ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานตราด โทร.039-597-259-60, 039- 597-255
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ยินดีต้อนรับสู่บ้านท่าระแนะ สำหรับคนที่ไม่เคยมายังหมู่บ้านนี้มาก่อน การเดินทางเข้ามาถึงเป็นครั้งแรกอาจจะไม่รู้ว่าควรไปเริ่มต้นที่ไหนดี ถนนเข้าบ้านท่าระแนะเป็นถนนสายเล็กๆ มีการปลูกพืชสวนครัวริมถนน มองหาเพิ่งหลังนี้ให้เจอแล้วจะมีชาวบ้านออกมาต้อนรับ จุดนี้เรียกว่าศาลากลางของหมู่บ้านก็ว่าได้ ภายในเพิงเล็กๆ หลังนี้จะมีโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ด้านหน้า บนโต๊ะจะต้องมี ชาร้อยรู ของขึ้นชื่อประจำหมู่บ้าน และสมุนไพรหลายชนิดเรียงรายอยู่ด้านข้าง เป็นสมุนไพรที่ใช้ในการอบสปาเจ๊ก และสำหรับการขัดผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสวยงาม คนที่รู้สรรพคุณของชาร้อยรูเดินทางมาเพื่อซื้อชาบรรจุขวดก็มี แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวเป็นหมู่คณะจะได้เรียนรู้การทำชาร้อยรู การหาหัวร้อยรู การปลูกหัวร้อยรู และแน่นอนว่าจะทดลองทำสปาก็ย่อมทำได้
ชาวบ้านพาเด็กๆ ออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งนี้เด็กๆ เหล่านี้จะได้เรียนรู้วิธีการทำสปาเจ๊ก โดยมีนักท่องเที่ยวร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน คือการสอนด้วยการปฏิบัติจริง ความรู้เหล่านี้ก็จะถูกถ่ายทอดไปยังอนาคตของหมู่บ้านตัวน้อยๆ เหล่านี้ไม่ให้สูญหายไป
ชาร้อยรูและการขัดผิวด้วยสมุนไพร เมื่อเข้ามาถึงหมู่บ้านท่าระแนะแล้ว เราก็จะได้รู้เรื่องราวของสมุนไพรโบราณประจำหมู่บ้านอย่างหนึ่งก็คือหัวร้อยรู หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กระเช้าผีมด ด้วยลักษณะของต้นไม้ชนิดนี้เหมือนกระเช้า และมดชอบมาอยู่อาศัยกันเป็นจำนวนมาก เมื่อออกดอกมีหัวขึ้นมาในหัวร้อยรูจะมีรูอยู่จำนวนมาก
ส่วนการขัดผิวพรรณก็จะใช้สมุนไพร ได้แก่ อบเชย ขมิ้น นมสด ฯลฯ มาผสมจนเข้ากันขัดบำรุงผิวพรรณ เป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาช้านาน
สปาเจ๊กหรือสปาปิ่นโต เป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาแต่อดีต ลักษณะการสานห้องสปารูปร่างเหมือนปิ่นโต มีประตูด้านหน้าปิดด้วยผ้าสีดำ คนที่จะทำสปาให้เข้าไปนั่งด้านในพร้อมกับเตาถ่ายมีหม้อต้มสมุนไพร ภายในหม้อประกอบด้วยสมุนไพร 32 ชนิด ในระยะหลังสมุนไพรเริ่มสูญหายไปจากหมู่บ้านเพราะมีการส่งเสริมการปลูกยางพารา เมื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตราดเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านเพื่อฟื้นฟูเอาภูมิปัญญาเหล่านี้มาเปิดให้บริการนักท่องเที่ยว จึงได้ขอสมุนไพรบางชนิดที่ขาดหายไปจากตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์
การทำสปาแบบนี้จะทำให้ร่างกายร้อนขึ้นรูขุมขนเปิดมีเหงื่อออก ทำให้รู้สึกสบายตัว สำหรับผู้หญิงหลังคลอด ช่วยขับน้ำคาวปลา มดลูกเข้าอู่ รักษาอาการปวดเมื่อย ตัวยาหลายตัวมีสรรพคุณช่วยระบบการหายใจ โล่งจมูก ละลายเสมหะ และอีกหลายตัวช่วยรักษาโรคแตกต่างกันไป โดยมากก็จะเกี่ยวกับโรคผิวหนัง ผดผื่นคัน กลากเกลื้อน แก้โรคเหน็บชาปลายนิ้ว แขน ขา
เรือใบคันทรง ภูมิปัญญาชาวบ้านอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบ้านหนองคันทรง และเป็นที่มาของชื่อตำบลหนองคันทรง ก็คือการนำเอาใบคันทรงมาทำเป็นใบของเรือใบ ด้วยคุณสมบัติที่เหนียวทนทาน แต่ปัจจุบันต้นคันทรงหายากขึ้นทุกวัน และเรือใบไม่เป็นที่นิยมใช้กันเพราะมีเทคโนโลยีเข้ามาแทนเรือใบคันทรงก็ยังคงอยู่เพียงเป็นนิเวศพิพิธภัณฑ์ที่ชาวบ้านจะอนุรักษ์ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาหาความรู้ เรือใบคันทรงที่เห็นและแพที่จอดอยู่ข้างหลักกิโลเมตรใหญ่ นั่งออกไปตามไม่น้ำได้จริงเป็นกิจกรรมที่คนมาเที่ยวจะได้ลองสัมผัส
แต่สำหรับวันนี้เราจะพาเข้าไปชมป่าชายเลนกันก่อน จะได้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของท่าระแนะ
เรียนรู้การมัดปูดำ ความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนในหมู่บ้านท่าระแนะ เป็นผลให้ในพื้นที่มีปูดำอาศัยอยู่มากมาย จนเป็นอาชีพหลักอย่างหนึ่งของชาวบ้าน แต่การจับปูดำออกมาจากธรรมชาติเพื่อขายทำให้จำนวนของปูลดลงอย่างรวดเร็ว ด้วยวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและความมุ่งมั่นที่จะสร้างความความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชาวบ้าน นายวรนิติ์ กายราศ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยยแห่งประเทศไทย สำนักงานตราด จึงได้ลงพื้นที่ร่วมมือกับชาวบ้านสร้างระบบ นิเวศพิพิธภัณฑ์ หรืออีโคมิวเซียม ด้วยหลักการธนาคารสีเขียวขึ้น โดยการปล่อยปูดำขนาดเล็กคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่ห้ามจับปูดำ เพื่อให้มันมีโอกาสได้ขยายพันธุ์และเจริญเติบโต นักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่นี่จะได้กินปูดำ แต่ก็ต้องนำปูดำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติรวมทั้งได้ลองเรียนรู้การมัดปู โดยมีชาวบ้านเป็นผู้นำในการทำกิจกรรม
จอมยุทธมือเดียว โชว์การมัดปูโดยชาวบ้านที่เรียกกันว่าจอมยุทธ ด้วยความสามารถในการมัดปูถึงแม้จะมีแขนเหลือเพียงข้างเดียวก็ยังสามารถจับปูมามัดอย่างรวดเร็วชนิดที่คนมี 2 มือ ยังสู้ไม่ได้
ปล่อยปูคืนสู่ธรรมชาติ ชาวบ้านจับปูด้วยวิธีการวางลอบ บางคนวางลอบดักปูถึง 100 จุด จับปูได้ครึ่งตะกร้า แต่ก็มีหลายตัวที่มีขนาดเล็ก ชาวบ้านเรียนรู้ที่จะนำเอาปูขนาดเล็กปล่อยคืนสู่ธรรมชาติตามหลักการธนาคารสีเขียว เมื่อโตได้ขนาดจึงไปจับมาขาย แต่ผู้ปล่อยปูก็คือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในหมู่บ้าน กิจกรรมเหล่านี้ก็คือหลักการที่เรียกว่า เปลี่ยนนักท่องเที่ยว จากผู้รับการบริการจากชาวบ้านและจ่ายเงิน มาเป็นผู้ให้คืนกลับสู่ธรรมชาติ สร้างความมั่นคงยั่งยืนของระบบนิเวศ ก่อนที่สิ่งเหล่านี้จะหายไปจากหมู่บ้านอย่างยากที่นำกลับมาได้อีก
มหัศจรรย์ป่าชายเลนบ้านท่าระแนะ หลังจากกิจกรรมปล่อยปูตรงทางเข้าป่าชายเลนเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็จะเดินเข้าไปชมป่าชายเลนของหมู่บ้าน ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากการชี้วัดความสมบูรณ์ของป่าชายเลนตามสายตาของผมก็คือการได้เห็นสัตว์ต่างๆ ตัวเล็กตัวน้อย ไปจนถึงตัวใหญ่เดินไปเดินมาอยู่ในพื้นที่ของป่า แล้วก็ได้เห็นต้นไม้หลากหลายชนิดเติบโตอยู่ในพื้นที่ ทางเดินชมป่าชายเลนสร้างเป็นคอนกรีตตลอดทางลึกเข้าไปหลายร้อยเมตร มีศาลาพักอยู่ระหว่างทาง 2 หลัง การเดินชมป่าชายเลนบ้านท่าระแนะรู้สึกดีที่ไม่เห็นขยะอยู่ตามข้างทางเดินเลย
แสม 100 ปี เป็นสัญลักษณ์ของการเข้าถึงจิตอนุรักษ์ของชุมชนป่าแห่งนี้จึงได้คงอยู่คู่หมู่บ้านมานาน โดยดูจากต้นแสมอายุ 100 ปีต้นนี้
กระเช้าผีมด ชื่อนี้ผมกล่าวไปแล้วตอนต้น คือชื่อของกาฝากชนิดหนึ่งที่พบเห็นได้ในป่าชายเลน เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า หัวร้อยรู เป็นสมุนไพรมีสรรพคุณหลายอย่าง หัวมีขนาดใหญ่ฝานบางๆ ตากแห้ง เอาไปชงเป็นชา สรรพคุณของหัวร้อยรูเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปอย่างรวดเร็วจนมีความต้องการสูงในตลาด บางครั้งให้ราคาสูงถึงหัวละ 800 บาท ชาวบ้านจึงได้นำเอาไปขายจนใกล้สูญพันธุ์ไปจากหมู่บ้าน หัวร้อยรูพบเห็นได้ยากขึ้นทุกวัน ผู้ใหญ่บ้านจึงได้ร่วมมือกับ ททท. ตราด ในการสร้างนิเวศพิพิธภัณฑ์ นำเอาหัวร้อยรูที่พบเห็นตามแหล่งต่างๆ ที่เสี่ยงจะโดนตัดไป เอามาปลูกรวมกันไว้ในเส้นทางเดินชมป่าชายเลนของหมู่บ้าน เพราะดูแลได้ง่าย จุดนี้เป็นจุดสิ้นสุดทางเดิน ถ้ามาร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวของหมู่บ้านตั้งแต่กิจกรรมแรก จะเดินมาถึงจุดนี้ตอนประมาณเที่ยงพอดี ชาวบ้านจัดเอาอาหารพื้นบ้านหลายอย่างมารอ อย่างหนึ่งที่เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกก็คือ หอยฟันกระต่าย ซึ่งต้องกินกับข้าวมันเหมือนกับข้าวมันไก่ อร่อยเด็ดอย่าบอกใคร
ปลูกหัวร้อยรู กิจกรรมตามหลักการธนาคารสีเขียวของเราก็ยังดำเนินกันต่อไป ทุกคนจะได้รับหัวร้อยรูคนละหัวพร้อมกับเชือกคนละเส้น เพื่อไปผูกกับต้นไม้ในป่าชายเลน เมื่อถึงฤดูฝนรากของหัวร้อยรูก็จะเกาะต้นไม้เองตามธรรมชาติ เพราะร้อยรูเป็นกาฝากชนิดหนึ่ง นับจากนี้ไปยิ่งมีคนมาเที่ยวบ้านท่าระแนะมากเท่าไหร่ หัวร้อยรูและปูดำก็จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้เริ่มเข้าใจระบบนิเวศพิพิธภัณฑ์แล้วหรือยังครับ ^-^
หอชมวิว เป็นหอสูง 4 ชั้นสูงพอดีกับความสูงของต้นไม้ในป่าเมื่อเดินขึ้นไปยืนข้างบนจะมองเห็นวิวป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์สุดสายตา นี่ก็เป็นอีกหนึ่งดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่าด้วยการมองตาเปล่า
มหัศจรรย์ป่าชายเลนบ้านท่าระแนะยังไม่หมดเพียงเท่านี้ กิจกรรมต่อมาจากศาลาปลายทางเดินมีคลองขอนเป็นคลองสาขาจากคลองเจ๊ก พาเราเข้าไปยังแดนมหัศจรรย์พรรณไม้อย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน จากป่าโกงกางรากยาวไปต่อที่ป่าจากใบยาวๆ จากนั้นก็จะเป็นพื้นที่ของป่าตะบูนรากของตะบูนไม่หยั่งลึกลงในดินแต่มีโครงข่ายรากอยู่เหนือผิวดินลักษณะรูปร่างของต้นตะบูนก็ดูสวยงามอย่างมหัศจรรย์
การเดินทางสู่ลานตะบูนของวันนี้เราออกเดินทางช้าไปหน่อยทำให้ระดับน้ำลดลงมากเรือเข้ามาเกือบไม่ถึงคนพายเรือต้องลงไปเข็นเรือในตอนท้ายๆ ทำให้เราเข้าไปไม่ถึงพื้นที่ดงเป้ง และต้นลำแพนอายุ 100 ปีที่อยู่ลึกเข้าไปอีกได้ พอเรือถึงลานตะบูนเราก็เดินลึกเข้าไปในป่า เดินบนรากของตะบูนที่คดเคี้ยวไปเรื่อยๆ ชาวบ้านสร้างเป็นพื้นที่พักผ่อนด้วยกีฬาเรียบง่ายที่เรียกว่าโบว์ลิ่งตะบูน มีกระดานสี่แผ่นปูพื้นยาวๆ เอาไม้ตะบูนมาเหลาเป็นพินโบว์ลิ่ง และใช้ลูกกลมๆ ของมันเอามาเป็นลูกโบว์ลิ่ง เล่นกันสนุกสนานเพราะไม่สามารถกำหนดทิศทางการกลิ้งที่แน่นอนได้
โบว์ลิ่งตะบูน
ต้นตะบูน
ความมหัศจรรย์ของรากตะบูนในป่าชายเลน
ความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนที่นี่ทำให้เราได้เห็นหอยพอก อันเป็นหอยที่พบมากในป่าตะบูน ผู้ใหญ่บ้านเล่าว่าชาวบ้านไม่ค่อยชอบกินหอยชนิดนี้เพราะพบเห็นได้ง่ายเกินไป หอยพอกจึงเติบโตมีขนาดใหญ่มาก และมีจำนวนมากในป่าแห่งนี้ ส่วนในป่าจากก็มีจากอยู่มากมายอยู่กันจนแก่ มีเพียงคนนอกพื้นที่เข้ามาขโมยตัดเอาไปขายเต็มลำเรือ แต่หลังจากมีการสร้างนิเวศพิพิธภัณฑ์ชาวบ้านเข้ามาดูแลทรัพยากรเหล่านี้กันอย่างเข้มแข็งเก็บไว้ให้ลูกหลาน เราจึงได้เห็นสิ่งเหล่านี้อยู่มากมาย สุดท้ายก่อนจากออกมาก็ได้เห็นเจ้าลิงเจ้าถิ่นที่นี่ออกมาหากินตามธรรมชาติอย่างไม่เกรงกลัวคน
การท่องเที่ยวในลักษณะนี้จะพบเห็นได้มากขึ้นต่อไปในอนาคตเพราะคนเริ่มเห็นความสำคัญของธรรมชาติ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราดจึงเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงด้วยการเตรียมชุมชนแบบนี้ให้เราได้เข้าไปสัมผัสมากถึง 7 ชุมชน และกำลังสร้างเพิ่มขึ้นเป็นชุมชนที่ 8 ทัวร์ออนไทยก็อยากจะให้ทุกคนได้ลองเข้าไปสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ที่จะมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย แล้วจะได้รู้ว่าเมืองไทยมีความหลากหลาย สวยงามและน่าอยู่กว่าที่คิดอีกเยอะ
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท. สำนักงานตราด โทร.039-597-259-60, 039- 597-255
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ