ข้อมูลเพิ่มเติม:โทร. 055-453568
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
จากวัดพระยืนพุทธบาทยุคลที่อยู่ใกล้กัน เราสามารถขับรถทะลุมาที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ได้เลย เพราะทั้งสองวัดไม้ได้สร้างกำแพงกั้นประตูกันไว้ มาถึงก็เป็นลานจอดรถขนาดใหญ่สมกับที่เป็นวัดที่มีประชาชนศรัทธาเดินทางมาสักการะกันมากเป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัด แถมมาที่วัดนี้ยังเดินไหว้พระได้ทั้งสองวัดอีกด้วย
ลานจอดรถของวัดเป็นลานกว้างด้านหนึ่งติดพิพิธภัณฑ์ อีกด้านติดวิหารพระแท่นศิลาอาสน์ มีป้ายชื่อวัดที่สวยงามและพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ แล้วก็เรียงรายด้วยร้านค้าของฝากของที่ระลึก ร้านกาแฟสด ฯลฯ
สิ่งสำคัญของวัดพระแท่นศิลาอาสน์ก็คือพระแท่น อยู่ในวิหารที่สร้างขึ้นมาครอบเอาไว้ ล้อมด้วยกำแพงแก้ว ภายในบริเวณวิหารยังมีวิหารรายที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอยู่ ตอนที่ผมไปถ่ายรูปทางวัดได้ทำการสร้างพระเจ้า 5 พระองค์ขึ้นซึ่งยังไม่เสร็จสมบุรณ์ดี พระเจ้า 5 พระองค์ก็ยังคงเป็นแบบอยู่ด้านหน้าวิหาร
ด้านหน้าของวิหารยังมีทางเดินไปสักการะพระเจ้าตากสิน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ไปจนถึงพระพุทธรูปที่ประทับยืนหันไปทางด้านหน้าวัด
พอเดินเข้ามาในวิหารพระแท่นศิลาอาสน์ เราจะแปลกใจนิดหน่อยตรงที่มองเห็นบุษบกอยู่กลางวิหาร เพราะปกติเราจะได้เห็นที่โล่งๆ ไปจนถึงองค์พระประธานที่อยู่ในวิหาร แต่เป็นเพราะวิหารที่วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อครอบพระแท่นเอาไว้ สิ่งสำคัญที่สุดในวิหารจึงเป็นพระแท่น ทีแรกยังเข้าใจว่าบุษบกที่เห็นเป็นหลังคาครอบพระแท่น แต่ความจริงแล้วเรามองไม่เห็นพระแท่นเลยต่างหาก เพราะอะไรนั้นจะพาเข้าไปดูใกล้ๆ กันครับ
ตำแหน่งของพระแท่น พอเราเดินเข้ามาใกล้ๆ จะมีป้ายเขียนไว้บอกว่าพระแท่นนั้นอยู่ลึกลงไปในขอบปูนนี้ ก็ต้องอาศัยการเขย่งนิดๆ จึงจะมองเห็นพระแท่น ในอดีตพระแท่นอยู่สูงกว่าพื้น แล้วเกิดเหตุไฟป่าไหม้ลามเข้ามาจนมณฑปและวิหารเสียหายหมด ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะขึ้นมาใหม่ แล้วพระวิหารที่สร้างครอบพระแท่นหลังนี้มีการถมดินยกสูงในระหว่างการสร้าง เมื่อถมดินสูงได้ตามความต้องการแล้วพื้นก็เลยสูงกว่าพระแท่นศิลาแลงอยู่มาก ทางวัดเห็นว่าถ้าปล่อยเป็นหลุมเฉยๆ ประชาชนก็คงจะมาเดินอยู่ขอบบ่อเหนือพระแท่นดูไม่เหมาะสม จึงได้สร้างส่วนขอบของบ่อให้สูงขึ้นมาแล้วประดับประดาให้สวยงามแทน บนเพดานของบุษบกติดกระจกเอาไว้พอให้เรามองสะท้อนลงไปถึงพระแท่นที่อยู่ด้านล่างได้ แล้วก็มีหลายคนพยายามเสี่ยงโยนเหรียญลงไปให้อยู่บนพระแท่นในหลุมนี้
พระแท่นศิลาอาสน์เป็นศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสุโขทัยไม่ปรากฏนามของผู้สร้าง ในปีพ.ศ. 2451 ไฟป่าได้ไหม้พระมณฑปและวิหารเหลืออยู่แต่ศิลาแลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ใหม่ จะมีงานนมัสการในวันเพ็ญเดือนสามของทุกปี พร้อมกันวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง และวัดพระยืนพุทธบาทยุคล
ตำนานเกี่ยวกับพระแท่นที่สร้างด้วยศิลาแลงนี้มีอยู่ว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสวยชาติเป็นสัตว์ 5 ชนิด คือ ไก่ นาค เต่า วัว และราชสีห์ เคยมาประชุมจัดเรียงลำดับการเป็นพระพุทธเจ้าบนแท่นศิลาแห่งนี้ และเมื่อตรัสรู้แล้วทุกพระองค์จะมานั่งบำเพ็ญบารมีบนแท่นศิลานี้ตามพุทธวิสัย
ยกพระเสี่ยงทาย จากพระแท่นศิลาอาสน์เดินเข้ามาจนด้านในสุดของวิหาร จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่หลายองค์หลายปางด้วยกัน แล้วจะมีพระพุทธรูปขนาดเล็กๆ องค์สีดำอยู่แถวหน้าสุด พระพุทธรูปแต่ละองค์ตั้งอยู่บนฐานมีป้ายเขียนบอกไว้ว่าสำหรับเสี่ยงทายเรื่องอะไร เช่น สุขภาพ การงาน โชคลาภ ชีวิตคู่ เป็นต้น ต้องการเสี่ยงด้านไหนก็เข้าไปยกพระองค์นั้น อธิษฐานเหมือนกับการเสี่ยงยกพระคือขอให้ยกขึ้นและไม่ขึ้นสลับกัน เรื่องการเสี่ยงยกพระหรือยกช้าง ก็เป็นเรื่องแปลกถ้าไม่ประสบกับตัวเองก็คงไม่เชื่อ พระองค์เดิมที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าเรา บางทีเราก็ยกได้สบายๆ พออธิษฐานกลับกันขอให้ยกไม่ขึ้นบ้าง ยกยังไงก็ยกไม่ขึ้น
หลวงพ่อธรรมจักร พระพุทธรูปเก่าแก่ประจำวัดที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารรายด้านข้างของวิหารพระแท่น เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านการป้องกันไฟ น่าจะสร้างขึ้นมาประดิษฐานไว้หลังเหตุการณ์ไฟป่าไหม้วิหาร
รอยพระพุทธบาท อยู่ในวิหารรายอีกหลังหนึ่งข้างๆ วิหารพระแท่น
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์ที่เดิมเป็นศาลาการเปรียญ สร้างด้วยไม้ มี 2 ชั้น ชั้นล่าง เป็นที่แสดงเครื่องมือจับสัตว์น้ำโบราณ เรือพายโบราณ ชั้นบน แสดงเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตชาววัง - ชาวบ้านสมัยก่อน เครื่องจักสาน เครื่องมือตีเหล็ก - ก่อสร้าง เครื่องสังคโลกสมัยสุโขทัย ธรรมาสน์โบราณฝีมือช่างสมัยอยุธยา พระพุทธรูปที่แกะจากต้นโพธิ์โบราณ และพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย-กรุงศรีอยุธยา รวมถึงศิลปวัฒนธรรมของชาวเหนือ พิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.
หอคำแก้ว หอคำแก้ว เป็นสัญลักษณ์แห่งสถานที่ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข แก่ปวงประชาชน เฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
หอคำแก้วแห่งนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมอยากจะเข้ามาในวัดพระแท่นศิลาอาสน์ตั้งแต่แรกเห็น เพราะมีความสวยงามมาก
หลังจากนี้ก็ออกเดินทางกันต่อไปครับ สถานที่ที่จะไปก็ไม่ใช่ที่ไหนไกลออกจากวัดพระแท่นเลี้ยวขวามุ่งหน้าเข้าเมืองอุตรดิตถ์ แต่ก่อนหน้านั้นแวะวัดพระนอนพุทธไสยาสน์ที่อยู่ไม่ไกลกัน
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ