ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานเพชรบุรี โทร. 0 3247 1005-6
http://www.tourismthailand.org/phetchaburi
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ถึงแล้วโรงเรียนบ้านยางน้ำกลัดใต้ ขับรถจากกรุงเทพฯ มาตามเส้นทางไปเพชรบุรีเลยเขาย้อยมาประมาณ 10 กิโลเมตร จะมีทางออกเพื่อข้ามสะพานข้ามถนนไปเชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 3349 (ทางไปหนองหญ้าปล้อง) จากนั้นขับไปอีก 16 กิโลเมตร เจอสี่แยกเลี้ยวซ้าย ไปอีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะมีทางเข้าโรงเรียนมีป้ายบอกหาไม่ยากครับ เข้ามาในโรงเรียนจอดรถที่ลานจอดรถกว้างมาก วันนี้มีรถห้องสมุดเคลื่อนที่ของกศน. มาให้บริการนักเรียนด้วย ต้นไม้สูงใหญ่หน้ารถห้องสมุดคือต้นมะม่วงป่าอายุเก่าแก่มากสูงตระหง่านทีเดียวยังกับไม่ใช่ต้นมะม่วง ต้นมะม่วงป่าต้นนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจแต่เดี๋ยวเราจะกลับมาดูกันทีหลัง
งานเปิดตัวชุมชนผ้าทอกะเหรี่ยงประยุกต์ที่ SCBLIFE ให้การสนับสนุนมาโดยตลอดวันนี้มีสื่อมวลชนมากมายมาร่วมงาน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเพชรบุรีโดย นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการ ททท. เพชรบุรีมาร่วมเปิดงานในวันนี้ด้วย
เราจะเริ่มต้นการนำไปชมโรงเรียนบ้านยางน้ำกลัดใต้จากอาคารที่เป็นทั้งห้องประชุม ห้องสมุด แล้วก็ห้องทอผ้ากะเหรี่ยง หลังนี้ก่อนเลย นักเรียนที่มาโรงเรียนในวันนี้ ตรงกับวันอังคาร จะใส่ชุดประจำโรงเรียนคือเสื้อแบบกระเหรี่ยงสีดำ ส่วนวันอื่นๆ นักเรียนจะใส่ชุดนักเรียนตามปกติ ในห้องสมุดของโรงเรียนมองออกไปนอกหน้าต่างจะเห็นภูเขาเขียวขจีเป็นวิวที่สวยงามชวนให้เข้ามาอ่านหนังสือ มีการตกแต่งห้องสมุดด้วยดอกไม้ประดิษฐ์ และของอื่นๆ เด็กๆ ก็อยากเข้ามาอ่านหนังสือและพักผ่อนทำให้ได้ความรู้มากมาย ส่วนในห้องประชุมก็กว้างขวางเป็นห้องแถลงข่าวการเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของหมู่บ้านในวันนี้
การสนับสนุนของ SCBLIFE และการมุ่งมั่นในการพัฒนาให้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืนจนผลิตภัณฑ์ผ้าทอกะเหรี่ยงประยุกต์ของบ้านยางน้ำกลัดใต้ได้เป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ทำให้โรงเรียนได้รับรางวัลดีเด่นในด้านต่างๆ มากมายหลายปีซ้อน ซึ่งเป็นรางวัลพระราชทาน เป็นความภาคภูมิใจของทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการโรงเรียนอุปถัมภ์ SCBLIFE
จากห้องประชุม เปิดประตูอีกด้านออกมาจะเป็นห้องทอผ้า จะมีตั้งแต่การทอผ้ากะเหรี่ยงดั้งเดิมหรือ กี่เอว มาจนถึงการทอผ้าด้วยเครื่องทอขนาดใหญ่หรือ กี่กระตุก นอกจากการทอ ยังมีการนำเอาเส้นด้ายเหล่านี้มาถักให้เป็นเสื้อเป็นย่าม ได้อีกด้วย
การทอผ้าแบบดั้งเดิมหรือกี่เอว หลังจากการแถลงข่าวเปิดตัวโรงเรียน สื่อมวลชนจำนวนมากก็จะเดินออกมาเก็บภาพและข้อมูลของโรงเรียนบ้านยางน้ำกลัดใต้ ในเรื่องของการทำผ้าทอกะเหรี่ยงประยุกต์ที่ชาวบ้านจะมานั่งทอผ้าที่นี่เพื่อเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่ง ทาง SCBLIFE ได้จัดหาช่องทางในการนำสินค้าเข้าสู่ตลาดทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ สร้างรายได้ให้กับชุมชนตามหลักแนวความคิดเศรษฐกิจพอเพียง ใช้เวลาว่างจากการทำสวนทำไร่มาทอผ้า และสอนให้เด็กๆ ในชุมชนรู้จักวิธีการทอผ้าโดยเริ่มตั้งแต่ยังเล็ก เมื่ออายุเหมาะสมก็สามารถทอผ้าแบบกี่เอวได้ แล้วพัฒนาเป็นการทอผ้าแบบกี่กระตุกเพื่อให้ได้จำนวนผ้ามากขึ้นได้ด้วย จากนั้นแล้วก็มีการนำเอาผ้าที่ทอไปประดิษฐ์เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าของผ้า ได้แก่ตุ๊กตา หมอนรองคอ และของใช้อื่นๆ ตามที่เด็กๆ จะมีกำลังทำได้ ก่อนที่จะสอนให้ทำชิ้นงานที่ใหญ่ขึ้นตามอายุของเด็กๆ ต่อไป
การทอผ้าด้วยเครื่องทอกี่กระตุก เป็นการพัฒนาการทอผ้าจากแบบดั้งเดิมคือกี่เอว มาใช้เครื่องเพื่อให้ได้ปริมาณของผ้าที่มากขึ้นในเวลาที่สั้นลง การทอแบบกี่เอวจะเห็นว่าความกว้างของผ้าจะไม่มาก เอามาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าได้ลำบาก กว่าจะทอด้วยกี่กระตุกได้ต้องอาศัยความชำนาญระดับหนึ่ง นักเรียนต้องรอให้โตก่อนจะมาทอแบบนี้ได้
ออกจากห้องทอผ้า ต่อมาจะมีห้องกระจกใสห้องใหญ่ ในห้องจะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมายที่ทำจากผ้า เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนและชาวบ้านในชุมชน เมื่อโรงเรียนให้การบ้านให้ประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ มาส่งนักเรียนจะกลับไปปรึกษาผู้ปกครองที่บ้าน และช่วยกันทำงานมาส่ง ทางโรงเรียนอนุญาตให้ทางบ้านช่วยนักเรียนทำได้ ชิ้นงานที่มาส่งโรงเรียนจะซื้อเอาไว้และนำมาขาย ส่วนหนึ่งเก็บไว้ในห้องแสดงผลิตภัณฑ์เพื่อให้นักเรียนนำมาเป็นแบบทำตามหรือคิดต่อยอดให้มีมูลค่าและรูปลักษณ์ที่น่าซื้อหามากยิ่งขึ้น นอกจากได้ความรู้เรื่องการทอผ้า การตัดเย็บ การออกแบบ แล้ว นักเรียนและครอบครัวก็ยังได้รายได้จากการทำผลงานส่งโรงเรียนด้วยอีกทางหนึ่ง เมื่อมีหลักการดำเนินที่ดีขนาดนี้แล้วจะไม่ได้เป็นโรงเรียนในฝันประจำอำเภอได้อย่างไรละครับ
โรงเรียนบ้านยางน้ำกลัดใต้
เสื้อผ้าพื้นเมือง คนที่มาเที่ยวที่โรงเรียน สามารถเดินมาเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ถ่ายรูปและเดินเที่ยวรอบๆ โรงเรียนได้ที่ห้องแสดงผลิตภัณฑ์ น่าเสียดายที่เสื้อผ้าเหล่านี้ยังผลิตออกมาได้ไม่มากพอที่จะวางขายไม่งั้นผมคงซื้อกลับมาด้วยแน่ๆ
ศูนย์ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น เดินจากห้องแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าทอกะเหรี่ยง มาอีกด้านหนึ่งของห้องประชุมใกล้ๆ ต้นมะม่วงป่า จะมีอาคารหลังหนึ่งที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์กะเหรี่ยงเผ่าโปว์ คือศูนย์ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น ข้างในจะมีของใช้ในครัวเรือนหลายอย่าง ซึ่งคล้ายๆ กับชาวไทยพื้นราบ แต่จะพิเศษตรงที่มีหน้าไม้ เครื่องมือสำหรับล่าสัตว์อยู่ด้วย
ด้านหน้าศูนย์ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่นจะมียุวมัคคุเทศน์ มารอต้อนรับและอธิบายสิ่งต่างๆ ตั้งแต่วิถีชีวิตของชาวเผ่าโปว์ ยุวมัคคุเทศน์ก็เป็นอีกโครงการหนึ่งของ SCBLIFE ที่มุ่งมั่นพัฒนาให้เด็กๆ กล้าแสดงออกและสามารถนำไปใช้เป็นอาชีพในอนาคตได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นการสาธิตการทำเครื่องเงินกะเหรี่ยง เครื่องประดับที่ชาวกะเหรี่ยงใช้มาทุกยุคทุกสมัย ขึ้นรูปด้วยวิธีการง่ายๆ ร้อยเรียงเป็นเส้นแล้วแต่ว่าต้องการทำเป็นอะไร สร้อยข้อมือหรือสร้อยคอ ถ้าชอบก็ซื้อกลับบ้านได้ด้วย
ข้าวห่อกะเหรี่ยง เป็นอาหารอย่างหนึ่งของชาวบ้านรสชาติอร่อยดี ทำเป็นห่อเล็กๆ ถ้าสนใจจะมีการสาธิตวิธีการทำให้ชมด้วย
ต้นมะม่วงป่าเก่าแก่ ต้นมะม่วงป่า ที่มีอายุเก่าแก่ต้นนี้ นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่ครั้งอดีตแล้วยังให้ความร่มรื่น สง่า สวยงาม และสิ่งที่จารึกอยู่ในดวงใจของพวกเราที่นี้ คือ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2514 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ชาวบ้านยางน้ำกลัดใต้ โป่งวิเชียร พุ่งเคล็ด ฯลฯ ณ สถานที่แห่งนี้ ใต้ต้นมะม่วงป่า ได้เป็นพลับพลาที่ประทับทรงงานของพระองค์ท่าน พวกเราสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเป็นเกียรติประวัติแก่ชุมชนของเรา โดยได้สร้างอนุสรณ์สถานพระสาทิสลักษณ์และพระราชประวัติของพระองค์ท่าน ณ บริเวณนี้ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนและบุคคลทั่วไป
ตลาดนัดชุมชนกะเหรี่ยง อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจอยู่บนถนนทางเข้าโรงเรียน ด้านหน้าศูนย์ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น มีการออกร้านค้าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของชาวบ้าน ทั้งของใช้ของกิน อาหารที่นี่ส่วนหนึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปเพื่อรักษาไว้ได้นาน ส่วนหนึ่งเป็นของสด น้ำผลไม้ปั่น น้ำฟักข้าว สลัดผักสดๆ ที่ปลูกแบบปลอดสารเคมี หรือไฮโดรโปนิกส์ ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ ก็มีมากออกร้านให้เลือกซื้อกันได้ มีตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นไป
สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือนกการเวกชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นนกนำโชค จึงมีการสานนกการเวกเพื่อเป็นของตกแต่งบ้านรวมทั้งทำเป็นพวงกุญแจ
บ้านกะเหรี่ยงจำลอง ด้านหลังตลาดนัดชุมชนกะเหรี่ยง จะทำเป็นลานประเพณีวัฒนธรรมสำหรับการแสดงร้องรำทำเพลงและการประกอบศาสนกิจตามความเชื่อ จะมีบ้านกะเหรี่ยงจำลอง ให้ขึ้นไปชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ได้ ที่ใต้ถุนบ้านมีการสาธิตผ้าทอกะเหรี่ยงแบบกี่เอว เรียกว่ามาเดินเที่ยวโรงเรียนนี้ได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับชุมชนกะเหรี่ยงโปว์อย่างแน่นอน
บ้านกะเหรี่ยงจำลอง เป็นการจัดแสดงโครงบ้านของชาวกะเหรี่ยง ที่นิยมปลูกเพื่ออยู่อาศัยในสมัยอดีต โดยราษฎรส่วนใหญ่ของตำบลยางน้ำกลัดใต้ และตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง ตามคำบอกเล่าได้มีการอพยพมาจากชายแดนบริเวณเขตติดต่อระหว่างประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมสหภาพพม่าและอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย โดยเข้ามาตั้งถิ่นฐานทำมาหากินแบบไร่เลื่อนลอย ราษฎรส่วนใหญ่ชอบความสันโดษ และนับถือภูตผี อีกทั้งยังยึดถือประเพณีโบราณอย่างเคร่งครัด
บ้านเรือนของไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง นิยมปลูกสร้างบริเวณที่ลาดบนเทือกเขาสร้างอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ลักษณะตัวบ้านจะผูกโครงสร้างใหญ่ด้วยไม้ไผ่ ใต้ถุนสูง หลังคามุงหญ้าแฝก หรือหญ้าคา พื้นและฝาทำด้วยไม้ไผ่เช่นกัน ในปัจจุบันการสร้างบ้านของกะเหรี่ยงได้เปลี่ยนไปจากเดิม นิยมสร้างด้วยวัสดุที่คงทนถาวรมากขึ้น เพื่อเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ต้นกะพง ต้นกะพง เป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุเก่าแก่กว่าร้อยปี เป็นต้นไม้ที่สวยงามและหาชมได้ยากในปัจจุบัน ประโยชน์ ของต้นกะพง เนื้อไม้ใช้สร้างบ้าน แผ่นกระดาน ทำเกี๊ยะ มักใช้ปลูกป่าทดแทนหรือปลูกให้ร่มเงา มีสรรพคุณทางสมุนไพรโดย รากใช้พอกแผล เปลือกใช้แก้โรคท้องมาน
ต้นกะพงนี้มีขนาดใหญ่ประมาณ 14 คนโอบ และบนต้นกะพงมักจะมีผึ้งหลวงมาทำรังอยู่บ่อยครั้ง และยังมีนกเงือก จำนวน 2 คู่ อาศัยอยู่บริเวณโพรงไม้ มาอาศัยทำรังเพื่อวางไข่อยู่ในโพรง นกเงือกเป็นสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์แห่งรักแท้นั้น เนื่องจากพฤติกรรมของนกเงือกจะใช้ชีวิตคู่แบบ "ผัวเดียวเมียเดียว" จนแก่เฒ่าหรือกว่าจะตายจากกัน และตัวผู้ยังมีลักษณะของหัวหน้าครอบครัวที่ดี คอยหาอาหารให้และคอยดูแลปกป้องลูกนกและแม่นกให้ปลอดภัย อย่างไรก็ดี มีเรื่องเล่าถึงเรื่องราวของความรักของนกเงือกต่อ ๆ กันมาจนทำให้นกเงือกขึ้นชื่อเรื่องความรักแท้ ซึ่งนักเรียนโรงเรียนบ้านยางน้ำกลัดใต้ให้ความสำคัญในการอนุรักษ์จากรุ่นสู่รุ่นสืบต่อกันมา
เสาหงส์ และ ต้นโพธิ์ ภาพซ้ายเสาหงส์ ที่ลานประเพณีของหมู่บ้านยางน้ำกลัดใต้มีเสาหงส์ตั้งอยู่ตรงกลางของลานประเพณี มีความเชื่อว่าเป็นอิทธิพลจากอารยะธรรมของพม่า หรือ มอญ ซึ่งถือเป็นหลักฐานที่ยืนยันถึงการมาตั้งชุมชน คือเสาหงส์นี้เอง เป็นสัญลักษณ์ของมอญและพม่า ขณะนี้เสาหงส์อยู่ในลานประเพณีหมู่ที่ 1 นี้มีความเก่าแก่ นับอายุได้กว่าร้อยปี นั่นแสดงว่ามอญ พม่า กะเหรี่ยง ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศไทย ได้อพยพถิ่นมาตั้งรกราก ณ ที่นี้
“เสาหงส์” ผู้อาวุโสของหมู่บ้านเล่าว่า เดิมวัดในเมืองพม่ามาหลายวัดมีเสาหงส์อยู่ หน้าตาแตกต่างกันไป และก็ไม่มีใครบอกได้ว่าเสาหงส์ มีกำเนิดมาตั้งแต่เมื่อใด ถามผู้เฒ่าผู้แก่ก็บอกแต่เพียงว่ามีมานานแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรหรือข้อมูลอ้างอิงได้ และอีกทั้งยังมีเมืองชื่อเมืองหงสาวดีอยู่ที่พม่า แต่เท่าที่ได้สอบถาม สืบเนื่องมาจากสมัยก่อนที่มีการสร้างเสาแขวนธงยาวแบบธงจีน เป็นสิ่งประดับตกแต่งบ้านเมืองอย่างหนึ่ง ทว่าธงนั้นงามเฉพาะเวลากลางวัน ครั้นยามกลางคืนก็มองไม่เห็น ต่อมาจึงมีคนคิดผนวกโคมไฟขึ้นบนเสานั้นด้วย ออกแบบให้เป็นรูปหงส์คาบโคมไฟห้อยลงมา ไม่เกี่ยวกับความเชื่อของชาวมอญ อันเป็นต้นกำเนิดของเสาหงส์ในหมู่ชาวมอญเมืองไทย และกลายเป็นประเพณีนิยมและรับรู้กันทั่วไปว่าวัดที่มี “เสาหงส์” แสดงว่าเป็นวัดมอญ
ภาพขวา ต้นโพธิ์ ชนเผ่ากะเหรี่ยง เชื่อว่าต้นโพธิ์ เป็นที่ สิงสถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกหมู่บ้านจะปลูกต้นโพธิ์ไว้ตรงใจกลางหมู่บ้าน เป็นที่สักการะมาตั้งแต่ดั้งเดิมและจะปลูกศาลาใส่พระพุทธรูปที่จะเรียกว่า หลวงพ่อโพธิ์ เพื่อทำพิธีกรรมบูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บริเวณนี้ มีลานประเพณีเพื่อจะได้ทำพิธีกรรมร่วมกัน การนัดวันเวลาทำพิธีกรรมนั้น จะนัดกันในวันขึ้น หรือ แรม 15 ค่ำ แล้วแต่ แต่ละหมู่บ้านจะนัดวันเวลา แต่จะไม่ให้ตรงกันกับหมู่บ้านอื่น เพื่อที่ผลัดเปลี่ยนกันไปทำพิธีกรรมบูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ กับญาติพี่น้องที่หมู่บ้านอื่นด้วย เป็นที่มาของประเพณีเวียนศาลา
ต้นโพธิ์ที่ชาวบ้านนับถือนี้ เป็นสถานที่ที่ชาวบ้านมาขอพร ให้เกิดศิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว หรือถ้ามีสมาชิกในครอบครัวเจ็บไข้ได้ป่วย หรือมีความ ทุกข์ เดือดร้อนใดๆ ชาวบ้านก็จะนำดอกไม้ ธูปเทียน มาบูชาและขอพร ในวันปรกติที่ไม่ใช่วันเวียนศาลา และจะไม่ตัดทำลาย ไม่เด็ดใบ ไม่ทำร้ายหรือนำสัตว์ที่มาอาศัยต้นโพธิ์ไปที่อื่น เพราะเชื่อว่าจะมีอันเป็นไปในทางที่ไม่ดี
ภาพบนซ้าย ศาลาพระหลวงพ่อนวม วิหารรำลึกถึงหลวงพ่อนวม
เดิมชนเผ่ากะเหรี่ยง หมู่บ้านยางน้ำกลัดใต้ไม่มีวัด ไม่มีพระสงฆ์ ไม่ได้นับถือพระ แต่ นับถือ ผี นับถือต้นโพธิ์ที่เชื่อว่า เป็นที่ สิงสถิตของภูติผีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อประมาณ 100 ปีมาแล้ว มีพระสงฆ์จากวัดแก้วเจริญ จังหวัดราชบุรีชื่อหลวงพ่อนวม ได้เดินธุดงค์มาพักบริเวณลานประเพณีของชาวกะเหรี่ยง ชาวกะเหรี่ยงที่ไม่ได้นับถือพระสงฆ์ได้ทำการลองของโดยการเสกคุณไสยกับพระหลวงพ่อนวม แต่หลวงพ่อนวมได้มีบารมีของพระพุทธคุณที่เหนือกว่า สามารถสร้างปาฏิหาริย์ให้ชนเผ่ากะเหรี่ยงได้เห็น ทำให้ได้รับการยอมรับ ศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก และต่อมาหลังจากนั้น ชาวบ้านจะมีการรวมตัว นัดกันไปทำบุญ ถือศีล และบวชที่วัดของหลวงพ่อนวม วัดแก้วเจริญ จังหวัดราชบุรีกันประจำจนถึงทุกวันนี้ และต่อมา เมื่อ ปี พ.ศ. 2545 หลวงพ่อปาน หลวงพ่อวัดแก้วเจริญ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อนวม วัดแก้วเจริญ จังหวัดราชบุรีได้มาสร้างวิหารประดิษฐานพระพุทธรูป เพื่อรำลึกถึงหลวงพ่อนวมไว้ที่บริเวณลานประเพณีที่หลวงพ่อนวม เคยธุดงค์มาพัก และเป็นที่สักการะของชาวบ้านต่อไป
ภาพบนขวาและล่างซ้าย หลวงพ่อโพธิ์ และต้นโพธิ์ที่ชาวบ้านนับถือนี้ ชนเผ่ากะเหรี่ยง เชื่อว่าเป็นที่ สิงสถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกหมู่บ้านจะปลูกต้นโพธิ์ไว้ตรงใจกลางหมู่บ้าน เป็นที่สักการะมาตั้งแต่ดั้งเดิมและจะปลูกศาลาใส่พระพุทธรูปที่จะเรียกว่า หลวงพ่อโพธิ์ เพื่อทำพิธีกรรมบูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บริเวณนี้ มีลานประเพณีเพื่อจะได้ทำพิธีกรรมร่วมกัน การนัดวันเวลาทำพิธีกรรมนั้น จะนัดกันในวันขึ้น หรือ แรม 15 ค่ำ แล้วแต่ แต่ละหมู่บ้านจะนัดวันเวลา เป็นสถานที่ที่ชาวบ้านมาขอพร ให้เกิดศิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว หรือถ้ามีสมาชิกในครอบครัวเจ็บไข้ได้ป่วย หรือมีความ ทุกข์ เดือดร้อนใดๆ ชาวบ้านก็จะนำดอกไม้ ธูปเทียน มาบูชาและขอพร ในวันปรกติที่ไม่ใช่วันเวียนศาลา และจะไม่ตัดทำลาย ไม่เด็ดใบ ไม่ทำร้ายหรือนำสัตว์ที่มาอาศัยต้นโพธิ์ไปที่อื่น เพราะเชื่อว่าจะมีอันเป็นไปในทางที่ไม่ดี
การสอนอาชีพโรงเรียนบ้านยางน้ำกลัดใต้ นอกเหนือจากที่เล่ามาข้างต้นแล้วทางโรงเรียนไม่ได้มุ่งเน้นสอนการทอผ้ากะเหรี่ยงเพียงอย่างเดียว เพื่อให้นักเรียนได้มีความรู้ทางด้านอาชีพให้มากขึ้น จึงมีแปลงผักปลอดสารเคมี ไฮโดรโปนิกส์ เล้าไก่ใข่ เพื่อเก็บใข่เป็นการเลี้ยงไก่อย่างมีระบบ มีการจดบันทึกสถิติการออกใข่ของแม่ไก่ทุกวัน พื้นที่รอบๆ โรงเรียนเป็นพื้นที่การเกษตร ทำสวนทำไร่ ผลิตผลที่ได้เราจะเห็นในร้านสลัดผัก มีผักสดๆ ปลอดสารพิษทุกชนิดมาออกร้านในตลาดนัดชุมชนกะเหรี่ยงด้วย
พิธีเวียนศาลา ประเพณีไว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำปี เช่นเดียวกับคนพื้นราบที่จะต้องมีประเพณีตามความเชื่อซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี กะเหรี่ยงโปว์บ้านยางน้ำกลัดใต้จะทำการไว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเผ่านับถือ ได้แก่ ศาลหลวงพ่อโพธิ์ ศาลาพระหลวงพ่อนวม สถูปเจดีย์ โดยการประดิษฐ์ทะเดิง ซึ่งประกอบด้วยลำไม้ไผ่เป็นเสาหลักตกแต่งด้วยตอกไม้ตามที่หาได้ หรือปลูกไว้ แขวนจิกองเปย บนเสาอีกที จิกองเปยคือการนำเอาไหมพรมมาพันรอบไม้ไผ่เหลาเล็กๆ เหมือนกากบาท พอพันไปเรื่อยๆ จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ทำเล็กบ้างใหญ่บ้างมีหลายๆ สีเพื่อความสวยงาม เอามาผูกเป็นพวงเข้าด้วยกันมัดไว้บนทะเดิง จากนั้นแห่ไปปักไว้รอบสถูปเจดีย์ที่ชาวบ้านนับถือว่าเป็นที่สถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ขบวนแห่ทะเดิง ชาวบ้านมารวมกันที่โรงเรียนพร้อมด้วยทะเดิงที่ประดิษฐ์ประดอยตกแต่งอย่างสวยงาม รวมทั้งทะเดิงของสื่อมวลชนที่ประดิษฐ์ขึ้นมา 2 ชุด แห่ผ่านลานประเพณีวัฒนธรรมไปยังที่ตั้งของสถูปเจดีย์เป็นขบวนแห่ที่สวยงามที่จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 11
หลังจากแห่ทะเดิงไปตั้งไว้รอบสถูปเจดีย์แล้ว ชาวบ้านจะมาไหว้ศาลหลวงพ่อโพธิ์ การสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวกะเหรี่ยงโปว์ จะจุดธูปไหว้จำนวนกี่ดอกก็ได้ บ้างก็มีการสรงน้ำ บนศาลหลวงพ่อโพธิ์ส่วนใหญ่จะไม่จุดธูปมากนัก และหลายคนจะปักธูปไว้ที่โคนต้นโพธิ์มากกว่าเพราะบนศาลปักธูปจำนวนมากอาจจะไม่ปลอดภัยจึงเห็นคนเฒ่าคนแก่เท่านั้นที่ขึ้นมาไหว้บนศาล
หลังจากจุดเทียนธูปกันแล้วชาวกะเหรี่ยงโปว์จะตีกลองยาวเป็นจังหวะที่สนุกสนานมีการร้องรำทำเพลงเวียนกันไปให้ครบ 3 รอบ ธูปที่จุดจะแบ่งปักตามที่ต่างๆ ได้แก่ โคนต้นโพธิ์ ศาลหลวงพ่อโพธิ์ ศาลาพระหลวงพ่อนวม เสาหงส์ และสถูปเจดีย์ ปักเท่าไหร่ก็ถือว่าไม่ผิด ส่วนมากเด็กๆ จะจุดแค่ดอกเดียว
ไหว้ศาลาพระหลวงพ่อนวม ศาลาพระหลังนี้เป็นสถานที่ชาวบ้านเคารพศรัทธากันเป็นอย่างมาก ทุกคนจะจุดธูปจำนวนมากมาปักที่กระถางธูปจุดนี้ ควันธูปอบอวลไปทั่วศาลาและรอบๆ บริเวณจนมองแทบไม่เห็นคนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
สถูป (เจดีย์) ผู้เฒ่าผู้แก่ผู้อาวุโสของหมู่บ้านจะถือยันใส่ข้าวสารพร้อมกับจุดเทียน 1 เล่มปักไว้ที่ขอบขัน เดินเวียน 3 รอบด้วยท่าทีที่สงบ ระวังไม่ให้เทียนดับอยู่ตลอดเวลา ครบสามรอบจะนำเทียนมาตั้งที่บนสถูปเจดีย์ ส่วนข้าวสารจะหว่านทิ้งไปตามทางพร้อมอธิษฐานบอกให้ผีสางบริเวณนั้นได้มารับกินข้าวสารที่หว่านไป
สถูป(เจดีย์) คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ เป็นการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน และเป็นการทำบุญให้เกิดสิริมงคลกับตัวเองและครอบครัว โดยมีอาวุโสที่ชาวบ้านนับถือประจำหมู่บ้านจะนำเดินเวียนศาลาพร้อมกันบริเวณลานประเพณี พร้อมด้วยดอกไม้ ธูป เทียน ขบวนแห่กลองยาว และปักธูปและเทียนตลอดโดยไม่จำกัดจำนวนธูปและเทียนที่บริเวณรอบต้นโพธิ์ รอบเสาหงส์และสถูป(เจดีย์) และจะพูดว่า
“ให้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้บรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย ดูแลปกป้องลูกหลานให้ดีๆ ให้มีความสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ”
การเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่เชิงอนุรักษ์วิถีชีวิตชุมชนและผ้าทอกะเหรี่ยงประยุกต์บ้านยางน้ำกลัดใต้เอาไว้เท่านี้ครับ จากที่ได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองมาบอกได้เลยว่า เป็นภาพที่น่าประทับใจและน่าสนใจอย่างมาก และแน่นอนว่าเมืองไทยยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังต้องเดินทางไปค้นหา นี่แค่เพชรบุรียังมีสิ่งแบบนี้เหลืออยู่อย่างไม่น่าเชื่อ ลองมาสัมผัสกันด้วยตัวเองสักครั้ง...
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ