เวลาเปิด-ปิด:08:00 - 16:00
ค่าเข้า:ค่ารถรับ-ส่ง 25 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานเพชรบุรี โทร. 0 3247 1005-6
http://www.tourismthailand.org/phetchaburi
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ทางเข้าถ้ำเขาหลวง จากการเดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมง กรุงเทพฯ-เพชรบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 หรือเพชรเกษม ตรงเข้าตัวเมืองเพชรบุรีตรงทางแยกต่างระดับไปชะอำ เมื่อตรงเข้าไปเรื่อยๆ จะเป็นเชิงเขาวังหรือพระนครคีรี ถึง 3 แยก เลี้ยวซ้ายจากนั้นตรงอย่างเดียวไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ เราจะมาถึงทางขึ้นเขาหลวง จะมีรถคอยให้บริการเราต้องจอดรถของเราไว้ตรงนี้แล้วต่อรถขึ้นไปทุกคน ตรงนี้เริ่มมีลิงให้เราเห็นแล้ว มีป้ายเขาหลวงขนาดใหญ่ต่อรถขึ้นมาจอดตรงลานจอดรถแล้ววนไปรับกลุ่มอื่นส่วนเราจะกลับลงรถคันไหนก็ได้เป็นรถวนตลอดวัน จากตรงนี้เราต้องเดินเข้าถ้ำไม่ไกลมากขึ้นบันไดนิดหน่อยแค่หอบเล็กๆ หัวใจเต้นรัวๆ ก็ถึงแล้ว
ลงบันไดปากถ้ำเขาหลวง เดินขึ้นเนินมากำลังได้เหนื่อยต่อจากตรงนี้เป็นทางเดินลงบันไดสูงมากต้องค่อยๆ ลง ปากถ้ำอยู่ด้านล่าง ซุ้มประตูและบันไดสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ และเป็นฉากหนึ่งในการถ่ายทำภาพยนตร์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตอนเข้าโจมตีเมืองคังด้วย เดิมทีเดียวบันไดเข้าสู่ถ้ำเขาหลวงแห่งนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๔ มาแล้ว 1 ครั้ง เป็นงานสร้างแบบก่ออิฐ หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โปรดให้รื้อถอนบันไดเดิมแล้วสร้างใหม่เป็นบันไดก่ออิฐถือปูน เศษอิฐที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ ยังคงมีหลงเหลืออยู่ด้านล่างที่พื้นถ้ำ จะว่าไปแล้วบันไดลงปากถ้ำเขาหลวงค่อนข้างสูงชันอยู่เหมือนกันครับแต่โชคดีที่มีไม่กี่ขั้น
ปากถ้ำเขาหลวง
ความสำคัญในถ้ำเขาหลวงแห่งนี้ มีเจดีย์ 6 องค์ พระพุทธรูปปางต่างๆ 170 องค์ มีทั้งสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๔ และ สมัยกรุงศรีอยุธยา
ประวัติโดยย่อถ้ำวิมานจักรี (ถ้ำหลวง)
เมื่อปีพุทธศักราช 2402-2404 จักรีวงศ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ทั้งสองพระองค์ คือพระองค์เจ้านราวงศ์ เป็นกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ และพระองค์เจ้าสุประดิษฐ์ เป็นกรมหมื่นวิษณุนารถนิภาธร ได้ทรงเสด็จยังถ้ำแห่งนี้ แล้วทรงรับสั่งให้จางวางข่างสิบหมู่ ทำการปฏิสังขรณ์ พระพุทธรูปปางมารวิชัยซุ้มเรือนแก้วองค์ใหญ่ทั้งสามองค์ (ด้านเหนือสุดถ้ำ) และทรงชี้ชวนพระบรมวงศานุวงศ์ สร้างพระพุทธรูประเบียงรายหน้าตัก 1-1 ศอกคืบ ประมาณ 99 องค์ การสร้างปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปส่วนนี้ ในกาลสมัยทรงรับสั่งให้สร้างพระนครคีรีบนเขาวัง เมืองเพชรบุรี ในกาลต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งให้สร้างพระพุทธรูปองค์เล็กระเบียงรายอีกจำนวน 62 องค์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่ราชวงศ์จักรี แล้วทรงพระราชทานนามถ้ำเขาหลวงแห่งนี้ว่า "วิมานจักรี" ในถ้ำนี้มีพระพุทธปฏิมาองค์ใหญ่ ปางต่างๆ สร้างมาก่อนรัชสมัย ร.๔ - ๕ ทางการพิจารณาว่าสร้างมาราวต้นรัชสมัยแห่งราชวงศ์จักรี หรือสมัยอยุธยาตอนปลาย จงช่วยกันบำรุงรักษา เพื่อชาติ ศาสนา สืบต่อไป
ภาพที่เป็นจุดเด่นที่สุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมถ้ำเขาหลวงก็คือภาพลำแสงที่ส่องสว่างลงมาจากเพดานถ้ำอันมีโพรงขนาดใหญ่มากๆ ลำแสงนี้จะส่องลงมาบริเวณลานหน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เรียกกันว่าหลวงพ่อโต สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเพชรบุรีอีกองค์หนึ่ง พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่นี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ เชื่อกันว่ามาขอพระหลวงพ่อโตได้คนละ 1 ข้อ จะสำเร็จสมความปรารถนา
บริวเณเบื้องขวาขององค์พระจะมีเจดีย์องค์เล็กๆ มีลักษณะรูปแบบการสร้างแตกต่างกันไปอยู่ 3 องค์ และมีพระพุทธรูปประดิษฐานเรียงรายอยู่ทั้งด้านข้างและด้านหลังของหลวงพ่อโตอีกหลายองค์
ลำแสงที่ส่องลงมาจากเพดานถ้ำเขาหลวงจะทำมุมแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงของเวลา และฤดูกาล ฤดูหนาวจะมีมุมแตกต่างจากฤดูร้อนอย่างเห็นได้ชัด ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าชมถ้ำเขาหลวงคือ 10.30 น. - 14.00 น.
พระพุทธรูปปางปรินิพพาน เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีความยาว 14 เมตร ในสมัยรัชกาลที่ ๔ สร้างได้เพียงครึ่งองค์ (9 เมตร) ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้โปรดฯ ให้สร้างต่ออีก 5 เมตร จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ ใกล้กับพระพุทธรูปปางปรินิพพานองค์นี้จะมีพระสังกัจจายน์ ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๔ อยู่ด้วย
พระพุทธรูปเก่าที่สุดในถ้ำเขาหลวง ห้องแรกของถ้ำเขาหลวงจากทั้งหมด 5 ห้อง ห้องแรกนี้อยู่ที่เชิงบันไดทางลงมาพอดี สิ่งสำคัญในถ้ำเขาหลวงห้องแรกก็คือ รอยพระพุทธบาทจำลอง รอยพระพุทธบาทในห้องที่ 1 ของถ้ำเขาหลวงเป็นรอยพระพุทธบาทจำลองแห่งแรกของจังหวัด สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ พ.ศ.2401 มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ด้านข้าง ทั้งหมด 11 องค์ สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระพุทธรูปเก่าที่สุดในถ้ำเขาหลวง คือพระพุทธรูปปางมารวิชัยในรูปข้างบน มีขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่บนฐานประดับด้วยซุ้มอย่างสวยงามนี้ มีอยู่องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปไม้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้โปรด ฯ ให้สร้างพระพุทธรูปปูนปั้นครอบไว้อีกชั้นหนึ่งด้วยเกรงว่าพระพุทธรูปสร้างด้วยไม้ เวลาผ่านนานไปจะชำรุดลง เบื้องหลังพระพุทธรูปปรากฏแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ ๔ เนื้อหาโดยย่อให้เข้าใจง่ายขึ้นว่า
"เทวดา หรือมนุษย์ผู้ใดได้มากราบไหว้พระพุทธรูปองค์นี้นับว่าเป็นวาสนาดี"
ถ้ำเขาหลวงห้องที่ 4 หลังจากที่เดินเลยพระพุทธรูปปางปรินิพพานมาอีกหน่อยจะมีซุ้มประตูโค้งกั้นระหว่างห้องที่ 3 และห้องที่ 4 ของถ้ำเขาหลวง ภายในห้องที่ 4 จะมีพระเจดีย์ขนาดเล็กอีก 3 องค์ และมีพระพุทธรูปปรายล้อมอยู่ตามผนังของถ้ำ เจดีย์องค์สีทององค์ใหญ่ในห้องนี้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอด และส่วนปล้องไฉนสร้างด้วยทองคำแท้สมัยรัชกาลที่ ๔
อิฐฉิบหายห้าร้อยก้อน ทางเดินในถ้ำเขาหลวง จากห้องที่ 4 ไปยังห้องสุดท้ายของถ้ำเขาหลวงเราจะสังเกตได้ว่าพื้นทางเดินปูด้วยดิฐซึ่งมีขนาดรูปร่างเท่าๆ กันไปตลอดทาง โดยอิฐเหล่านี้ก็มีที่่มาที่น่าสนใจครับ อิฐเหล่านี้เรียกกันว่า "อิฐฉิบหายห้าร้อยก้อน" เพราะมีที่มาว่าระหว่างการสร้างเขาวังหรือพระนครคีรีนั้น ท่านช่วง บุนนาค ผู้ควบคุมการก่อสร้างได้เกณฑ์และสั่งให้ชาวบ้านมาทำก้อนอิฐซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการสร้างเขาวังจำนวนมาก โดยสั่งให้ชาวบ้านแต่ละครัวเรือนทำอิฐบ้านละ 500 ก้อน แน่นอนว่าชาวบ้านคงจะต้องบ่นเป็นเรื่องธรรมดา แล้วเรียกชื่ออิฐนี้ว่า อิฐฉิบหายห้าร้อยก้อน เป็นเรื่องที่เล่าขานสืบต่อกันมาครับ
พ่อปู่ฤๅษีนารายณ์ ท้ายสุดของถ้ำเขาหลวง ก่อนจะมาถึงตรงนี้จะพบเห็นทวารบาลเฝ้าประตูถ้ำ ซึ่งในอดีตมีขโมยเข้ามาในถ้ำพยายามขุดหาสมบัติแต่ไม่เจอ มีร่องรอยการขุดถ้ำเห็นเป็นเพียงเศษอิฐเศษหินเท่านั้น ขโมยจึงได้ทำการตัดเศียรทวารบาลไปขาย กรมศิลปากรจึงได้ทำการปั้นขึ้นมาใหม่
จากนั้นมาไม่นานก็จะถึง พ่อปู่ฤๅษีนารายณ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในถ้ำเขาหลวง สร้างขึ้นเมื่อ 13 เมษายน พ.ศ.2529 เชื่อกันว่าขอโชคขอลาภจะสัมฤทธิ์ผล เป็นมงคลก่อนเดินทางกลับ
"อีกครั้งหนึ่งที่ได้กลับมายังถ้ำแห่งนี้ แต่วันนี้ดวงไม่ดีฟ้าครึ้มไม่มีแสงส่องลงมาเป็นลำแสงสวยๆ ให้ได้เห็น แต่ก็ทำให้เราได้รู้ว่าตอนนี้เราขับรถขึ้นมาถึงปากทางเข้าถ้ำไม่ได้แล้วนะต้องจอดรถไว้แล้วนั่งรถบริการรับ-ส่งขึ้นมาอีกที"
Akkasid Tom Wisesklin
2017-01-11 21:53:22
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ