ข้อมูลเพิ่มเติม:ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 5567 1466
http://www.tourismthailand.org/phrae
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
บรรยากาศการเดินทางสู่ อช.แม่ยม อุทยานแห่งชาติแม่ยม เป็นพื้นที่ที่อยู่ทางเหนือของจังหวัดแพร่คืออำเภอสอง การเดินทางเที่ยวแพร่ แบบให้คุ้มกับค่าเดินทางก็ต้องวางแผนให้ดี มีที่แวะหลายๆ จุด จากเมืองแพร่ ไปเที่ยววนอุทยานแพะเมืองผี จากนั้นเข้าไปไหว้พระธาตุปูแจ จากนั้นไม่ต้องย้อนออกทางแพะเมืองผี จากพระธาตุปูแจมีเส้นทางมาทะลุร้องเข็ม ซึ่งเป็นทางแยกที่จะไปน่าน ส่วนอีกทางไปพะเยา ผมไปทางน่านก่อน ไปอำเภอร้องกวาง เข้าถ้ำผานางคอย จากนั้นไปน้ำตกห้วยโรง แล้ววกกลับมาที่แยกร้องเข็มอีกที มุ่งหน้าไปอำเภอสองซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับไปพะเยา แต่จะมีแยกเข้าอำเภอสอง สถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอได้แก่ วัดพระธาตุพระลอ และอุทยานลิลิตพระลอ ซึ่งว่ากันว่า มาอำเภอสองไม่ไปพระธาตุพระลอก็มาไม่ถึงเมืองพระลอเลยทีเดียว แต่ผมไม่ได้เข้าวัดพระธาตุพระลอตอนนี้เพราะมันเริ่มจะเย็นแล้ว ก็เที่ยวมาตลอดทางตั้งแต่เช้า ตอนนี้ควรรีบเข้าอุทยานให้ทันก่อนที่จะมืดค่ำ ผมไม่ชอบเส้นทางเปลี่ยวๆ ผ่านป่าเขา ในตอนกลางคืนสักเท่าไหร่ กะว่าขากลับถึงค่อยมาไหว้พระธาตุ แล้วก็เดินเที่ยวอุทยานลิลิตพระลอกันแล้วค่อยไปต่อ
เส้นทางจากอำเภอสองไปยังอุทยานแห่งชาติแม่ยม ใช้ทางหลวงหมายเลข 1154 เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างสะดวก โล่งดี ระหว่างขับผ่านเส้นทางนี้ยังคิดถึงการจราจรในกรุงเทพฯ ว่าถ้ามันเหมือนที่นี่ก็คงจะดีเหมือนกันเนาะ ทางหลวงหมายเลข 1154 เป็นถนนเลียบขนานกับแม่น้ำยมเป็นส่วนใหญ่ จนไปถึงด่านตรวจของอุทยานฯ ช่วงแรกๆ เป็นทางค่อนข้างตรงจนไปถึงบริเวณป่าเขาก็จะเริ่มเป็นทางโค้งแต่ความชันไม่มาก ขับแบบชิวชิว ไปเรื่อยๆ ใช้เวลาไม่นานเลยครับ ถึงด่านตรวจก็จะมีทางแยก ตัว Y การเข้าพักแรมที่นี่ให้ไปทางขวา แล้วขับไปตามป้ายบอกจะไปถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และลานกางเต็นท์
บรรยากาศใน อช.แม่ยม หลังจากที่เดินทางมาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีเวลาเหลืออยู่นิดหน่อยก่อนที่พระอาทิตย์จะตก ก็ต้องเข้าไปสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวว่าที่นี่มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง อุทยานแห่งชาติแม่ยม มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งกระจายอยู่ในพื้นที่เขตอุทยานฯ แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆ กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีแต่กิจกรรมล่องแก่ง การล่องแก่งที่นี่ขึ้นชื่อมาก หลายคนต่างก็รู้จักชื่อ แก่งเสือเต้น เป็นอย่างดี สำหรับที่เที่ยวในพื้นที่ที่ไกลออกไป ก็ได้แก่ หล่มด้ง จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก ดงสักใหญ่ น้ำตกซาววา ฯลฯ ผมฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ก็สนใจตรงที่จุดชมวิวเป็นที่สุดเพราะถ้าถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น กับพระอาทิตย์ตกสวยๆ ได้ ก็จะทดแทนการล่องแก่งที่ผมพลาดไปได้ (ก็มาคนเดียวจะล่องยังไงได้ละครับไม่สนุกแน่) จุดชมวิวนั้นอยู่ก่อนถึงหล่มด้งประมาณ 1 กิโลเมตร ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ เกือบ 10 กิโลเมตร บนนั้นไม่มีศูนย์บริการ ไม่มีห้องน้ำ ต้องไปกางเต็นท์ใกล้ๆ บ้านพักเจ้าหน้าที่ที่หล่มด้ง แล้วเวลาจะดูพระอาทิตย์ขึ้นค่อยออกมาที่จุดชมวิว พอได้ข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็เตรียมออกเดินทางได้ แต่ก่อนหน้านั้นต้องสั่งข้าวกล่องไปเป็นเสบียงด้วย หลังจากรวบรวมข้อมูลจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแล้วก็เดินไปที่ร้านค้าสวัสดิการ สั่งข้าวผัด 1 จาน กะเพรา 1 กล่อง แล้วก็นเดินลงไปกินลมชมวิวที่ริมตลิ่งแก่งเสือเต้นเพื่อฆ่าเวลารออาหาร
แผนผังที่เที่ยวอุทยานแห่งชาติแม่ยม ดูจากแผนผังแล้วมานั่งตัดสินใจว่าวันนี้จะไปเที่ยวไหนได้บ้าง ข้อมูลของน้ำตกซาววาเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก น้ำตกมีความสวยงามมีความสูงมาก แต่ระยะทางจากที่ทำการหลายสิบกิโลเมตร แล้วยังเป็นทางเดินเท้าต่ออีก 2 กิโลเมตร คำนวณจากแกสและน้ำมันในรถที่เหลืออยู่คงไป - กลับไม่พอแน่ น่าเสียดายที่ทริปนี้คงเก็บได้เฉพาะที่หล่มด้งกับจุดชมวิวเท่านั้น ไว้โอกาสหน้าคงได้เตรียมทีมมาล่องแก่งแล้วเก็บภาพแบบจัดเต็มกันซักหน่อยแล้ว
แก่งเสือเต้น หลังจากที่ได้ข้าวกล่องและจัดการข้าวผัดในจานจนหมดตอนนี้เวลาประมาณ 16.30 ยังคงพอมีเวลาสำหรับการเดินทางไปจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ก็เลยลงมาเก็บภาพริมแก่งเสือเต้นอีกหน่อยจากตรงนี้มาทางเดินไปดูรอยเท้าเสือระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร แต่เวลาที่เหลืออยู่ไม่มากพอที่จะไปก็เลยขอข้ามไปก่อนละกัน
วิวสวยแม่น้ำยม การเดินทางจากที่ทำการอุทยานไปที่หล่มด้ง จะต้องข้ามสะพานแม่น้ำยม ระยะทางจนถึงทางแยกขึ้นหล่มด้งประมาณ 4 กิโลเมตร ช่วงเวลาเย็นๆ วิวจากบนสะพานที่มองเห็นแม่น้ำที่ขุนเขากว้างไกลเป็นวิวที่สวยมากทีเดียว ถนนในอุทยานมีรถผ่านไปผ่านมา แต่ไม่มากนักพอที่จะจอดเก็บภาพกลางสะพานได้
เส้นทางสู่หล่มด้ง ขับมากำลังเพลินๆ จากสะพานข้ามแม่น้ำยม ไม่กี่นาทีเห็นป้ายทางแยกชี้เข้าหล่มด้งให้เลี้ยวขวา จากสามแยกเข้าไปประมาณ 6 กิโลเมตร ก็เลี้ยวเข้ามาตามปกติ ไม่นึกว่าเส้นทางมันจะไม่ค่อยปกติ ถนนมี 2 เลน สวนกันได้ ดูจากเส้นสีเหลืองกลางถนน แต่ต้นไม้ใบหญ้า 2 ข้างทางมันรุกล้ำเข้ามาในถนนเยอะมากๆ เรียกว่าเหลือช่องว่างแค่พอรถวิ่งเข้าไปได้คันเดียว เสียงใบไม้รูดตามข้างรถเป็นระยะๆ เส้นทางขึ้นเขาไม่สูงมากนักแต่ก็มีทางโค้งใช่เล่นเลยทีเดียว ขับไปๆ ก็เหมือนเล่นเกม ทางแคบๆ พอดีรถแล้วต้องโค้งให้ทันด้วย จังหวะขึ้นเนินก็ชัน จังหวะรถลงเขาก็สนุก เรียกว่าต้องหมุนพวงมาลัยให้ทันก็พอ 6 กิโลเมตร ก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ มาถึงหน้าผาสีแดงๆ มีป้ายบอกว่าเป็นจุดชมวิวให้เดินขึ้นผาไป มีลานจอดรถอยู่ใกล้ๆ หน้าผา แต่พอดีว่าจะต้องขับเข้าไปที่หล่มด้งก่อนเพื่อบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราจะมาค้างแรมบนนี้ เพราะความจริงแล้วมันไม่ใช่ที่ที่นักท่องเที่ยวจะมาค้างมากเท่าไหร่ ปกติลานกางเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติแม่ยมอยู่ที่ริมแม่น้ำตรงแก่งเสือเต้น
ที่หล่มด้งมีบ้านพักเจ้าหน้าที่หลังเดียว ใหญ่พอสมควรเจ้าหน้าที่ประจำอยู่บนนี้ประมาณ 10 นาย เราจะเห็นแค่ 2 นาย ส่วนที่เหลือออกลาดตระเวนตามแนวป่า เป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตร เป็นกิจวัตรประจำวันของเจ้าหน้าที่อุทยาน ที่น่าชื่นชมมาก บริเวณที่เราจะกางเต็นท์ ผมเอาตรงหน้าบ้านเจ้าหน้าที่นี่แหละ มีห้องน้ำ 3 ห้อง มีลานคอนกรีตกว้างๆ เป็นลานจอดรถ แต่ปกติแล้วนักท่องเที่ยวน้อยมากนอกเหนือจากการทัศนศึกษาประจำปีของนักเรียน (ดูจากถนนตรงทางเข้าที่หญ้ามันบุกถนนเข้ามาจนเหลือแค่ช่องว่างให้รถวิ่งก็น่าจะเดาได้ว่า รถมาถนนสายนี้ไม่เคยได้สวนกันเลย)
คำว่าหล่มด้ง ก็หมายถึงแอ่งน้ำที่อยู่บนยอดเขา เชื่อว่าเกิดจากการยุบตัวของดิน แอ่งน้ำบนยอดเขาก็เลยกลายเป็นสิ่งประหลาดที่หาดูยากอีกอย่างหนึ่ง ในหล่มด้งจะมีไข่ผำ เป็นพืชชนิดหนึ่งมีลักษณะเป็นเม็ดกลมเล็กๆ สีเขียว หรืออาจจะเรียกกันว่าไข่แหน ไข่ผำมีแทบทุกภาคของประเทศไทย ทางภาคเหนือ เรียกว่า ผำ ทางภาคกลางเรียกว่า ไข่น้ำ ส่วนภาคอีสานเรียกไข่ผำ เป็นพืชที่ลอยอยู่บนผิวน้ำเป็นกลุ่มล้วนๆ หรือลอยปนกับแหน จากการศึกษาพบว่า ไข่ผำ เป็นพืชน้ำ คล้ายตะไคร้น้ำ แต่มีรูปร่างเป็นเม็ดกลมเล็กมาก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.1-0.2 มิลลิเมตร ลอยอยู่เป็นแพเขียว เกิดในธรรมชาติที่เป็นน้ำใส นิ่ง เช่นหนองน้ำและบึงเป็นต้น ไข่ผำจะพบมากในฤดูฝน สามารถนำมากินได้ มีวางขายในตลาดตามต่างจังหวัด
ความประหลาดของหล่มด้ง นอกจากการเป็นแอ่งที่ยุบตัวลงบนยอดเขาแล้ว น้ำในหล่มด้ง ก็ไม่เคยเปลี่ยนระดับเลย ไม่ว่าจะฤดูฝนหรือฤดูแล้ง หมายความว่า น้ำไม่เพิ่ม ไม่ลดลง คงระดับเท่าเดิมตลอดทั้งปี
จุดชมวิว หลังจากที่ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่บนบ้านพักแล้ว ว่าจะมาค้างแรมที่หล่มด้ง ตอนนี้ก็ได้เวลาในการไปรอชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ บนผา ขับรถย้อนกลับมาประมาณ 800 เมตร แล้วเข้าลานจอดรถ เดินขึ้นไปบนผาสีแดงอีก 200 เมตร ก็จะถึงศาลาสำหรับชมวิว เจ้าผาสีแดงๆ ที่อยู่ติดกับถนนนี้มันคือเหมืองแร่แบไรต์เก่า ที่เคยสัมปทานทำเหมืองก่อนที่จะจัดตั้งอุทยานแห่งชาติแม่ยม เมื่อมีการตั้งอุทยานขึ้นในปี พ.ศ. 2529 ตอนนี้มีสภาพเหมือนเป็นกรวดสีแดงอยู่ทั่วบริเวณ เวลาเดินก็ต้องระวังจะลื่นเพราะเศษกรวดเล็กๆ มันเยอะ
ดงสักใหญ่ เป็นสถานที่พักผ่อนชมดอกสักสีทองต้นสักจำนวนมหาศาลบนพื้นที่ 20,000 ไร่ ที่ปกคลุมพื้นที่กว้างอยู่เบื้องล่างที่เราจะมองเห็นได้จากจุดชมวิว พื้นที่ยุบเหมือนเป็นหุบลงไปตรงจุดชมวิวนี้ก็คือเส้นทางการลำเลียงแร่แบไรต์ในอดีต ปัจจุบันเป็นเขตห้ามเข้า เพราะกรวดเล็กๆ สีแดงที่เห็นในหุบจะลื่นมาก ถ้าเดินลงไปแล้วอาจจะเดินขึ้นลำบาก หรือถ้าโชคร้ายลื่นไถลลงหุบไปจะเป็นอันตราย บริเวณจุดชมวิวนี้จะมีจุดเล็กๆ ที่สามารถรับสัญญาณโทรศัพท์ได้ เรียกว่าเป็นจุดเดียวในบริเวณหล่มด้ง สัญญาณก็ขาดๆ หายๆ พอให้โทรได้นิดหน่อย ด้านที่เรามองเห็นป่าสักข้างล่างเป็นทิศตะวันออก สำหรับการมาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น เราก็ต้องมาที่นี่อีกในตอนเช้า แต่ตอนนี้ไปดูพระอาทิตย์ตกกันก่อน
เหมืองแร่แบไรต์ จากจุดชมวิวที่มีศาลาที่เรายืนอยู่ จะมองเห็นหุบตรงกลาง ที่ถูกขุดเจาะเอาแร่ไป แล้วอีกฝั่งหนึ่งก็จะมีเหลือเนินเดินสูงเหมือนกันกับด้านนี้ ตรงนั้นจะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกได้สวยกว่าด้านนี้เพราะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น
วิวพระอาทิตย์ตก เป็นภาพสวยๆ ที่เก็บได้ในวันแรกของการเดินทางมาที่อุทยานแห่งชาติแม่ยม น่าจะเป็นภาพพระอาทิตย์ตกเพียงไม่กี่ภาพที่ผมเอาถนนมาใช้เป็นองค์ประกอบในภาพ ส่วนโค้งของถนนที่จะไปหล่มด้ง ช่างประจวบเหมาะน่าที่จะมาถ่ายโฆษณารถยนต์ได้นะเนี่ย ผมเก็บภาพหลายภาพมีมุมมากมายเปลี่ยนเลนส์ 2-3 ตัวเก็บภาพให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ในช่วงเวลาไม่กี่นาทีที่พระอาทิตย์เคลื่อนลงเรื่อยๆ จนหายไปในยอดเขา ถ้าเทียบกับภาพพระอาทิตย์ตกที่มีถนนในภาพ ผมว่านี่คือภาพที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยถ่ายได้เลยทีเดียว หลังจากพระอาทิตย์มันลับหายไปแล้ว อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว นี่ก็เป็นลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของหน้าหนาว ตอนนี้ก็เริ่มจะหนาวแล้วครับก่อนที่จะมมืดผมก็ต้องลงจากผาเหมืองเก่าแห่งนี้เพื่อไปที่หล่มด้ง อาบน้ำแล้วเข้านอน
ศาลาชมวิว จุดชมวิวเหมืองแบไรต์ที่เก่าแต่เวลาใหม่ เมื่อวานหลังจากที่ขับรถกลับไปที่บ้านพักเจ้าหน้าที่ที่หล่มด้ง เข้านอน ตื่นแต่เช้าพอให้ทันพระอาทิตย์ขึ้นแล้วรีบกลับมาที่จุดชมวิว ระยะทางแค่ 800 เมตร สบายมาก แต่ปัญหาของผมมันอยู่ที่หมอก เช้าวันนี้เรียกว่าอากาศไม่เป็นใจครับ หมอกหนามากๆ เรียกว่าขาวโพลนไปหมดจะดีกว่า แต่ถึงยังไงเมื่อเราตั้งใจมาแล้วก็ต้องรอลุ้นว่าฟ้าจะเข้าข้างเราหรือเปล่า เมื่อหมอกสีขาวปกคลุมเหมืองแร่แบไรต์ ก็คงมองไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นไปด้วย ตอนนี้ก็ต้องเปลี่ยนแผนไปหามุมอื่นๆ ในการเก็ยภาพดีกว่า
ทะเลหมอก ก่อนที่ฟ้าจะสว่างเต็มที่ ผมเดินกลับมาที่เดิมของเมื่อวาน ตั้งกล้องมุมเดิมแล้วถ่ายรูปมาเปรียบเทียบวิวพระอาทิตย์ขึ้นกับวิวทะเลหมอกตอนเช้า สถานที่แห่งเดียวกัน แต่ต่างเวลากัน ได้ภาพต่างกันโดยสิ้นเชิงจริงๆ ตอนนี้ก็ 7 โมงกว่าแล้วยังไม่มีวี่แววว่าพระอาทิตย์จะส่องแสงลงมาถึงพื้นได้เลย
วิวพระอาทิตย์ขึ้น หลังจากที่เดินไปเดินมาอยู่ตั้งนาน ก็เริ่มเห็นพระอาทิตย์ส่องแสงจางๆ ผ่านม่านหมอกหนาๆ บนจุดชมวิวอีกฝั่งหนึ่งของเหมือง มีม้านั่งให้ตัวเดียว มองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ป้ายเขตอันตรายเพราะเป็นสุดขอบผา ถ้าเดินไปใกล้ๆ มากๆ เดี๋ยวพลาดลื่นลงไปที่ถนน คงจะเจ็บไม่น้อย ก็เลยเอาม้านั่งตัวนี้แหละมาเป็นองค์ประกอบภาพ ได้ภาพออกมารู้สึกเหมือนกับภาพวาดสีอ่อนๆ แม้ว่าจะไม่ถูกใจที่ไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์กลมๆ โตๆ ขึ้นมาตรงเหนือป่าสัก แต่แบบนี้ก็พอถูไถชดเชยกันไปได้ ระหว่างที่รอโชคชะตาเข้าข้างหวังว่าสายลมในเช้าวันนี้จะสงบลงบ้างเป็นช่วงๆ หมอกที่ลอยอยู่รอบๆ ตัวก็จะได้เคลื่อนลงที่ต่ำจะได้เห็นทะเลหมอกสวยๆ บ้าง ก็เดินไปเดินมามุมนั้นบางมุมนี้บ้างอยู่บนเหมือง ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนที่อดทนรอได้นานๆ ผมก็อยากจะกลับเต็มทีแล้วละเพราะลมพัดแรงสายหมอกก็ลอยมาปิดวิวหมด แต่ที่ยังรออยู่บนเหมืองเพราะคิดว่าหมอกลงจัดจะขับรถออกไปลำบาก เพราะทางมันแคบแล้วก็ลงเขา ทั้งชันทั้งโค้ง เดี๋ยวรอให้หมอกจางอีกหน่อยค่อยเดินทางจะปลอดภัยมากกว่า
เรียงหิน กิจกรรมยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ทีแรกคิดว่ามีแต่คนไทยที่ชอบเอาหินมาเรียงกันเป็นแนวตั้งสูงๆ พอเห็นข่าวชาวจีนมาเรียงหินที่อยุธยา ก็เลยเข้าใจว่ามีกันอยู่หลายประเทศที่มีความเชื่อเหมือนๆ เรา ก็ในเมื่อไม่เห็นทะเลหมอกก็ต้องหาวิธีในการเก็บภาพอย่างอื่นติดไม้ติดมือกลับบ้านละครับ แบบนี้ก็สวยดีเหมือนกันนะ การมาเรียงหินในเขตอุทยานแห่งชาติเป็นการผิดกฎการเที่ยวชมอุทยานฯ ซึ่งมีป้ายประกาศอยู่ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติหลายๆ แห่งที่มีหินมากๆ แต่ก็คงยังมีนักท่องเที่ยวฝ่าฝืนเรียงหินกันอยู่ประปราย แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือหินที่เราเก็บมาเรียงที่อุทยานแห่งชาติแม่ยม มันมีบางก้อนที่มีแร่แบไรต์อยู่เยอะ สังเกตุเห็นได้ง่ายเพราะมันสีต่างกับหินทั่วๆ ไป น้ำหนักก็ต่างกัน
ทะเลหมอก ในที่สุดการรอคอยของผมก็ประสบความสำเร็จ เวลาประมาณ 08.40 น. ลมสงบลงไปในช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 4 นาที ผมก็รีบถ่ายรูปมาให้มากๆ หลายๆ มุม ภาพที่เห็นนี้เป็นด้านทิศตะวันตกครับ ที่ต้องถ่ายรูปด้านทิศตะวันตกเพราะหมอกในด้านทิศตะวันออกยังคงลอยขึ้นสูงอยู่ตลอดเวลา ระหว่างด้านตะวันออก กับตะวันตกมันมีเขาที่เรายืนอยู่เป็นเส้นแบ่ง สายลมที่ทำให้หมอกด้านตะวันออกฟุ้งขึ้นมามันพัดมาไม่ถึงอีกด้าน เราก็เลยเห็นหมอกด้านตะวันตกเป็นสีขาวแน่นลอยตัวต่ำในหุบเขา น่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายรูปด้านตะวันออกให้เห็นหมอกสวยๆ แบบนี้ได้ ขอบอกเลยว่ามันต้องมาดูเองครับ จังหวะที่หมอกด้านตะวันออกถูกลมพัดมันจะลอยสูงขึ้นแล้วล้นข้ามเขาที่เรายืนไหลไปรวมกับหมอกด้านทิศตะวันตก เป็นแบบนี้อยู่เรื่อยๆ เราจะเห็นการไหลของสายหมอกจากด้านหลังไปด้านหน้าตลอดเวลา ให้ความรู้สึกประทับใจกว่ายืนดูหมอกนิ่งๆ ซะอีก แต่มันเก็บมาเป็นภาพนิ่งให้ชมกันไม่ได้เท่านั้นเอง
สายหมอกหลั่งไหล ช่วงที่เป็นหุบต่ำลงไปของเหมืองแร่ เรายืนอยู่บนขอบเหมืองที่สูงกว่าหลายสิบเมตร ลมด้านตะวันออกเหนือป่าสักยังคงพัดตลอดเวลา หมอกที่ลอยจากใบสักเพราะความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ส่องลงมามากขึ้นๆ ตามเวลาที่เปลี่ยนไป พอหมอกลอยสูงพ้นขอบเหมืองมันจะลอยทะลุช่องที่ต่ำที่สุดของเหมืองไปด้านทิศตะวันตกที่เราตูพระอาทิตย์ตกเมื่อวาน ไหลไปรวมกันเรื่อยๆ จนด้านตะวันตกเต็มไปด้วยหมอกสีขาวที่หนาขึ้นๆ มันสวยยากเกินบรรยายจริงๆ
ทะเลหมอกเหนือเหมือง มีช่วงเวลาสั้นๆ ที่ลมสงบ หมอกก็จะไม่ลอยขึ้นมาบนเหมือง ผมรีบเดินไปอีกด้านหนึ่งของเหมืองที่จะมองเห็นด้านทิศตะวันออกได้นิดหน่อย เห็นเพียงหมอกสีขาวหนาลอยอยู่จนไม่เห็นป่าต้นสักจำนวน 20,000 ไร่ข้างล่าง อยากจะถ่ายให้ได้มุมกว้างกว่านี้แต่ต้นไม้ปิดบังวิวจนหมด ก็เลยถ่ายศาลาชมวิวอีกด้านหนึ่งของเหมืองมาให้ชมกันแทน แต่ผมว่าก็สวยนะ
แมงมุมรักโลก เป็นภาพที่ผมชอบมากๆ ครับ ระหว่างเดินชมทะเลหมอกเดินไปเดินมาบนเหมืองเก่า เห็นไยแมงมุมอยู่หลายจุด แต่ละจุดก็มีแมงมุมสร้างไยแบบแปลกๆ หลายแบบ เล็กบ้างใหญ่บ้าง เป็นระเบียบบ้าง ยุ่งเหยิงบ้าง แต่เนื่องจากหมอกที่ลงจัดมากในเข้าวันนี้ ทำให้เกิดเป็นหยดน้ำใสๆ บนไยแมงมุม ผมคิดว่ามันเป็นผลดีต่อโลก เหมือนกับที่ใบไม้กับกิ่งไม้ทำให้หมอกกลั่นตัวเป็นน้ำหยดลงดิน แทนที่จะระเหยหายไปในอากาศ น้ำเหล่านี้จะกลับมาหล่อเลี้ยงชีวิตพวกเรา ผมมองเห็นคุณค่าของสัตว์เล็กๆ อย่างแมงมุมได้มากขึ้นก็วันนี้เอง แมงมุมจำนวนหลายล้านตัวในเมืองไทยได้สร้างไยกักเก็บน้ำจากอากาศมาให้เราใช้ แล้วเราที่เป็นคนตัวใหญ่ๆ ทำอะไรเพื่อโลกของเราหรือยังครับ ขอแค่หยุดทิ้งขยะและน้ำเสียลงแม่น้ำก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปีคนถึงจะทำได้
จบการนำเที่ยวอุทยานแห่งชาติแม่ยมไว้เท่านี้ละกันครับ มีเวลาลองผ่านไปเที่ยวกันดู สถานที่เที่ยวแห่งนี้น่าจะเหมาะกับผู้ที่ชอบท่องเที่ยวธรรมชาติแบบเบาๆ เป็นการพักผ่อน ไม่ต้องการลุยทรหดอย่างการเดินป่า อะไรทำนองนี้ ระหว่างที่อากาศเย็นๆ ของฤดูหนาวยังคงอยู่ ลองไปดูสักครั้งจะประทับใจไปอีกนาน เมื่อวันที่ลมสงบ ทะเลหมอกจะสวยกว่าที่ผมถ่ายได้อีกหลายเท่า รับรองได้ เจ้าหน้าที่บอกว่าตลอดฤดูหนาว มีหมอกให้ชมทุกวันครับ จะมากจะน้อยจะมีลมมากวนหรือเปล่าเท่านั้นเอง อย่าลืมไปเที่ยวในอำเภอลองนะครับ วัดพระธาตุพระลอ กับอุทยานลิลิตพระลอ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเรามาไม่ถึงลอง
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ