วัดทุ่งเศรษฐี

วัดทุ่งเศรษฐี มีจุดเริ่มต้นเล็กๆ ด้วยความคิดที่จะสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมของหลวงตาย่ามแดง กล่าวถึงหลวงตาย่ามแดงพอสังเขป ว่าท่านเคยบวชเป็นพระญาติโยมเรียกท่าว่าหลวงตา เมื่อสึกออกมาท่านนุ่งขาวห่มขาว สะพายย่ามสีแดง ปฏิบัติตนอยู่ในพระธรรมเหมือนเช่นสมัยที่เป็นพระ ลูกศิษย์ลูกหาก็ยังคงเรียกท่านว่าหลวงตา ด้วยย่ามสีแดงที่สะพายเป็นประจำ ในบางครั้งก็นุ่งห่มสีแดงด้วย เลยเรียกกันว่าหลวงตาย่ามแดง ที่ดินที่จะสร้างสถานปฏิบัติธรรมเป็นที่ดินของท่านเองในตำบลพระลับ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ท่านเรียกรถแบคโฮมาปร้บที่ดินขุดพบพระขรรค์เก่าแก่ยาวราวฟุตกว่า เห็นว่าน่าจะมีความพิเศษบางอย่างบนที่ดินผืนนี้ ท่านเข้าญาณเล็งเห็นว่าเป็นพื้นที่บรรจบกันของ 3 โลก คือสวรรค์โลกมนุษย์และบาดาล จึงคิดจะสร้างเป็นวัดขึ้น เหล่าศิษยานุศิษย์ช่วยกันซื้อที่ดินขยายพื้นที่ออกไปจนรวมได้ 73 ไร่ จุดบรรจบของสามโลกธาตุนั้นได้กำหนดให้เป็นที่สร้างพระมหาเจดีย์ครอบเอาไว้

ก่อนการออกแบบจะเริ่มขึ้นหลวงตาย่ามแดงได้กล่าวว่า เจดีย์นี้เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะเป็นแบบนานาชาติ ธิเบต ไทย แขก จีน ฝรั่ง ผสมกัน ไม่ว่าคนชาติไหนมาก็จะเข้าใจศิลปะของมหาเจดีย์องค์นี้ได้ไม่ยาก สถาปนิกผู้ได้รับมอบหมายให้ออกแบบถึงกับงงเพราะยังไม่มีความคิดอะไรเกี่ยวกับเจดีย์นี้เลยสักอย่าง หลวงตาย่ามแดงให้สร้างเจดีย์นี้ในโครงการที่ชื่อว่า มหาเจดีย์ร้อยล้าน พร้อมยังกล่าวกับลูกศิษย์ว่าจะมีมหาเศรษฐีพันล้านมาช่วยเป็นธุระรับก่อสร้างให้ ท่านวางศิลาฤกษ์วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ยกยอกฉัตรทองคำเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2551 หลังจากยกยอดฉัตรแล้วก็เกิดสิ่งอัศจรรย์รถเครนหมุนข้ามยอดฉัตรไม่ได้ จนสุดท้ายต้องถอดถอนเครนลงมา

เมื่อสร้างเสร็จแล้วหลวงตาให้ชื่อมหาเจดีย์องค์นี้ว่า มหาเจดีย์รัตนะ พ้องกับชื่อ จุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตามความเชื่อว่าจุดนี้เป็นจุดบรรจบของสามโลก และอยู่ตรงกลางระหว่างจุฬามณีเจดีย์ บรรจุพระเขี้ยวแก้วซี่บนขวา กับเจดีย์ในนาคพิภพบรรจุพระเขี้ยวแก้วซี่ล่างซ้าย หลวงตาได้อธิษฐานอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วซี่ล่างขวามาบรรจุไว้ในพระมหาเจดีย์องค์นี้

หลังจากสร้างมหาเจดีย์แล้ว ท่านเจ้าคุณสมาน (พระธรรมดิลก เจ้าอาวาสวัดป่าแสงอรุณ) ได้ให้ความเมตตาแนะนำให้ขยายนามมหาเจดีย์รัตนะ ให้มีความหมายกว้างและลึกซึ้งกว่าเดิม ว่า "มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ" มีความหมานสอดคล้องกับแนวคิดที่หลวงตาได้วางไว้ คือเป็นมหาเจดีย์แก้วรัตนะแห่งสามโลก ตอนที่หลวงตาดำริให้สร้างวัดก็ตั้งชื่อวัดไว้พร้อมสรรพแล้ว ว่า วัดทุ่งเศรษฐี คำว่าเศรษฐีนั้นเป็นคำสันสกฤต อย่างบาลี ต้องเขียนว่า เสฏฐี แปลว่าผู้ประเสริฐ

ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. ขอนแก่น โทร 0 4322 7714-5
http://www.tourismthailand.org/khonkaen

แก้ไขล่าสุด 2017-02-18 10:46:56 ผู้ชม 46420

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

วัดทุ่งเศรษฐีขอนแก่น วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ทางเลี่ยงเมืองขอนแก่น ถ้ามาจากบ้านไผ่ถนนมิตรภาพก่อนถึงตัวเมืองจะมีทางเลี่ยงเขียนว่าไปกาฬสินธุ์ ก็เลี้ยวขึ้นสะพานไปตามลูกศร ไปอีกไม่กี่กิโลเมตร จะเห็นป้ายชี้เข้าวัดด้านซ้ายมือ วัดแห่งนี้เข้าได้ 2 ทาง เรียกว่าประตู 1 กับ ประตู 2 ภาพด้านบนเป็นภาพที่ผมเลี้ยวเข้าประตู 2 จะเห็นมหาเจดีย์ตั้งอยู่กลางทุ่ง ทีแรกคิดว่าวัดแห่งนี้คงมีพื้นที่น้อย ตั้งอยู่กลางทุ่งนาเป็นที่มาของชื่อทุ่งเศรษฐี พอได้อ่านประวัติเข้าจริงๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นวัดที่มีพื้นที่ถึง 73 ไร่ ทุ่งนาที่เห็นก็น่าจะเป็นที่ของวัดไปด้วย

เดินเข้ามาจะเห็นลานพญายมก่อน มีรูปปั้นเปรตและขุมนรกต่างๆ ให้เป็นคติเตือนใจสำหรับคนทำบาปทำกรรม แล้วจะมีทางเดินเล็กๆ เข้ามายังมหาเจดีย์ ส่วนถ้าเข้าประตู 1 ก็ไม่ต้องเดินไกลขนาดนี้

สิ่งแรกที่เห็นที่ทางเดินก็คือมณฑปองค์ปฐม และวิหารพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) แล้วจึงเป็นมหาเจดีย์กลางน้ำ ภายในวัดมีกุฏิเล็กๆ อยู่หลายหลังตั้งอยู่ห่างกันมากพอสมควร จึงดูเป็นกุฏิที่วิเวกเหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก ตามต้นไม้จะเห็นป้ายคติธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาให้เห็นเป็นระยะๆ

มณฑปองค์ปฐม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิกขีทศพล

มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ มหาเจดีย์ร้อยล้าน ที่สร้างอยู่กลางน้ำ เรื่องประวัติการสร้างเล่าไปแล้วด้านบน ตรงนี้ขอเล่าความรู้สึกที่ได้เห็นเจดีย์องค์นี้สักหน่อยว่า เจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่กลางน้ำรูปสี่เหลี่ยม มีทางเดินเข้าไปยังเจดีย์ได้ 3 ด้าน เป็นทางดิน 2 ด้าน คือทิศใต้ที่ผมยืนอยู่กับทิศตะวันตก มีสะพานเหล็กเชื่อมเข้าไปจากทิศตะวันออก ส่วนทิศเหนือไม่มีทางเชื่อมเข้ามา ก่อนที่จะได้อ่านประวัติการสร้างมหาเจดีย์ ผมก็รู้สึกว่าเจดีย์องค์นี้เป็นศิลปะผสมผสาน มีความเป็นไทย จีน แขก และตะวันตก อยู่อย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่ผสมกันได้อย่างลงตัวไม่แตกแยกออกให้ขัดความรู้สึก เจดีย์ที่ทาด้วยสีขาวทั้งองค์ตกแต่งด้วยสีทองสวยงามสะดุดตาแต่ไกล ความรู้สึกหนึ่งที่เข้ามาในใจก็คือรู้สึกคล้ายกันกับพระมหาเจดีย์ชัยมงคลที่ร้อยเอ็ดพอสมควรเลยทีเดียว

จากภาพนี้ไปจะซูมให้ดูรายละเอียดของศิลปะการก่อสร้างพระมหาเจดีย์องค์นี้ทีละส่วนๆ ครับ

เจดีย์ราย เป็นเจดีย์องค์เล็กรอบเจดีย์ประธาน มีเทพทวารบาลอย่างเช่นท้าวเวสสุวรรณประจำอยู่ แต่ละทิศ

ภายในพระมหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ ชมความงดงามภายนอกกันแล้วก็เข้ามาชมด้านในกันครับ อ้อก่อนจะเข้ามาจุดเทียนธูปสักการะพระมหาเจดีย์ด้านนอกก่อนนะครับ ภายในห้ามจุดครับ เจดีย์องค์นี้มีทางเข้า-ออกทางเดียว ใช้กระจกรอบทุกด้าน เหลือด้านที่เป็นประตูมีม่านขึงไว้กันนกหลงเข้ามา ถ้าเราเข้าไปแล้วให้ปิดม่านให้ดีๆ นะครับ เพราะนกหลงเข้ามาหาทางออกไม่ได้จะน่าสงสารมาก

ทันทีที่เปิดม่านก็จะเห็นพระประธานกับความสวยงามภายในแบบชัดๆ เต็มๆ ตา

พอไหว้พระประธานอธิษฐานขออนุญาตถ่ายรูปเสร็จแล้วก็เตรียมกล้องครับ ใช้เลนส์ไวด์กว้างที่สุดที่มีก็ 10 mm เก็บให้ภาพตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แหงนกล้องขึ้นเก็บส่วนเพดานให้มากหน่อย มาถึงตรงนี้พอเห็นการตกแต่งบนเพดาน ผมนึกถึงวัดราชบพิธที่กรุงเทพฯ เลยครับ ภายในอุโบสถตกแต่งด้วยศิลปะตะวันตก ภายในมหาเจดีย์นี้ก็เห็นความเป็นตะวันตกได้มากทีเดียว ผสมกับจีนที่มีหัวมังกรรอบทุกทิศ

พระประธานประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีประดับด้วยเครื่องเงินดุนลายคล้ายกับที่วัดศรีสุพรรณจังหวัดเชียงใหม่

ประตูเงิน ด้านหลังองค์พระประธานมีพื้นที่เหลือสำหรับเป็นห้องติดตั้งสวิตซ์ไฟฟ้าต่างๆ และห้องเก็บของ แต่ที่น่าสนใจคือบานประตูเป็นแผ่นเงินดุนลายขนาดใหญ่ลวดลายสวยงามมาก

ประตูเข้า-ออกพระมหาเจดีย์

ลายบนกระจก สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือกระจกใสๆ ที่อยู่รอบๆ เจดีย์ จะมีลวดลายเกี่ยวกับคำสอนทางพระพุทธศาสนา เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๙ มีคติธรรม นิทานอีสป ยกตัวอย่างเช่น ราชสีห์กับหนู แต่รูปหนูใช้มิกกี้เมาส์แทนดูน่ารักแปลกตาน่าสนใจ ทำให้ธรรมะเป็นเรื่องง่ายต่อการเข้าถึง ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่

พระพุทธนีลวรรโณศีโลทรัพยุดม พระนามขององค์พระประธานที่ชาวบ้านเรียกขานกันสั้นๆ ว่า หลวงปู่ดำ เป็นพระพุทธรูปปางขัดสมาธิองค์ใหญ่ประดิษฐานผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกคือประตูทางเข้าเจดีย์นั่นเอง

ไหว้พระถ่ายรูปเสร็จแล้ว ตอนนี้มาอยู่ด้านนอก เดินรอบๆ มาถึงด้านหลังด้านทิศตะวันตกของเจดีย์ เห็นพระเบื้องลายพุทธประวัติที่สวยงามก็เลยเก็บมาให้ชมกันอีกสักหน่อย

มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ จบการนำเที่ยววัดสวยๆ ด้วยภาพตอนเย็น ครับ โชคดีมากที่ในเดือน พฤศจิกายน จะมีการเปิดไฟองค์พระมหาเจดีย์ทุกวัน ไม่งั้นต้องรอให้ถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนาเท่านั้น สำหรับผู้ที่สนใจจะทำบุญค่าไฟรอบองค์เจดีย์ให้ติดต่อที่วัดนะครับ เพราะค่าไฟจะแพงมากมีไฟรอบองค์เจดีย์จำนวนมากเลยทีเดียว