ข้อมูลเพิ่มเติม:ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 5448 1704, 0 5441 1428
http://www.tourismthailand.org/chiangrai
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ป้ายทางเข้าอุทยานแห่งชาติดอยภูนาง เดินทางจากตัวเมืองพะเยามาตามเส้นทางหมายเลข 1021 เลี้ยวขวาบริเวณอำเภอดอกคำใต้ไปตามเส้นทางหมายเลข 1251 ผ่านบ้านถ้ำ บ้านปิน บ้านหนองหล่ม ระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตรจะมาถึงปากทางแยกเข้าอุทยานแห่งชาติดอยภูนางที่ป้ายนี้เลี้ยวเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถึงลานจอดรถหน้าที่ทำการอุทยานฯ อุทยานแห่งชาติดอยภูนางมีบรรยากาศร่มรื่นเหมาะกับการพักแรม แต่ร้านสวัสดิการของอุทยานฯ ปิดประมาณ 4-5 โมงเย็น นักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างแรมที่นี่ควรเตรียมอาหารมาให้พอกับการทาน 2 มื้อ คือ มื้อเย็นและมื้อเช้า อุทยานฯ มีบ้านพัก 2 หลัง หรือเลือกกางเต็นท์ได้ 2 ที่ คือลานหน้าร้านสวัสดิการ กับลานหน้าที่ทำการอุทยานฯ ซึ่งลานที่ 2 นี้จะใกล้ห้องน้ำกว่า
น้ำตกธารสวรรค์ น้ำตกธารสวรรค์ เป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อของอุทยานแห่งชาติดอยภูนาง แต่ก็ต้องมาในช่วงที่มีน้ำมากได้แก่ปลายฝนต้นหนาว ในเดือนพฤษภาคมที่ทีมงานได้เดินทางไปเก็บภาพมานี้หลังงานเวียนเทียนกลางน้ำที่กว๊านพะเยาวันวิสาขบูชา ก็พอมีน้ำบ้าง เห็นนักท่องเที่ยวหลายคนเดินทางมาเล่นน้ำถ่ายรูปกันแล้วก็กลับ มีเพียงเรากลุ่มเดียวเท่านั้นที่ค้างคืนที่นี่ แต่หากเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวนักท่องเที่ยวที่ค้างแรมที่นี่จะมีมาก เพราะมีทะเลหมอกยาวเช้ากับวิวพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ
น้ำตกธารสวรรค์ อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง
เน้นความฟุ้งของน้ำตก ลองเปลี่ยนมาถ่ายภาพเพียงบางส่วนของน้ำตกให้เห็นเฉพาะปลายน้ำที่กำลังกระทบผิวน้ำในแอ่งก็สวยไปอีกแบบ
ทางเดินศึกษาธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติดอยภูนางมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ มีสะพานไม้ที่ดูกลมกลืนกับธรรมชาติข้ามลำธารที่ไหลมาจากน้ำตก
ทางเดินกลับจากน้ำตกธารสวรรค์ เส้นทางเดินจากที่ทำการอุทยานไปน้ำตกธารสวรรค์เพียงไม่กี่ร้อยเมตร จะมีช่วงนี้ที่วางแผ่นคอนกรีตเป็นเหมือนขั้นบันไดที่ออกจะชันเล็กน้อย เดินกันพอขาตึงๆ หน่อยเรียกว่าไม่ลำบากมาก
จุดชมวิวดอยภูนาง เป็นจุดชมวิวที่ทางอุทยานฯ เปิดช่องให้มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ปกติพระอาทิตย์ขึ้นจะไม่ตรงกับช่องที่เปิดไว้แต่จะเยื้องไปทางซ้ายมือจนมองไม่เห็นเพราะโดนบังด้วยต้นไม้ใหญ่ เฉพาะในฤดูหนาวที่ตะวันอ้อมข้าว หรือพระอาทิตย์และตกเป็นวงรี จะขึ้นตรงกับช่องที่เปิดไว้นี้พอดีสำหรับผู้ที่เตรียมตัวไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นต้องใช้เลนส์เทเลช่วงยาวหน่อยเจาะทะลุช่องที่เปิดไว้ให้เห็นเพียงเทือกเขาสลับซับซ้อนกับทะเลหมอกเท่านั้น
หมุดหลักฐานแผนที่ เป็นหมุดที่ใช้สำหรับรังวัดแผนที่และตรวจสอบพิกัดทางราชการ ด้านหน้าเขียนกำกับไว้ว่า ห้ามเคลื่อนย้าย ทำลาย หรือทำให้เสียหาย ด้านบนเขียนว่าหมุดดาวเทียม นับเป็นครั้งแรกของเราที่กางเต็นท์นอนที่หมุดดาวเทียม ด้านขวาของภาพนี้เป็นทางเดินไปห้องน้ำ ด้านหลังที่เรากางเต็นท์กันอยู่เป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและที่ทำการอุทยานฯ
นกยูง นกประจำอุทยานแห่งชาติดอยภูนาง หากใครๆ ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ท่องเที่ยวธรรมชาติไปตามอุทยานแห่งชาติต่างๆ มักจะพบป้ายข้อมูลความรู้ติดไว้ในแต่ละที่ ซึ่งหนึ่งในข้อมูลเหล่านั้นจะบ่งบอกถึงนกประจำอุทยานแห่งชาตินั้นๆ ซึ่งโดยทั่วไปก็จะเป็นนกป่าหลากหลายชนิดเท่าที่พบเห็นได้เป็นประจำในแต่ละแห่ง แต่ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูนางใช้นกยูงเป็นนกประจำอุทยานฯ เพราะนกยูงเป็นนกที่สามารถพบเห็นได้แทบจะทุกวัน
นกยูงตัวเมีย ในเดือนพฤษภาคม นกยูงจะฟักออกจากไข่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่นกยูงซึ่งไม่มีหางยาวๆ ไว้รำแพน ก็จะเฝ้าเลี้ยงดูลูกนกยูงให้เติบโต เท่าที่พบเห็นได้บ่อยๆ จะเห็นแม่นกยูงตัวหนึ่งมีลูกประมาณ 3 ตัว ก่อนเดือนพฤษภาคม ที่นกยูงยังไม่ผสมพันธุ์ตัวผู้จะมีหางยาวไว้รำแพนอวดตัวเมีย
รวมภาพนกยูง สองภาพบนเป็นตัวเมียที่พาลูกออกหากินไปเรื่อยๆ แม้ในที่ทำการอุทยานฯ ก็ไม่เว้น ด้วยการที่มาหากินใกล้ๆ กับคนนกยูงที่นี่จึงไม่กลัวคนมากนัก แต่ก็ไม่ค่อยจะหยุดเดิน การตามถ่ายภาพนกยูงจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนสองภาพล่างเป็นตัวผู้ที่ผลัดขนหางทิ้งไปแล้วหลังฤดูผสมพันธุ์ เหลือเพียงสั้นๆ เท่านั้น
ร้านค้าในหมู่บ้าน การมาท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยภูนางหากว่าเราไม่ได้เตรียมเสบียงมา และร้านค้าสวัสดิการได้ปิดไปแล้วก็ต้องขับรถเข้ามาในหมู่บ้าน ซึ่งห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2 กิโลเมตร หมู่บ้านแห่งนี้มีร้านของชำเพียงไม่กี่ร้าน แต่ร้านอาหารแทบจะหาไม่ได้เลย มีร้านก๋วยเตี๋ยวเปิดอยู่ 1 ร้าน เจ้าของร้านชื่อพี่เพชร เป็นแม่ค้าที่มีอัธยาศัยดีมาก ซุบก๋วยเตี๋ยวอร่อยมาก ปริมาณให้มามากจนกินกันไม่หมด แล้วยังมีของฝากจำพวกของป่า เห็ด ให้เราติดไม้ติดมือกลับอีกต่างหาก
สภาพทั่วไปในหมู่บ้าน ชาวบ้านละแวกนี้กินอยู่อย่างเรียบง่ายมีอัธยาศัยไม่ตรีดีมาก ถนนสายเล็กๆ ในหมู่บ้านเห็นเพียงจักรยาน มอเตอร์ไซค์ และรถทางการเกษตร ผ่านไปมา สัญญาณมือถือไม่ต้องหาให้เมื่อยหรอกหครับไม่มีแม้แต่ระบบเดียว (เราเอาไป 3 ระบบ เดี้ยงหมดครับ) เช้านี้ก่อนกลับเรามาลาพี่เพชรผู้ใจดี ก็เลยถูกเชิญร่วมทานอาหารเช้าด้วยกัน
ภาพขวาบนเป็นแกงทางเหนือเพียงแต่เนื้อที่เอามาทำแกงคือเนื้อแลน เป็นอาหารระดับสุดยอดของที่นี่ ราคาแลนซื้อขายกันที่ กิโลกรัมละ 320 บาท จึงถือกันว่าผู้ใดมีแกงแลนกินเป็นผู้มีฐานะค่อนข้างดีของที่นี่ คนที่รวยหน่อยจะกินแลนตัวใหญ่ หนักกว่า 3 กิโลกรัม คิดเป็นเงินก็หม้อละ พันกว่าบาท เห็นพี่เพชรเจ้าของร้านร้องเรียกเพื่อนบ้านที่ผ่านไปมาให้มาร่วมวงกินแกงแลนกันเกือบ 10 ครั้ง ชาวบ้านที่นี่หากมีของดีจะแบ่งปันกันเสมอ เป็นคำบอกเล่าของพี่เพชร
ส่วนภาพล่างเป็นแจ่ว อันแสนอร่อย ทั้งๆ ที่เป็นแจ่วเหนือธรรมดาแต่รสชาดอร่อยมากวันนั้นเลยเป็นวันที่เรากินข้าวเหนียวจิ้มแจ่วได้มากที่สุดวันหนึ่ง เครื่องเคียงประกอบด้วยหน่อไม้ป่าแคปหมู (เหมือนน้ำพริกหนุ่ม) และเราก็ขอเกาเหลาพี่เพชร (เพราะไม่มีใครกล้าลองแกงแลน) พี่เค้าก็จัดมาให้ชามโตจน 4 คน กินได้ไม่ถึงครึ่งชามเอง แล้วก็ลากันกลับ
อีกภาพเป็นสระบัวในหมู่บ้านซึ่งกำลังจะออกดอกบานในเดือนมิถุนายน เห็นปริมาณใบบัวแล้วคาดว่าถ้าออกดอกมาพร้อมกันคงจะเป็นสระบัวที่สวยงามมากสระหนึ่ง บัวเหล่านี้เกิดและอยู่กันตามธรรมชาติไม่ได้ปลูกขึ้นมา หากว่าได้เดินทางผ่านพะเยาและเส้นทางสายนี้ลองแวะไปชมกันครับ งานนี้ทัวร์ออนคอนเฟิร์มว่าควรไปอย่างยิ่ง...
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ