ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานหาดใหญ่ 0 7423 1055, 0 7423 1055, 0 7423 8518
http://www.tourismthailand.org/hatyai
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ทางเข้าทะเลน้อย จากตัวเมืองพัทลุงใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4048 (พัทลุง-ควนขนุน) ประมาณ 32 กิโลเมตร ทางลาดยางตลอดสายมีป้ายบอกตลอดทาง หรือเดินทางจากกรุงเทพฯ มีแยกซ้ายมือ เข้าทะเลน้อยผ่านหมู่บ้านต่างๆ เช่นตำบลมะกอกเหนือ วันนี้ท้องฟ้าสวยสดใสเหมาะกับการถ่ายรูปกลางแจ้งอย่างทะเลน้อยเป็นอย่างมาก (โชคดีจริงๆ) ไม่นานเราก็มาถึงบ้านมะกอกเหนือ เป็นชุมชนที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นมากแห่งหนึ่งเส้นทางสายนี้ต้องระวังรถมอเตอร์ไซค์ให้มากด้วยครับ เพราะถนนแคบ และมีหลายๆ ช่วงที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างขยายผิวจราจรให้เป็น 4 ช่องทางต่อไปต้องมีนักท่องเที่ยวมากขึ้นแน่นอนครับ
ภาพล่างก็เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ในที่สุดก็มาถึงทะเลน้อย บริเวณนี้มีลานจอดรถสามารถจอดรถได้ถึง 30 คันมีร้านของฝากและร้านอาหารมากมายหลายอย่างให้เลือกชม เดินข้ามถนนไปเป็นท่าเรือบริการสำหรับล่องเรือเที่ยวทะเลน้อย อีกด้านเป็นทางเข้าที่ทำการเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าทะเลน้อย มีค่าเข้าชมไม่แพงครับ แล้วก็เดินเข้าไปด้านใน
ท่าเรือทะเลน้อย ภาพบริเวณท่าเรือนำเที่ยวทะเลน้อย การเที่ยวทะเลน้อยด้วยการล่องเรือนั้นสามารถติดต่อได้ที่นี่ ราคา 400 บาทต่อลำ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เวลาที่เหมาะในการท่องเที่ยวคือช่วงเช้าและเย็น ช่วงเช้าจะมีดอกบัวบานเต็มที่ให้ได้ชมความสวยงามได้เต็มอิ่ม นอกจากนี้ยังมีนกหากินที่ทะเลน้อยอีกหลายชนิด นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ด้วย สะพานทางเดินที่เห็นด้านขวาของภาพเป็นทางเดินไปยังพระตำหนักทะเลน้อย สถานที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สามารถเดินชมได้รอบๆ บริเวณสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ล่องเรือ หรือมีเวลาไม่พอ เบื้องหน้าจากท่าเรือมองเห็นน้ำและพืชน้ำไกลออกไปสุดสายตาสวยงามมาก
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย เวลาตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะนั่งเรือเที่ยว หรือว่าใครอยากจะลงเรือก็ได้นะครับแต่คงต้องอาศัยร่มไปด้วย เพราะฉะนั้นแล้วตอนนี้เราขอพาเดินเที่ยวตามสะพานไปยังพระตำหนัก ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามไปเรื่อยๆ ก่อน ระหว่างทางเดินก็จะมีศาลาพักระหว่างทาง จากทางเดินชมทะเลน้อยและพระตำหนักเดินเข้ามาไม่ไกลมากก็มีศาลาให้พักเป็นช่วงๆ ไปทางเดินไปด้านหน้าเป็นทางตันแต่ยาวเข้าไปในทะเลน้อย สามารถเดินชมได้เต็มที่ ส่วนทางขวาเป็นทางไปศาลาใหญ่หน้าพระตำหนักทะเลน้อย มีทางแยกเข้าไปที่ทำการฯ และบ้านพัก ความสวยงามของช่วงเวลาใกล้เที่ยงและบ่าย ท้องฟ้าสดใสกับทะเลน้อยๆ เบื้องล่าง ลมพัดมาตลอดเวลาแม้ว่าแดดจะแรงแต่ก็เย็นดี สำหรับผู้ที่จะมาเที่ยวทะเลน้อยในช่วงเวลานี้ต้องมีครีมกันแดด หรือเสื้อแขนยาว หรือกางร่มจะช่วยได้มากครับ ระยะทางเดินไปข้างหน้าประมาณ 200 เมตรทีเดียวครับจนสุดทาง
เดินเที่ยวทะเลน้อย
พระตำหนักทะเลน้อย ตอนนี้ผมก็มายืนอยู่บริเวณหน้าที่ทำการ มีทางเดินต่อไปยังบ้านพัก แต่คงจะไม่เดินไปขนาดนั้น หันไปมองด้านทางเดินมีศาลาหลังใหญ่อยู่ตรงกลาง มีสะพานเชื่อมไปยังพระตำหนักที่อยู่ริมสุด แต่จะปิดไว้เพราะเป็นเขตหวงห้าม ใต้ศาลาหลังใหญ่มีเรือนำเที่ยวจอดใต้ศาลาหลายลำ รอนักท่องเที่ยวที่อาจจะเปลี่ยนใจมาล่องเรือเอาตอนที่เดินถึงศาลาหลังนี้แล้ว
ชมนกในทะเลน้อย ในเวลากลางวันถึงแม้ว่าแดดจะแรงจนไม่ค่อยมีคนอยากจะลงเรือเที่ยวชมนกน้ำ แต่ถ้าได้ลองล่องเรือออกไปดูจะเห็นนกน้ำจำนวนมากที่ยังคงหากินอยู่เต็มพื้นที่ นกที่เราจะเห็นอยู่ในทะเลน้อยมีอยู่หลายชนิดหลายขนาด เกือบทั้งหมดเป็นนกน้ำ คือหากินในน้ำเป็นหลัก สำหรับผู้ที่ชอบดูนกอาจจะได้เห็นนกต่างๆ กันได้ถึง 20 ชนิดหรือมากกว่านั้น นกที่หาดูที่อื่นได้ยากได้แก่ เป็ดคับแค นกเป็ดผีเล็ก นกกระสาแดง รวมไปถึงเหยี่ยวก็มีด้วยครับ ส่วนนกเป็ดน้ำ นกกระยาง นกกระสา ก็จะเห็นได้มากหน่อย รวมไปจนถึงนกตีนเป็ดด้วย
นกเป็ดผีเล็ก หนึ่งในบรรดานกน้ำที่หาตัวได้ไม่ง่ายนัก ต้องอาศัยความอดทนในการจับภาพของมัน
ล่องเรือเที่ยวทะเลน้อย อย่างที่บอกไปแล้วว่าการล่องเรือมันเหมาะที่จะเป็นกิจกรรมยามเช้า หรือว่าเย็น อากาศไม่ร้อนมากแถมยังได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นได้อีกด้วย เรือที่จะให้บริการเที่ยวทะเลน้อยสามารถติดต่อได้ที่ท่าเรือใกล้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยที่จะคอยให้บริการตั้งแต่เช้าตรู่เหมือนกัน แต่ที่นิยมกว่านั้นก็คือการเข้าพักรีสอร์ทต่างๆ ในพื้นที่ทะเลน้อยซึ่งก็มีอยู่มากมายหลายแห่ง เราเลือกที่จะพักที่ Wetlandcamp ซึ่งเป็นคนละทริปกันกับการมาเที่ยวทะเลน้อยครั้งแรก ตอนนั้นเราไม่ได้วางแผนที่จะค้างคืนที่ทะเลน้อย แต่หลังจากการเดินเที่ยวชมทะเลน้อยและไม่ได้ล่องเรือ ทริปถัดมาของเราจึงเน้นการล่องเรือเป็นหลัก ทำไมเลือกพักที่นี่ก็เพราะเป็นรีสอร์ทติดน้ำ บรรยากาศดี ด้านหน้ามียอยักษ์ของชาวบ้านปากประ เรียงรายมากมายหลายหลังด้วยกัน จะได้ชมวิถีชีวิตชาวบ้านที่หากินอยู่ในทะเลน้อย แล้วยังมีบริการล่องเรือเที่ยวที่ออกเดินทางตอนพระอาทิตย์ขึ้นให้เราด้วย เจ้าของรีสอร์ทก็เป็นคนชอบถ่ายรูป คุยสนุก เข้าใจช่างภาพด้วยกันดี หามุมสวยๆ ให้เราได้ ล่องเรือที่นี่ค่าบริการ 800 บาท แพงกว่าเรือที่ท่าน้ำหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย แต่ก็พาเราไปเที่ยวได้ไกลกว่า รับรองว่าจะติดใจ ไม่เข้าพักที่นี่ก็อาจจะมาใช้บริการเรือได้แต่ต้องลองติดต่อล่วงหน้าดู (ไม่รับปากนะว่าจะได้ แต่จะให้ดีมาพักที่นี่เถอะครับทัวร์ออนคอนเฟิร์มไม่ผิดหวังแน่ๆ)
ยอยักษ์ ทะเลน้อย หลังจากที่เรือพาเราออกเดินทางจากท่าหน้ารีสอร์ท ไม่กี่นาทีเราก็มาอยู่กลางน้ำกว้างใหญ่ มียอยักษ์เรียงรายอย่างที่เห็น ความมุ่งหวังของเราก็คือการได้ภาพยอยักษ์กับพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ สักภาพ เราก็บอกคนขับเรือได้เลยว่าเราชอบยอหลังไหน จะได้พาเราไปซุ่มรอพระอาทิตย์ การถ่ายรูปยอยักษ์จะถ่ายกันหลายๆ หลังแบบนี้ก็สวย แต่ส่วนมากเค้าจะชอบถ่ายให้เห็นหลังเดียวครับ ระดับน้ำในทะเลน้อยที่เป็นทะเลสาบอันกว้างใหญ่ น่าแปลกใจว่าลึกแค่อกเท่านั้นเอง ถ้าเป็นช่างภาพระดับฝีมือจริงๆ ก็จะเอาขาตั้งลงไปตั้งในน้ำ ให้กล้องพ้นขึ้นมาเพื่อให้กล้องนิ่งเก็บภาพยามเช้าสวยๆ มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
เช้านี้ที่ทะเลน้อย นี่ก็เป็นภาพที่ดีที่สุดที่เราเก็บมาได้สำหรับทริปนี้ ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่มีลมมรสุมพัดผ่านเข้ามาพอดี ฝนก็ตกทุกๆ วัน พระอาทิตย์ไม่โผล่ขึ้นมาให้เห็น แต่ได้แสงสวยๆ แบบนี้มาก็โอเค
ทะเลบัว ทะเลน้อย เรื่องราวการล่องเรือแบบละเอียดไปอ่านกันได้ที่ Wetlandcamp นะครับ ในหน้านี้จะเล่าแบบสรุปๆ เท่านั้น เราใช้บริการล่องเรือ 2 วัน ครับ แต่ละวันจะมีเส้นทางไปต่างกัน (ถ้าไปทางเดียวกันก็เบื่อแย่) เส้นทางแรกจะเป็นเส้นทางหลักที่เรือนำเที่ยวทุกลำน่าจะพาเรามาที่นี่ เป็นพื้นที่ที่มีบัวแดงขึ้นอยู่เยอะ มีนกน้ำให้ชมบ้างแต่ไม่มากนัก ส่วนควายน้ำต้องล่องเรือไปไกลกว่านี้ครับ เดี๋ยวค่อยๆ ไปเรื่อยๆ ยังมีเวลาอีกมากสำหรับการล่องเรือ 1 ชั่วโมง ครึ่ง ถึง 2 ชั่วโมง
นกน้ำในดงกระจูดหนู สิ่งที่ขึ้นชื่อของทะเลน้อยที่เราควรจะได้ชมเมื่อมาที่นี่ ก็ได้แก่ นกน้ำ ควายน้ำ แล้วก็บัวแดง ทั้งสามอย่างอยู่ห่างกันคนละจุด นกน้ำจะมีมากในโซนหนึ่ง ควายน้ำก็จะหากินอีกโซนหนึ่ง บัวแดงก็ขึ้นอยู่ที่โซนหนึ่ง โซนที่ชมนกน้ำได้มากๆ มี 2 โซนหลักๆ ก็คือใกล้ๆ สะพานข้ามทะเลน้อย หรือถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อันเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย อีกโซนหนึ่งสำหรับการชมนกน้ำก็คือดงกระจูดหนู เป็นพื้นที่ที่อยู่ไกลจากฝั่งค่อนข้างมาก มีนกมาหากินอยู่หลายชนิด ที่เห็นกันบ่อยๆ ก็จะเป็นนกกระสา นกกระสาแดง ฯลฯ
กระจูดหนูเป็นพืชน้ำชนิดหนึ่งเหมือนกับกระจูดที่เราเคยได้ยินว่าผลิตภัณฑ์จักสานด้วยกระจูด เป็นของขึ้นชื่อของพัทลุง แต่กระจูดหนูเป็นพืชที่นำเอาไปสานไม่ได้นะครับ
บัวแดงทะเลน้อย
ควายน้ำ ทะเลน้อย หนึ่งในหลายๆ สิ่งที่เราสนใจจะมาดูที่ทะเลน้อย ก็คือฝูงควายที่ออกหากินในทะเลน้อย ความพิเศษของมันที่ไม่เหมือนควายถิ่นอื่นก็คือการหากินพืชที่อยู่ใต้น้ำเป็นอาหาร เรื่องราวของฝูงควายที่หากินไม่เหมือนควายที่ไหนนี้ก็ถูกเผยแพร่ไปในสื่อต่างๆ จนเป็นข่าวโด่งดัง จุดที่เราจะเห็นควายน้ำพวกนี้จะอยู่ห่างจากดงบัวแดงหลายนาทีเหมือนกัน
ชมฝูงนกหลายร้อย เป็นภาพฝูงนกที่เราได้เดินทางล่องเรือมาเที่ยวในวันที่ 2 เส้นทางต่างจากวันแรก มีเรือเพียงไม่กี่ลำที่จะพานักท่องเที่ยวเข้ามาในเส้นทางนี้ ที่นี่เรียกกันว่าคลองลาโพ มีลักษณะเป็นคลองเล็กๆ เชื่อมพื้นที่อันกว้างใหญ่ของทะเลน้อย และทะเลสาบสงขลา พื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นที่ดอนน้ำไม่ท่วม มีพืชหลายชนิดขึ้นอยู่ที่นี่ เป็นสังคมของนกนานาชนิดที่จะมาอาศัยพื้นที่นี้เป็นที่อยู่อาศัย และการขยายพันธุ์ เฉพาะสมาชิกกลุ่มอนุรักษ์นกน้ำทะเลน้อยเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ ชาวบ้านที่ทำอาชีพขับเรือนำเที่ยวหลายคนก็เข้ามาไม่ได้ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมแนะนำให้ใช้บริการเรือนำเที่ยวและบ้านพักของ Wetlandcamp
บัวแดงคลองลาโพ โซนหนึ่งที่เราจะได้ชมบัวแดงจำนวนมากมายไม่แพ้โซนแรกที่เราไปวันแรก แต่อย่างที่บอกครับว่าต้องไปคลองลาโพ ซึ่งจะมีเรือไม่มากนักที่สามารถพาเราเข้าไปได้ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเรือนำเที่ยวลองสอบถามรายละเอียดข้อนี้ดูด้วย เพราะสิ่งที่เราจะได้เห็นมันต่างกันเยอะ
ถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จุดท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของทะเลน้อยก็คือถนนสายนี้ ที่สร้างเป็นสะพานยกระดับข้ามทะเลน้อย จากฝั่งอำเภอเมืองพัทลุงไปยังฝั่งอำเภอระโนด และเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ใครผ่านไปผ่านมาก็จะแวะชมวิวถ่ายรูปที่ระลึก มีจุดจอดชมวิวพักรถอยู่เป็นระยะๆ บนสะพาน เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 จนแล้วเสร็จเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550
เดิมสะพานแห่งนี้มีชื่อที่ชาวบ้านเรียกขานว่า “สะพานไสกิ้ง-บ้านหัวป่า” เนื่องจากเป็นเส้นทางที่สร้างเชื่อมพื้นที่ 2 จังหวัด คือ บ้านไสกลิ้ง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และบ้านหัวป่า อ.ระโนด จ.สงขลา ต่อมาภาครัฐได้ตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มีความยาวกว่า 17 กม. แบ่งเป็น 3 ช่วง โดยช่วงที่ 2 ที่สร้างเป็นสะพานยกระดับอยู่เหนือพื้นที่ทะเลน้อยมีความยาว 5.450 กิโลเมตร นับเป็นเป็นสะพานที่ยาวที่สุดของไทยในปัจจุบันนี้
*สำหรับเรื่องราวของสะพานที่ยาวที่สุดนั้น ในระบบสากลนับว่าทางด่วนบางนา-ตราด เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในโลก ยาวถึงกว่า 50 กิโลเมตร แต่เนื่องจากทางด่วนนั้นไม่ได้ข้ามน้ำ หากนับสะพานข้ามน้ำ ก็นับว่าสะพานถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นี้เป็นสะพานที่ยาวที่สุด
วิถีชีวิตทะเลน้อย ถึงแม้ว่าฝูงควายน้ำในทะเลน้อย นับเป็นฝูงควายที่ดำรงชีวิตแตกต่างจากควายทั่วไปในบ้านเรา แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนกันก็คือ ควายเหล่านี้มีเจ้าของ มีคนเลี้ยง และจะต้องกลับเข้าคอกตอนเย็นเป็นประจำทุกวัน เจ้าของจะมาต้อนควายน้ำเข้าคอกที่มักจะสร้างกันไม่ไกลจากถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จุดจอดรถชมวิวบนสะพานมีบันไดทางเดินลงไปในทะเลน้อยได้ เจ้าของก็จะเอามอเตอร์ไซค์มาจอดแล้วไต่บันไดลงไปต้อนควายเข้าคอก เสร็จแล้วก็ปีนบันไดกลับขึ้นมา ก่อนที่ฝูงควายเหล่านี้จะเดินขึ้นที่ดอน มันจะดำน้ำลงไปอีก 1 ครั้ง เหมือนกับเวลาเราไปเล่นน้ำในลำคลองหรือหนองบึง ก่อนขึ้นเราก็จะล้างตัวสักครั้งก่อน
งานล่องเรือแลนกทะเลน้อย เมื่อมาถึงที่ทะเลน้อยแห่งนี้แล้ว กิจกรรมที่เราต้องทำให้ครบก็ได้เล่าไปหมดแล้ว การล่องเรือแลนก ชมทะเลบัวแดง นี่แหละครบเครื่องเรื่องทะเลน้อย ตกเย็นเราก็ออกมาเดินดูบรรยากาศของการจัดงาน ซึ่งจะมีเป็นประจำทุกปี ที่บริเวณท่าเรือและแนวฝั่งทะเลน้อย ยาวไปตามถนน เริ่มตั้งแต่ร้านของฝากใกล้ๆ กับเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยเป็นต้นไป ร้านของฝากก็จะยังคงเปิดร้านแม้ว่าจะมืดแล้วก็ตาม มีของให้เลือกซื้อมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะของที่ทำจากกระจูด
ของฝากจากเมืองลุง หลังจากร้านของฝากที่ใหญ่ที่สุด เดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ เราจะเห็นของฝากหลายอย่างโดยมากจะเป็นจำพวกปลาที่ผ่านการแปรรูป รองลงมาจะเป็นกุ้ง แล้วอย่างหนึ่งที่ขึ้นชื่อก็คือกะปิหวาน เป็นกะปิที่มีรสเค็มน้อยกว่ากะปิทั่วไปแต่มันก็ไม่ได้ถึงกับมีรสหวานนะครับ มีคนบอกว่าเอาไปทำข้าวคลุกกะปิจะอร่อยกว่ากะปิที่เค็มมากๆ เหมือนที่เราเคยกิน อีกอย่างหนึ่งที่คนชอบซื้อกินก็คือไข่ปลาทอด เค้าจะเอาเฉพาะไข่ปลามาทอดขาย บางร้านมีน้ำจิ้มให้ ไข่ปลากินเปล่าๆ มีรสมันๆ เค็มๆ กินมากๆ ก็จะเลี่ยน เลยมีน้ำจิ้มแก้เลี่ยนให้
งานล่องเรือแลนกทะเลน้อย จากนั้นเดินไปเรื่อยๆ ก็จะมีที่พักมากมาย ส่วนหนึ่งสร้างกันคล้ายๆ กับอพาร์ทเมนท์ตั้งอยู่ริมถนน เวลาจะเที่ยวทะเลน้อยก็แค่เดินข้ามถนนก็ถึง ด้านหนึ่งก็เป็นร้านอาหารเรียงรายกันริมทะเลน้อย ร้านอาหารเค้าเปิดอยู่แบบถาวร ส่วนในงานล่องเรือแลนก เค้าจะมาเปิดร้านเป็นแผงเล็กๆ มีของกินเป็นหลัก เดินเลือกซื้อแล้วก็มานั่งกินที่โต๊ะตรงกลางที่จัดไว้ให้ ท้ายสุดของงานมีเวทีเล่นดนตรีให้ฟัง บรรยากาศริมทะเลน้อย ของกิน และดนตรี ก็ดึงดูดคนมาเที่ยวได้เยอะทีเดียว
อีกส่วนหนึ่งของงานจะเป็นร้านของฝากแล้วก็เสื้อผ้า ก็มีให้เลือกเยอะแยะ ของฝากก็จะเป็นขนมชื่อดังจากหมู่บ้านต่างๆ มาเปิดร้านรวมกัน
นี่แหละครับครบเครื่องเรื่องทะเลน้อยขนานแท้ เที่ยวทั้งทีต้องครบแบบนี้เลย...
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ