Notice: Undefined index: ses_user in /home/touronth/domains/touronthai.com/public_html/roadtrips/tripview.php on line 5
Unseen นครสวรรค์ วันเข้าพรรษา ตักบาตรเทียนโพธิ์เส้นทางขับรถเที่ยวเอง ทัวร์ออนไทยดอทคอม

www.touronthai.com

หน้าหลัก >> เส้นทางขับรถเที่ยว >> Unseen นครสวรรค์ วันเข้าพรรษา ตักบาตรเทียนโพธิ์

Unseen นครสวรรค์ วันเข้าพรรษา ตักบาตรเทียนโพธิ์

เส้นทางท่องเที่ยววันนี้ของทัวร์ออนไทย ขอนำเสนอเส้นทางเที่ยวเมืองที่หลายคนไปเรียกเค้าว่า ทางผ่าน หรือ เมืองผ่าน สงสัยกันมานานแล้วละว่าถ้าจะเที่ยวในเมืองผ่านแบบจริงจัง มันจะไม่มีอะไรน่าสนใจจริงๆ อะหรา ทริปวันหยุดยาวเข้าพรรษาของเราเลยเลือกที่จะมาเที่ยวนครสวรรค์ กับอุทัยธานี เพราะอยู่ไม่ไกลกันมาก เลือกเอาที่เที่ยวสวยๆ ที่น่าจะโดนใจมาฝากแฟนทัวร์ออนไทยกัน เป็นเส้นทางที่ไม่ยากลำบากซะจนสาวๆ จะไปเที่ยวไม่ได้ ส่วนผู้ชายมาอ่านก็ไม่ว่าไรไปเท่วได้เหมือนกันจ้ะ

    เริ่มจากออกจากกรุงเทพฯ ในช่วงวันหยุดยาว 7 กรกฎาคม มุ่งหน้าไปนครสวรรค์ ที่เที่ยวแรกจัดไป พิพิธภัณฑ์จันเสน อยู่อำเภอตาคลีเป็นอำเภอแรกของนครสวรรค์ที่เราจะไปถึงที่วัดมีข้าวเหนียวลูกจันเป็นของว่างคอยต้อนรับเชื่อกันว่าชื่อเมืองจันเสนส่วนหนึ่งมาจากต้นจันจำนวนมากที่พบในพื้นที่แถวนี้ ลูกจันจะออกมาให้กินแค่ปีละครั้งนับว่าเป็นโชคดีของเรา พิพิธภัณฑ์นี้เป็นที่เก็บรวบรวมวัตถุโบราณที่ขุดเจอในเมืองโบราณจันเสนมีอายุเป็น 1500 ปี เลยไม่น่าเชื่อว่าในนครสวรรค์จะมีเมืองโบราณเก่าขนาดนี้อยู่ การรวบรวมของโบราณมาไว้ในวัดจันเสนก็ได้การนำของหลวงพ่อโอดเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ชาวบ้านเคารพนับถือกันกว้างขวาง มีของมากมายหลายอย่างตั้งแต่สมัยทวารวดี มีเครื่องมือจากเหล็กในยุคแรกๆ มีตราประทับที่ทำจากดินเผา มีโครงกระดูกคนสมัยนั้นด้วย

    ทุกวันนี้วัดจันเสนยังเป็นที่ตั้งของกลุ่มสตรีทอผ้ามัดย้อม ลายที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ชื่อลาย ปลาเสือตอ เราก็ได้เรียนรู้เรื่องการทอผ้า การมัดย้อม และอุดหนุนผ้ากลับไปใช้คนละผืนสองผืน

    รอบๆ วัดจันเสนก็จะมีบึงโบราณ มีคูเมือง ส่วนโบราณสถานต่างๆ พังลงไปหมดจนมองไม่เห็น แต่ที่สร้างขึ้นมาใหม่อย่างอลังการอยู่ใกล้ๆ วัดก็คือศาลเจ้าพ่อพญานาคราช เป็นศาลเจ้าพ่อที่ผสมผสานสุดยอดตำนานเทพของไทยกับจีนได้สวยมากๆ คือมีพญานาคกับมังกรอยู่ด้วยกัน ตอนนี้ยังสร้างอะไรๆ ต่ออีกเยอะขนาดว่ายังไม่เสร็จยังสวยขนาดนี้ ถ้าเสร็จแล้วเห็นทีต้องขอกลับมาอีกสักรอบ

    ถ่ายรูปเซลฟี่กับพญานาคสวยๆ แล้วก็ไปกันต่อ ที่วัดพรหมนิมิต หรือว่าวัดหลังเขา เป็นวัดที่สวยอีกวัดหนึ่งแต่ก่อนดังมากเพราะโบสถ์สร้างด้วยขวดคล้ายๆ กับวัดล้านขวด แต่ระยะหลังๆ มาก็ค่อยๆ ถูกลืม พอได้มาเห็นของจริงก็นึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นรูปวัดนี้เมื่อนานมาแล้ว ท่านเจ้าอาวาสของวัดพรหมนิมิตที่สร้างโบสถ์หลังนี้ขึ้นมาได้มรณภาพไปนานแล้วแต่สังขารไม่เน่าไม่เปื่อย ลูกศิษย์จึงเก็บรักษาไว้ในโลงแก้วให้ชาวบ้านได้มากราบไหว้กันจนทุกวันนี้

    เดินทางกันต่อกับเส้นทางท่องเที่ยวแบบผู้หญิงๆ ที่วัดหนองโพ (ทำไมไปวัดเยอะจัง ก็เพราะว่าเราชอบทำบุญและศึกษาเรื่องเก่าๆ อะจิ แต่วัดหนองโพนี่บอกเลยว่าถ้ามานครสวรรค์ต้องมา) วัดหนองโพเป็นวัดที่จำพรรษาของหลวงพ่อเดิม ถึงไม่ใช่คนนครสวรรค์ก็คงจะได้ยินชื่อหลวงพ่อมาบ้าง ในวงการพระเครื่องรู้จักกันดีมาก แต่มาวันนี้ทำให้เราได้รู้จักหลวงพ่อเดิมในอีกด้านหนึ่งที่ไม่ใช่เครื่องรางของขลัง เรื่องราวที่ทำให้คนนับถือหลวงพ่อเดิมมากกก คือความเมตตา เล่ากันว่าท่านเป็นคนไม่ยึดติดมุ่งการปฏิบัติเพื่อทางแห่งการบรรลุ ไม่รับงานเทศนาเพราะต้องการฝึกปฏิบัติให้มากๆ ถ้าใครถวายนมข้นหวานมาท่านจะชงแล้วแจกชาวบ้านเพราะในสมัยนั้นนมข้นหวานถือเป็นของหายากและราคาแพง

    อยากรู้เรื่องราวของหลวงพ่อเดิมอย่างละเอียดให้เดินเข้าพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเดิม แล้วต้องมีคนนำเข้าไปถ้าเดินเข้าไปเองก็คงจะได้รู้เรื่องดีๆ อีกหลายเรื่องไปอย่างน่าเสียดาย ปกติในพิพิธภัณฑ์จะมีเด็กๆ นักเรียนคอยบรรยายให้ข้อมูลแต่ถ้าวันไหนอาจารย์เข้ามาบรรยายเองละก็จะสนุกกันมาก ข้อมูลเยอะมากๆ ถ้ามีเวลาอาจารย์บรรยายถึงไหนถึงกันเลยละ

    หลวงพ่อเดิมเป็นผู้มีเมตตาสูงมีส่วนในการช่วยสร้างวัดมากถึง 34 วัดใน 3 จังหวัด นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก การสร้างวัดไม่ใช่แค่ไปหาเงินมาให้วัดสร้าง แต่หลวงพ่อเดิมเป็นคนลงมือไปช่วยสร้าง ท่านจำเอาวิธีการทำปูนปั้นมาจากช่างแล้วก็ลองทำเอง สอนให้ชาวบ้านรู้จักทำอิฐมอญย่ำดินเอามาผึ่งลมให้แห้งเอามาเผา ทำปูนจากเปลือกหอย กว่าจะได้โบสถ์ ได้ศาลา สมัยนั้นยากกว่าสมัยนี้เป็น 100 เท่า เดาไม่ออกเลยว่า 34 วัดที่หลวงพ่อไปช่วยสร้างต้องใช้เวลานานแค่ไหน

    เรื่องราวอีกมากมายของพื้นที่วัดหนองโพคือเคยเป็นเมืองมาก่อนรอบๆ บ้านหนองโพเล่ากันว่าถ้าขุดดินลงไปจะเจอโครงกระดูกมากมายถูกฝังอยู่ใต้ดินแถวๆ นี้ มีส่วนหนึ่งที่ขุดขึ้นมาแล้วเอาของที่เจอพร้อมโครงกระดูกมาเก็บไว้ให้ชมในพิพิธภัณฑ์ เรื่องราวมากมายอีกเยอะไว้ลองมาดูกันเองละกัน

 

    หมดไปแล้ว 1 วัน ที่จริงก็ยังพอจะมีเวลาอยู่นะกะว่าจะไปถ่ายมังกรที่อุทยานมังกรสวรรค์แลนด์มาร์กของนครสวรรค์ แต่ฝนดันตกลงมาซะก่อนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เลยเปลี่ยนแผนไปหาข้าวต้มร้อนๆ กิน ร้านข้าวต้มชื่อดังของเมืองนครสวรรค์ ร้านนายเจือ คนแน่นมากรอตั้งนานกว่าจะได้โต๊ะนั่ง จัดการข้าวต้มเรียบร้อยเข้าที่พักในเมืองชื่อ อารามิส โรงแรมไม่ใหญ่ไม่โตเรียบง่ายกลางเมืองมีโต๊ะทำงานกาน้ำร้อนและกาแฟ เสียอย่างเดียว wi-fi ไม่ค่อยเวิร์ค เค้ากำลังจะแก้เดี๋ยวคงดีขึ้น

    เช้าวันต่อมา ตื่นไม่เช้าไม่สาย 7 โมง เช็คเอาท์ สาวๆ ออกเดินทางกันต่อ ภารกิจเช้านี้คือการล่องเรือออกไปดูนกในบึงบอระเพ็ด ที่นี่มีนกให้ดูเยอะแยะมากมายหลายสายพันธุ์ ดูจนตาลายถ้าคนศึกษาด้านนี้ก็จะรู้ว่าตัวไหนชื่อนกอะไร ส่วนเรารู้มั่งไม่รู้มั่งก็ดูๆ ตามเค้าไป พี่คนขับเรือจะคอยบอก แต่วันนี้โชคดีที่พี่เค้ามาดูรังนกเห็นลูกนกในรังที่ยังบินไม่ได้มันก็มองเราว่าเรามาทำอะไรที่บ้านมัน แต่ละรังมีนก 2-3 ตัว อยู่ไม่ไกลกันมากดูกันนิดๆ หน่อยๆ ไม่รบกวนมันมากกลัวพ่อแม่นกไม่มาให้อาหาร แล้วเราก็ไปกันต่อ

    นอกเหนือจากเป็นบึงที่มันทั้งสัตว์บกสัตว์น้ำอาศัยรวมกันอยู่มากมายเป็นแสนๆ ตัว ที่บึงบอระเพ็ดยังเป็นบึงที่มีบัวหลวงขึ้นเยอะมากๆ บัวหลวงเป็นบัวที่มีดอกไม่มากแต่มีใบเยอะคนเลยไม่ฮิตกันเท่าไหร่ไม่เหมือนบัวแดง แต่ที่จริงชาวบ้านรอบบึงบอระเพ็ดเค้ามาเก็บบัวหลวงส่งไปขาย เค้าว่าบัวหลวงทำชาได้อร่อยดังไปถึงเมืองจีนมาเก็บบัวหลวงตั้งแต่ตี 2 เช้ามาเต็มเรือพอดีถ้าเอาไปขายจะได้เงินพันกว่าบาท โหยทีนี้เห็นคุณค่าบัวหลวงขึ้นมาทันทีเลย นอกจากดอกแล้วฝักก็เก็บมาขายได้อีกต่างหาก

    ถ้าถามถึงบัวแดงใครว่าบอระเพ็ดไม่มีบัวแดงที่จริงมีอยู่เยอะเหมือนกันแต่บัวแดงขยายพันธุ์สู้บัวหลวงไม่ได้ก็โดนบัวหลวงเบียดจนเหลือน้อยลงๆ แต่ก็ยังพอมีให้เห็นนะ การจะได้เห็นบัวแดงก็ต้องนั่งเรือรอบใหญ่ใช้เวลามากกว่าเดิมถ้ามาดูนกอย่างเดียวเรียกว่ารอบเล็ก ราคาก็ต้องคุยรายละเอียดกับเรือกันไปถ้ามากันหลายคนหารๆ กันไปก็ตกคนละไม่เท่าไหร่

    ปิดท้ายด้วยการเดินเที่ยวอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดไฮไลท์เค้าว่าอยู่ที่ปลากระเบนราหูในอุโมงค์ โจทย์ของเราก็คือถ่ายเจ้ากระเบนราหูปลากระเบนน้ำจืดตอนที่มันบินข้ามหัวเรานี่แหละ สนุกสนานกันไปกว่าจะได้ภาพนี้มาแทบแย่ 

    ก่อนจะเดินทางกันต่อไปดับร้อนให้ชื่นใจที่ร้านกาแฟใกล้ๆ คือร้าน 21 Coffee Beer กาแฟ นมชมพู เครื่องดื่มอะไรก็ว่ากันไป ขนมปังก็มีให้เลือกมากมาย ร้านทำสูงใหญ่สะดุดตาหาไม่ยากแต่ให้เข้าไปนั่งได้ชั้นเดียวนะขึ้นข้างบนไม่ได้

    ต่อกันก่อนเที่ยงที่วัดเกยไชยเหนือวัดเก่าแก่ของนครสวรรค์ กับตำนานเจ้าด่างเกยไชย เป็นเรื่องของจรเข้ตัวนึงที่เล่ากันว่าเคยอยู่ที่วัดแห่งนี้ จรเข้ตัวใหญ่มากขนาดนอนขวางแม่น้ำได้ เล่ากันว่ามันไม่ดุร้ายแถมยังคอยเป็นสะพานให้หลวงพ่อเดินข้ามแม่น้ำได้อีกด้วย เรื่องนี้ก็เป็นตำนานที่เล่าขานกันมาตอนนี้ก็เหลือแต่รูปปั้นของจรเข้นอนอยู่ในวัด ที่วัดเกยไชยเหนือเป็นที่ที่แม่น้ำยมกับแม่น้ำน่านไหลมาบรรจบกัน ปกติจะเห็นเป็นแม่น้ำ 2 สี แต่ถ้ามาหน้าฝนแม่น้ำจะสีเหมือนๆ กัน ต้องมาตอนหน้าหนาวแม่น้ำยมจะใสมากๆ

    มาเที่ยวถึงชุมแสงแล้วเราก็ต้องสำรวจพื้นที่กันหน่อย ที่นี่เป็นอำเภอเล็กๆ น่ารักๆ อยู่กันเรียบง่าย มีสะพานข้ามแม่น้ำสีเขียวชื่อสะพานหิรัญนฤมิต แต่ชาวบ้านชอบเรียกสะพานเขียว สร้างมาปี 2552 กลายเป็นแลนด์มาร์กของชุมแสงอยู่ไม่ไกลจากตลาด ใกล้ๆ สะพานก็จะมีอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อยู่ตรงข้ามกับตลาด เลยไปอีกหน่อยมีศาลเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนที่นี่

    มาเที่ยวชุมแสงเดี๋ยวจะหาของกินยากเพราะเป็นอำเภอเล็กร้านอาหารก็เปิดกันไม่เยอะเลยแนะนำไว้สักร้านนึงชื่อร้านครัวชาววัง (ลุงหนวด) ร้านอาหารเล็กๆ แต่มีเมนูอร่อยๆ ให้เลือกเยอะ โดยเฉพาะเมนูที่ทำจากปลารสดีไม่คาวด้วย ความรู้ในการทำกับข้าวของลุงหนวดไม่ธรรมดา เจรจาพาที อาจจะกวนๆ แต่ใจดีไม่มีอะไร ชื่อร้านครัวชาววังแต่ที่ตั้งอยู่ริมนา อาหารรสโอชา แต่ราคาติดดิน อยู่ห่างจากตลาดเทศบาลไปประมาณ 5 กิโลเมตร

    ก่อนจะจากนครสวรรค์เพื่อที่จะไปเที่ยวต่อที่อุทัยธานีเราก็ต้องเตรียมหาของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านกันหน่อย แต่ของฝากแบบเราจะเอาธรรมดาๆ คงจะไม่ได้ ลองไปทำโมจิแล้วเอาโมจิทำเองกลับไปฝากคนที่บ้านน่าจะเข้าท่าสุดละ จันทร์สุวรรณ์โมจิ เป็นร้านโมจิที่มีโรงงานของตัวเอง ทำโมจิสดใหม่ทุกวันแถมพิเศษกว่านั้นคือเปิดให้เรามาปั้นโมจิเองก็ได้ด้วย มาเป็นกลุ่มๆ ติดต่อสอบถามราคาแล้วก็ไปปั้นโมจิของเราเองฝากเพื่อนๆ ฝากพ่อฝากแม่ ดูพิเศษกว่าไปซื้อเป็นกล่องๆ โมจิจริงๆ แล้วปั้นไม่ยากมานั่งเรียนแป๊บเดียวก็ทำเป็นละ กล่องละ 20 ลูกไม่กี่นาทีเสร็จ ส่งเข้าเตาอบลงไปช้อปปิ้งเดี๋ยวของเราก็อบเสร็จละ

    ปิดท้ายการเดินทางในจังหวัดนครสวรรค์ของเรา ไปร่วมงานพิธีเข้าพรรษาแบบไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน บอกเลยว่าเท่มากคือการได้ตักบาตรเทียนโพธิ์ เป็นการเอาเทียนรูปใบโพธิ์ใส่บาตร จะมีพระมาเดินเหมือนบิณฑบาตรขึ้นไปบนยอดเขา เทียนรูปใบโพธิ์มีให้เราทำบุญมีหลายแบบหลายขนาดตามกำลังศรัทธา พอใส่บาตรพระเสร็จแล้วก็จะนำไปรวมกันทำพิธีหล่อเทียนพรรษา พิธีนี้จะจัดตอนเย็นของวันอาสาฬหบูชาหล่อเทียนให้เสร็จเพื่อที่จะได้ใช้ในช่วงเข้าพรรษา จัดเป็นประจำทุกปีที่วัดเขาไม้เดน หรือโบราณสถานเขาไม้เดน (เมืองบนโคกไม้เดน) เสร็จงานตักบาตรเทียนโพธิ์จะมีการแสดงแสงสีเสียงให้ดูกันด้วย งานนี้ทึ่งในศรัทธาคนนครสวรรค์ ขนาดฝนตกคนก็ยังไม่หนีหายไปไหนพากันยืนตากฝนใส่บาตรจนเทียนหมดถึงทยอยกันลงจากบันไดสุดยอดจริงๆ จ้า

    ทริปของเราในวันหยุดยาวเข้าพรรษายังไม่จบเท่านี้นะ มีต่อภาค 2 จากนครสวรรค์จะพาไปเที่ยวอุทัยธานีกันต่อ ติดตามอ่านกันด้วยนะจ๊ะ ค้นหาหรือสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมของจังหวัดนครสวรรค์ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนครสวรรค์ หรือ เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672 จ้า

จำนวนผู้ชม 23981 คะแนน 11  ให้กำลังใจคนเขียนทริปนี้ คลิก...>>
กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

แผนที่ขับรถเที่ยว Unseen นครสวรรค์ วันเข้าพรรษา ตักบาตรเทียนโพธิ์

Line id: @touronthai (ใส่ @)
www.touronthai.com