ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานจังหวัดกระบี่ โทร. 0 7562 2163
http://www.tourismthailand.org/krabi
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
บันไดขึ้นพระอุโบสถวัดแก้วโกรวาราม เริ่มการเดินทางเข้าวัดแก้วโกรวารามแห่งนี้ด้วยการเดินกันนี่แหละครับ เพื่อให้เข้าใจกันง่ายขึ้นภาพที่เห็นนี้ถ่ายจากถนนมหาราช ผมจอดรถไว้ในตลาดแล้วเดินข้ามถนนมาครับ การเดินทางมาที่กระบี่ผมมาหลายครั้งหลายปีแต่ละครั้งก็ห่างกันหลายเดือนครับ เมื่อก่อนจะไม่มีบันไดสีขาวนี้ทอดยาวไปสู่พระอุโบสถวัดแก้วโกรวารามอย่างที่เห็น เคยเห็นว่ามีการก่อสร้างพระอุโบสถสีขาวหลังใหญ่ทุกๆ ครั้งที่ผมขับรถไปตามถนนมหาราชพอสุดทางแล้วผมจะเลี้ยวขวาเป็นทางขึ้นเนินที่ไม่ชันมากเป็นทางโค้ง จะเห็นโบสถ์สีขาวสวยงามมากอยู่ขวามือแต่ตอนนี้ยังสร้างไม่เสร็จเลยไม่ได้แวะเข้าไปชม ถัดจากอุโบสถไปจะเห็นพิพิธภัณฑ์วัดแก้วโกรวาราม อยู่ซ้ายมือคู่กับอุโบสถเก่า กลับมาที่บันไดแห่งนี้กันต่อบันไดนี้เองก็เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นานและยังกำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงตกแต่งบริเวณรอบๆ อีกหลายอย่าง แต่เท่าที่ได้เห็นในวันนี้ก็นับว่าสวยงามมากแล้วครับ
ทางเดินบนบันไดช่วงที่ 2 เห็นจากริมถนนมหาราชมองดูเหมือนไม่ไกลแต่พอมาเดินจริงๆ ก็ไกลเหมือนกันนะครับเนี่ย ตรงนี้เป็นช่วงที่ 2 ของบันไดเป็นลานเรียบๆ ก่อนที่จะขึ้นบันไดช่วงสุดท้ายที่เริ่มจะเพิ่มระดับความชันตามสภาพภูมิประเทศภาพที่เห็นในตอนนี้เป็นภาพที่สวยงามมากครับ หากว่าการปรับปรุงบริเวณรอบๆ หลังงานก่อสร้างเสร็จสิ้นลงคงจะสวยกว่านี้มากแน่นอน เสาโคมไฟรอบทางเดินก็สวยลงตัวกับแบบของอุโบสถ
บันไดนาค ช่วงสุดท้ายของการเดินขึ้นบันไดไปอุโบสถมีบันไดนาคที่แตกต่างจากที่เคยเห็นมาคือบันไดนาคไม่ได้สร้างให้นาคยาวตลอดบันไดทั้งหมด แต่แบ่งออกเป็นช่วงๆ 3 ช่วงด้วยกันครับ
ลวดลายพญานาค ด้วยความสวยงามของบันไดนาคทั้ง 2 ข้างของบันไดเลยเก็บภาพส่วนหัวมาให้ชมกันให้เห็นรายละเอียดของการสร้างงานบันไดนาคที่ละเอียดอ่อน
พระอุโบสถและศาลาราย ทั้งหมดสร้างบนลานทักษินมีบริเวณรอบกว้างขวางไม่มีกำแพงแก้ว ทางเดินขึ้นลงทั้งด้านหน้าและดานข้างสร้างประตูเปิดปิดได้ ศาลารายแต่ละหลังสร้างสีขาวทั้งหลังอย่างกลมกลืนกันกับพระอุโบสถที่อยู่ตรงกลางหากได้เดินทางมาช่วงเช้าแสงพอเหมาะและท้องฟ้าเปิดจะได้ภาพสวยสดใสตั้งแต่ภายนอกวันนี้ก็นับว่าเป็นวันที่ท้องฟ้าเข้าข้างเลยถ่ายภาพพระอุโบสถใหม่แห่งนี้มาหลายๆ มุม
วัดแก้วโกรวาราม อุโบสถทางด้านหน้า มีเสมาอยู่บนฐานสีขาวเฉพาะใบเสมาทาด้วยสีทอง จุดเด่นของอุโบสถอยู่ที่เสา เสาทุกต้นของอุโบสถและเสานางแนบด้านข้างทั้ง 2 ข้างที่ดูใหญ่กว่าปกติเมื่อเทียบกับขนาดของอุโบสถจนแปลกตา
พระประธานในอุโบสถวัดแก้วโกรวาราม
จิตรกรรมฝาผนังวัดแก้วโกรวาราม ฝาผนังด้านในอุโบสถวัดแก้วโกรวารามมีภาพจิตรกรรมฝาผนังรอบด้าน ประกอบไปด้วยภาพสำคัญ ๆ ดังนี้ พระแม่ธรณีบีบมวยผม, พระศาสดาประสูติ, พระโพธิสัตว์ประทับเสวยรมย์ อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต ก่อนเสด็จลงมาเป็นพระพุทธเจ้า
อุโบสถวัดแก้วโกรวาราม ภาพมุมกว้างด้านในพระอุโบสถ จิตรกรรมฝาผนังเหนือจากกรอบหน้าต่างขึ้นไปเป็นเทพพนมหันหน้าไปทางพระพุทธรูป เบื้องขวาของพระพุทธรูปมีอาสนสำหรับสงฆ์ ภายในกว้างขวาง
เซี่ยวกาง เป็นทวารบาลที่นิยมใช้บนบานประตูพระอุโบสถหลายๆ แห่ง สำหรับที่วัดแก้วโกรวารามมีช่องประตูอุโบสถด้านหน้า 1 ช่อง หลัง 2 ช่อง บานด้านหน้าเป็นรูปเซี่ยวกาง ด้านหลังเป็นลายไทย ทั้งหมดบุด้วยแผ่นท่องไม่ใช่การเขียนหรือวาด แผ่นทองที่ใช้เป็นแผ่นทองหนา 5 มิลลิเมตร
ขยับออกมาหามุมเฉียงเล็กน้อยเพื่อให้เห็นด้านข้างเพิ่มอีกหน่อย เพราะวันนี้ท้องฟ้าสดใสสวยงามทำให้ถ่ายภาพเพลินๆ ได้หลายมุมครับ
บันไดด้านหน้า เมื่อเก็บภาพบริเวณรอบๆ ลานทักษินของพระอุโบสถแล้วตอนนี้ก็จะเดินชมรอบๆ กันบ้างครับ ต้องลงมาจากลานทักษินซึ่งมีบันไดทั้งด้านหน้าและด้านข้างแต่ผมเลือกเดินลงทางด้านหน้าเหมือนเดิมแล้วจากนั้นเดินเวียนขวาไปรอบๆ อุโบสถ
บริเวณรอบนอกพระอุโบสถ ต้องเดินออกมาไกลหน่อยเพื่อที่จะเก็บภาพบริเวณทั้งหมดของพระอุโบสถขนาดใหญ่หลังนี้รวมทั้งศาลารายด้วยครับ ศาลารายมี 4 หลัง ประจำอยู่ทั้ง 4 มุมรอบลานทักษินเป็นลักษณะทรงไทยประยุกต์ประดับลวดลายปูนปั้นสวยงามมาก
ด้านข้างพระอุโบสถ เดินมาทางด้านข้างจึงจะเห็นว่ามีบันไดทางลงไปใต้พระอุโบสถ จากข้อมูลของ http://www.stou.ac.th/study/sumrit/7-54/page4-7-54.html โดย... พระปัญญาวุธธรรมคณี และนายชวน ภูเก้าล้วน เจ้าอาวาสวัดแก้วโกรวาราม อ.เมือง จ.กระบี่ และ คหบดีของ จ.กระบี่ (เรียบเรียงเนื้อหาจากบทวิทยุกระจายเสียง ปี 2551)
"...สำหรับโบสถ์ใหม่นี่สร้างขึ้นแล้วชั้นล่างมีพื้นที่การใช้งานประมาณ 1,400 ตารางเมตร จะเป็นที่เป็นห้องประชุมมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเช่น แอร์หรือห้องสุขาซึ่งภายนอกอาคาร ไม่ได้อยู่ในอาคารแต่ว่าอยู่ใกล้มองผิวเผินก็ไม่เห็นจะใช้เป็นห้องประชุมเอนกประสงค์แต่ว่าหลัก ๆ จริงนั่นเพื่อรองรับโครงการอนาคตของวัด คือต่อไปวัดนี่จะเปิดศูนย์พุทธศาสนาวันอาทิตย์สำหรับผู้ใหญ่ โรงเรียนวัดอาทิตย์สำหรับเด็กเปิดอยู่แล้ว แต่ว่าสำหรับผู้ใหญ่นี่จะให้คนมาฟังเทศก์ฟังธรรมโดยใช้ห้องประชุมชั้นล่างของโบสถ์นี้ แล้วอีกอย่างหนึ่งก็ต้องการจะให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรม อย่างปัจจุบันนี่ก็ออกพรรษาแล้วก็ยังมีพระภิกษุอยู่ประจำนะ ก็ประมาณ 30 สามเณรก็ประมาณ 50 หรือ 60 รูปเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่โน่นแหละ ตั้งแต่ พ.ศ. 2529 นั่นแหละ
งบประมาณที่ได้มาอาตมาเริ่มระดมทุนมาตั้งแต่ปี ตั้งแต่เข้ามาเป็นเจ้าอาวาส สมัยหลวงปู่พระราชสุตกวีท่านก็สะสมไว้บ้าง ก็ได้ไม่กี่แสนประมาณ 5 แสน มายุคอาตมานี่ก็บอกบุญประชาชนช่วยกันก็ได้ร่วม ๆ ประมาณ 15 ล้านบาท แล้วก็ต่อมาก็เป็นเงินผลประโยชน์คือค่าเช่าอาคารพาณิชย์ ค่าเช่าอาคารพาณิชย์เพราะตลาดส่วนล่างของวัดในพื้นที่ประมาณ 70 ไร่ เป็นอาคารพาณิชย์เสียประมาณครึ่งหนึ่งคือ 30 กว่าไร่ รายได้จากอาคารพาณิชย์ประมาณ 500 ห้อง ก็เดือนหนึ่งก็ตกประมาณ 2 แสนกว่าบาท ก็เก็บสะสมเรื่อยมาจนพอมีเงินก้อนพอจะดำเนินการสร้างได้แล้วก็เลยลงมือสร้างจนถึงขณะนี้ใช้เงินไปแล้วไม่น้อยกว่า 65 ล้านบาท และยังต้องใช้อีกประมาณ 10 ล้านแล้วถึงจะสมบูรณ์ เพราะยังไม่ได้ตกแต่งภูมิทัศน์อะไร ภูมิทัศน์ทำสวนหย่อมปลูกต้นไม้เพิ่มเติมยังคงต้องทำอีก..."
พิพิธภัณฑ์วัดแก้วโกรวาราม หลังจากชมโบสถ์แล้วก็เดินตามถนนต่อไปอีกหน่อยจะเห็นอาคารหลังหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นมาใหม่ อยู่ข้างกับอาคารไม้หลังหนึ่งซึ่งดูเก่าแก่มาก ลักษณะของอาคารทั้งสองหลังคล้ายกันมากเพราะตั้งใจให้เป็นแบบนั้น อาคารไม้ด้านข้างเป็นอุโบสถหลังเก่าของวัดแก้วโกรวาราม ปัจจุบันปิดตายเอาไว้ ส่วนโบราณวัตถุต่างๆ ที่เคยอยู่ในอุโบสถเก่าได้นำออกมาแสดงในอาคารหลังใหม่
โพธิ์ พระยาคงคา ต้นที่ 2 ต้นโพธิ์ต้นหนึ่งที่อยู่หน้าอาคารพิพิธภัณฑ์วัดแก้วโกรวารามและอุโบสถหลังเก่า ผ่านไปผ่านมาหลายรอบก็คิดว่าเป็นโพธิ์ธรรมดาแต่ต้นโพธิ์นี้มีประวัติความเป็นมาดังนี้ครับ
"...ราวปีพ.ศ. 2447-2449 พระยาคงคาธาราธิบดี (พลอง ณ นคร) ได้นำกิ่งโพธิ์ลังกา จากวัดพระมหาธาตุฯ นครศรีธรรมราช มาปลูกลงตรงจุดที่มีต้นสมออยู่ปัจจุบันหรือห่างไปทางตะวันตกจากต้นโพธิ์นี้ประมาณ 10 วา (อยู่ภายในกำแพงวัด) โพธิ์ต้นแรกอยู่ได้กว่า 50 ปี มีลำต้นขนาด 5 คนโอบ แผ่กิ่งก้านสาขาครอบคลุมพื้นที่เกือบ 2 ไร่ (ปลายกิ่งตะวันออกยาวถึงต้นโพธิ์นี้) รอบๆ ต้นห่างไป 10-20 วา มีหน่อโพธิ์งอกขึ้นจากรากหลายหน่อ หน่อที่ใกล้ชิดอุโบสถถูกนำออกไป ส่วนหน่อต้นนี้ขณะนั้น (2502) สูงประมาณ 2-3 วา พระสุตาวุธกวี (สิงห์) ให้เว้นไว้
ต่อมาพ.ศ. 2503 เนื่องในการจัดงานฉลองสมนศักดิ์พระสุตกวี เทศบาลได้ขุดดินขยายถนนอิศราและถนนเข้ามาฌาปนสถาน รากใหญ่ๆ ของโพธิ์ด้านตะวันออกด้านเหนือถูกขุดออกไปเกือบหมด ดังนั้นเมื่อเกิดมหาวาตภัย 2505 โพธิ์พระยาคงคงต้นแรกก็ถึงกาลอวสาน คือล้มลงแต่ก็มีต้นนี้ขึ้นมาแทนให้พวกเราได้คะนึงถึง โพธิคุณและพระยาคงคาต่อไปอีกชั่วกาลนาน..."
อุโบสถเก่าวัดแก้วโกรวาราม ความสำคัญของอุโบสถหลังนี้คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญกุศล วิสาขบูชา (เวียนเทียน) ณ อุโบสถนี้เมื่อ 19 พฤษภาคม 2513 อุโบสถนี้สร้างตามแบบอุโบสถทั่วไปในจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตก เช่นพังงา ระนอง ภูเก็ต พระครูธรรมาวุธวิศิษฐ์ (กิ่ม) เป็นผู้ออกแบบดำเนินการสามเณรวัดแก้วฯ และขุนวิจาร พัศดี ได้ให้ผู้ต้องขังเรือนจำกระบี่มาช่วยพระวินัยธรชุ่มเป็นช่างก่อสร้างด้วยตนเอง ไม้ที่ใช้สร้างอุโบสถทั้งหมด นายนาค อารามิกชน อาสาสมัครตัดโค่น แปรรูป ไม้เนื้อแข็ง เช่น หลุมพอ, ตะเคียน, เคี่ยม
ในการผูกพัทธสีมา 9 มีนาคม 2467 มีผู้นำเครื่องทอง เพชรนิล เช่นสร้อยคอ, กำไลมือ, ต่างหู, เข็มขัดทอง บรรจุลงหลุมลูกนิมิตกลางอุโบสถ
ข้อมูลจากนายมนูญ กัณหกุล (ครูแม้ว) ท่านผู้นี้อายุ 81 ปี (ในปีพ.ศ. 2536) อยู่เป็นศิษย์วัดนี้เมื่อพ.ศ. 2457 - พ.ศ.2468 และบวชเป็นพระภิกษุอยู่วัดนี้เมื่ออายุ 20 ปี
อุโบสถหลังเก่านี้หยุดใช้ทำสังฆกรรมเมื่อต้นปี 2552 แต่วัดยังคงรักษาไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ โดยนายชวน ภูเก้าล้วน รับเป็นเจ้าภาพบูรณะให้คงสภาพเดิมไว้ ปูชนียวัตถุของมีค่า จะเก็บรักษาไว้ในอาหารหลังใหม่ และเปิดให้เข้าชมปี 2553
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ