หล่มภูเขียว

บางคนให้ฉายาสถานที่แห่งนี้ว่า จิ่วไจ่โกวเมืองไทย ด้วยความที่เป็นแหล่งน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติบนเขา หล่มภูเขียวเกิดจากการยุบตัวของดินบนยอดเขา เป็นหลุมขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยผาหินเป็นวงกลม หลายคนก็คิดว่าตรงนี้เคยเป็นปล่องภูเขาไฟมาก่อน แต่สภาพของหินรอบๆ หล่มภูเขียวไม่บ่งบอกว่าเป็นหินลาวา ทฤษฎีที่ว่าดินยุบตัวลงไปตามธารน้ำใต้ดิน หรือถ้ำด้านล่างจึงน่าเชื่อมากกว่า หล่มภูเขียวตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 32 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางลำปาง - งาว ขึ้นไป 19 กิโลเมตรมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีก 13 กิโลเมตร ช่วง 4 กิโลเมตรสุดท้ายเป็นทางดิน แต่เดิมมีเพียงรถแทรกเตอร์ของชาวไร่ชาวสวนเท่านั้นที่สัญจรไปมา หลังจากมีการปรับปรุงพื้นที่เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของลำปาง เมืองต้องห้าม...พลาด ก็มีการปรับสภาพผิวถนนดินให้เรียบจนรถเข้าถึงได้สะดวกมากขึ้น ยกเว้นรถตู้ที่จะไปติดตรงลำห้วย 200 เมตรสุดท้ายก่อนถึงหล่มภูเขียว

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ได้เล่าให้ฟังว่า หล่มภูเขียวนี้ถูกค้นพบนานแล้ว มีคนเคยวัดความลึกด้วยการใช้เชือกพบว่าลึกประมาณ 43 เมตร น้ำที่ขังอยู่ในภูเขาหินจึงมีความใสจนมองเห็นเป็นสีฟ้าอมเขียว เป็นธรรมชาติที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของไทย เนื่องจากมีความลึกมากและชาวบ้านเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ จึงห้ามไม่ให้ลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด

ข้อมูลเพิ่มเติม:อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ติดต่อได้ที่ โทร. 0 5422 0364 , 08 3203 7330
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลำปาง 054 222 214 - 5

แก้ไขล่าสุด 2017-01-26 17:57:56 ผู้ชม 27332

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท อยู่ห่างจากตัวเมืองลำปางไปทางเหนือ (ขึ้นพะเยา) ประมาณ 65 กิโลเมตร บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 665-666 จะเห็นป้ายอุทยานฯ ถ้ำผาไท ต่อจากนั้นเลี้ยวเข้าปากทาง 300 เมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ ที่นี่เป็นที่ตั้งของ ถ้ำผาไท ที่เราเคยมาแล้วในทริปก่อนหน้านี้ เป็นถ้ำที่สวยและมีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ของเราด้วย

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่เราเดินทางจากเมืองลำปางมาที่ที่ทำการอุทยานถ้ำผาไทก็เพื่อที่จะมาติดต่อเจ้าหน้าที่ที่่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อขอข้อมูลการเดินทางไปยังหล่มภูเขียว สถานที่ที่เป็นจุดหมายปลายทางของเราในทริปนี้ และสำรวจแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เพิ่มเติมหลังจากที่เคยมาถ่ายถ้ำผาไทแล้วครั้งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ที่นี่ใจดีอาสาเป็นไกด์นำทางพาไปจนถึงที่หมายและแนะนำที่เที่ยวอื่นๆ เพิ่มให้เราด้วย

เส้นทางไปหล่มภูเขียว จากที่ทำการอุทยานฯ เดินหน้าต่อด้วยเส้นทางสายลำปาง - พะเยา ขึ้นเหนืออีก 19 กิโลเมตร จากนั้นคอยสังเกตุซ้ายมือจะมีป้ายลักษณะแบบในภาพล่างซ้ายมีรูปที่เที่ยวต่างๆ ของอช.ถ้ำผาไท พร้อมแผนที่คร่าวๆ แบบนี้ก็ให้เลี้ยวซ้ายได้เลย ถนนทางเข้าหมู่บ้านตำบลบ้านอ้อนเป็นทางราดยางบ้างคอนกรีตบ้างเข้าไป 10 กิโลเมตร สุดทางราดยางก็จะเป็นถนนดิน ผ่านเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน แต่ก่อนมีแต่รถไถดัดแปลงวิ่งเข้าออก แต่ตอนนี้ปรับหน้าดินให้เรียบรถตู้ก็วิ่งเข้าได้สบาย แต่ไม่แนะนำเพราะสุดท้ายรถตู้จะผ่านลำห้วยไม่ได้ต้องเดินต่ออีก 200 เมตร

เดินเท้าเข้าหล่มภูเขียว หลังจากที่พยายามลองเอารถตู้วิ่งข้ามลำห้วยที่แห้งสนิทแล้วเพราะเป็นหน้าแล้ง แต่ดูท่าท้องรถจะติด พวกเราก็เลยลงจากรถที่ตรงนี้ แล้วเดินไปที่หล่มภูเขียวอีก 200 เมตรโดยประมาณ ระยะแค่นี้สบายมาก

ในที่สุดเราก็มาถึงหล่มภูเขียว มีรถเข้าออกตลอดเวลา เพราะตอนนี้นักท่องเที่ยวรู้จักที่นี่กันมากอย่างรวดเร็วเพราะความสวยงามอันมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครแอ่งน้ำวงกลมที่มีสีน้ำฟ้าอมเขียว ใสแจ๋ว รถเก๋ง รถกระบะ รถมอเตอร์ไซค์ ก็มากันเยอะเพราะเป็นวันอาทิตย์ส่วนใหญ่กว่าจะมาถึงที่นี่ก็ประมาณ 10 โมง เพราะค่อนข้างไกลจากที่พักในตัวเมืองแต่ถ้านอนที่อุทยานฯ ก็ใช้เวลาน้อยหน่อย

ร้านค้ารอบหล่มภูเขียว ที่นี่คนมาเที่ยวกันเยอะ พ่อค้าแม่ค้าก็มาตั้งร้านกันมากมายขายอาหารเครื่องดื่มไปจนถึงธูปเทียนดอกไม้สำหรับไหว้ศาลเจ้าพ่อหล่มภูเขียว อาหารที่นี่เน้นง่ายๆ ลูกชิ้น ไก่ย่าง ไก่ทอด ส้มตำ อาหารตามสั่งบางอย่างก็พอมีให้เลือก แต่ส้มตำของชาวเหนือ ตำได้อร่อยเด็ดโดยเฉพาะตำปลาร้า ใช้ปลาร้าต้มสุก กินได้อย่างสบายใจ

ทางขึ้นหล่มภูเขียว จากลานจอดรถ ต้องเดินเท้าขึ้นเนินเขาสั้นๆ ระยะทาง 150 เมตร ก็จะถึงแอ่งน้ำใสของเราแล้ว ช่วงแรกจะเป็นทางขึ้น แล้วจากนั้นก็เดินลงอย่างเดียวยาวๆ เลย

พอมาถึงตรงนี้มองลงไปก็จะเห็นแอ่งน้ำกลมๆ ใสๆ สีฟ้าอมเขียว น้ำที่นี่นิ่งสนิทจนมองเห็นภาพสะท้อนของผาหินที่สูงล้อมรอบแอ่งน้ำเอาไว้ เหมือนปล่องภูเขาไฟจริงๆ เพื่อความสะดวก อุทยานสร้างบันไดไว้ให้ ตอนกลับขึ้นมาถ้าเหนื่อยก็มีที่นั่งพักให้เยอะเลย ก่อนจะลงไปก็ควรจะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหล่มภูเขียวกันก่อน ตำนานสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หล่มภูเขียว เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติตั้งอยู่พื้นที่หมู่ 6 ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว จังหวัดลำปาง ห่างจากที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านอ้อนมาทางตะวันตก ระยะทาง 6 กิโลเมตร ลักษณะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่มีความลึกมากจนเป็นสีเขียว ความลึกยังไม่สามารถระบุได้ สันนิษฐานว่าเกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกในสมัยดึกดำบรรพ์ ต่อมาชาวบ้านได้เดินป่าเข้ามาค้นพบแหล่งน้ำสีเขียวมรกตอยู่ภายใต้หุบเขาดังกล่าวจึงเรียกชื่อว่า "หล่มภูเขียว" และมีหุบเขาอีกแห่งหนึ่งอยู่ตรงข้ามกันแต่ไม่มีน้ำ จึงเรียกว่า "หล่มแล้ง" ชาวบ้านเชื่อว่าหล่มภูเขียวเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีพญางูใหญ่อาศัยอยู่ จึงได้ทำพิธีบูชาน้ำเป็นประจำทุกปี มีเรื่องเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ว่า สมัยก่อนชาวบ้านจะนำขันข้าวพร้อมดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา โดยนำไปวางบนขอนไม้และลอยไปกลางน้ำ เพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้เกิดปรากฏการณ์ขอนไม้จมลงไปใต้น้ำ แล้วลอยขึ้นมาโดยที่เทียนยังไม่ดับ จึงสร้างความเชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น ชาวบ้านจึงนำน้ำจากหล่มภูเขียวมาดื่มกินอธิษฐานให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ และนำไปใช้ในพิธีศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านตามความเชื่อสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน หากมาเที่ยวชมความสวยงามของธรรมชาติ ต้องให้ความเคารพต่อสถานที่ ไม่ทิ้งขยะ ไม่นำปลามาปล่อย ไม่แช่เท้า ไม่ให้อาหารปลา เนื่องจากน้ำในแอ่งเป็นน้ำขังไม่ไหลเวียนจะเกิดเน่าเสียได้

ในช่วงเวลาเช้า แดดจะส่องไปที่ผาหินฝั่งตรงข้ามที่เรายืนอยู่ ผิวน้ำที่ไม่โดนแดดแม้ว่าจะมองด้วยตาเปล่าแล้วสวยใส แต่เมื่อถ่ายด้วยกล้องจะเป็นสีดำมืด เวลาที่จะถ่ายรูปหล่มภูเขียวได้สวยควรเป็นช่วง 11 โมง ในบริเวณนี้เป็นผาสูงล้อมรอบ ถ้าจะเอาเครื่องบินสำหรับถ่ายรูปมาบินจะไม่มีสัญญาณ GPS ทำให้บินไม่ได้ เคยมีคนเอามาบินแล้วเสียการควบคุมตกน้ำไปในที่สุด

ภาพมหัศจรรย์หล่มภูเขียว หน้าผาด้านตรงข้ามกับที่เรายืนมีบริเวณใกล้ๆ ผิวน้ำ มีเงาสะท้อนลงน้ำในตอนเช้าปรากฏเป็นภาพที่สวยงาม เจ้าหน้าที่บอกให้ลองเอาภาพนี้มาวางในแนวตั้ง จะเห็นเป็นภาพต่างๆ ได้หลายภาพ อย่างภาพซ้าย เหมือนหน้าตัวตลก ภาพขวาก็มีคนเห็นเป็นหน้าสุนัข ถ้ามองในส่วนเล็กๆ ข้างล่างของภาพซ้าย เหมือนเหยี่ยวตัวใหญ่กางปีกยืนอยู่บนพญาครุฑ แล้วแต่จะจินตนาการกันไป

ปลาในหล่มภูเขียว เป็นปลาที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติแต่ไม่มีใครรู้ว่ามาอยู่กันได้ยังไง มีชาวบ้านเล่าว่าเคยมีคนเอาเบ็ดมาตกปลา เกิดเหตุอัศจรรย์ฝนตั้งเค้าเมฆดำทะมึนสายฝนเทลงมาอย่างหนัก จนคนตกปลากลับออกจากหล่มภูเขียวไม่ได้ สุดท้ายก็ปล่อยปลานั้นลงน้ำ แล้วก็กลับออกมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ปลาในนี้หลายตัวมองไม่ออกว่าคือปลาอะไร ที่เห็นแล้วจำได้ก็คือปลาดุกขนาดตัวใหญ่มากๆ ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ไม่ให้คนเอาอาหารมาให้ปลา หรือแม้แต่จะเอาขาจุ่มน้ำก็จะมีคนคอยเตือนอยู่ตลอด ชาวบ้านเคารพแอ่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มาก

ต้นตะเคียนร้อยปี ฝั่งที่เรายืนอยู่ จะมีต้นตะเคียนสูงตระหง่านอยู่ 1 ต้น เชื่อกันว่าอายุมากเป็นร้อยปี เพิ่มความขลังให้กับสถานที่แห่งนี้

ถึงเวลา 11 โมง แดดจะส่องลงมาโดนผิวน้ำมากขึ้นน้ำก็จะยิ่งดูใสเห็นปลาได้ชัดขึ้น คนมาเที่ยวก็ทยอยเดินเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ พอน้ำโดนแดดสักพักก็คงจะร้อนใบไม้ที่รวมกันอยู่ในมุมซ้ายของแอ่งน้ำก็ค่อยๆ ขยายตัวออกมากลางน้ำแม้ว่า ผิวน้ำยังดูเหมือนนิ่งสนิทอยู่ก็ตาม เป็นกลไกของธรรมชาติ แล้วถ้ามาหลังจากนั้นฝุ่นและใบไม้ขาวๆ ก็คงแผ่ไปทั่วผิวน้ำไม่สวยเท่าตอน 11 โมง

ถ่ายรูปกันจนสมควรแก่เวลาแล้ว เราก็คงต้องอำลาหล่มภูเขียวเอาไว้เท่านี้ แต่อยากบอกทุกคนเลยว่า ที่นี่มันสวยมากไม่ว่าจะพยายามถ่ายยังไงก็ไม่สวยเหมือนที่เรามองเห็นด้วยตาเลยจริงๆ สมแล้วที่เป็น เมืองต้องห้่าม...พลาด ลำปาง เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา มีของสวยๆ งามๆ ที่ไม่เคยเห็นให้เราได้ชมอยู่เรื่อยๆ ทีมสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในทริปนี้ขอเรียกหล่มภูเขียว เป็น Unseen Lampang

ขอขอบคุณภารกิจ ท้าเที่ยวข้ามภาค กรุงเทพฯ - ลำปาง โดย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานกรุงเทพฯ และ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานลำปาง มา ณ โอกาสนี้ ครับ

รีวิว หล่มภูเขียว ลำปาง

"กลับมาเยือนที่เดิมอีกครั้งหลังจากผ่านไปเกือบสองปีคราวนี้โชคดีเจอน้ำสีฟ้าครามสวยมากกว่าคราวที่แล้วสีจองน้ำในหล่มภูเขียวจะเปลี่ยนไปตามแสงช่วงเย็นน่าจะสีสวยกว่าช่วงเที่ยง"

Akkasid Tom Wisesklin
2017-01-26 17:38:45

หล่มภูเขียว ลำปาง