ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานนราธิวาส 0 7352 2411
http://www.tourismthailand.org/narathiwat
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ประวัติอำเภอเบตง เบตง มาจากภาษามลายู แปลว่า ไม้ไผ่ เป็นอำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย ห่างจากตัวเมืองยะลาเป็นระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 โดยเฉพาะเส้นทางช่วงระหว่างอำเภอธารโต-เบตง เป็นเส้นทางคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา มองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบ ป่าไม้และสวนยาง ตัวเมืองเบตงตั้งอยู่ในโอบล้อมของขุนเขาอากาศเย็นสบาย มีฝนตกชุก และมักมีหมอกปกคลุมในยามเช้า จนได้รับสมญานามว่า "เมืองในหมอก ดอกไม้งาม" เป็นอำเภอใหญ่ที่มีความเจริญ ชาวมาเลเซียนิยมเดินทางมาท่องเที่ยว มีอาหารการกินที่สมบูรณ์ และมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งในและนอกตัวเมืองมากมาย
ในยุคขยายอิทธิพลและครอบครองอำเภอเบตงเป็นดินแดนมลายูที่อยู่ภายใต้การปกครองของชนชาติไทยมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 700 ปี มาแล้ว ปรากฏในหลักฐานศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชระบุไว้ชัดเจนว่าได้แผ่ขยายอิทธิพลไปถึงดินแดนไทรบุรี เประ กลันตัน และตรังกานู ดินแดนดังกล่าวมีฐานะเป็นประเทศราชจวบจนถึงยุคกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีความวุ่นวานในราชสำนักและการกอบกู้เมืองในสมัยกรุงธนบุรีเป็นโอกาสให้หัวเมืองทางใต้มีพัฒนาการของชุมชนกลายเป็นรัฐที่เข้มแข็ง มีศูนย์กลางความเจริญของหัวเมืองประเทศราชปรากฏขึ้นที่เมืองปัตตานี
หัวเมืองดังกล่าวได้กลับเข้ามาอยู่ภายใต้การปกตรองของอาณาจักรไทยในสมัยรัชกาลที่ ๑ และต่อมาได้ทรงแบ่งหัวเมืองปัตตานีออกเป็น 7 หัวเมืองได้แก่ ยะลา ปัตตานี หนองจิก สายบุรี ยะหริ่ง ระแงะ และรามันห์ และกำหนดเขตเมืองแต่ละเมืองไว้ชัดเจน ในส่วนของเมืองยะลา ดินแดนเมืองรามันห์หรือรามัญ ปัจจุบัน คือ อำเภอเบตง และอำเภอธารโต
อาคารพิพิธภัณฑ์ ต่อมาในยุคปฏิรูปการปกครองประเทศสมัยรัชกาลที่ ๕ ลัทธิล่าเมืองขึ้นหรืออาณานิคมชาติตะวันตกได้ขยายเข้ามายังเอาเชียตะวันออกเฉียงใต้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีสายพระเนตรยาวไกลที่มองเห็นอันตรายจากการคุกคามของชาติตะวันตก ในขณะที่ต้องเสียดินแดนประเทศราชบางส่วนให้อังกฤษ ในพ.ศ. 2452 ได้แก่ กลันตัน ตรังกานู ไทรบุรีและปะลิส
หลังจากที่มีการจัดรูปแบบการปกครองแล้วในปี พ.ศ. 2444-2447 อาณาเขตพื้นที่เบตงถูกยกฐานะเป็นอำเภอหนึ่งชื่อว่า อำเภอยะรม ประกอบด้วย ตำบลเบตง ตำบลยะรม ตำบลอิตำ ตำบลโกรแน ตำบลบาโลม และตำบลเซะ (โก๊ะ) รวม 6 ตำบล ซึ่งภายหลังการปันเขตใหม่ที่ไทยเสียดินแดนในปี 2452 จึงเหลือพื้นที่อยู่ 2 ตำบล คือ เบตงและยะรม
ในพ.ศ. 2473 สมัยพระพิชิตบัญชา เป็นนายอำเภอเบตงได้ย้ายที่ตั้งอำเภอจากบ้านฮางุด หมู่ที่ 1 ตำบลเบตง มาตั้งที่บ้านกำปงมัสยิด หมู่ 6 และได้เปลี่ยนชื่อ จากอำเภอยะรมเป็นอำเภอเบตง แล้วแบ่งการปกครองใหม่เป็น 4 ตำบล ประกอบด้วยตำบลเบตง ยะรม อัยเยอร์เวง และตาเนาะแมเราะ และมีตำบลธารน้ำทิพย์อีก อำเภอเบตงเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดยะลาหลังจากให้มีการยกเลิกการปกครองแบบมณฑลจากมณฑลปัตตานีใน พ.ศ. 2475 และให้มีพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชอาณาจักรสยาม ในปี พ.ศ.2476
ต่อมาในยุคสร้างแบบแปลงเมืองอำเภอเบตงในอดีตเชื่อว่ามีกลุ่มคนที่พูดภาษายาวีหรือมลายูท้องถิ่น อยู่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปและมีความสัมพันธ์กับกลุ่มทางประเทศมาเลเซียในขณะนั้นรวมทั้งหลักฐานคำบอกเล่าและที่ปรากฏในหนังสือภาษาจีนว่า มีชาวจีนกลุ่มแรกที่เดินทางจากประเทศจีนโดยเรือมาขึ้นฝั่งของประเทศมาเลเซียแล้วเดินเท้าหรือนั่งเกวียนเข้ามายังพื้นที่เบตง ประมาณปีพ.ศ. 2343 ประมาณ 10-20 คน และอาศัยอยู่ร่วมกับชาวเบตงเดิมอย่างกลมกลืนผสมผสานอย่างแน่นแฟ้นและพัฒนาให้เกิดความเจริญก้าวหน้าต่อมา
สถานที่สำคัญที่แสดงหลักฐานการอยู่ร่วมกันของชาวไทยในเบตงเดิมและชาวจีนก็คือวัดกวนอิม เป็นสถานที่ตั้งศาลเจ้าอันเป็นที่ประดิษฐานของเทพสำคัญๆ หลายองค์ อาทิ เจ้าแม่กวนอิม ท่านแป๊ะกง ท่านกวงกง เจ้าแม่จิวหวังเหย่ยี่หวังต้าตี้ กว่าโก่วเซียนซื่อ ขงจื้อ เป็นต้น และยังมีสถาปัตยกรรมของเจดีย์ 7 ชั้น อันงดงามตระการตา วัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ.2508 วัดตั้งอยู่บนเนินเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองเบตงได้ด้วย
ชมวิวเมืองเบตง พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่บนเนินเขาติดกับสวนสาธารณะสุดสยาม บรรยากาศเลยร่มรื่นกว่าพิพิธภัณฑ์ที่อื่นๆ ที่เคยไปมาเลย ในพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงนอกจากจะเข้ามาศึกษาเรียนรู้เรื่องราวเมืองนี้แล้วยังมีระเบียงให้ออกไปยืนชมวิวได้ด้วย ทางเดินขึ้นเป็นบันได ชั้นสูงๆ จะอยู่ในอาคารขึ้นมาได้เฉพาะเวลาเปิดทำการ ถ้าพิพิธภัณฑ์ปิดแล้วจะเดินมาชมวิวได้เฉพาะชั้นแรกแต่ก็สูงพอที่จะได้เห็นเมืองเบตงได้ทั่วถึง
วัตถุโบราณ ในพิพิธภัณฑ์แต่ละชั้นมีของเก่าๆ ที่หายากให้ดู นอกจากนั้นก็มีข้อมูลเมืองเบตงให้หาความรู้กัน ทั้งวัฒนธรรม ชาวเบตง ที่เที่ยวในเบตง อาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ที่ใครๆ มาก็ไม่ควรพลาด
วิวสวยเมืองเบตง หลังจากพิพิธภัณฑ์ปิดทำการแล้วเรายังเดินมาชมวิวตรงระเบียงชั้นแรกช่วงเวลาเย็นๆ เราจะได้เห็นแสงไฟในเมืองเบตงกับรถราที่วิ่งไปมาบนถนนสายหลักผ่านหอนาฬิกา มุมนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในเมืองเบตงด้วย
เราขอจบการพาเที่ยวพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงเอาไว้เท่านี้ละกัน
ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภูมิภาคภาคใต้ มา ณ โอกาสนี้ครับ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ