ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานหาดใหญ่ 0 7423 1055, 0 7423 1055, 0 7423 8518
http://www.tourismthailand.org/hatyai
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
วังเจ้าเมืองอยู่ในเขตอำเภอเมืองที่หาได้ง่ายมาก พื้นที่ตรงบริเวณถนนอภัยบริรักษ์ซึ่งเป็นถนนสายหลักในเมืองพัทลุง ถ้ามาจากย่านการค้าตลาดในเมืองพัทลุงให้มุ่งหน้าไปทางตะวันออก (หาดแสนสุขลำปำ) วังเจ้าเมืองอยู่ทางด้านขวามือ ห่างจากวัดวังไม่มากสังเกตุง่ายๆ จากกำแพงที่ก่อด้วยอิฐแดงกับป้ายวังเจ้าเมืองพัทลุงที่เด่นมาก ทีแรกก็จินตนาการว่า น่าจะตั้งอยู่ในสถานที่ที่กว้างขวางมากๆ แต่ความจริงแล้วไม่ได้กว้างอย่างที่คิด แนวกำแพงที่ติดถนนอภัยบริรักษ์ ยาวไม่ถึง 100 เมตร ครับ ที่จอดรถอยู่ด้านในกำแพงนี้เลย ค่าเข้าชมคนไทยคนละ 20 บาท เท่านั้นเอง
วังเก่า เป็นสิ่งแรกที่เราเห็นตั้งแต่ยังไม่ได้เข้ากำแพงมา ในพื้นที่ทั้งหมดของวังเจ้าเมืองพัทลุง ประกอบด้วยหมู่อาคาร 2 กลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกัน แล้วก็มีพื้นที่โดยรอบค่อนข้างกว้างขวาง อาคารหลังที่อยู่หน้าสุดเป็นไม้ เรียกว่าวังเก่า ส่วนด้านหลังลึกเข้าไป เป็นอาคารก่ออิฐฉาบปูน เรียกว่าวังใหม่ มีประวัติความเป็นมาดังนี้
ประวัติวังเจ้าเมืองพัทลุง รัฐบาลและประชาชนชาวไทยได้ร่วมกันอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถาน วังเจ้าเมืองพัทลุงระหว่างปีพุทธศักราช 2531-2536 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย 2 เมษายน 2536 และเพื่อธำรงรักษามรดกวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่ยั่งยืนเป็นหลักฐานแสดงอารยธรรมของประเทศสืบไป สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธาน ทรงประกอบพิธีเปิดวังเจ้าเมืองพัทลุง เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พุทธศักราช 2536
วังเก่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อครั้งพระยาอภัยบริรักษ์ (น้อย จันทโรจวงศ์) ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองพัทลุง ระหว่างพุทธศักราช 2412 - 2431 สถานที่แห่งนี้จึงมีฐานะเป็นที่ว่าราชการเมืองพัทลุงเรื่อยมา จนกระทั่งพุทธศักราช 2431 พระอภัยบริรักษ์ กราบบังคมทูลลาออกจากราชการด้วยมีความชราภาพ และดวงตามืดมัวเนื่องจากโรคต้อกระจก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนขึ้นเป็นพระยาวรวุฒิไวยวัฒลุงควิสัยอิศรศักดิ์พิทักษ์ราชกิจนริศราชภักดีอภัยพิริยพาหะ จางวางเมืองพัทลุง พระยาวรวุฒิไวยฯ ยังคงพำนักอยู่ ณ วังแห่งนี้ต่อมา จนถึงแก่อนิจกรรมในพุทธศักราช 2446 วังแห่งนี้จึงเป็นมรดกตกทอดไปยังหลวงศรีวรวัตร (พิณ จันทโรจวงศ์) และทายาทตามลำดับ
วังเก่ามีลักษณะเป็นเรือนไทยแฝดสามหลัง ยกใต้ถุนสูง จั่วขวางตะวัน เรือนหลังที่ 1 และ 2 ทำเป็นห้องนอน ด้านหน้าห้องนอนสร้างเป็นห้องโถงติดกัน ถัดออกไปเป็นชานขนาดเล็กต่อไปยังเรือนครัววัสดุก่อสร้างเป็นไม้ทั้งหมด วิธีการประกอบเรือนใช้ลูกสัก หรือลิ่มไม้เชื่อมยึดแทนตะปู
หลังจากหมดการปกครองด้วยระบบเจ้าเมืองแล้ว วังเก่าก็อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม จนกระทั่งพุทธศักราช 2535 ทายาทของพระยาอภัยบริรักษ์ (น้อย จันทโรจวงศ์) ซึ่งถือครองกรรมสิทธิ์วังเก่าและที่ดิน ได้แก่ นางประไพ มุตตามระ นางสาวผอบ นะมาตร์ และนายธรรมนูญ จันทโรจวงศ์ ได้โอนกรรมสิทธิ์วังเก่าและที่ดินทั้งหมด ให้แก่แผ่นดิน โดยมีกรมศิลปากรเป็นผู้ดูแล เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2535
วังเจ้าเมืองพัทลุง (วังเก่า) ตอนนี้เราก็ขึ้นมาชมด้านบน ซึ่งเปิดให้เราได้ชมทุกห้อง มีการตกแต่งเหมือนอย่างในอดีต เครื่องเรือนหลายอย่างก็เป็นของเก่าแก่หาชมยาก
วังใหม่ หลังจาเดินชมบนเรือนวังเก่าแล้ว ก็เดินทะลุมาด้านหลังของเรือนไม้ มีบันไดทางลงอีกทาง ก็จะเห็นวังใหม่อยู่เบื้องหน้า มีสนามหญ้ากั้นกลาง มีทางเดินที่สร้างเป็นคอนกรีตอย่างดี ไม้ดอกไม้ประดับหลายชนิดสวยงาม วังใหม่เป็นส่วนหนึ่งของวังเจ้าเมืองพัทลุง ซึ่งความจริงวังเจ้าเมืองพัทลุงก็หมายถึงทั้งวังเก่าและวังใหม่ แต่เป็นของเจ้าเมืองคนละรุ่นกัน วังใหม่เป็นของเจ้าเมืองซึ่งเป็นบุตรของเจ้าเมืองเจ้าของวังเก่า วังใหม่สร้างขึ้นภายหลังจากหลวงจักรานุชิต (เนตร จันทโรจวงศ์) บุตรชายของพระยาอภัยบริรักษ์ (น้อย จันทโรจวงศ์) ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นเจ้าเมืองพัทลุงต่อจากบิดาซึ่ง โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนขึ้นเป็นจางวาง ที่ปรึกษาราชการเมืองพัทลุง ในพุทธศักราช 2431 ในครั้งนั้นจึงมีการสร้างวังใหม่ขึ้นทางด้านหลังวังเก่าทางด้านทิศใต้ติดกับคลองลำปำ ชาวบ้านจึงเรียกวังใหม่นี้ว่า วังชายคลอง หรือวังใหม่ชายคลอง แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมเรียกเท่าชื่อ วังใหม่
วังใหม่เป็นกลุ่มเรือนไทย 5 หลัง ยกพื้นสูงล้อมรอบชานซึ่งอยู่ตรงกลาง เรือนทั้ง 5 หลังนี้ประกอบด้วยเรือนประธาน มีลักษณะเป็นเรือนแฝด ภายในมีห้องนอนหลายห้องใช้เป็นที่พักของพระยาอภัยบริรักษ์ (เนตร จันทโรจวงศ์) พร้อมภรรยาเอกและบุตร ด้านหน้าห้องนอนเป็นห้องโถงใช้สำหรับเป็นสถานที่สำหรับเจ้าเมืองว่าราชการ ส่วนเรือนไทยอีก 1 หลัง เป็นเรือนขนาดเล็ก มีห้องนอนและระเบียงหน้าห้องเหมือนกันทุกหลัง ใช้เป็นที่อยู่ของอนุภรรยาและบุตรของเจ้าเมือง ส่วนเรือนหลังสุดท้ายเป็นเรือนครัว
ในปี 2526 ทายาทของพระยาอภัยบริรักษ์ (เนตร จันทโรจวงศ์) นำโดยนายวิเวก จันทโรจวงศ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้มอบกรรมสิทธิ์วังใหม่พร้อมที่ดินให้แก่กรมศิลปากร โดยมีพิธีรับมอบอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2526
เรือนไทยหลายหลังที่สร้างเป็นกลุ่ม เชื่อมช่องว่างระหว่างแต่ละหลังด้วยกำแพงมีช่องประตูในแต่ละด้าน ตอนนี้ก็กำลังมองหาประตูที่เปิดเข้าไปข้างในได้อยู่ครับ
ภายในห้องวังใหม่ เดินหาประตูที่จะเข้ามาในวังใหม่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ เลยเดินอ้อมไปด้านหน้าริมคลองลำปำเจอศาลาริมน้ำ และเรือที่คานเอาไว้ที่ท่าน้ำหน้าวัง อีกฟากหนึ่งของคลองเป็นบ้านเรือนของชาวบ้าน ช่างเป็นภาพบรรยากาศที่ดีเสียนี่กระไร จากนั้นผมก็เดินขึ้นมาบนเรือนหลังหนึ่งที่น่าจะเป็นเรือนประธานของทั้งหมด ภายในห้องก็มีของหลายอย่างให้เราได้ศึกษาย้อนหลังอดีต มุมห้องดูเหมือนเป็นโต๊ะทำงาน แล้วก็มีพานที่มีหมวกอยู่ 1 ใบ แสงสว่างที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้มุมนี้สว่างเหมาะที่จะนั่งทำงานครับ พอเห็นแบบนี้แล้วก็เลยถ่ายด้วยโหมดภาพซีเปียเก่าๆ มาให้ชมกัน
อีกด้านหนึ่งของวังใหม่ ตอนนี้ผมก็ชมบริเวณรอบๆ ทั้งภายในและภายนอกของวังเก่า และวังใหม่ เรียบร้อยแล้วตอนนี้จะเดินออกไปที่ลานจอดรถด้านหน้า ก็เลยได้เห็นอีกมุมหนึ่งของวังใหม่ที่มีเรือนเรียงกันอยู่ 3 หลัง
ท่าน้ำหน้าวัง เป็นภาพสุดท้ายปิดการนำเที่ยววังเจ้าเมืองพัทลุง ผมนั่งอยู่ในศาลาริมน้ำเห็นบ้านเรือนฟากตรงข้ามกับวัง บรรยากาศริมน้ำร่มรื่นดี
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ