ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.สำนักงานแพร่ 0 5452 1118-9, 0 5452 1127
http://www.tourismthailand.org/phrae
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ภายในวัดท่าถนน ทำเลที่ตั้งของวัดท่าถนน ด้านหนึ่งเป็นสถานีรถไฟ ด้านหนึ่งเป็นตลาด อีกด้านหนึ่งเป็นแม่น้ำ จึงทำให้มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาแวะเวียนกราบไหว้สักการะหลวงพ่อเพชรอยู่เป็นประจำตลอดทั้งวัน แรกเริ่มเข้ามาภายในวัดสิ่งที่พบก็คือที่จอดรถที่ค่อนข้างหายาก เพราะมีคนมาจำนวนมาก บางคนก็มาอาศัยเป็นที่จอดรถเพื่อไปเดินตลาด ตรงกลางของพื้นที่วัดเว้นเป็นลานกว้างปลูกหญ้าเต็มพื้นที่ เพื่อสาธารณประโยชน์ อุโบสถกับวิหารหลวงพ่อเพชรอยู่เยื้องไปทางด้านหน้าของวัด ซึ่งหมายถึงด้านที่ติดแม่น้ำ เพราะเป็นด้านทิศตะวันออก และอุโบสถกับวิหาร หันไปทางนั้น
วิหารหลวงพ่อเพชร อุโบสถหลังใหญ่ของวัดท่าถนนปกติไม่เปิดให้ประชาชนเข้าไปไหว้พระ นั่นก็เพราะว่า ที่วัดท่าถนนมีหลวงพ่อเพชร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองอุตรดิตถ์อยู่แล้ว และหลวงพ่อเพชรประดิษฐานอยู่ในวิหารหลังสีเหลืองหลังนี้ หน้าวิหารตรงกับประตูทางเข้าวัดพอดี ประชาชนที่มาไหว้พระจะไปที่วิหารหลังนี้ทันที
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ อยู่ตรงด้านข้างวิหารหลวงพ่อเพชร ระหว่างโบสถ์กับวิหารมีลานโล่งกว้างคั่นกลาง ในเวลากลางวัน ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้จึงเป็นสถานที่หลบแดดสำหรับคนที่มาไหว้พระทำบุญในวัดได้เป็นอย่างดี โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์มทางวัดจัดเต็นท์ไว้ให้สำหรับจุดเทียนธูปบูชาหลวงพ่อเพชรนอกวิหาร
ภายในวิหารหลวงพ่อเพชร เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อเพชรจำลอง สำหรับปิดทอง ส่วนองค์จริงอยู่ในห้องด้านในสุดของวิหาร ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเพชรที่ไม่เฉพาะประชาชนทั่วไปเท่านั้น พระภิกษุสงฆ์จากวัดอื่นๆ ในพื้นที่ เมื่อเดินทางมาเมืองอุตรดิตถ์ก็จะมาสักการะหลวงพ่อเพชรเสมอ
หลวงพ่อเพชร ตามประวัติกล่าวว่า ในปี พ.ศ. 2436 ขณะหลวงพ่อด้วงเจ้าอาวาสวัดหมอนไม้ เดินทางกลับจากรับนิมนต์ที่วัดสว่างอารมณ์ ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล เมื่อผ่านวัดสะแกที่เป็นวัดร้าง ได้พบเนินดินเป็นจอมปลวกขนาดใหญ่มีเกศพระพุทธรูปโผล่ขึ้นมา เมื่อขุดดูพบว่าเป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ปางขัดสมาธิเพชร มีลักษณะงดงามมาก จึงนำมาประดิษฐานไว้ที่วัดท่าถนน สมัยนั้นมีหลวงพ่อเพชรเป็นเจ้าอาวาส ประกอบกับปางขององค์พระพุทธรูปที่นั่งขัดสมาธิเพชร จึงเรียกว่าหลวงพ่อเพชรนับแต่นั้นมา
บางตำราเขียนว่า "หลวงพ่อเพ็ชร์"
ปี พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงสร้างวัดเบญจมบพิตร ได้มีการรวบรวมพระพุทธรูปที่เก่าแก่และสวยงาม ที่อยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ มาประดิษฐานไว้ที่วัดเหล่านี้ พระพุทธรูปหลวงพ่อเพ็ชร มีพุทธลักษณะงาม ก็ได้รับเลือกสรรให้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดเบญจมบพิตร พร้อมกับพระพุทธรูปองค์อื่น ๆ จากทั่วราชอาณาจักร การที่ต้องนำหลวงพ่อเพ็ชรไปจากวัดลังเต้าหม้อทำให้เจ้าอาวาสเสียใจมาก จึงได้ออกจากวัดธุดงค์ไปในที่ต่าง ๆ สุดท้ายได้มรณภาพบนภูเขาในป่า บ้านนาตารอด ตำบลบ้านด่าน อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
อัญเชิญกลับมาจังหวัดอุตรดิตถ์
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้อัญเชิญพระพุทธรูปหลวงพ่อเพ็ชร กลับคืนไปประดิษฐานไว้ที่วัดวังเตาหม้อตามคำขอของชาวเมืองอุตรดิตถ์ ดังข้อความซึ่งปรากฏอยู่ที่ฐานของพระพุทธรูป " หลวงพ่อเพ็ชร " ว่า
"พระพุทธรูปองค์นี้ เมื่อ ร.ศ.119 พระจุลจอมเกล้ารัชกาลที่ 5 ได้อัญเชิญจาก วัดท่าถนนไปไว้ วัดเบญจมบพิตร ครั้น ร.ศ. 129 หลวงนฤบาล ( จะพันยา ) อัญเชิญกลับมาไว้ วัดท่าถนน"
เหตุที่มีรับสั่งให้นำหลวงพ่อเพ็ชรมาคืนชาวอุตรดิตถ์ครั้งนี้มี มีคำบอกเล่ามาว่าเทวดาประจำองค์หลวงพ่อได้ไปเข้าสุบินสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงว่า อยากกลับอุตรดิตถ์ พระองค์จึงทรงทำตามพระสุบินนั้น
เมื่อปี พ.ศ. 2473 พระครูธรรมกิจจาภิบาล (ทองสุก) หรือพระสุธรรมเมธี อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมกับประชาชนชาวเมืองอุตรดิตถ์ได้ช่วยกันสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ และอัญเชิญพระพุทธรูปหลวงพ่อเพ็ชรมาประดิษฐานไว้ในพระวิหาร เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาสักการบูชาได้สะดวก
ปัจจุบันหลวงพ่อเพ็ชรประดิษฐานอยู่ในวิหารทางด้านทิศเหนือของอุโบสถ
พระพุทธรูปหลวงพ่อเพชร เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนรุ่นแรก ที่เรียกกันว่าพระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์หนึ่ง หล่อด้วยทองสำริดพระพุทธรูปปาง ปางมารวิชัย ชายสังฆาฎิสั้น ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร หน้าตักกว้าง 32 นิ้ว สูง 41 นิ้ว มีพุทธลักษณะงามมาก หลวงพ่อเพชร วัดท่าถนน ชาวอุตรดิตถ์ถือเป็นพระพุทธรูปสำคัญประจำเมือง มีงานนมัสการประจำปีในวันกลางเดือนสี่ของทุกปี
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/วัดท่าถนน_(อุตรดิตถ์)
อุโบสถวัดท่าถนน ด้านหน้า หลังจากที่ไหว้หลวงพ่อเพชรในวิหารแล้ว ตอนนี้จะเดินชมรอบๆ วัดท่าถนนกันครับ เริ่มจากมาที่อุโบสถขนาดใหญ่หลังนี้ มาที่ด้านหน้า แล้วเดี๋ยวก็จะเดินออกไปชมที่ท่าน้ำด้านหน้าวัดกัน ที่นี่มีคนเอาลูกปลา หอย นก มาขาย สำหรับคนที่อยากจะปล่อยนกปล่อยปลา
สิงห์คู่หน้าโบสถ์
ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ ๕ ออกมาจากประตูของวัดท่าถนน จะไปชมบริเวณที่เป้นท่าน้ำสักหน่อย เนื่องจากกำแพงวัดกับแม่น้ำน่านไม่ได้ติดกันเสียทีเดียว มีถนนกับลานกว้างๆ คั่นอยู่ถ้าเข้าวัดท่าถนนจากประตูด้านสถานีรถไฟ เดินมาหน้าวิหารหลวงพ่อเพชร ไม่รู้สึกเลยว่าจะมีแม่น้ำอยู่แถวนั้น จนกว่าจะเดินออกมาจากวัดนี่แหละ
บริเวณนี้จะเรียกกันว่าลานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงมีความเกี่ยวข้องกับวัดท่าถนนในอดีตตามประวัติที่เล่าไปแล้ว บริเวณรอบๆ ลานกว้างแห่งนี้เป็นร้านค้ามากมายหลายร้าน มีทั้งอาหารเครื่องดื่ม เมื่อเวลาเย็นก็จะมีคนมาออกกำลังกายกันเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองอุตรดิตถ์
ศาลาริมน้ำวัดท่าถนน ถัดจากลานพระบรมรูปฯ เราก็จะเห็นศาลาสีเหลืองโดดเด่นอร่ามงามตาอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำ สร้างแบบเป็นอาคารยื่นออกจากตลิ่ง เป็นสถานที่ชมวิวแม่น้ำน่านที่สวยงาม มีคนมานั่งพักผ่อนอ่านหนังสือไปจนถึงนอนเล่นที่ศาลาหลังนี้ก็มีครับ
ศาลาแปดเหลี่ยม เป็นศาลาที่อยู่ไกลออกไปด้านตรงข้ามของลานกว้างๆ
โรงเรียนนักธรรม-ภาษาบาลี เป็นอาคารที่สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ.2474 (ดูจากตัวหนังสือบนอาคาร) สถาปัตยกรรมที่ดูปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นอาคารแบบเก่าที่หาได้ยากมากแล้วในประเทศไทย อาคารหลังนี้อยู่ด้านหลังของอุโบสถห่างกันประมาณ 50 เมตร ลองเดินชมรอบๆ แบบใกล้ๆ จะเห็นเอกลักษณ์หลายอย่างของสถาปัตยกรรมที่ผสมแบบตะวันตก โดยเฉพาะลักษณะของชองประตูและหน้าต่าง
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดท่าถนน เป็นอาคารไม้ติดกับอาคารโรงเรียนนักธรรม-ภาษาบาลี แม้ว่ารูปแบบการก่อสร้างจะไม่เหมือนกัน แต่อาคารหลังนี้ก็คงจะมีอายุไม่น้อย ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเปิดให้เข้าชมได้
จบการนำเที่ยววัดท่าถนน ไหว้พระขอพรหลวงพ่อเพชรพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุตรดิตถ์กันเท่านี้ครับ เดี๋ยวไปต่อกันที่อนุสาวรีย์พระยาพิขัยดาบหักกันต่อ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ