โทร:0 3836 7229-30
ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. พัทยา โทร. 0 3842 7667, 0 3842 8750 Call Center 1337
http://www.tourismthailand.org/pattaya
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ริมขอบฟ้า ณ ชายหาดแหลมราชเวชพัทยา ปราสาทหลังหนึ่งมีชื่อเรียกว่า "ปราสาทสัจธรรม" สำแดงตัวเสียดยอดสู่ฟ้า ท่ามกลางตึกอาคารสมัยใหม่ อวดภูมิปัญญาของช่างไทย สมัยรัตนโกสินทร์อย่างเต็มภาคภูมิ
นานมาแล้วที่เราได้เห็นปราสาทไม้แกะสลักสูงตระหง่านอยู่ริมทะเล เมื่อครั้งที่ไปนั่งกินลมชมวิวที่หาดวงพระจันทร์ เห็นปราสาทหลังนี้ยังสร้างไม่เสร็จ ตั้งใจแน่วแน่ว่าเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วเราจะเข้ามาถ่ายรูปสวยๆ ให้เต็มที่ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ปราสาทหลังนี้ก็ยังคงอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แต่ลายละเอียดในส่วนต่างๆ ของปราสาทเสร็จไปเยอะมากแล้ว เห็นทีว่าจะรอให้เสร็จสมบูรณ์จริงๆ จะอีกนานมาก เลยเข้าไปชมข้างในเสียแต่วันนี้เลยจะดีกว่า
มหาปราสาทไม้แกะสลักสูงเสียดฟ้า สืบต่อวิทยาการจากสุดยอดอารยธรรมตะวันออก เป็นเหมือนคำจำกัดความของปราสาทสัจธรรมจากแผ่นพับที่แจกให้นักท่องเที่ยวที่เข้าไปชมปราสาท
ปราสาทหลังนี้มีพื้นที่โดยรอบ 80 ไร่ มีพื้นที่ในอาคารกว้างถึง 2115 ตารางเมตร ความสูงประมาณ 100 เมตร ยาวประมาณ 100 เมตร เริ่มลงมือสร้างเมื่อ พ.ศ.2524 มีจุดประสงค์สร้างสรรค์ปราสาทไม้เพื่อสืบสาน และฟื้นฟูภูมิปัญญาโบราณของสยามประเทศ ตามหลักฐานในประวัติศาสตร์ ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองหลวง ว่า มีอาคารโครงสร้างไม้ สูงกว่า 100 เมตร มิยิ่งหย่อนกว่าฝีมือสร้างตึก 20 ชั้นในปัจจุบัน
เล่ามาถึงตรงนี้ อยากจะพูดถึงค่าเข้าซะหน่อย เห็นหลายๆ คนบ่นว่าค่าเข้าแพงมาก คนละ 500 บาท ในมุมมองของเราที่ตัดสินใจเข้ามาที่นี่ เห็นเลยว่า 500 บาทนั้น ทั้งเป็นเงินที่จะซื้อไม้ ค่าแรงช่าง ค่าทำนุบำรุงดูแลรักษาไม้ ซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด และต้องสร้างส่วนที่ยังไม่เสร็จต่อไปโดยไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ มันไม่แพงจนเกินไป ที่คนไทยเราจะเดินเข้ามาร่วมภาคภูมิใจกับฝีมือคนไทย ที่พยายาม วิริยะอุตสาหะ สร้างสรรค์งานแกะสลักนับชิ้นไม่ถ้วนไว้บนปราสาทหลังนี้ ถ้าซื้อตั๋วคอนเสิร์ตเกาหลี หรือฝรั่ง ที่ร้องเพลงแป๊บเดียวก็จบ นับว่า 500 ถูกกว่าเยอะเลย
ปราสาทไม้หลังนี้แกะสลักทั้งหลัง แม้ว่าจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์แต่เราจะเห็นการแกะสลักบนพื้นที่หลายร้อยตารางเมตร ที่ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ สร้าง สวยงามทั้งภายนอกและภายใน สู้แดดลมฝนและไอเค็มของท้องทะเลมาถึง 34 ปีแล้ว ความพยายามที่ทาสีรักษาเนื้อไม้ก็เลยทำให้เราเห็นปราสาทมีสองสีในวันนี้
รายละเอียดจำนวนมากมายที่ถูกถ่ายทอดอย่างปราณีตโดยช่างผู้ชำนาญงาน รวบรวมเอาศิลปะแถบตะวันออกมาผสมผสานลงไปอย่างไม่ปิดกั้น ชาติ หรือศาสนา ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากมายให้มาชื่นชมความวิจิตรตระการตาหาเทียบได้ยาก ก่อนที่จะเดินเข้าปราสาท จะได้รับแจกหมวกสำหรับสวมป้องกันอันตรายเพราะภายในปราสาทมีการแกะสลักอยู่ตลอดเวลา บางพื้นที่จะมีการกั้นห้ามเดินเข้าไปเพื่อความปลอดภัย
ส่วนยอดของปราสาทที่อยู่เสียดฟ้า เราจะได้เห็นงานแกะสลักจำนวนมากมายหลายชิ้นประดับประดาอย่างสวยงาม ไม่น่าเชื่อเลยว่านี่เป็นผลงานของมนุษย์
ชิ้นส่วนที่ชำรุด ใกล้ๆ กับอาคารที่ช่างทำงานแกะสลัก เราจะเห็นกองไม้จำนวนมาก หลายชิ้นได้แกะสลักมาแล้วอย่างสวยงาม เกิดการชำรุดตามกาลเวลา ต้องถอดลงมาจากปราสาทเพื่อซ่อมแซมหรือทำขึ้นใหม่ สาเหตุนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปราสาทสัจธรรมต้องใช้เวลาในการสร้างนานขึ้นอีกอย่างไม่รู้แน่ชัดว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน
บางส่วนของปราสาทด้านนอก เอาละชมปราสาทแบบกว้างๆ กันมาพอสมควรแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปด้านในซะที ลองเดินดูงานแกะสลักนอกอาคารกันสักนิด (บอกได้เลยว่าคงเอาภาพมาให้ชมทุกด้านไม่ไหว เพราะงานแกะสลักเยอะมาก ชมเป็นบางส่วนไปก็แล้วกัน อยากบอกว่ามันใหญ่กว่าที่เห็นในภาพนี้เยอะเลย)
ปราสาทมีลักษณะทรงจตุรมุข ด้านหน้าและด้านหลังจะสั้น ส่วนด้านข้างซ้ายและขวาจะยาว และยาวถึงประมาณ 100 เมตร เลยทีเดียว ส่วนที่นำมาให้ชมเป็นส่วนปลายสุดของปราสาทด้านซ้ายมือเรา ส่วนเล็กๆ ส่วนเดียวก็เห็นแล้วว่ามีการแกะสลักทั้งลอยตัว นูนต่ำ นูนสูง อยู่มากมายเต็มไปหมด แต่ละชิ้นมีรายละเอียดมากมายอ่อนช้อยและดูมีชีวิต
ด้านหน้าปราสาทสัจธรรม ตอนนี้เรามาอยู่ตรงด้านหน้า มีบันไดขึ้น 3 ทาง ด้านหลังปราสาทก็มีทางขึ้นเหมือนกัน แต่ขอขึ้นข้างหน้า แล้วถ่ายไปเรื่อยๆ ดีกว่า พอขึ้นบันไดมาเราก็จะเห็นงานแกะสลักชิ้นใหญ่เท่ากับคนจริงๆ นั่งอยู่เป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูก
ทางเข้าปราสาทสัจธรรม พอเดินอ้อมรูปแกะสลักครอบครัวที่ด้านหน้า ก็จะเห็นทางเข้าไปในตัวปราสาท สวมหมวกกันน็อคแล้วเดินเข้าไปกันเลย หลายๆ คนที่มาก็จะเริ่มถ่ายรูปตั้งแต่ตรงนี้เลยทีเดียวเพราะเป็นบันไดที่สวยประดับด้วยงานแกะสลักยืนอยู่เป็นแถวยาวเข้าไปถึงประตูปราสาท
ปีกขวาของปราสาท ก่อนที่จะเดินถึงประตู มองไปทางขวามือเราจะเห็นปีกของปราสาทด้านขวายื่นยาวไป มีช่องหน้าต่างหลายช่อง แต่ละช่องก็มีจะมีลวดลายจากการแกะสลักมากมายหลายชิ้น แล้วก็เห็นกำแพงแล้วก็เป็นทะเล ภาพบนสุดที่เราถ่ายมาจากหาดวงพระจันทร์ ก็คงจะเห็นปีกด้านขวานี้ก่อน
มุมถ่ายภาพที่ระลึก เข้าประตูมา สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าดูคล้ายๆ บัลลังก์ ตกแต่งไว้สวยเชียว ถ้าจะขึ้นไปถ่ายรูปบนบัลลังก์นี้ ต้องจ่าย 100 บาท มีชฎาให้ใส่ แต่ถ้าให้ช่างภาพของปราสาทถ่ายให้ คิด 500 บาท ได้ภาพสวยงามประทับใจแน่ๆ ถ้าเราขึ้นไปนั่งบนนี้คงดูไม่ดีเท่าไหร่ เลยให้น้องที่อยู่ข้างบัลลังก์ในชุดไทยสวยๆ ไปนั่งให้เราถ่ายน่าจะดีกว่า
กลางปราสาท มีซุ้มสูง มีทางเดินขึ้นได้แต่ต้องถอดรองเท้า เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีฉากสูงใหญ่ทำมุม 90 องศา อยู่ 4 มุม เปิดช่องตรงกลางให้เรามองเห็นด้านใน ฉากขนาดใหญ่แกะสลักรายละเอียดเยอะมาก ดูยิ่งใหญ่อลังการ คนที่มาเที่ยวก็จะถ่ายมุมนี้อยู่นานเป็นพิเศษ หลายคนมากราบไหว้ขอพรกันด้วยเพราะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของชาวพุทธ
ยอดของฉากทั้ง 2 ข้าง มีไม้แกะสลักเป็นซู้มโค้งเข้าหากัน อลังการมาก
เขียนลายก่อนแกะสลัก เสาและผนังหลายด้านในปราสาทที่ยังแกะสลักไม่เสร็จ มีบางส่วนที่เตรียมสำหรับการลงสิ่ว จะวาดลวดลายเอาไว้ก่อนที่จะแกะสลักลงไปตามลายเส้นที่วาด
มุมของปราสาท ลองเงยหน้าขึ้นไปมองเพดาน เราจะเห็นรูปแกะสลักศิลปะคล้ายๆ ท้าวจตุคาม-รามเทพ ส่วนด้านล่างลงมา ตรงยอดซุ้มที่คล้ายซุ้มหน้าต่าง ศิลปะงานแกะสลักจะคล้ายๆ ยักษ์ที่เราเห็นในปราสาทขอมโบราณ หรือแบบบายน ผสมผสานกับสัตว์ในวรรณคดีในป่าหิมพานต์ รวมๆ กันอยู่อย่างลงตัว งานแกะสลักจุดนี้เป็นหนึ่งในการผสมศิลปะแบบไม่แบ่งแยกยุคสมัยและความเชื่อทางศาสนา
มุขด้านตะวันตก ทีนี้ลองเดินจากด้านหน้าประตูที่เข้ามาตรงมาอีกด้านหนึ่งของปราสาทที่เราเรียกว่าด้านหลัง ด้านนี้เป็นด้านที่ติดทะเล มองจากระเบียงไปจะเห็นท้องทะเลสีครามสวยงามมาก โดยเฉพาะเมื่อพระอาทิตย์จะตก ห้องนี้ทั้งห้องมีลักษณะงานแกะสลักคล้ายๆ กันทุกด้าน ถ้านับรูปคนหรือเทวดาในผนังเป็น 1 ชิ้น ห้องนี้ก็มีจำนวนหลายร้อยชิ้นเลยทีเดียว เป็นผลงานสร้างสรรค์ที่น่าทึ่ง หากปราสาทหลังนี้สร้างเสร็จ คงแทบไม่มีพื้นที่ที่เป็นแผ่นไม้เรียบๆ เหลือให้เห็น จะเป็นงานแกะสลักทั้งหมดอย่างแน่นอน
มุมปราสาทด้านใน จากมุขด้านตะวันตก ตอนนี้เดินย้อนกลับมาที่โถงกลาง แล้วเดินไปทางปีกขวา ก่อนหน้านั้นจะเป็นมุมของปราสาท ที่มุมแต่ละมุมจะมีผนังแกะสลักลวดลายเยอะมากสูงจรดเพดาน แล้วประดับด้วยงานแกะสลักแบบลอยตัว เกิดมิติแห่งงานศิลป์ ให้เราสัมผัสได้มากกว่าลวดลายนูนต่ำ งานแต่ละชิ้นใช้เวลายาวนานมาก แล้วนำมาประกอบกัน ให้เราชม เหมือนพิพิธภัณฑ์งานแกะสลักที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เรามีเลยทีเดียว
ปีกขวาที่เดินเข้ามา บนช่องหน้าต่าง เราจะเห็นงานศิลปะที่หนักไปทางจีน ผสมผสานกับลวดลายไทย และขอม
ทีนี้จากด้านในมองออกไปด้านนอกตามช่องหน้าต่าง เราจะเห็นมุขด้านตะวันตกหรือด้านหลังปราสาท มีทางขึ้น-ลงปราสาทได้อีกทางหนึ่ง ภายนอกของมุขที่เราไปยืนอยู่เมื่อครู่ ก็มีรายละเอียดมากมายหลายชิ้นที่มองไม่เห็นเมื่ออยู่ด้านใน และในทางกลับกัน เราอยู่ปีกขวาของปราสาทเราก็ไม่อาจมองเห็นว่าภายนอกของปราสาทด้านที่เรายืนมีอะไรอยู่บ้าง ปราสาทสัจธรรม จึงเป็นปราสาทที่ใช้เวลาในการเดินชมให้ทั่วทั้งด้านนอกด้านในนานมากทีเดียว
ลิฟท์ผู้สูงอายุและผู้พิการ เหนือสิ่งอื่นใด ปราสาทหลังนี้สร้างขึ้นมาโดยคำนึงถึงนักท่องเที่ยวทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้ามาชมความสวยงามนี้ได้อย่างเท่าเทียมกัน ผู้สูงอายุที่เดินลำบาก ผู้ที่นั่งวีลแชร์ สามารถใช้ลิฟท์นี้ในการขึ้นลงปราสาท โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน ส่วนลิฟท์เองก็ออกแบบมาให้เป็นไม้แกะสลักกลมกลืนไปกับงานศิลปะลวดลายบนปราสาท
ตอนนี้เรามาอยู่ปีกด้านซ้ายของปราสาทบ้าง มุมของปราสาทก็ยังคงสร้างงานแกะสลักแบบเดียวกันกับมุมที่เราเห็นทางด้านปีกขวา
การแกะสลักในปราสาท อย่างที่เล่าตอนแรก ก่อนที่เราจะเดินเข้ามาในปราสาทสัจธรรม จะได้รับหมวกนิรภัย เพราะในนี้ยังมีการแกะสลัก งานซ่อมและสร้างอยู่ตลอดเวลา เดินเข้ามาเราจะเห็นนั่งร้านสูงในหลายจุด มีเส้นเชือกกั้นเป็นเขตอันตราย แต่ก็ยังมีพื้นที่อีกมากมายให้เราได้เดินชมความอลังการในปราสาทไม้หลังนี้
รูปแบบศิลปะในปีกซ้าย ต่างจากปีกด้านขวาโดยสิ้นเชิง ด้านขวาที่ไปก่อนหน้านี้เน้นเรื่องราวศิลปะจีน ส่วนด้านนี้จะใช้คนละแบบกัน เราจะเห็นพระแม่ธรณีองค์ใหญ่ เทพประจำวัน ฯลฯ
เทพประจำวัน มีครบทั้ง 7 วัน ที่เราเห็นนี้มีพระพฤหัสบดี พระศุกร์ และพระเสาร์ ผนังด้านนี้เป็นผนังแกะสลักแบบฉลุทะลุมองเห็นด้านนอก มีสายลมพักผ่านเข้ามาเรื่อยๆ อากาศในปราสาทเย็นสบายดี ทั้งหมดที่เอามาให้ชมนี้ ใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง ยังได้แค่ส่วนหนึ่งของภายในปราสาทเท่านั้น ถ้าจะเอากันให้ละเอียดๆ ครบๆ ทุกด้านของปราสาทไม้หลังนี้ น่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงขึ้นไป สำหรับเงิน 500 นี่นับว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม (เดี๋ยวนี้ 500 กินสุกี้ยังไม่พอเลยนะ ^^)
ขอขอบคุณ ปราสาทสัจธรรม , กองประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
""
Preechaya Parijchat
2017-10-08 12:00:49
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ