วัดสระบ่อแก้ว

วัดสระบ่อแก้ว อำเภอเมือง จ.แพร่ ตั้งอยู่บนถนนน้ำคือ ริมคูเมือง สร้างขึ้นสมัยเดียวกับวัดจอมสวรรค์ เดิมชื่อ วัดจองกลาง เป็นวัดศิลปะแบบพม่าที่สวยงามแปลกตา ทั้งศาลาการเปรียญ โบสถ์ และเจดีย์ มีพระพุทธรูปหินอ่อนทรงเครื่องแบบพม่า สร้างอย่างสวยงามวิจิตรพิสดารมาก วัดแห่งนี้ยังเป็นที่จำพรรษาของพระสงฆ์พม่าที่เดินทางเข้ามาศึกษาพระธรรมวินัยในประเทศไทย

ข้อมูลเพิ่มเติม:ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 5567 1466
http://www.tourismthailand.org/phrae

แก้ไขล่าสุด 0000-00-00 00:00:00 ผู้ชม 10601

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

กลางวัดสระบ่อแก้ว เข้ามาถึงวัดสระบ่อแก้ววันนี้อากาศร่มรื่นเย็นสบาย แดดไม่ร้อนทั้งๆ ที่ใกล้จะเที่ยงเต็มทีแล้ว จากซุ้มประตูวัดเข้ามาเป็นถนนพาไปที่ด้านข้างของวัด มีที่จอดรถเป็นระเบียบเรียบร้อย ระหว่างช่องจอดรถแต่ละคันจะมีต้นไม้คั่นกลาง เป็นแนวความคิดที่ดีทั้งได้ประโยชน์จากต้นไม้ และยังทำให้รถจอดได้ตรงช่องมากๆ ด้วย ภายในวัดสงบร่มรื่นมาก เพราะต้นไม้ที่มีอยู่เยอะ ก็เลยนั่งพักผ่อนเย็นๆ ตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ แล้วก็เดินมาที่กลางวัด สิ่งที่เห็นเป็นพระอุปคุตจกบาตร สร้างไว้บนฐานสูงหน้าศาลาไม้ทั้งหลังที่สร้างแบบไทยใหญ่ วัดสระบ่อแก้วเป็นวัดที่คนรู้จักไปอย่างแพร่หลาย หนึ่งในหลายๆ เหตุผลก็คือพระอุปคุตองค์นี้นี่เอง ว่ากันว่าเป็นพระที่ให้โชคลาภ ซื้อง่ายขายคล่อง ทำกิจการงานใดก็เจริญรุ่งเรือง ด้านซ้ายมือจะมีเต็นท์สำหรับทำบุญ

พระเจดีย์วัดสระบ่อแก้ว สิ่งหนึ่งที่สะท้อนความเป็นศิลปะพม่าของวัดสระบ่อแก้วก็คือเจดีย์องค์นี้ อยู่ทางด้านซ้ายมือติดกำแพงวัด อีกด้านของกำแพงปัจจุบันเป็นที่ตั้งขององค์การโทรศัพท์แพร่ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแพร่ เดิมทีเดียวทั้งหมดเป็นอาณาบริเวณเขตของวัดสระบ่อแก้ว และที่ตั้งองค์การโทรศัพท์แพร่ เดิมเป็นสระน้ำซึ่งมีน้ำตลอดปี มีต้นแก้ว (ต้นพิกุล) ปลูกอยู่รอบบริเวณ เป็นที่มาของชื่อวัดสระบ่อแก้ว

พระเจดีย์ศิลปะพม่า ที่ดูคล้ายกับเจดีย์ชเวดากองจำลอง เป็นเพราะวัดแห่งนี้เป็นของชนเผ่าพม่า ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณสองข้างของถนนน้ำคือ และถนนยันตรกิจโกศล ชนชาวพม่ากลุ่มนี้มาจากเมืองหงษาวดี เมืองย่างกุ้ง เมืองมัณฑเลย์ มีอาชีพค้าขาย ได้ร่วมกันสร้างวัดจองกลาง (วัดสระบ่อแก้ว) โดยมีหม่องโพธิ์อ่าน ภรรยาชื่อ แม่สม เป็นผู้สร้างวัดคนแรก เมื่อหม่องโพธิ์อ่านและภรรยาเสียชีวิตลง หม่องโพธิ์หยิ่น ภรรยาชื่ออูนุได้ร่วมกับชาวพม่าที่เหลืออยู่ปฏิสังขรณ์ กุฏิ วิหาร โบสถ์ และพระเจดีย์ ขึ้นอีกครั้ง จนถึงปี พ.ศ. 2508-2509 ได้มีชนชาวพม่า อีกคนหนึ่ง คือพ่อหม่องโพธิ์เส่ง ภรรยาชื่อแม่จันทร์ เป็นผู้อุปัฏฐากวัดจองกลาง ปฏิสังขรณ์มาตลอด พ่อหม่องโพธิ์เส่ง เป็นเจ้าของยาสมุนไพรรักษาโรคสัตว์ที่โด่งดังมากในสมัยนั้น ได้ร่วมกับพ่อส่างแวง พ่อส่างอุ๊ ร่วมกันสืบเสาะหาพระพม่า เพื่อให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดสระบ่อแก้ว ได้พบกับพระอูปัญญาสิรินันทะ จึงได้นมัสการขอพระอูปัญญาสิรินันทะ ต่อพระอูปัญญาวังสะ เจ้าอาวาสวัดศรีชุม ท่านได้เมตตาอนุฐาตให้พระอูปัญญาสิรินันทะ มาจำพรรษาที่วัดสระบ่อแก้ว และเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดสระบ่อแก้ว เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2504

พระอูปัญญาสิรินันทะ เมื่อได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดสระบ่อแก้วก็ได้ปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ กุฎิ วิหาร สร้างศาลาการเปรียญ "ศาลาปัญญาสิรินันทศรัทธา" ขึ้นเป็นที่ประกอบศาสนกิจของศรัทธาประชาชนทั่วไป สร้างบ้านพักรับรอง สร้างอุโบสถดังปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน

พระพุทธรูปหินอ่อน ไม่เพียงแต่เสนาสนะ หรืออาคาร เจดีย์ ต่างๆ ภายในวัดเท่านั้นที่เป็นศิลปะพม่า แม้แต่พระพุทธรูปก็เป็นพุทธศิลป์แบบพม่า เน้นการสร้างพระด้วยหินอ่อนสีขาว หรือหยกขาว พอขึ้นมาไหว้พระบนศาลา ก็จะได้เห็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบพม่าที่งดงามไปอีกแบบหนึ่งของศิลปะการสร้างพระพุทธรูป และโดดเด่นมายิ่งขึ้นเมื่อได้ประดิษฐานอยู่บนแท่นที่มีลวดลายงดงาม

พระอุปคุตจกบาตร ปิดท้ายด้วยภาพพระอุปคุตที่เชื่อกันว่าเป็นพระผู้บันดาลโชคลาภ ความเจริญมาสู่ผู้ที่ได้สักการะบูชา เที่ยวเมืองแพร่คงต้องลองไปไหว้พระ ชมความสวยงามของวัดสระบ่อแก้วกันให้ได้นะครับ