพื้นประมาณ 3 เมตร ขึ้นไป การพักผ่อนที่แหลมเหลวคือการมานั่งสั่งอาหารกินในร้านอาหารที่อยู่บนแหลมเหลว วันนี้เราจะพาไปร้านชื่อทับทิมทอง สุดถนนที่เราขับมามีลานจอดรถแบบลานดินกว้างๆ ล้อมรอบด้วยป่าชายเลน เป็นบริเวณที่มีลิงอาศัยอยู่ชุกชมมาก และลิงแถบนี้ค่อนข้างเร็ว มักกจะคอยหาโอกาสแย่งของจากเราอยู่ตลอดเวลา พอจอดรถแล้วก็เดินเข้าไปในสะพานไม้เข้าหมู่บ้าน ซ้ายมือเป็นต้นไม้สูงร่มรื่นส่วนขวามือเป็นหมู่บ้านของชาวบ้านแหลมเหลว

โรงรถภูมิปัญญาชาวบ้าน พอเดินเข้ามาในหมู่บ้านจะเห็นการสร้างโรงรถมีหลังคาคลุมล้อมด้วยไม้มีช่องพอมองเห็นข้างใน มีกุญแจล็อคเอาไว้ ข้างในมีมอเตอร์ไซค์จอดเรียงกันอยู่เต็มไปหมด ถึงได้รู้ว่ามันคือโรงรถสำหรับจอดมอเตอร์ไซค์ซึ่งเป็นพาหนะเดียวของชาวบ้านเวลาที่จะเดินทางไปยังที่ต่างๆ บนบก นอกนั้นก็มีเพียงเรือที่จอดอยู่บนเลนใต้ถุนบ้านเท่านั้น

ทับทิมทองแหลมเหลว ในที่สุดเราก็เดินมาถึงร้านอาหารประจำแหลมเหลว ร้านอาหารทับทิมทองก็เป็นการสร้างเหมือนบ้านเรือนของชาวบ้านที่จะเป็นจะต้องมีเสาสูงๆ จากเลนเบื้องล่าง เราสามารถที่จะเลือกที่นั่งในร้านได้หลายจุด อย่างตรงนี้เป็นระเบียงใหญ่มีห้องครัวอยู่ตรงนี้ พอมองลึกเข้าไปเราจะเห็นศาลาหลังเล็กๆ เรียงกันเป็นแถวออกไปด้านข้างสำหรับผู้ที่ชอบความเป็นส่วนตัวขึ้นมาอีกหน่อย พนักงานเสิร์ฟจะยกอาหารไปให้เราถึงที่ แต่ไม่ว่าจะนั่งที่ไหนก็จะได้รับลมจากทะเลพัดเข้ามาเย็นสบายเหมือนกันหมด

ห้องแอร์ทับทิมทองแหลมเหลว ในกรณีที่อากาศร้อนมากๆ จนทนไม่ไหว ขยับไปเลือกนั่งห้องแอร์ของร้านที่มีอยู่ 2 ห้องติดกัน ระหว่างการเดินชมวิวรอบๆ แหลมเหลวก็ต้องระวังฝูงลิงด้วยนะครับ อย่างที่เห็นในรูปลิงแม่ลูกอ่อน 3 ตัวค่อยๆ เดินผ่านเราไปถ้าเราเผลออาจจะคว้าอะไรไปด้วยตลอดเวลา

ศาลาเล็ก นี่ละครับศาลาที่เรียงแยกออกจากระเบียงใหญ่ของร้านทับทิมทอง ชอบหลังไหนมุมไหนเลือกได้หมด

ห้องน้ำป่าชายเลน แม้แต่ห้องน้ำก็ต้องสร้างสะพานไม้เชื่อมไป เค้าสร้างไว้ในบริเวณที่มีต้นไม้ปกคลุมร่มรื่นมาก จะเดินลึกเข้าไปนั่งตามศาลาที่อยู่ด้านในก็ได้

แหลมเหลว มีคำถามถามว่า ทำไมที่นี่จึงเรียกว่าแหลมเหลว ผมตอบแบบไม่ต้องคิดมากเลยว่า ที่ชื่อเรียกแหลมเหลวก็เพราะไม่มีที่ไหนที่ไม่เหลวเลย ลองมองวิวรอบๆ ร้านทับทิมทอง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่เลนโคลนเหลวๆ สุดลูกหูลูกตาไปหมดอย่างที่เห็นครับ ชาวบ้านใช้เรือในการเดินทางแต่ไม่ได้ไปบนผิวน้ำเหมือนที่เราคุ้นกัน แต่ขับเรือไปบนผิวเลนกันเลย หางเสือพัดเอาเลนกระจายเป็นสายสีดำอยู่ท้ายเรือ แต่เป็นการเดินทางที่ตื่นเต้นมาก มีรีสอร์ทที่ดัดแปลงกระท่อมเฝ้าฟาร์มหอยกลางทะเลมาเป็นที่พักชื่อโฮมกระเตงอยู่ที่คลองโคน ก็ต้องเดินทางในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย อยากชมบรรยากาศโฮมกระเตง คลิกเข้าไปที่นี่เลยครับ

ทับทิมทองแหลมเหลว บรรยากาศโดยรวมของร้านในขณะที่ผมนั่งอยู่ที่ระเบียงใหญ่สุดปลายทางเดินของร้านทับทิมทอง ระเบียงที่ผมอยู่นี้เป็นระเบียงสุดท้ายที่อยู่ด้านหน้าสุดมองเห็นวิวได้รอบซึ่งเป็นวิวที่แปลกตามาก เพราะมันเป็นเลนสุดสายตา พอมองกลับมาในร้านเห็นเวทีมวยทะเลด้วย เพราะที่ร้านเป็นสถานที่จัดงานประเพณีประจำปี มีการแข่งขันมวยทะเล แหมเห็นเวทีมวยแล้วอยากเห็นการเล่นชกมวยทะเลขึ้นมาเลย

การเดินทางในแหลมเหลว ร่องน้ำที่มีอยู่ไม่กว้างมากนักเป็นสิ่งสำคัญในการเดินทางของชาวบ้าน ส่วนใหญ่เรือที่เราเห็นแล่นไปแล่นมาบนเลน คือชาวบ้านที่จะไปยังฟาร์มหอยที่เลี้ยงไว้กลางทะเล หรือการออกไปหาปลาบางชนิดก็มีทั้งดักลอบ ทอดแห หรือจะตกปลาอยู่บนกระเตงที่สร้างไว้กลางทะเลก็มี เป็นวิถีชีวิตที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ

ระเบียงใหญ่ร้านทับทิมทอง เอาบรรยากาศโต๊ะอาหารมาให้ชมครับ สำหรับร้านทับทิมทองติดต่อได้ที่ 032-481803 เปิดเวลา 10.00 น. - 21.00 น. มีเมนูแนะนำด้วยครับ ได้แก่ ทะเลลอยฟ้า ปูแกงส้มหน่อไม้ หอยแคลงแกงคั่วชะคาม หอยตลับผัดพริกเผา ปลากระพงยำตะไคร้ ปูนิ่มทอดกระเทียม ปลากระบอกต้มส้ม หอยเสียบผัดฉ่า ปลาทูซาเตี๊ยะ กุ้งแม่น้ำผัดพริกเกลือ ห่อหมกทะเล โอ๊ย อีกมากมายหลายอย่าง น่ากินไปหมดแต่สั่งมาหมดคงไม่ไหว ลองเลือกๆ เอาแบบเด็ดสุดของแต่ละคนก็แล้วกันนะครับ

ที่ทำการเทศบาลตำบลบ้านแหลม เป็นอาคารที่โดดเด่นที่สุดในย่านนี้ หลังจากที่เราออกมาจากแหลมเหลวแล้ว ผ่านมาเห็นแบบนี้เลยอยากเข้ามาถ่ายรูปไว้ดูสวยๆ เท่านั้นละครับ

สนามเด็กเล่นประจำตำบล เครื่องเล่นมากมายสำหรับเด็ก ที่เห็นนี้แค่ส่วนเดียว ยังมีสำหรับผู้ใหญ่อีกเป็นเครื่องออกกำลังกายท่าต่างๆ มีป้ายบอกวิธีใช้ด้วย แหมสุดยอดจริงๆ ถ้ามีต้นไม้ร่มรื่นกว่านี้คงจะน่ามาพักผ่อนออกกำลังกายมากกว่านี้นะครับ

ปลาแห้ง วิธีการถนอมอาหารสำหรับชาวประมงที่จับปลาได้ทีละมากๆ แต่ละครั้งที่ออกไปหาปลา จะกินทีเดียว หรือขายครั้งเดียวมันไม่หมด ต้องเอามาทำปลาแห้ง ปลาเค็ม ปลาต้มหวาน จะได้เก็บไว้ได้นานๆ ผมก็ขอจบเรื่องราวของแหลมเหลวเอาไว้เท่านี้ก่อนละกันครับ ว่างๆ แวะมาเที่ยว ระวังฝูงลิงจู่โจมด้วยนะครับอย่าถืออะไรพะรุงพะรังมากนัก ตอนนี้กลับจากทริปนี้ผมต้องเอารถไปล้างก่อนเพราะมีร่องรอยนิ้วลิงพยายามจะเปิดเข้าไปในรถ เลอะเทอะทั้งคัน....