วัดภาษี เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ที่ ซอยภาษี 1 ถนนเอกมัย (สุขุมวิท 63) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ทิศเหนือของวัดติดกับคลองแสนแสบ ส่วนทิศตะวันออกติดถนนที่เป็นจุดเริ่มต้นของทางด่วนสายเอกมัย-รามอินทรา
ที่ดินอันเป็นที่ตั้งของวัดภาษีในทุกวันนี้นั้น สมัยก่อนเป็นผืนนาของ กำนันเพชร ซึ่งท่านได้ตั้งด่านเก็บค่าหัวนา (ค่าผ่านทาง) จากพ่อค้าแม่ขายที่ขนสินค้าจากแถบมีนบุรี หนองจอก มาทางเรือโดยอาศัยคลองแสนแสบเป็นหลักเพื่อนำสินค้าเข้าไปขายในเมืองบางกอกเวลาผ่านไปนานปี กำนันเพชรก็เก็บค่าผ่านทางได้จำนวนมาก จึงรวบรวมเงินที่ได้มานั้นมาสร้างเป็นวัดขึ้น ในราวปี 2390 โดยให้ชื่อว่า "วัดภาษี"
วัดนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา (ฝังลูกนิมิต) ในปี 2391 นับถึงวันนี้จะมีอายุ 160 ปี สมัยก่อน บริเวณวัดภาษีแห่งนี้ถือว่าอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองกรุงเทพฯ มาก สภาพพื้นที่ในละแวกนี้ล้วนเป็นที่ดินของชาวมุสลิม ซึ่งประกอบอาชีพทำนาและเลี้ยงวัว เมื่อหมดยุคกำนันเพชรแล้ว วัดภาษีซึ่งอยู่ท่ามกลางบ้านเรือนของชาวมุสลิมก็ขาดการดูแลรักษา สภาพวัดชำรุดทรุดโทรมมาก จนแทบจะกลายเป็นวัดร้าง
ในช่วงปลายสมัยการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทางราชการใช้พื้นที่ป่าช้าท้ายวัด (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัดภาษี) เป็นแดนประหารชีวิตนักโทษฉกรรจ์ ด้วยการใช้ดาบตัดคอ จนมาถึงสมัยเปลี่ยนการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการจึงได้ยกเลิกการประหารนักโทษด้วยการตัดคอ มาเป็นการใช้ปืนยิงเป้าแทน นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดคอ ณ ป่าช้าท้ายวัดภาษี ก็คือ น.ช.บุญเพ็ง หีบเหล็ก ผู้ก่อคดีสยองขวัญ เมื่อ พ.ศ.2461 ด้วยการฆ่าคนแล้วหั่นศพเป็นท่อนๆ ยัดใส่หีบเหล็ก นำใส่รถเจ๊ก (รถลาก) ไปทิ้งลงน้ำ เพื่อเป็นการทำลายหลักฐาน แต่ก็ถูกตำรวจตามจับตัวจนได้ ฆาตกรโหดคนนี้จึงได้รับฉายาว่า "บุญเพ็ง หีบเหล็ก" เป็นข่าวโด่งดังในสมัยนั้นมาก
ต่อมาวัดได้ปั้นรูปจำลอง "บุญเพ็ง หีบเหล็ก" ไว้ในวัด เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ดูไว้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีงาม และจะได้ไม่เอาเป็นแบบอย่างต่อไป อย่างไรก็ตาม ในทุกวันนี้ วัดภาษี แปรสภาพเป็นวัดที่ตั้งอยู่กลางกรุงไปแล้วโดยปริยาย เมื่อความเจริญของบ้านเมืองได้แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ วัดภาษี มีความเจริญรุ่งเรืองไปด้วย โดยมี พระครูอนุกูลพัฒนกากิจ เป็นเจ้าอาวาส ได้พัฒนาสร้างสรรค์บริเวณวัดไว้อย่างสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อยในทุกด้าน มีเสนาสนะต่างๆ อย่างครบถ้วน และยังสนับสนุนทางการศึกษาแก่เยาวชนในละแวกวัด ผ่านโรงเรียนวัดภาษีของกรุงเทพมหานคร
วัดภาษี จึงเป็นที่พึ่งพาอาศัยของพุทธศาสนิกชนในละแวกนี้มาช้านาน และเป็นที่รู้จักของชาวกรุงเทพฯ โดยทั่วไป โดยมีกิจกรรมหลายอย่างที่จัดขึ้นเพื่อชุมชน เช่น เปิดสอนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เป็นสถานที่ศึกษาของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน เป็นสถานที่สวดมนต์และปฏิบัติธรรมวันอาทิตย์ ตลอดจนการเทศนาธรรมวันธรรมสวนะ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่บริการศูนย์สัพพะมงคลต่างๆ พร้อมทั้งเปิดรับบริจาคปัจจัยเพื่อโครงการไถ่ชีวิตโค-กระบือ และการทำบุญตามวาระต่างๆ ฯลฯ
พระครูอนุกูลพัฒนากิจ เคยได้อัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ ของ พระพุทธเจ้า และพระอรหันตธาตุของ พระโมคคัลลานะ และ พระสารีบุตร จากประเทศศรีลังกา มาประดิษฐานไว้ที่วัด เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยได้กราบไหว้สักการบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น. จนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุครอบศีรษะได้ด้วยตนเอง (เฉพาะเวลา 19.00 น.) พร้อมกับกราบไหว้ขอพรจากพระคุณเจ้า Pusselle Ariyawansa ที่ได้เดินทางมาจากประเทศศรีลังกา พร้อมกับพระบรมสารีริกธาตุในครั้งนี้ด้วย
ศรัทธาสนใจสอบถามได้ที่ วัดภาษี โทร.08-6560-0572, 0-2711-4002
http://www.phrathai.net/node/480
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เคยเสด็จไปยังวัดภาษี (เอกมัย) เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ซึ่งวัดภาษี (เอกมัย) ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลศรีลังกา นำโดย พระคุณเจ้าพุสเซลล์ อริยวันสาเถโร หัวหน้าคณะสงฆ์ ศรีโฆตวิหาร เดลีวาลา ราพุกกานะ ศรีลังกา ให้จัดอัญเชิญมาประดิษฐานชั่วคราว เพื่อให้พุทธศาสนิกชน ได้ร่วมกันอธิษฐานจิต ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พร้อมทั้งร่วมฉลองวัดภาษี ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาจนถึง 160 ปี ในเดือนธันวาคม พุทธศักราช 2550 ที่ผ่านมา อีกทั้งให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชา เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดี ระหว่างประเทศไทยกับประเทศศรีลังกา
ทั้งนี้ พระบรมสารีริกธาตุดังกล่าว ได้อัญเชิญมาจาก เดลิวาลา ศรีกันตาเชธิยาราม ซึ่งเป็นวัดโบราณ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเดลิวาลา ในเขตเคกัลลี แคนดี้ประเทศศรีลังกา โดยขุดพบเมื่อปีพุทธศักราช 2500 ในพระสถูปเดลิวาลา โกตาวิหาร อันเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
http://news.sanook.com/palace/palace_244599.phpข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ http://www.tourismthailand.org/bangkok
แก้ไขล่าสุด 2017-07-26 23:27:32 ผู้ชม 60201
การเดินทาง
แผนที่
ที่เที่ยว/ที่พัก
กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ
วัดภาษี วัดภาษีแห่งนี้อยู่ที่เอกมัยนี่เองครับเป็นวัดที่มีความสำคัญและประวัติความเป็นมาน่าสนใจ แต่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้จักนับถึงวันนี้จะมีอายุ ๑๖๐ ปี สมัยก่อน บริเวณวัดภาษีแห่งนี้ถือว่าอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองกรุงเทพฯ มาก สภาพพื้นที่ในละแวกนี้ล้วนเป็นที่ดินของชาวมุสลิม ในช่วงปลายสมัยการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทางราชการใช้พื้นที่ป่าช้าท้ายวัด (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัดภาษี) เป็นแดนประหารชีวิตนักโทษฉกรรจ์ ด้วยการใช้ดาบตัดคอ ตอนนี้ในวัดภาษีมีลานจอดรถขนาดใหญ่มากครับ ภายในบริเวณวัดสำหรับคนทั่วไปที่มาเป็นครั้งแรกคงจะต้องแปลกใจมาก เพราะสิ่งปลูกสร้างอาคารต่างๆ ไม่เหมือนกับที่เห็นโดยทั่วไป
ไหว้พระวัดภาษี บริเวณด้านหน้าอาคารปัจจุบันนี้จัดเป็นโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระพุทธรูปให้ประชาชนได้สักการะบูชา
สักการะพระบรมสารีริกธาตุ
พระพิฆเนศวรวัดภาษี ในอาคารหลังเล็กๆ นี้มีพระสังกัจจายน เจ้าแม่กวนอิม และพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่
พระพุทธรูป เอาละครับแนะนำวัดภาษีไว้เท่านี้ก่อนไว้มีเวลามากกว่านี้คงได้พาสำรวจกันทั่วๆ แน่ นอกจากที่เห็นนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจได้แก่รูปจำลอง "บุญเพ็ง หีบเหล็ก" นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดคอ ณ ป่าช้าท้ายวัดภาษี ก็คือ น.ช.บุญเพ็ง หีบเหล็ก ผู้ก่อคดีสยองขวัญ เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๑ ด้วยการฆ่าคนแล้วหั่นศพเป็นท่อนๆ ยัดใส่หีบเหล็ก นำใส่รถเจ๊ก (รถลาก) ไปทิ้งลงน้ำ เพื่อเป็นการทำลายหลักฐาน แต่ก็ถูกตำรวจตามจับตัวจนได้ ฆาตกรโหดคนนี้จึงได้รับฉายาว่า "บุญเพ็ง หีบเหล็ก" เป็นข่าวโด่งดังในสมัยนั้นมาก