ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม โทร. 0 3475 2847-8
http://www.tourismthailand.org/samutsongkhram
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ทางเดินขึ้นเขายี่สาร นับตั้งแต่การทำเว็บทัวร์ออนไทยสมัยแรกๆ ผมได้มีโอกาสไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเขายี่สาร และพระพุทธไสยาสน์หรือพระนอนที่มีพระบาท 9 นิ้ว ประมาณปี 2005 หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้ไปอีกหลายครั้ง แต่ยังไม่มีโอกาสได้นำภาพใหม่ๆ มาอัพเดตให้ชมกันจนกระทั่งวันนี้ ในที่สุดเราก็ได้เอาภาพใหม่ๆ มาให้ชมกันซะที
พอเราเดินทางมาถึงวัดเขายี่สาร จะมีลานจอดรถอยู่ตีนเขา เขาลูกนี้เป็นเขาเพียงลูกเดียวในจังหวัดสมุทรสงครามและมีความสูงไม่มาก มีทางขึ้นลงวัดได้จริงๆ 3 ทาง คือทางถ้ำพระพุทธไสยาสน์ ทางขึ้นตรงถึงวิหาร และเดินขึ้นไปตามกุฎิพระ ซึ่งทางที่ 3 คงไม่ค่อยมีคนใช้เท่าไหร่ เรามาที่นี่หลายครั้งบางครั้งเราก็ขึ้นทางแรก บางทีก็ขึ้นทางที่สอง เหนื่อยไม่ต่างกัน บันไดทางเดินขึ้นวิหารมีซุ้มประตู ก่อนจะเดินขึ้นไปมีทางแยกออกไปกุฎิพระ กุฎิหลังแรกจะมีบ่อเลี้ยงเต่าอยู่ใต้ถุน ในบ่อมีรูปปั้นศาลเจ้าที่เก่าๆ โอ่งแตกก็มีแช่อยู่ในบ่อดูแปลกดี
ระหว่างทางเดินขึ้นบันไดก็จะมีเจดีย์เก่าๆ มากมาย บ้างก็ถล่มลงเนื่องจากการทรุดตัวของดิน เหลืออยู่ไม่มาก
ศาลาธรรม เป็นศาลาเก่ามากของวัดเขายี่สาร พอพ้นขั้นบันไดขึ้นมาเราจะเห็นศาลาหลังนี้อยู่กว้างลานกว้าง ด้านซ้ายเป็นหอระฆังที่สร้างขึ้นมาใหม่ไม่นาน ลานกว้างจะมีแนวก่ออิฐ 2 แนว ว่ากันว่าน่าจะเป็นแนวอิฐที่ก่อขึ้นสำหรับวางของใส่บาตร หรือการทำพิธีทางศาสนาแต่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด
วิหารพระพุทธบาท 4 รอย อีกด้านของศาลาเป็นเจดีย์เก่าๆ อยู่คู่กัน แล้วก็เป็นวิหารอยู่ถัดไป วิหารหลังนี้ได้รับการบูรณะมาอย่างต่อเนื่องจึงดูใหม่กว่าเสนาสนะอื่น
ด้านหน้าวิหารมีประตู 2 ช่อง ซ้ายกับขวา ตรงกลางเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางห้ามญาติ หรือห้ามสมุทร
พระพุทธบาท 4 รอย เข้ามาในวิหาร สิ่งแรกที่เราจะเห็นคือรอยพระพุทธบาทที่อยู่กลางวิหาร ทางวัดสร้างขอบปูนเอาไว้สูงพอสมควร ด้านหนึ่งจะมีถ้วยเล็กๆ คว่ำไว้ มีป้ายเขียนว่าเป็นจุดที่สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดเขายี่สารเอาไว้ ทางวัดนำถ้วยมาครอบพร้อมเขียนป้ายเพื่อป้องกันชาวบ้านมาปิดทองทับ
หลังคาครอบรอยพระพุทธบาทสี่รอย เป็นหลังคาที่สร้างมานาน หน้าบันแกะสลักลวดลายสวยงาม มีช่อฟ้าเล็กๆ ด้วย ก่อนจะสร้างวิหารคลุมทั้งหมดอีกที
พระพุทธรูปปากแดง พระพุทธรูปเก่าแก่ ประดิษฐานในวิหาร อยู่ด้านหลังพระพุทธบาทสี่รอย ชาวบ้านศรัทธามาก ปากพระพุทธรูปมีสีแดงอ่อนๆ แต่ก่อนสีแดงเข้มกว่านี้แล้วค่อยๆ จางลงตามกาลเวลา ไม่มีใครรู้ว่าทำไมช่างปั้นพระพุทธรูปจึงลงสีแดงที่ปาก มีเรื่องเล่าขานกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้กินเด็ก เด็กๆ ที่ขึ้นมาเล่นบนเขายี่สารตอนเย็นๆ ค่ำๆ จะหายไป เป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมาหลอกให้เด็กๆ กลัวไม่กล้ามาเล่นบนเขาตอนเย็นๆ เพราะเด็กๆ ชอบวิ่งเล่นหรือเล่นซ่อนหา ชาวบ้านเกรงว่าจะเป็นอันตราย พลัดตกบันได หรืองูกัด เพราะสมัยนั้นงูบนเขายี่สารมีชุกชุมมาก
วัดเขายี่สารเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา มีเจ้าอาวาสปกครองมาหลายรุ่น มีอยู่รูปหนึ่งชื่อหลวงพ่อร้าย ตามประวัติหลวงพ่อร้ายกล่าวว่าเกิดในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๓ เกิดราวปี พ.ศ. ๒๓๘o โดยสันนิษฐานจากบันทึกของวัดเขายี่สารว่า คลองหน้าวัดได้ขุดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๑ ในปลายรัชกาลที่ ๔ โดยท่านร้าย เจ้าอาวาส ร่วมกับราษฎรท้องถิ่น คาดคะเนอายุของหลวงพ่อร้ายในขณะขุดคลองนั้นน่าจะมีช่วงวัยประมาณ ๓o ปี และมรณภาพเมื่อ ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๕๑ ขณะมีอายุได้ ๗o ปี
น่าเสียดายว่าประวัติของท่านไม่มีใครจดบันทึกไว้เป็นเรื่องเป็นราว ล้วนแล้วแต่แกะรอยค้นหาอย่างละนิดละหน่อย มาปะติดปะต่อกัน แม้แต่ชื่อของท่าน “ร้าย” น่าจะเพื้ยนมาจาก “ไล้” แล้วยังสันนิษฐานกันต่อว่า ท่านอาจจะมีเชื้อสายจีน หรือแม้กระทั่งเชื้อสายมอญ เหตุเพราะขณะนั้นมีครัวพญามอญอพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารกันมาก นามของบิดาและมารดาก็หาทราบไม่ หลวงพ่อร้ายเกิดที่หมู่บ้านยี่สารตำบลยี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม จะอุปสมบทเมื่อใด มีใครเป็นพระอุปัชฌาย์ ไม่มีหลักฐานบ่งบอกถึง
หลวงพ่อร้าย วัดเขายี่สาร ได้ชื่อว่า “วาจาสิทธิ์” บนเขายี่สารอันเป็นสถานที่ตั้งวัด สมัยก่อนมีงูเห่าชุกชุมเป็นอย่างมาก ผู้คนที่มาทำบุญมักถูกงูเห่ากัดกันอยู่บ่อยๆ เมื่อโดนกัดก็พาไปหาหลวงพ่อร้ายให้ท่านฝนยาให้กิน และพอกแผล ซึ่งรอดชีวิตจากพิษงู ครั้นเมื่อหลวงพ่อร้ายถามว่าไปถูกงูกัดทีไหน คนถูกงูกัดก็บอกบนเขายี่สารนี่เอง ท่านก็ตอบกลับ “งูเห่าบนเขายี่สารนี่มันกัดคนไม่ตายหรอก” แต่นั้นมางูเห่าบนเขายี่สารก็ไม่มีพิษสงอีกบางตัวถูกคนเหยียบตายไปก็มี
บานประตูวิหาร ที่น่าแปลกของการสร้างวัดในสมัยนั้นคือลวดลายแกะสลักบานประตูไม้ ที่ 2 ด้านเป็นคนละลายกัน ด้านหนึ่งเป็นลายสาน อีกด้านเป็นลายก้านขด แต่ก็เป็นฝีมือการแกะสลักที่สวยงามปราณีตทั้งคู่
จากวิหารเราเดินลงบันไดข้างมีทางเดินต่อไปด้านหลังเป็นเส้นทางไปอุโบสถของวัด ระหว่างทางจะมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ว่ากันว่าต้นไม้ต้นนี้ประหลาด ถ้าเอาหูไปแนบจะได้ยินเหมือนเสียงน้ำไหลอยู่ข้างใน แต่อันนี้ต้องลองพิสูจน์กันด้วยตัวเอง
อุโบสถวัดเขายี่สาร เป็นโบสถ์เก่าตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นฝีมือช่างเพชรบุรี ซึ่งชื่อว่าเป็นช่างปูนปั้นที่สวยงามที่สุดของไทย โบสถ์ล้อมด้วยกำแพงแก้ว มีซุ้มประตู 2 ด้าน คือด้านหน้าและด้านข้าง ประตูด้านข้างเชื่อมกับบันไดเดินลงไปที่ลานจอดรถได้ และเป็นทางไปถ้ำพระพุทธไสยาสน์ พระบาท 9 นิ้วด้วย
พระประธานในอุโบสถ
บานประตูอุโบสถ เป็นบานประตูที่แตกต่างกับประตูวิหาร คือใช้ภาพจิตรกรรมอยู่ด้านใน เป็นพงศาวดารจีน ส่วนด้านนอกเป็นลายรดน้ำปิดทอง วรรณคดีไทย สวยงามมาก
รอบๆ อุโบสถวัดเขายี่สาร จุดเด่นได้แก่ เสมาคู่บนฐานตกแต่งด้วยงานปูนปั้นเพชรบุรี รวมไปถึงรอบซุ้มประตู หน้าต่าง ก็มีลวดลายที่สวยงาม สำหรับเสมาคู่ เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงพระมหากษัตริย์เป็นองค์อุปถัมภ์วัด แต่หลักฐานไม่ได้กล่าวว่าเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใด
พระพุทธไสยาสน์ พระบาท 9 นิ้ว พอลงมาจากโบสถ์ ใช้บันไดด้านข้างคนละด้านกับที่เราขึ้นไปตอนแรก ระหว่างทางเดินตามบันไดลงมาจะมีถ้ำเล็กๆ อยู่ถ้ำหนึ่ง ในถ้ำจะมีพระนอนให้แวะเข้าไปสักการะ พระนอนองค์นี้พิเศษที่มีนิ้วพระบาท 9 นิ้ว ว่ากันว่าอีกนิ้วหนึ่งไปฝากไว้ที่พระพุทธรูปวัดใหญ่สุวรรณาราม จ.เพชรบุรี ชาวบ้านบางคนเล่าว่าตอนช่างสร้างพระนอนองค์นี้ช่างทำนิ้วพระบาท 9 นิ้ว พอช่างคนเดียวกันไปสร้างพระที่วัดใหญ่สุวรรณาราม ก็เลยสร้างเพิ่มให้เกินมาเป็น 11 นิ้ว แต่เหตุผลที่แท้จริงเป็นยังไงนั้นยากที่จะรู้ได้
นิ้วพระบาท 9 นิ้ว ทุกวันนี้พระทั้งสององค์ คือพระวัดเขายี่สาร และวัดใหญ่สุวรรณาราม ก็มีนิ้วพระบาท 9 นิ้ว และ 11 นิ้ว อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ศาลหลวงพ่อปู่เขายี่สาร พอลงมาถึงลานจอดรถ จะเห็นศาลาหลังหนึ่งเห็นตั้งแต่ตอนเข้ามาในเขตวัด ศาลหลวงพ่อปู่เขายี่สาร เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างหนึ่งที่ชาวบ้านเคารพศรัทธา ตามตำนานเล่าขานว่า คุณปู่เขายี่สารคือพี่น้องชาวจีนที่นั่งสำเภามาชนเขายี่สาร เรือแตกจมลง จึงได้ขึ้นมาอาศัยอยู่บนเขายี่สาร คนหนึ่งชื่อปูศรีราชา อีกคนหนึ่งชื่อปู่หนุมาน ชาวบ้านนับถือว่าเป็นบรรพบุรุษของชาวบ้านเขายี่สาร จึงสร้างศาลเอาไว้ 2 แห่ง แห่งหนึ่งอยู่หน้าวัดเป็นของปู่ศรีราชา อีกแห่งห่างออกไป 1 กิโลเมตร ทางปากคลองบ้านใน สมัยนั้นตั้งศาลโดยใช้ไม้เจว็ดมาตั้งแล้วปิดทอง ต่อมีกระทำพิธีบวชคุณปู่เป็นพระ จึงได้ประดิษฐานพระพุทธรูปดังที่เห็นแต่ไม้เจว็ดปิดทองก็ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะทำพิธีกรรมใดๆ หรือมีเรื่องทุกข์ไข้ได้ป่วย ชาวบ้านละแวกนี้จะมาขอพร บอกกล่าวพ่อปู่เขายี่สารเสมอ มีงานสมโภชปิดทองคุณปู่ทุกวันขึ้น 14-15 ค่ำเดือนอ้าย และงานเวียนเทียนเซ่นไหว้ในวันสุดท้ายของวันสงกรานต์ เป็นประจำ ชาวบ้านจะเรียกพ่อปู่เขายี่สาร หมายถึง ปู่ศรีราชา และปู่หนุมาน โดยไม่แยกจากกัน
รูปพ่อปู่เขายี่สาร ครั้งหนึ่งมีคนฝันเห็นพ่อปู่เขายี่สาร จึงได้ให้ช่างมาวาดภาพนำมาติดในศาล
พระพุทธรูปและไม้เจว็ดแทนพ่อปู่เขายี่สาร
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ