ข้อมูลเพิ่มเติม:ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 5652 0826, 0 5651 1915
http://www.tourismthailand.org/uthaithani
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
แผนผังถ้ำพุหวาย ภาพชุดถ้ำพุหวายนี้เป็นชุดที่เขียนต่อจากวนอุทยานถ้ำเขาวง ตั้งแต่เริ่มเดินทางสู้วนอุทยานถ้ำเขาวง เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติจนมาถึง ณ จุดนี้ ซึ่งใกล้จะถึงปากถ้ำพุหวายให้คลิกไปอ่านได้ที่ วนอุทยานถ้ำเขาวง นะครับ สำหรับแผนผังถ้ำพุหวายเป็นแผนผังแสดงจุดที่น่าสนใจต่างๆ ภายในถ้ำ อันประกอบด้วย
1.หินดอกเห็ด 2.หินย้อย 3.เสาโรมัน 4.ดอกไม้หิน 5.หินรูปหัวปลาโลมา 6.หินรูปนกกระจอกเทศ 7.หินปะการัง 8.เสาหินเล็ก 9.เสาหินปูน 10.หินรูปม่าน 11.หินรูปฐานประทับเทพ 12.หินรูปกลด 13.หลุมยุบ 14.หินรูปบ่อน้ำ 15.ถ้ำพญานาค 16.เสาหินล้านปี 17.อ่างทิพย์ 18.ฟองหิน 19.น้ำตกหินปูน 20.หินเกร็ดเพชร 21.หินงอกดอกกุหลาบ
ยินดีต้อนรับสู่ถ้ำพุหวาย เพียงไม่นานก็มาถึงปากทางเข้าถ้ำเพราะระยะทางเพียง 200 เมตร เอง ถึงแม้ว่าบางช่วงจะชันไปบ้างจนต้องออกอาการหอบแต่ก็ไม่เหนื่อยมาก
ศาลพระภูมิหน้าถ้ำ เดิมทีถ้ำแห่งนี้เคยมีพระมาธุดงค์จำพรรษาอยู่ที่นี่ ชาวบ้านในละแวกนี้เกิดความศรัทธาได้นำเอาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มาเก็บไว้และถวายพระ อย่างศาลพระภูมิเหล่านี้ ยังอยู่จนถึงปัจจุบัน
ปากถ้ำพุหวาย ปากทางเข้าถ้ำมีลักษณะค่อนข้างกว้างมากแต่ไม่สูงค่อยๆ ย่องก้มหัวลงไปตามทางเดินซึ่งหากช่วงที่ฝนตกน้ำไหลเข้าถ้ำจะลื่นมาก
ถ้ำพุหวาย ภายในที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ก้าวแรกที่ผ่านปากถ้ำเข้ามานั่นก็คือรูปหลวงพ่อสดที่มีชาวบ้านนำมาไว้ที่ถ้ำแห่งนี้เมื่อครั้งที่ยังมีพระมาธุดงค์ตจำพรรษาอยู่
หินย้อย ตรงบริเวณนี้อยู่ปากถ้ำถือเป็นพนักงานต้อนรับของถ้ำพุหวายหน้าตาสวยงามตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามา ถ้ำพุหวายเป็นโถงขนาดใหญ่สูงหลายเมตร กว้างขวางมากๆ อากาศภายในถ้ำแทบไม่ได้กลิ่นอับชื้นเหมือนอย่างถ้ำอื่นๆ เพราะมีทางทะลุออกอีกด้านหนึ่ง
พระพุทธรูปในถ้ำพุหวาย เมื่อครั้งที่มีพระธุดงค์จำพรรษาอยู่ที่นี่ชาวบ้านมีจิตศรัทธามากขนาดไหนก็ดูจากการมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่นี่เอง
ถ้ำพุหวาย ตรงบริเวณนี้ไม่ได้บรรจุอยู่ในสถานที่น่าสนใจของผังถ้ำพุหวายแต่เห็นความสวยงามของหินย้อยที่มีขนาดใหญ่โตยิ่งกว่าที่เห็นในถ้ำอื่นๆ และนี่ก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่อยู่ในโพรงถ้ำขนาดมหึมา
เสาหินแรกเกิด ภายในถ้ำพุหวายมีลักษณะที่เรียกว่าถ้ำไม่สมบูรณ์ อันเนื่องมาจากน้ำที่หยดลงภายในถ้ำที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดหินงอกหินย้อยนั้นจะหยดลงมาเพียงช่วงฤดูฝนเท่านั้น และนั่นยิ่งเป็นเหตุน่าอัศจรรย์ว่าน้ำหยดลงมาเฉพาะฤดูฝน ยังสร้างหินงอดหินย้อยจำนวนมากมายและมีขนาดประมาณ ตึก 3 ชั้นนี้ได้ ต้องใช้เวลากันกี่ร้อยปี สำหรับเสาหินแรกเกิดเหมือนอย่างที่เห็นจะมีรั้วเล็กๆ กั้นไว้กันไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินเหยียบหรือจับต้องเพราะไขมันจากมือคนเป็นเหตุให้หินไม่สามารถเกาะตัวเจริญเติบโตได้ สำหรับนักท่องเที่ยวถ้ำมือใหม่ก็พึงรักษากฎข้อนี้ไว้อย่าจับหินงอกหินย้อยเพื่อให้หินเหล่านั้นได้เจริญเติบโตให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้เห็น
หินรูปนกกระจอกเทศ ลักษณะของหินงอกหินย้อยในถ้ำพุหวายหรือถ้ำอื่นๆ นั้นต้องใช้จินตนาการซึ่งแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไปหินรูปนกกระจอดเทศนี้ให้ดูภาพนี้แล้วมองเห็นเป็นขานกและส่วนหลังของนกที่กำลังหันหน้าเข้าหาผนังหิน เห็นส่วนคอเล็กน้อย
หินงอกหินย้อยถ้ำพุหวาย ตรงนี้ไม่มีชื่อบรรจุลงในผังของถ้ำพุหวายอยู่ด้านซ้ายมือตรงจุดที่ยืนชมหินรูปนกกระจอดเทศ ระยะจากหินรูปนกกระจอดเทศมาถึงตรงนี้ก็ประมาณ 5-6 เมตร เห็นจะได้ เป็นแผ่นเดียวกันยาว อธิบายตรงนี้คงจะพอจินตนาการออกว่าภายในทั้งหมดกว้างใหญ่ขนาดไหน
เสาหินปูน มีลักษณะที่ค่อนข้างแตกต่างจากหินงอกหินย้อยจุดอื่นๆ ของถ้ำพุหวายคือละค่อนข้างเรียบโค้งมนสูงขึ้นไปถึงเพดานถ้ำมองจากด้านนี้ไม่เห็นชัด ตรงส่วนที่เรียบจะเริ่มต้นจากจุดที่ชี้ไฟจุดล่าง เรื่อยไปจนเลยจุดที่ชี้ไฟจุดบนขึ้นไป
ถ้ำพุหวาย เจ้าหน้าที่กับทีมงานของเราช่วยกันส่องไฟให้เห็นรายละเอียดของหินย้อยสวยงาม สำหรับบริเวณนี้ก็ไม่ได้บรรจุอยู่ในผังจุดที่น่าสนใจของถ้ำพุหวายเช่นกัน แต่มองดูเหมือนผ้าปูบนโต๊ะที่สูงมากๆ เพราะช่วงบนมีหน้าตัดเหมือนรูปสี่เหลี่ยมแล้วย้อยลงมารอบตัว
หลอดหินย้อยหรือท่อหินย้อย (Soda Straw) สำหรับข้อมูลของหินย้อยที่มีลักษณะพิเศษมากๆ นี้ยังไม่ชัดเจนต้องหาข้อมูลเพิ่มอีกหน่อย จุดเด่นของมันก็คือขนาดที่เล็กเรียวลงมาอย่างเป็นเอกเทศไม่ยึดติดกับหินย้อยใกล้เคียง มองดูเหมือนหลอดกาแฟ เป็นจุดที่เปราะบางที่สุดของหินย้อย ปกติเจ้าหน้าที่จะย้ำกับนักท่องเที่ยวทุกคนว่าห้ามจับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลอดกาแฟนี้โดนนิดเดียวก็จะหักทันที มองในภาพหากหาหลอดกาแฟไม่เจอก็ให้มองตามหินย้อยขึ้นไปตรงบริเวณที่ชี้ไฟ อยู่ตรงกลางยอดของรูปสามเหลี่ยมหรือตัว A
หลอดหินย้อยหรือท่อหินย้อย (Soda Straw) คือ สารหินปูนที่จับตัวเป็นหลอดหรือท่อย้อยลงมาจากเพดานถ้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-4 นิ้ว มีผนังบาง น้ำไหลไปตามรูตรงกลางเกิดเป็นวงแหวนของหินปูนที่ปลายของหลอดหรือท่อ แร่แคลไซต์ที่เกิดจะมีการเรียงตัวของผลึกในแนวยาวและย้อยลงมา ทำให้มีความยาวเพิ่มขึ้นทำให้ดูคล้ายหลอดกลวงที่มีน้ำหยดลงมา
โถงถ้ำพุหวาย ทั่วทั้งบริเวณนี้ไม่ได้บรรจุอยู่ในผังจุดที่น่าสนในของถ้ำพุหวายเฉพาะส่วนนี้มีความกว้างทั้งหมดประมาณ 7-8 เมตร ตรงขอบรูปด้านล่างมีรั้วของหินงอกแรกเกิดอยู่ 2 จุด
หินปะการัง เป็นหินที่อยู่ตรงโคนของหินเสาโรมัน เห็นเป็นลักษณะคล้ายกับปะการังในท้องทะเล ภาพนี้จะเหมือนถ่ายจากท้องทะเลลึกก็ว่าได้
หินรูปม่าน ตรงบริเวณนี้ต้องมองกว้างๆ จะเห็นแผ่นหินย้อยลงมามีริ้วคลื่น เหมือนกลีบของผ้าม่านผืนโตๆ
ม่านหินปูน (Drapery) หินที่มีลักษณะคล้ายม่าน เกิดจากน้ำที่มีสารคาร์บอเนตสูงที่ไหลตามผนังที่เอียง หยดน้ำทีละหยดที่ไหลผ่านไปตามแนวเดิม เมื่อน้ำเกิดสูญเสียก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์จึงทำให้เกิดการตกตะกอนของแร่แคลไซต์มีลักษณะเป็นแผ่นบาง และมักจะโปร่งแสงงอกยาวขึ้นเรื่อย ๆ
โคนเสาหินปูน มีน้ำไหลลงมาตามหินทำให้ผิวของหินตรงบริเวณโคนเสาหินปูนสะท้อนกับแสงไฟของไฟฉายหรือตะเกียงสวยงาม
หินรูปกลด บางคนว่าหินนี้มองเหมือนเห็ดขนาดยักษ์ ส่วนบนของหินรูปกลดเป็นสีอมแดงส่วนล่างลงมาเป็นสีขาวนวลดูแปลกตาขนาดความสูงของหินรูปกลดนี้ประมาณ 3-4 เมตร
หินฐานประทับเทพ ตรงจุดนี้เป็นจุดที่แปลกมากหลายคนเข้าไปมองเห็นเป็นฐานที่ประทับของเทพบางคนบอกว่าเหมือนเจ้าแม่กวนอิมอยู่ชั้นบนสุดที่เห็นเป็นประกายแสงเจิดจ้าอยู่ส่วนบนนี้เองยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเราเป็นอย่างมาก คงเป็นสารบางอย่างตรงจุดที่น้ำไหลลงมาจากเพดานของถ้ำไปเคลือบอยู่ตรงส่วนนั้น แล้วก็เหลือเพียงน้ำกับเนื้อหินบางส่วนไหลต่อลงมาจนเหมือนเป็นฐาน เฉพาะส่วนบนยื่นออกมาจากผนังถ้ำใหญ่มากเหมือนหิ้งพระติดบนผนัง มองเรื่อยลงมาส่วนล่างจะเห็นว่าไม่ได้เชื่อมต่อกัน
แมงป่องแส้ แมงป่องแส้ (Whip scorpion) มีอีกชื่อหนึ่งว่าแมงมุมถ้ำ จากข้อมูลบอกว่าเจ้าสัตว์ชนิดนี้มักจะไม่มีพิษร้ายแรงอะไรกินจิ้งหรีดถ้ำเป็นอาหาร
จิ้งหรีดถ้ำ (Cave cricket) เสียดายเป็นอย่างยิ่งในการสำรวจถ้ำครั้งนี้ไม่นึกว่าจะได้เจอเหล่าสัตว์เจ้าถิ่นภายในถ้ำแถมยังอุตส่าห์เต๊ะท่าอยู่ได้ตั้งนาน ปกติจิ้งหรีดถ้ำจะค่อนข้างสัมผัสไวและจะหนีหายไปทุกครั้งเมื่อถูกพบเห็น แต่วันนี้มันหยุดอยู่อย่างนั้นเหมือนรู้ว่าเรากำลังถ่ายรูปมันอยู่ยังไงยังงั้น เจ้าจิ้งหรีดถ้ำที่พบนี้มี 2 ตัว ตัวหนึ่งหนีไปแล้วส่วนตัวนี้อยู่ห่างจากแมงป่องแส้เพียงไม่ถึงเมตร แต่แมงป่องแส้อยู่บนหินงอก ส่วนจิ้งหรีดถ้ำอยู่ตามพื้น สัตว์สองชนิดนี้มีฐานะเป็นผู้ล่ากับเหยื่อในถ้ำ
หินรูปเห็ด ลักษณะของหินกลุ่มนี้เหมือนเห็ดที่ขึ้นตามป่าเป็นกลุ่มใหญ่หนาแน่นเบียดเสียดกันหลายต้น
หินเสาโรมัน อยู่ส่วนบนของหินปะการังเห็นเป็นลำต้นของเสาขนาดเล็กๆ สูงขึ้นไปจนเกือบถึงเพดานถ้ำไปเชื่อมต่อกันกับหินย้อยอีกเล็กน้อย
เสาหินล้านปี ที่มาของชื่อก็คือการประมาณระยะเวลาในการก่อตัวของเสาหินนี้ เพราะจากการสำรวจพบว่าน้ำที่หยดลงมาในถ้ำพุหวายจะหยดลงมาเฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้น แต่ละปีหินงอกจะเติบโตได้เพียง 7-8 มิลลิเมตรเท่านั้น ส่วนเสาหินล้านปีนี้มีขนาดสูงใหญ่มากและมีฐานที่กว้างมาก ต้องใช้เวลานานมากๆ ในการเติบโตได้ขนาดนี้ จึงเรียกกันว่าเสาหินล้านปี
น้ำตกหินปูน เป็นจุดเด่นของถ้ำอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวที่มาถ้ำพุหวายไม่อยากจะพลาดการถ่ายภาพตรงบริเวณนี้ เนื่องจากหินย้อยบริเวณนี้ได้มีลักษณะลดหลั่นกันลงมามองดูเหมือนชั้นของน้ำตกนั่นเอง ที่ที่ทำการวนอุทยานถ้ำเขาวงก็จะมีรูปวาดของน้ำตกหินปูนนี้ไว้เหมือนกัน
เสาหินล้านปี ภาพนี้เป็นอีกด้านหนึ่งของเสาหินอันยิ่งใหญ่ ตรงจุดที่ยืนอยู่นี้จะอยู่ตรงหน้าน้ำตกหินปูนพอดี
เสาหินเล็ก เหตุที่ได้ชื่อเสาหินเล็กก็เพราะว่ามีขนาดเล็กกว่าเสาหินล้านปีเท่านั้นเองครับแต่หากดูจากขนาดจะเรียกเสาหินแสนปีก็คงได้
อ่างน้ำทิพย์ มีลักษณะเป็นอ่างน้ำเหมือนอ่างล้างหน้า ในอ่างน้ำทิพย์มีน้ำใสๆ อยู่เต็มและจะเอ่อล้นลงจากขอบอ่างตลอดเวลา ในระยะแรกของการสำรวจถ้ำ เจ้าหน้าที่บอกว่ามีเหรียญอยู่ในอ่างเป็นจำนวนมาก เพราะนักท่องเที่ยวหลายคนมีความเชื่อกันว่าน้ำที่พบในถ้ำ หรือตามธรรมชาติแบบนี้มีความศักดิ์สิทธิ์
ฟองหิน จุดที่เรียกว่าฟองหินคือกลุ่มหินมนๆ ข้างล่างนะครับแต่เห็นส่วนบนสวยดีก็เลยถ่ายมาแบบเต็ม ลักษณะของฟองหินนั้นก็เหมือนกับฟองของน้ำที่จับอยู่บนผิวน้ำเป็นกลุ่มๆ
น้ำตกหินปูน มองมุมนี้รู้สึกว่ารูปร่างจะคล้ายหมาพันธุ์หนึ่ง มีขนเรียบตรงยาวๆ ยิ่งตรงหูขนจะยาวมากจนเกือบถึงดิน เห็นในรูปบ่อยๆ แต่นึกไม่ออกว่าพันธุ์อะไร งานนี้แล้วแต่จินตนาการครับ
หินเกร็ดเพชร อยู่ใกล้ปากทางออกของถ้ำถ้ามาถึงจุดนี้แล้วก็จะไม่ค่อมีอะไรให้ศึกษาเพราะเดี๋ยวก็จะออกจากปากถ้ำแล้วนั่นเอง ที่เรียกว่าหินเกร็ดเพชรนั้นก็เพราะว่าแนวหินบริเวณนี้มีแร่บางชนิดที่สะท้อนแสงแวววาวกว่าจุดอื่นๆ ของถ้ำ
ตะเข็บถ้ำ ความรู้ใหม่วันนี้ตะเข็บถ้ำมองดูคล้ายตะเข็บของผ้าเกิดจากน้ำหยดลงมาจากเพดานถ้ำแล้วไม่หยดลงพื้นทันทีแต่จะไหลไปตามแนวลาดเอียงของเพดานถ้ำแล้วค่อยหยดลงมา แนวการไหลของน้ำจะเพิ่มขึ้นทีละปุ่มๆ มองดูเหมือนฟันปลาซี่ถี่ๆ สวยงามมาก
กำเนิดตะเข็บถ้ำ แนวของน้ำที่ไหลลงมาแล้วไหลไปรวมกันตรงจุดสุดท้ายของแนวตะเข็บอยู่เสมอเกิดไปตะเข็บอันต่อไปหรือจะเรียกว่าเกิดเป็นฟันซี่ต่อไปก็ได้ แล้วค่อยหยดลงสู่พื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนได้ความยาวของตะเข็บเพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ
หินโคมไฟ ตรงนี้ไม่มีการตั้งชื่อและบรรจุอยู่ในผังจุดน่าสนใจของถ้ำพุหวายเราเห็นว่าเมื่อส่องไฟเข้าไปจะมีลักษณะเหมือนโคมไฟจึงตั้งชื่อขึ้นมาเอง
ทางออกถ้ำพุหวาย ตรงบริเวณทางออกพอดีเห็นหินอยู่ก้อนหนึ่งมีริ้วรอยของน้ำไหลลงมาตามหินเกิดเป็นสีม่วงสีเขียวตามธรรมชาติ เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ได้มีคนมาทาสี มองดูสวยดี
ที่จำพรรษาของพระธุดงค์ อาจารย์สุรศักดิ์ โพธิสารี เป็นพระธุดงค์ที่ได้มาจำศีลและปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำนี้ไม่มีใครทราบภูมิลำเนาเดิมของท่าน ท่านจะออกบิณฑบาตรในหมู่บ้านพุเตยประจำ ชาวบ้านพุเตยเคยรับจ้างท่านทำความสะอาดที่พัก โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงิน สิ่งของ ระหว่างท่านจำศีลอยู่ในถ้ำนี้ได้ให้โชคลาภญาติโยมที่มาจากต่างจังหวัด ภายหลังถูกยิงมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2532
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ