พระรามราชนิเวศน์ (พระราชวังบ้านปืน)

ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านหม้อ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มีพระราชประสงค์ให้สร้างพระราชวังแบบยุโรป ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อใช้สำหรับแปรพระราชฐานในฤดูฝน โดยย่อส่วนมาจากพระราชวังฤดูร้อนของพระเจ้าวิลเลี่ยมไกเซอร์แห่งเยอรมัน ออกแบบโดย มิสเตอร์คาล ดอห์ริง และ ดร.ดวด ไบเยอร์ ชาวเยอรมันเป็นนายช่างก่อสร้าง เริ่มก่อสร้าง พ.ศ.2453 แต่ยังไม่แล้วเสร็จ เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงโปรดฯ ให้สร้างต่อจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 พระองค์พระราชทานพระนามว่า "พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท" ต่อมาปี พ.ศ.2461 ทรงเปลี่ยนเป็น พระรามราชนิเวศน์ ทรงใช้เป็นสถานที่รับรองพระราชอาคันตุกะ ลักษณะอาคารเป็นแบบสมัยนิยมในยุโรป ช่วง ค.ศ.1900 หลังคาด้านเหนือเป็นทรงโดม ตรงกลางคล้ายหอคอยภายในอาคารมีห้อง 44 ห้อง พื้นปูด้วยหินอ่อนสลับสีและไม้ ประดับกระจกสีตามช่องหน้าต่างและประตู บางห้องมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบเสาทองแดงดุนลาย

ปัจจุบันเป็นพื้นที่รับผิดชอบของมณฑลทหารบก ที่ 15 เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. สอบถามค่าเข้าชมที่ โทร. 0 3242 8506-10 ต่อ 50259

ข้อมูลเพิ่มเติม:โทร. 0 3242 8506-10 ต่อ 50259
ททท.เพชรบุรี 0 3247 1005-6

แก้ไขล่าสุด 2017-05-04 11:36:38 ผู้ชม 22250

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

ลานหน้าพระที่นั่งวังบ้านปืน เมื่อจอดรถในลานจอดรถ เดินมุ่งหน้าไปทางพระรามราชนิเวศน์ด้านหน้าเป็นลานหน้าพระที่นั่ง ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระปิยมหาราช รัชกาลที่ ๕ ภาพมุมด้านหน้าลานหน้าพระที่นั่งวังบ้านปืนนี้เป็นภาพที่เราจะได้พบเห็นบ่อยๆ ในเว็บไซต์ต่างๆ เพราะใครๆ ที่มาที่นี่ต่างก็จะถ่ายรูปด้านหน้ามุมนี้กันทุกคน มีเพียงไม่กี่คนที่จะเดินชมด้านนอกรอบๆ บริเวณ เราก็เลยไม่ค่อยได้เห็นทัศนียภาพด้านอื่นๆ กันบ่อยนัก เดี๋ยววันนี้ผมจะลองเดินรอบๆ ดูครับ แต่ก่อนหน้านั้นเรามารู้จักกับวังบ้านปืนให้มากขึ้นอีกนิดดีกว่าครับ พระรามราชนิเวศน์ หรือวังบ้านปืน มีพื้นที่ 349 ไร่ 1 งาน 16 ตารางวา สร้างปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เนื่องจากในช่วงเดือนกันยายนในพระนครมีฝนตกชุกทำให้พระองค์มักประชวรอยู่เสมอ จึงทรงมีพระราชดำริที่จะหาที่ประทับนอกพระนคร ประกอบกับเมืองเพชรบุรี มีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมแก่การสร้างพระราชฐานไว้เป็นที่ประทับโดยเสด็จวางศิลาพระฤกษ์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2453

ปืนใหญ่วังบ้านปืน ตั้งอยู่รอบๆ ลานหน้าพระที่นั่ง บริเวณรอบฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ หันหน้าออกไปสี่ด้าน ปืนใหญ่เหล่านี้หล่อด้วยสำริด มีชื่อปืนใหญ่ดังนี้ครับ รามสูรคว่างขวาน , ยมบาลจับสัตว์ , ลอยชายเข้าวัง และ กำลังเพชรหึง

ความร่มรื่นรอบวังบ้านปืน ข้างลานหน้าพระที่นั่ง จะมีบริเวณที่ร่มรื่นด้วยร่มไทรกว้างพอสมควร มีม้านั่งให้พักผ่อน เป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวมานั่งพักกันมาก ทั้งก่อนและหลังการเดินชมพระรามราชนิเวศน์ที่กว้างขวาง

พระราชวังบ้านปืน ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายจากทางด้านข้างซึ่งก็จะมีประตูเดินเข้า-ออกได้เหมือนกับด้านหน้า พระรามราชนิเวศน์หรือวังบ้านปืน สร้างด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมยุโรปแบบโมเดิร์นสไตล์ หันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งห่างจากแม่น้ำเพชรบุรีด้านทิศตะวันออกราว 50 เมตร หลังคาสีน้ำตาลเป็นกระเบื้องที่สั่งมาจากต่างประเทศ แบบเดียวกับพระราชวังของพระเจ้าวิลเฮิร์มไกเซอร์แห่งประเทศเยอรมัน โดยทำแบบสองชั้น มียอดสองยอด คือยอดพระตำหนักและยอดมุข ผู้เป็นสถาปนิกเขียนแบบรูปพระตำหนักตามกระแสพระราชดำริ คือ มิสเตอร์ คาร์ล ดอริ่ง ชาวเยอรมัน โดยมีดอกเตอร์ ดวด ไบเยอร์ เป็นวิศวกร แต่การก่อสร้างยังมิทันสำเร็จ พระองค์ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินก่อสร้างต่อจนสำเร็จในปี พ.ศ. 2459 และได้พระราชทานนามว่า "พระรามราชนิเวศน์" รวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ 7 ปี นับเป็นพระราชวังที่มีความงดงามและสมบูรณ์แบบที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเมืองสยาม

ทางเข้าด้านหน้าวังบ้านปืน ตั้งแต่ตรงนี้ไป นักท่องเที่ยวจะต้องถอดรองเท้า และไม่สามารถบันทึกภาพภายในได้ครับ เป็นที่น่าเสียดายมากที่ไม่มีโอกาสเอาภาพจากภายในมาให้ชมกัน แต่จะบรรยายข้อมูลของส่วนต่างๆ ภายในวังบ้านปืนพอเป็นความรู้ก็แล้วกันนะครับเริ่มจากบันไดเวียนคู่ถัดจากห้องโถงกลมชั้นล่าง บันไดเวียนคู่มีลักษณะวนเข้าหากันเป็นรูปดอกจิก ซึ่งเป็นศิลปะแบบโบรอค และราวบันไดแต่ละด้านมีตุ๊กตาเคลือบเด็กหญิงชาย วางไว้บนราวบันได พอเดินขึ้นบันไดวนมาห้องโถงกลมชั้นบน รวบรวมศิลปะแบบนีโอคลาสสิกไว้ทั้งหมด จากนั้นก็มีห้องรอเฝ้า ใช้สำหรับเป็นที่ให้ข้าราฃการและผู้รอเฝ้าคอยก่อนที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว ส่วนห้องเสวย เป็นห้องที่รวบรวมศิลปะแบบโมเดิร์นสไตล์ของเยอรมัน และศิลปะแบบอาร์ตนูโวของฝรั่งเศสอย่างลงตัว ด้านหน้าของห้องเสวยมี รูปปั้นเทพเจ้าโพไซดอน ตั้งอยู่ ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แต่เดิมมีสนามแบดมินตันอยู่ด้านหลังของวังบ้านปืน เป็นสนามแบดมินตันแห่งแรกของประเทศไทย แต่มีสภาพทรุดโทรม ปัจจุบันได้ปรับปรุงเปลี่ยนเป็นสวนหย่อม ในห้องทรงพระอักษร มีลักษณะเด่นชัดคือมีตู้ฝังกับผนังห้องกระจกหน้าต่างเป็นกระจกแสตนกลาส มีการสร้างที่ลดหลั่นตรงบริเวณประตูทางออกไปนอกระเบียงทำให้ดูกลมกลืนงดงามมาก ห้องบรรทมพระราชินี ปูพื้นห้องด้วยไม้ ฝาผนังเป็นไม้ครึ่งปูนครึ่ง โดยมีลวดลายในไม้เป็นรูปเรขาคณิต มีระเบียงมองเห็นสนามแบดมินตันได้ชัดเจน และก็มีห้องบรรทมพระราชโอรส พระราชธิดา ที่ตกแต่งคล้ายกัน มีชั้นต่างระดับให้ประทับยืนมองเห็นทิวทัศน์ภายนอก ห้องบรรทมพระเจ้าอยู่หัวเป็นห้องที่สวยงามที่สุด เพราะเป็นห้องที่มองเห็นทัศนียภาพของพระนครคีรีได้ชัดเจน ภายในห้องสร้างด้วยเสาที่ทำจากแผ่นทองแดงดุนลายกรุ ปัจจุบันห้องนี้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๖ ไว้ให้ประชาชนสักการะบูชา ห้องสรง รวบรวมศิลปะร่วมสมัย เห็นได้จากสุขภัณฑ์ที่ตกแต่งไว้อำนวยความสะดวกและเป็นห้องที่มีการประดับกระจกแสตนกลาสสวยที่สุดในพระราชวัง

ห้องโถงกลมจากภายนอก เป็นส่วนที่อยู่ด้านทิศตะวันออกของอาคาร

สวนป่า 5 ธันวา มหาราช ด้านหนึ่งของอาคารวังบ้านปืนปลูกต้นไม้ใหญ่ เป็นพื้นที่สวนป่าที่ร่มรื่น

พระรามราชนิเวศน์หรือวังบ้านปืน เป็นความสวยงามจากภายนอกอาคารที่นำมาฝากกันครับ เพราะนอกจากภาพด้านหน้าที่เราได้เห็นกันอยู่บ่อยครั้งแล้ว บางทีเราก็ไม่ได้เดินมาชมความสวยงามด้านนอกจากด้านอื่นๆ ดูบ้าง จะเห็นการก่อสร้างที่เรียบง่ายแต่เน้นความอลังการของตัวอาคารและความวิจิตรบรรจงของลวดลายบนบานประตู และหน้าต่าง