ข้อมูลเพิ่มเติม:โทรศัพท์ 032430447 พระไพ เขมโก
032430234, 032471115
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ร้านตาลสดริมถนนเพชรเกษม วัดเนรัญชราราม เป็นวัดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมหาดชะอำเหนือ จังหวัดเพชรบุรี การเดินทางไปยังอำเภอชะอำ จากกรุงเทพฯ จะใช้ถนนเพชรเกษมเป็นหลัก ตั้งแต่ทางแยกที่วังมะนาว มุ่งหน้าไปยังเพชรบุรี ตลอดสองข้างทางเราจะได้เห็นซุ้มขายตาลสดมากมาย มีทั้งจาวตาล และน้ำตาล บางร้านก็จะขายคู่กับไก่ต้มน้ำปลา การเดินทางของเราในวันนี้ยังอีกยาวนัก ขอแวะซื้อลูกตาลไปกินระหว่างการเดินทางด้วยดีกว่า
หน้าวัดเนรัญชราราม เพียงไม่นานเราก็มาถึงหาดชะอำ ชายหาดที่ขึ้นชื่อมากแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี หากเดินทางเข้ามาตามทางหลักลงหาดที่แยกไฟแดง พอถึงหาดให้เลี้ยวซ้ายแล้วตรงมาเรื่อยๆ จนมาสุดที่สะพานปลาเราจะเห็นร้านอาหารทะเล หรือซีฟู๊ด มากมาย ด้านซ้ายมือของเราก็จะเป็นป้ายวัดเนรัญชราราม
หรืออีกทางหนึ่งจากถนนเพชรเกษมมีทางแยกลงหาดชะอำเหนือ มีป้ายบอกทางไปวัดเนรัญชรารามตลอดทาง แต่ทางนี้มีทางแยกทางโค้งหลายจุดจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก แต่ยังไงเราก็มาถึงหาดหน้าวัดเนรัญชรารามแล้วละ เราสามารถเลือกจอดรถได้ทั้งหาดทรายใต้เงาสน หรือจะจอดรถในวัดก็ตามสะดวก ผมเลือกจอดที่ริมหาดแล้วเดินไปเข้าวัด เพราะหลังจากไหว้พระแล้วผมอยากจะมานั่งริมหาดสั่งอาหารกินก่อนที่จะเดินทางกลับ บนชายหาดที่มีสนขึ้นอยู่มากมาย มีบางช่วงที่เป็นทางลงหาดให้รถวิ่งเข้าไปได้ ใต้ร่มสนจะมีร้านค้ามากมายทั้งของกินและของฝาก ของที่ระลึก ฯลฯ ให้เราเลือก ริมหาดมีบริการเปลริมหาด โดยมากก็จะมีเจ้าของร้านอาหารเป็นเจ้าของเปลเหล่านี้ เมื่อนั่งบนเปลก็เหมือนเลือกร้านอาหารไปด้วยในตัว แต่ละร้านจะต้องเช่าที่ริมหาดนี้จากทางวัด เพราะเป็นที่ของวัดจนถึงทะเลเลยทีเดียว
วิวสวยหาดชะอำหน้าวัดเนรัญชราราม ก่อนที่จะเข้าไปในวัด หลังจากที่จอดรถแล้วผมก็เดินชมวิวริมหาด บรรยากาศชายหาดชะอำบริเวณหน้าวัดเนรัญชราราม ในวันสงกรานต์ผู้คนมากมายพาครอบครัวโดยเฉพาะเด็กๆ มาพักผ่อนเด็กๆ ส่วนใหญ่ก็จะลงเล่นน้ำทะเล มีบางส่วนที่ถูกกั้นด้วยเนินทรายตามธรรมชาติจึงทำให้ไม่มีคลื่นแรงๆ เข้ามาเป็นที่โปรดปรานของเด็กๆ
วิวสวยหาดชะอำหน้าวัดเนรัญชราราม สำหรับผู้ที่อยากจะลองขี่ม้านั่งเล่นเลียบหาด หรือขี่ม้าถ่ายรูปก็มีม้าคอยเดินไปเดินมาบริการถึงที่ครับ
พระปิดทวารทั้งเก้า เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณวัดเนรัญชรารามตามทางเดิน เราก็จะได้เห็นพระสีขาว มีมือ (กร) มากมายปิดหูปิดตา หลายคนคงไม่รู้จักหรือไม่เคยเห็นมาก่อน พระองค์นี้เรียกว่า พระปิดทวารทั้งเก้า มีขนาดหน้าตักกว้าง 7 ศอก หันหน้าไปทางหาดชะอำ หลายคนเชื่อว่าได้พระองค์นี้มาแขวนคอ จะทำให้ฟันแทงไม่เข้า ยิงไม่เข้า ซึ่งไม่ใช่คติความเชื่อที่ถูกต้องในการสร้างพระองค์นี้ข้อมูลบางส่วนที่ได้จากทางวัด การสร้างพระปิดทวารทั้งเก้าองค์นี้เพื่อเป็นการสอนหรือการเตือนสติพุทธศาสนิกชน ให้ลองหัดทำปิดหู ปิดตา ปิดจมูก ใช้สติปัญญา ในการรับฟัง ในการมองเห็น ในการรับรส มีปัญญาอยู่ตลอดเวลา อะไรที่คนพูดมากระทบหูก็อย่าให้มันเข้าไปกระทบกระเทือนจิตใจ ใครจะว่าอะไรก็ให้ใตร่ตรองใคร่ครวญด้วยสติปัญญา แต่ก็ไม่ได้หมายความให้ปิดหู ปิดตา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพียงแต่ให้รับรู้อย่างมีปัญญารู้เท่าทันกับสิ่งที่เข้ามากระทบจิตใจของเรา เมื่อทำได้อย่างนี้แล้วเราก็จะไม่มีทุกข์ และจะเป็นหนทางสู่ความสุข ในที่นี้ผมจะเขียนเรื่องนี้เพียงย่อๆ ถ้าอยากอ่านข้อมูลมากกว่านี้ คลิกที่นี่พระปิดทวารทั้งเก้า
วังมัจฉาวัดเนรัญชราราม อยู่ด้านข้างของพระปิดทวารทั้งเก้า มีลักษณะเป็นสระปูนขนาดใหญ่มีปลาหลายชนิดอาศัยอยู่มากมาย เปิดให้ประชาชนซื้ออาหารปลามาเลี้ยงปลา มีทางเข้า-ออก 3 ทาง ล้อมรอบด้วยต้นไม้บรรยากาศร่มรื่น กลางสระมีศาลามีทางเดินไปยังศาลาแค่ทางเดียวคือข้างพระปิดทวารทั้งเก้า
มณฑปรอยพระพุทธบาท เดินลึกเข้ามาอีกนิด เราก็จะได้เห็นอาคารหลายหลัง ซึ่งก็พอจะรู้ว่าเป็นกุฏิสงฆ์ และศาลาหลังใหญ่ ตรงกลางบริเวณวัดเนรัญชราราม ซึ่งตรงกับด้านหลังขององค์พระปิดทวารทั้งเก้า จะมีมณฑปรอยพระพุทธบาทนี้อยู่ แต่ตอนนี้เราจะเข้าไปไหว้พระในพระอุโบสถก่อน แล้วจึงออกมาที่มณฑปแห่งนี้ เพราะตอนนี้เราก็ใกล้จะถึงพระอุโบสถทรงอินเดียกันแล้วครับ
พระอุโบสถทรงอินเดีย จุดเด่นหนึ่งของวัดเนรัญชราราม ก็เห็นจะเป็นพระอุโบสถหลังนี้นี่เองละครับ เราจะไม่ได้พบเห็นการสร้างพระอุโบสถทรงอินเดียแบบนี้กันบ่อยนัก มาถึงจุดนี้แล้วก่อนที่จะเข้าไปด้านใน ผมขอเอ่ยถึงประวัติของวัดเนรัญชราราม กันให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจนะครับ
ประวัติวัดเนรัญชราราม
วัดเนรัญชราราม เลขที่ 186 ถนนร่วมจิตต์ ตำบลเทศบาล อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี (ปากคลองชะอำ) ริมทะเลทางด้านทิศเหรือของหมู่บ้านปากคลองชะอำ เป็นวัดที่สร้างใหม่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ต่อกับสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เป็นปีที่สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสวยราชย์ เป็นปีแรก เริ่มก่อสร้างในต้นปี พ.ศ.2467 เมื่อ พ.ศ.2469 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ต่อมาพระมหาทองโฆสิต วัดบรมนิวาสพระนคร พระอธิการแย้ม สุขโต กับพระภิกษุอีก 3 รูป ได้จาริกธุดงค์มาพักอยู่ในป่าตำบลนี้ ดำริเห็นว่าปากคลองชะอำควรก่การเป็นที่บำเพ็ญศาสกิจของสงฆ์และเป็นที่บำเพ็ญกุศลของชาวประมง จึงได้ปรารภกับครอบครัวของโยมไข่ น.ส.น้อย นายมิ่ง จำลองราช ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพร้อมใจกันถวายเป็นที่ธรณีสงฆ์ 57 ไร่ 1 งาน 8 ตารางวา ในระยะนั้นที่เดินเป็นป่ารกร้างห่างไกลความเจริญ การคมนาคมไปมาไม่สะดวก ลำบากมาก วัดตั้งอยู่ทิศเหนือของคลอง จึงต้องสร้างสะพานข้ามคลอง โดยใช้ไม้พอเป็นที่สัญจรไปมาเท่านั้น จวบจนถึงปี พ.ศ. 2524 จึงได้สร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กโดยมีพระครูสุนทรธรรมวิโรจน์เป็นผู้ริเริ่ม
พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นวิวิชวรรณปรีชา ได้ประทานนาม วัดเนรัญชราราม โดยตามประวัติความเป็นมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงสร้างมฤคทายวัน ซึ่งตรงกับตำนานพระพุทธประวัติตอนที่ว่า "พระมหาบุรุษทรงถือถาดทองข้าวมธุปายาส เสด็จสู่ฝั่งแม่น้ำเนรัญชราก่อนตรัสรู้ แล้วได้เสด็จไปจำพรรษาอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน" ประเทศอินเดีย เป็นเหตุให้สันนิษฐานได้ว่า การตั้งชื่อวัดให้มีความสอดคล้องในตำนานดังกล่าว
พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นวิวิชวรรณปรีชา กับ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิปประพันธ์พงษ์ ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์วัด ในขณะนั้นมีพระมหาทองโฆสิต และพระอธิการแย้ม สุขโต กับพระภิกษุอีก 3 รูป ได้เป็นผู้ปกครองและพระอธิการแย้ม สุขโต เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกซึ่งได้ดำริเห็นว่าปากคลองชะอำ ควรจะเป็นที่บำเพ็ญกิจการของสงฆ์ จึงได้เริ่มแผ้วถางป่าที่รกให้ทำการปลูกกุฎิที่พักอาศัย ปี พ.ศ.2468
ขุมพรมเสนม ได้สร้างรอยพระบาทจำลองท่าคุกเข่าลอย สร้างถาดทอง (ทำจากไม้) ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ที่ขอบถาดจารึกเป็นภาษาขอม บารมี 10 ทิศ ที่ฐานปูนมีคาถากรวดน้ำให้มาร ในปี พ.ศ. 2470 และยังคงปรากฏอยู่ที่หน้าพระอุโบสถ จวบจนปัจจุบัน ส่วนระฆัง นายซุ้ย พวงขำนุตกุล เป็นผู้สร้างเมื่อปี พ.ศ.2469
ในปี พ.ศ.2471 ในสมัยรัชกาลที่ 7 พระมหาไกว โฆสะโก เจ้าอาวาสได้สร้างกุฎิเพื่อนนุกุล ต่อมาได้ใช้เป็นโรงเรียนประชาบาลวัดเนรัญชราราม ปี พ.ศ.2477 สร้างพระอุโบสถทรงลักษณะอินเดีย มีเจ้าคุณพิพากษาธิปไตย (โป๋ คอมันตร์) เป็นผู้ออกแบบและบริจาคทรัพย์สร้างร่วมกันผู้มีจิตศรัทธา
พระสาระเสรี (อี๋) วัดสัมพันธวงศ์ พระนคร เป็นผู้ปกครอง (เจ้าอาวาส) พ.ศ. 2478 มีพลเองเจ้าพระยาบดินทร เดชานิชิต (แย้ม ณ นคร) ได้สร้างพระประธานในพระอุโบสถและสิ่งอื่นๆ อีกมาก
พระอธิการสงวน ชาคโร เป็นเจ้าอาวาส ปี พ.ศ.2479 พร้อมพระภิกษุ 5 รูป ซึ่งมาจากวัดมหาสมณาราม เขาวัง เพชรบุรี ได้สร้างยกฐานชุกชีที่ตั้งพระประธานในพระอุโบสถ สร้างพระเจดีย์ในปี พ.ศ.2480 โดยมีตระกูลโป๋ คอมันตร์ บริจาคทรัพย์สร้าง
ต่อมาปี พ.ศ.2507 ได้สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม เพื่อเป็นที่ศึกษาพระธรรมวินัย โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (จวนอุฏฐายีมหาเถระ) เป็นองค์อุปถัมภ์พร้อมกับพุทธศาสนิกชน ทรงประทานชื่อ "โรงเรียนปริยัติสาธุชนูปถัมภ์" วัดเนรัญชรารามเป็นวัดที่มีบริเวณกว้าง ทำการปลูกต้นไม้เป็นอุทยานในวัดริมทะเลเพื่อเป็นที่พักผ่อนของประชาชนทั่วไป
ถาดทอง สิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นมีลักษณะเป็นถาดขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนฐานค่อนข้างสูง อยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ ตามพระพุทธประวัติ ถาดทอง เกิดขึ้นในวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ก่อนพุทธศก เมื่อครั้งนางสุชาดา ธิดาของคหบดีผู้มั่งคั่ง ได้นำถาดทองใส่ข้าวมธุปายาส (ข้าวหุงด้วยน้ำนม) ห่อหุ้มด้วยผ้าทองอันบริสุทธิ์ ทูนเหนือเศียรเกล้า เพื่อไปบวงสรวงเทพารักษ์ ที่ได้เคยตั้งปณิธานบูชาเมื่อยังสาวว่า ขอให้ได้สามีที่มีตระกูลเสมอกัน และขอให้ได้บุตรคนแรกเป็นชาย จึงเดินทางไปยังต้นโพธิ์ เห็นพระมหาบุรุษประทับอยู่ใต้ต้นไม้ผันพระพักตร์ทอดพระเนตรไปทางทิศตะวันออก มีรัศมีพระวรกายแผ่ซ่านออกเป็นปริมณฑลงดงามยิ่งนัก ก็ปลาบปลื้มโสมนัสคิดว่าเป็นรุกขเทวดาจริง นางเดินนอบกายแต่ไกลไปเฝ้าน้อมถวายถาดข้าวด้วยความเคารพยิ่ง ขณะนั้นบาตรดินอันเป็นทิพย์เกิดอันตรธานหายไป ซึ่งมฏิการพราหมณ์ ได้ถวายแต่แรกทรงบรรพชา พระมหาบุรุษก็ทรงเหยียดพระหัตถ์ออกรับแล้วทอดพระเนตรดูนาง นางสุชาดาทราบชัดว่าพระองค์ไม่มีบาตรจะถ่ายข้าวไว้ จึงกราบทูลว่า หม่อมฉันขอถวายทั้งหมด พระองค์มีพระประสงค์ประการใด โปรดนำไปตามพระหฤทัยทั้งหมดเถิด แล้วถวายอภิวาทพร้อมกราบทูลอีกว่า "ความประสงค์ของหม่อมฉันสำเร็จฉันใด ขอสิ่งซึ่งพระหฤทัยของพระองค์จะสำเร็จฉันนั้นเถิด"
ตามความในพระพุทธประวัติเล่าว่า เมื่อพระมหาบุรุษเสด็จลุกจากที่ประทับ ทรงถือถาดข้าวมธุปายาเสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา (ปัจจุบันเรียกว่า นีลาชนา หรือลีลาชนา) ประทับบ่ายพระพักตร์สู่บูรพทิศแล้วทรงปั้นข้าวมธุปายาสได้ 49 ปั้น เสวยจนหมดแล้วทรงถือถาดลงไปสู่แม่น้ำเนรัญชรา ทรงอธิษฐานเสี่ยงทายพระบารมีว่า "ถ้าจะได้ตรัสรู้พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณแล้ว ขอให้ถาดนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป" แล้วทรงลอยถาดทองนั้นลงในแม่น้ำ ขณะนั้นอานุภาพพระบารมีของพระองค์ซึ่งทรงบำเพ็ญมาบริบูรณ์ดีแล้ว ได้แสดงให้เห็นเป็นอัศจรรย์ถาดทองนั้นลอยทวนกระแสน้ำเนรัญชราขึ้นไปประมาณ 1 เส้น แล้วจึงจมลงตรงนาคภพพิมานแห่งพญากาฬนาคราช
*ทางวัดเนรัญชรารามจึงได้จัดทำถาดทองจำลองขึ้นเพื่อไว้เป็นสิริมงคลต่อสาธุชน
พระประธานในวัดเนรัญชราราม เข้ามาในพระอุโบสถศิลปะทรงอินเดียของวัดเนรัญชราราม ไหว้พระประธานครับ เราจะเห็นรูปผู้อุปถัมภ์วัดเนรัญชราราม อยู่เบื้องขวาขององค์พระประธาน
ตึกเนรัญชราอุทิศ ภาพนี้เป็นภาพเก่าแก่ของตึกหลังนี้ เราไปที่วัดเนรัญชราราม เราก็จะไม่ได้เห็นตึกนี้ เพราะว่าตึกเนรัญชราอุทิศนี้ ตั้งอยู่ที่ แขวงวัดพระยาไกร เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ในสมัยนั้นเขียนบันทึกเอาไว้ว่า ตำบลวัดพระยาไกร อำเภอยานนาวา พระนคร โดยนายเป๋า วีรางกูร ถวายให้กับวัดเนรัญชราราม โดยมอบให้ มหามกุฏราชวิทยาลัย พระนคร เก็บผลประโยขน์ส่งให้วัดเนรัญชราราม ภาษาที่ใช้ในการบันทึกเป็นภาษาเก่าครับ ดูในภาพ(อาจจะเห็นไม่ขัด) มีข้อความส่วนที่เขียนว่า ถวายไว้เปนบุญนิธิ กรุงวัดเนรัญชราราม เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2496
พระไพรีพินาศ เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในมณฑปรอยพระพุทบาท ด้านหน้าของพระไพรีพินาศมีรูปพระครูสุนทร ธรรมวิโรจน์ อดีตเจ้าอาวาสวัดเนรัญชราราม ระหว่างพระไพรีพินาศกับรูปเหมือนพระครูสุนทร ธรรมวิโรจน์ มีรอยพระพุทธบาทจำลองประดิษฐานอยู่ พระครูสุนทร ธรรมวิโรจน์เป็นอดีตเจ้าอาวาสที่เป็นกำลังสำคัญในการบูรณะวัดเนรัญชรารามหลายอย่างมากมายตลอดการครองวัดเป็นเจ้าอาวาส จนทำให้วัดเนรัญชรารามมีสภาพที่ร่มรื่น มีเสนาสนะมากมายเกิดขึ้นในวัด พร้อมทั้งได้ริเริ่มสร้างพระปิดทวารทั้งเก้าอีกด้วย
พระพุทธบาทจำลองวัดเนรัญชราราม รายละเอียดการสร้างรอยพระพุทธบาทจำลองนี้ได้กล่าวไว้แล้วในส่วนของประวัติของวัดนะครับ
ศาลาการเปรียญวัดเนรัญชราราม เป็นศาลาหลังใหญ่มากอยู่ติดกับกำแพงวัด
จักรยานเช่าในวัด มาถึงตอนท้ายของการนำเที่ยววัดเนรัญชรารามครับ ด้านหน้าวัดที่ติดถนนเลียบหาดชะอำเหนือ ทางวัดได้ให้ชาวบ้านมาเปิดร้านทำมาหากินในบริเวณวัดมีตั้งแต่ร้านอาหาร ของฝาก และร้านจักรยานให้เช่า ชั่วโมงละ 20 บาท มีร้านอาหารปลาให้เอาไปเลี้ยงปลาในวังมัจฉา
ผลิตภัณฑ์เปลือกหอย สินค้าที่มีวางขายมานานแสนนานจนจำไม่ได้ว่าครั้งแรกที่เห็นเปลือกหอยทากาวและระบายสี เป็นเมื่อกี่ปีมาแล้ว รู้แต่ว่าเริ่มเที่ยวทะเลครั้งแรกก็เห็นแล้ว และก็ยังคงเห็นวางขายตลอดมา ร้านค้าของที่ระลึกในวัดจะขายตัวใหญ่ 10 บาท ตัวเล็ก 1 บาท (ไม่น่าเชื่อว่าเงิน 1 บาท ยังซื้อของแบบนี้ได้) หลายคนที่มาเปิดร้านในวัดก็อาศัยเพิงร้านค้าเป็นบ้านไปด้วยก็มีครับ น่าเห็นใจมาก
ยังไงก็ดีครับ ข้อมูลวัดเนรัญชราราม ที่ค้นหามาได้คงจะเป็นประโยชน์ทั้งในแง่การท่องเที่ยวและการศึกษาเหมือนเช่นข้อมูลของวัดอื่นๆ ที่ทัวร์ออนไทยเคยเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้นะครับ ... ทำบุญแล้วก็เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ อนุโมทนา ครับ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ