เกาะเกร็ด

 เกาะเกร็ด เกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงส่วนที่เป็นแหลม ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2265 เรียกว่า "คลองลัดเกร็ดน้อย" (คลองลัดเกร็ดใหญ่อยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ขุดลัดแม่น้ำเจ้าพระยาตอนท้ายอำเภอสามโคกมาทางใต้ถึงคลองขวางเชียงราก) ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางแรงขึ้นเซาะตลิ่งทำให้คลองขยาย แผ่นดินตรงแหลมจึงกลายเป็นเกาะ ชื่อที่เรียกนั้น ชื่อเดิมเรียกว่า เกาะศาลากุน

 การเดินทาง การเดินทางสู่เกาะเก็ดไปได้ทั้งทางรถยนต์และทางเรือ

 สำหรับทางรถยนต์ไปทางด่วนลงแจ้งวัฒนะ ก็สามารถเลือกจอดรถที่วัดสนามเหนือข้ามฟากไปท่าน้ำวัดปรมัยยิกาวาส หรือข้ามสะพานพระราม 4 ไปจอดวัดบางจาก หรือไปจอดที่วัดใหญ่สว่างอารมณ์ แล้วนั่งเรือข้ามฟากไปท่าน้ำวัดเสาธงทอง

 ทางเรือ สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปถึงนนทบุรีมีหลายราคา

ข้อมูลเพิ่มเติม:การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพฯ โทร.02 250 5500
http://www.tourismthailand.org/bangkok

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

แผนที่เกาะเกร็ด อีกแล้วๆๆๆๆ มาเกาะเกร็ดกันอีกแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพฯ เพื่อนๆ เราบอกว่าไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าถามว่าเคยไปยัง ส่วนมากตอบว่า ยัง อ้าวซะงั้น ก็อย่างว่าแหละที่ใกล้ๆ ไปเมื่อไหร่ก็ได้เลยไม่ได้ไปซักที ส่วนเรานะเหรอมาเกาะเกร็ดน่าจะรอบที่ 5 หรือมากกว่านั้น เคยเขียนเรื่องเกาะเกร็ดไปทีนึงแล้ว ประมาณปี 55 ตอนนั้นน้ำท่วมใหม่ๆ ก็เลยอยากไปดูว่าหลังจากน้ำท่วมแล้วเค้าเป็นยังไงกันบ้าง แต่รู้สึกว่าเรายังสำรวจไม่ค่อยทั่วเกาะ เลยไปใหม่ถ่ายรูปใหม่เอามาเรียบเรียงใหม่ คนที่เคยไปแล้วก็ลองอ่านดูว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง คนที่ยังไม่เคยไปอยากให้อ่านหน้านี้แล้วเข้าใจว่าบนเกาะเกร็ดเค้ามีอะไรดีทำไมคนมาเที่ยวกันเยอะนัก ถ้าใครรู้เรื่องเกาะเกร็ดเป็นอย่างดีมาอ่านหน้านี้แล้วรู้สึกว่าขาดตกส่วนไหนไปก็ต้องขออภัยกันก่อนนะ

คนที่ไม่เคยมาเกาะเกร็ดแล้วไม่รู้ว่าจะไปเริ่มที่ไหนดูแผนที่นี้ให้ดี เพราะจะได้รู้ว่าถ้าจะมาจริงๆ จะไปตรงไหนก่อน

การข้ามมาเกาะเกร็ด มีเรือข้ามฟากมากมายหลายท่า แต่ที่เป็นที่นิยมกันจริงๆ จะมีที่วัดสนามเหนือ (อยู่บนสุดของแผนที่) กับวัดบางจาก (อยู่ทางซ้าย) คนที่มาข้ามวัดสนามเหนือจะได้เดินเที่ยววัดปรมัยยิกาวาส และได้ชมเจดีย์เอียงจากกลางแม่น้ำ แต่วัดสนามเหนือมีขนาดลานจอดรถที่ไม่กว้างขวางมากนัก คิดค่าจอด 30 บาท ส่วนวัดบางจากต้องข้ามสะพานพระราม 4 มากลับรถ 2 ครั้ง กว่าจะถึงวัด จอดฟรี แต่ข้ามไปขึ้นวัดเสาธงทอง นี่ก็เป็นข้อเสียของแต่ละที่ ชอบอย่างไหนก็เลือกพิจารณาดู

บรรยากาศของบ้านเรือน 2 ฝั่งแม่น้ำไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ แต่ฝั่งเกาะดูเหมือนว่าแม่น้ำจะแผ่กว้างออกไปจนดูเหมือนว่าบ้านอยู่ในแม่น้ำไปซะแล้ว ถนนหนทางบนเกาะแคบใช้ได้แต่จักรยานกับมอเตอร์ไซค์ ภาพมุมนี้ถ่ายตอนนั่งเรือจากวัดใหญ่สว่างอารมณ์มุ่งหน้าไปทางวัดเสาธงทอง ส่วนภาพเจดีย์เอียงจะให้ชมตอนจบเพราะเรากลับทางวัดสนามเหนือ

หลวงพ่อโตวัดบางจาก การที่เราได้นั่งเรือมาจากวัดใหญ่สว่างอารมณ์ก็เพราะว่าเรามาล่องเรือไหว้พระ ๙ วัดรอบเกาะเกร็ดฟรี ที่จัดโดย อบจ.นนทบุรี กับ ททท.กรุงเทพฯ ปี 57 เค้าจัดตั้งแต่เมษายน - กันยายน เฉพาะเสาร์ - อาทิตย์ ถ้าใครอ่านเจอเรื่องนี้จะมาตามรอยก็ได้เลยครับ เรือฟรีรอบเกาะ ฟินสุดๆ ขอบอก พอเรือมาถึงวัดเสาธงทอง แทนที่เราจะตั้งใจเดินเข้าวัดแต่เรากลับหันมาถ่ายรูปหลวงพ่อโตวัดบางจากที่อยู่ตรงข้ามกันแทน ก็วิวสวยขนาดนี้นี่นา ถ้ามานั่งเรือฟรีเหมือนเราจะได้ไปวัดบางจากไหว้หลวงพ่อโตใกล้ๆ ด้วย

ตลาดเกาะเกร็ด ไม่ว่าจะข้ามเรือมาที่วัดเสาธงทอง หรือวัดปรมัยยิกาวาส คนมาเที่ยวเกาะเกร็ดเป็นอันต้องเดินชมตลาดหาอะไรอร่อยๆ กินกัน ถ้ามาวัดปรมัยยิกาวาสจะต้องเดินทะลุด้านหลังวัดแล้วจะเจอตลาด แต่ถ้ามาทางวัดเสาธงทองจะเจอถนนรอบเกาะเกร็ดอันเป็นที่วางแผงขายของต่างๆ นานา ก่อนจะเดินเข้าไปในวัด ของที่วางขายอยู่บนเกาะเกร็ดก็มากมายหลายอย่างเกินจะถ่ายรูปมาให้ดูได้หมด เอาเด่นๆ ก่อนก็ต้องเป็นเครื่องปั้นดินเผา อันเป็นเอกลัษณ์ของเกาะเกร็ดเท่านั้น หลายปีที่ผ่านมาร้านค้าบนเกาะก็เปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารเล็กๆ หลายร้านก๋วยเตี๋ยวจะหาง่ายที่สุด แต่อาหารอื่นๆ ก็มีให้เลือกกินเหมือนกัน ต่อมาก็ต้องเป็นร้านจักรยานให้เช่า คันละ 40 บาทไม่จับเวลาปั่นรอบเกาะสักรอบใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมาเที่ยวจนรอบเกาะ จะเลือกเดินตลาดจากวัดปรมัยยิกาวาสมาวัดเสาธงทองแล้วก็กลับ หรือมาวัดเสาธงทองก็เดินไปสุดที่วัดปรมัยยิกาวาส เพราะระยะทางประมาณ 900 เมตร สำหรับการเดินผ่านตลาดยาวๆ ขนาดนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับวันหยุด

เจดีย์กลีบมะเฟือง มาถึงท่าน้ำวัดแล้วจะไม่เข้าไปดูในวัดซะหน่อยก็กระไรอยู่ สิ่งสำคัญของวัดเสาธงทองมีหลายอย่าง เริ่มจากเจดีย์เก่าแก่ 3 องค์รอบโบสถ์ มีเจดีย์องค์หนึ่งอยู่ตรงทางเข้าโบสถ์เป็นเจดีย์ทรงกลีบมะเฟือง มีอยู่เพียงองค์เดียวในโลกแล้วตอนนี้ ทางกรมศิลป์ก็เข้ามาบูรณะให้มั่นคงแข็งแรงรักษาไว้สืบไป เดินเข้าไปอีกหน่อยเป็นกำแพงโบสถ์ หน้าโบสถ์มีต้นยางใหญ่อายุเป็น 100 ปี (ต้นที่สูงตระหง่านอยู่หลังเจดีย์นี่แหละ) ที่โคนต้นยังมีศาลพี่จุก ที่ว่ากันว่าขอโชคขอลาภไม่เคยผิดหวัง คนเอาน้ำแดงมาถวายกันเป็นร้อยขวด

ไหว้พระในวัดเสาธงทองเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์ เดินเที่ยวตลาดเกาะเกร็ดดีกว่าเอาตั้งแต่ร้านอาหารตามสั่ง ไปร้านก๋วยเตี๋ยว นอกจากขายอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวแล้วยังมีปลาส้ม ปลาทู ผักสด เห็ดต่างๆ ไส้กรอก ก็ด้วยเหตุว่านอกจากเค้าจะขายให้เราที่มาเที่ยวแล้วคนบนเกาะเกร็ดก็มาซื้อของที่นี่กันเยอะเหมือนกัน ของบางอย่างถึงได้ดูไม่น่าจะขายให้นักท่องเที่ยวได้เลย เดินไปอีกหน่อยก็เริ่มจะเห็นร้านเสื้อ แน่นอนว่าต้องมีคำว่าเกาะเกร็ดบนอกเสื้อด้วย ส่วนอีกร้านขายเสื้อลายปลาทูแม่กลอง น่าจะมาจากอัมพวาแหง๋ๆ แล้วก็มีร้านตุ๊กตา ตุ๊กตานี่ก็เป็นอะไรที่เปลี่ยนไปตามกระแส ไปกี่ทีๆ ก็จะเจอตุ๊กตาแปลกๆ ใหม่ๆ มาตลอด แต่ก่อนมีตุ๊กตาแต่งตัวจีน ญี่ปุ่น ตอนนี้มีตุ๊กตาใส่เสื้อผ้าถัก ตุ๊กตาเซรามิค ฯลฯ

ทอดมันหน่อกะลา เป็นอะไรที่ต้องมากินถึงที่นี่ ชื่อที่แปลกหูทำให้อาหารจานนี้รู้จักไปทั่วอย่างรวดเร็ว มีแม่ค้าในตลาดอื่นๆ ทำออกมาขาย แต่คนก็ยังคงตั้งใจจะมาซื้อมาชิมกันที่นี่ เวลาผ่านเลยไปนานหลายปี ทอดมันหน่อกะลาก็ได้ออกลูกออกหลานมาเป็นอีกหลายเมนูที่ใกล้เคียงกันมาวางขายบนร้านเดียวกัน อย่างเช่นดอกแค ผักบุ้ง ใบบัวบก อัญชัน ดอกเข็ม ชะพลู ผักเป็ด ผักพวกนี้เอามาชุบแป้งทอด

ขนมไทย นี่แหละอีกเมนูหนึ่งที่ว่ากันว่าหาอร่อยกว่าเกาะเกร็ดไม่ง่ายเลย ขนมไทยที่ว่ากันว่าหากินยากนักหนาเพราะกระบวนทำนั้นแสนยากจนขนมเหล่านี้เกือบจะสูญหายไปจากตลาดของไทย อย่างเช่น จ่ามุงกุฎ เสน่ห์จันทร์ ทองเอก กระเช้าสีดา แม้แต่ไข่ในรังทองยังมีด้วยนะ ไหนจะมีวุ้นใบเตย วุ้นอัญชัน กุหลาบชาววัง อีก เฉพาะเรื่องขนมก็เตรียมเงินไปให้พร้อมละกันนะ

บ้านโอ่ง เดินตลาดมาเรื่อยๆ ของที่วางขายก็มากมายเยอะแยะสาธยายไม่ถูก มาสะดุดเอาบ้านหลังหนึ่ง มากี่ครั้งก็เป็นอันได้แวะ บ้านโอ่ง หลังนี้ยังคงสภาพเดิมเหมือนหลายปีก่อน มีของที่วางขายในบ้านเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็น่าสนใจซะทุกชิ้น

เครื่องปั้นดินเผาหมู่ 6 เดินมาอีกนิดก็จะเจอซอยเล็กๆ เขียนว่าทางเข้าชมศูนย์หัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผา บนเกาะเกร็ดนี้ไม่มีอะไรมีชื่อเสียงไปว่าสินค้าในหมวดนี้อีกแล้ว ถ้ามีเวลาลองแวะเข้าไปหน่อยเค้าจะมีการทำเครื่องปั้นดินเผาให้ดูกันเป็นขั้นเป็นตอนเลย สนใจจะซื้อชิ้นไหนสอบถามราคาได้เลย เรียกว่าซื้อจากหน้าเตาหาถูกกว่านี้ไม่มีแล้ว นอกจากนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนเกาะเกร็ดเป็นการส่วนพระองค์และทรงปั้นช้างดินเผาเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2541 หลังจากนั้นอีก 3 ปี วันที่ 7 มกราคม 2544 พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จพระราชดำเนินเยือนเกาะเกร็ดเป็นการส่วนพระองค์ และทรงปั้นปลาดินเผา บนเกาะเกร็ดนี้ด้วย

วัดไผ่ล้อม ไม่ว่าจะเดินมาจากวัดปรมัยยิกาวาส หรือวัดเสาธงทอง จะผ่านวัดไผ่ล้อมแห่งนี้วัดนี้เป็นเสมือนจุดพักกลางทาง เพราะอยู่เกือบกลางทางพอดิบพอดี แต่อยู่ใกล้วัดปรมัยยิกาวาสมากกว่า วัดไผ่ล้อมเป็นวัดที่สวยมากเดินผ่านมาก็จะมาสะดุดตาที่หงส์คู่หน้าวัดมองลึกเข้าไปก็จะเห็นโบสถ์หลังเล็กที่อยู่ตรงกลางใต้ท้องฟ้าสีครามสวยจริงๆ ปกติถ้าเดินมาถึงวัดไผ่ล้อมอย่างน้อยต้องมีถุงหูหิ้วติดตามนิ้วมือมา 3-4 ถุงแล้วนะ ของกินเล่นและก็น้ำ โดยเฉพาะน้ำที่ใส่ในแก้วการ์ตูนดินเผาถือกินได้นานเอากลับบ้านได้ด้วย แต่ของที่ซื้อมาส่วนใหญ่จะเป็นของกินเล่นรองท้อง จะมาจัดหนักมื้อใหญ่ที่ใกล้ๆ วัดไผ่ล้อมกันนี่แหละ ด้านหลังวัดไผ่ล้อมจะมีเจดีย์ชเวดากองจำลองสวยมากด้วยแนะนำว่าให้เดินเข้าไปไหว้เจดีย์หลังโบสถ์ด้วย

หน่อกะลา หรืออีกชื่อหนึ่งที่เค้าเรียกกันก็คือ ข่าน้ำ

ทอดมันหน่อกะลา ขายปลาในรถเข็น ภาพเหล่านี้ยังคงสะดุดตาเราทุกครั้งที่ไปเกาะเกร็ด โดยเฉพาะรถเข็นที่ขายของไปทั่วเกาะ เอาของใส่ในรถเข็นเป็นวิธีเดียวที่จะเอาไปขายได้รอบเกาะที่มีสะพานทางเดินแคบๆ นิดเดียวอย่างที่นี่ จากนั้นก็ไปเห็นร้านขายขนมถ้วยร้านนี้เข้าคนเข้าไปนั่งกันเต็มร้าน ด้านหน้าร้านทำเป็นบาร์เล็กๆ นั่งกินเป็นแถวมีขนมถ้วยเรียงกันเป็นชุดๆ อยากกินชุดไหนก็หยิบเอามาตักใส่ปากด้วยไม้พายเล็กๆ ออกแบบได้เข้ากับบรรยากาศบนเกาะ ดูๆ ไปก็เหมือนอยู่ร้านซูชิยังไงไม่รู้ รสชาตไม่ต้องพูดถึง ไม่อร่อยจริงคนไม่เต็มร้านแบบนี้แน่ๆ ร้านนี้ชื่อขนมถ้วยคันทรี ถ้าไปก็อย่าลืมไปแวะชิมละ ว่าอร่อยอย่างที่เราเขียนหรือเปล่า

เดิน เดิน เดิน แม้ว่าอากาศจะร้อนไปนิด แต่จะว่าไปอยู่ไหนก็ร้อนเหมือนกัน ไม่ใช่จะมาอารมณ์เสียว่าอากาศบนเกาะเกร็ดร้อน ใช่มะ บรรยากาศของตลาดแบบง่ายๆ มีทางเดินแคบๆ อยู่ตรงกลางมีแผงเล็กๆ เรียงรายกันอยู่สลับกับร้านใหญ่ๆ ยังคงมีอะไรหลายอย่างที่ชวนให้เราเข้าไปชิม ร้านข้าวแช่ก็น่าสนใจเหมาะกับสภาพอากาศดี ต่อไปก็จะมีร้านปลาไข่ทอด อีกหน่อยก็เจอปลานิลแดดเดียวร้านนี้ท้าให้ลอง เนื้อปลาหนานุ่มรสอร่อยกลมกล่อม มาพร้อมข้าวเหนียวแบบเฉพาะของร้าน จากนั้นก็จะมีก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยแม่ทองใบ จากนั้นเป็นลาซานญา ขนมหม้อแกงหม้อดิน รสชาตอร่อยมากับหม้อดินใบน้อยๆ กินหมดแล้วเก็บไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีก สมกับที่มาเกาะเกร็ดจริงๆ

ของใช้ของฝากมากมายก่ายกองก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนมาเดินเที่ยวไม่รู้สึกน่าเบื่อ หัวโขนจิ๋วก็สวยน่าเก็บ ที่เปิดขวดรูปหน้ากาก เกลือหอม การบูน อะไรแนวๆ นี้ก็เป็นของเด่นของเกาะเกร็ดมีมานานแล้ว

นานาของกินที่สาธยายกันยาวยืดยังไม่หมดนะจะว่าไปแล้วถ้าซื้อร้านละอย่างกลับมาคงกินได้หลายบ้านเลยละ บางร้านมีให้ชิมด้วยถ้าเลือกไม่ถูกลองชิมก่อนซื้อเป็นการเดินตลาดที่ฉลาดมาก

ขนมไข่ปลา เห็นแกสะบัดแล้วท่าทางสนุกเลยไปนั่งอุดหนุนซะหน่อย

วัดปรมัยยิกาวาส เย้ เดินทะลุตลาดจนได้ ตอนนี้เราก็เดินมาได้ระยะ 900 เมตร จากวัดเสาธงทอง ผ่านร้านของกินเล่นกินจริงมาก็เยอะ เข้าไปไหว้พระกันบ้างดีกว่า ในวัดปากอ่าวนี้มีอะไรสวยๆ หลายอย่างเพราะเป็นพระอารามหลวงเพียงแห่งเดียวบนเกาะเกร็ด การมาที่วัดนี้หลายคนก็ต้องเดินไปถ่ายรูปกับเจดีย์เอียงตรงมุมวัดเพราะเป็นสัญลักษณ์ของเกาะ แต่ถ้ามีเวลาลองเข้าไปไหว้พระในโบสถ์จะเห็นการตกแต่งภายในที่สวยมาก ด้านหลังโบสถ์มีเจดีย์องค์ใหญ่ เดินจากเจดีย์ไปอีกนิดจะมีวิหารพระนอนด้วย

ตะลุยเกาะเกร็ดกันเถอะ เล่ามาซะยืดยาว นี่เป็นแค่ช่วงมหาชนคนนิยมของเกาะเกร็ด ซึ่งก็คือทางเดิน 3 วัดหลักๆ เท่านั้น แต่นั่นหมายความว่า พื้นที่อีก 75% ของทางเดินรอบเกาะที่เรายังไม่ได้ไป เพื่อความสะดวกรวดเร็วเลยไปเช่าจักรยานมา ทีนี้ก็ออกเดินทางไปตามเส้นทางแห่งวิถีชีวิตชาวเกาะเกร็ดกันได้แล้ว ชาวเกาะเกร็ดเกือบทั้งหมดต้องเดินบนสะพานทางเดินแคบๆ แบบที่เห็นชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าหลายปีนานมาแล้ว ชาวเกาะเกร็ดยังมีดินให้เดินได้กาลเวลาผ่านไประดับน้ำก็สูงขึ้นๆ ในฤดูน้ำมากจนต้องยกบ้านขึ้น สร้างสะพานทางเดินให้สูงและแข็งแรง แต่ขนาดยกสูงขึ้นขนาดนี้ในปี 54 ยังโดนน้ำท่วมจนมองไม่เห็นสะพานเลยด้วย เพราะมีทางแคบแบบนี้คนทำมาค้าขายจึงต้องมีรถเข็น เข็นไปรอบๆ เกาะ เฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ จะพากันไปรวมอยู่ตรงทางเดินมหาชน วัดปรมัยยิกาวาส - วัดเสาธงทอง บางคนก็ขายของเล็กๆ น้อย ๆ อยู่ที่บ้าน อย่างปลาทอด 2 ถาดนี้ ก็รอให้คนผ่านไปผ่านมามาอุดหนุนกันไป เป็นระบบที่เรียบง่ายพึ่งพาอาศัยกัน

วัดฉิมพลีสุทธาวาส วัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของเกาะเกร็ด โบสถ์วัดฉิมพลีได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่งดงามที่สุดในจังหวัดนนทบุรี วัดแห่งนี้ห่างจากวัดไผ่ล้อมประมาณ 1000 เมตร หรือห่างจากวัดปรมัยยิกาวาสประมาณ 600 เมตร จักรยานที่เช่ามาเริ่มเห็นประโยชน์ได้มากตอนที่เราจะไปอีกหลายที่นี่เอง

ศูนย์เครื่องปั้นดินเผา ออกจากวัดฉิมพลีมาหน่อยจะเห็นเตาเผาอยู่ขวามือส่วนด้านซ้ายจะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น เปิดชั้นล่างโล่งๆ มีเครื่องปั้นดินเผาเรียงรายอยู่เยอะแยะให้เลือก บ้านหลังนี้ยึดอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผามาหลายรุ่น จนถึงทุกวันนี้ส่งลูกเรียนจบมหาวิทยาลัยออกมาก็มาออกแบบเครื่องปั้นดินเผาของตัวเองเป็นการเพิ่มมูลค่าด้วยการใส่ลายรามเกียรติ์เข้าไป ขอเจ้าของร้านให้เปิดกรอบกระจกจะถ่ายรูป คุณป้าบอกว่าไม่อยากเปิดเพราะกลัวมันตกแตก แต่ถ้าเราอยากเปิดก็เปิดเอง แต่ถ้าแตกก็ใบละสามหมื่นกว่าบาท แหม พูดมาขนาดนี้เราจะเปิดก็กระไรอยู่ขอผ่านละกัน ถ้าสนใจลองเข้าไปชมกันเน้อ

เกาะเกร็ดอีกด้านหนึ่งออกแนวเป็นธรรมชาติมากกว่าด้านที่เราๆ มาเที่ยวกัน เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสวน แม้ว่าจะเลิกทำอาชีพทำสวนกันไปเกือบหมดเพราะเหตุการณ์น้ำท่วมแล้วก็ตาม แต่ที่นี่ก็ยังคงความร่มรื่นอยู่มาก มาตามทางคอนกรีตสูงๆ บางช่วงก็เสียวดีถ้าปั่นจักรยานไม่แข็งแล้วร่วงลงไป หรือมีรถสวนมาละก็ ลำบากแน่ๆ มาถึงสวนเกร็ดพุทธมีป้ายเชิญให้เราเข้าไปด้านใน ตอนนั้นไปให้เข้าได้ฟรี ส่วนจะบริจาคเพื่อเป็นค่าดูแลก็แค่เอาเงินใส่กล่อง ข้างในเป็นสวนที่เห็นแล้วอยากมาอยู่ หรืออยากให้บ้านตัวเองเป็นแบบนี้บ้าง ภายในเป็นสวนที่ปลูกไม้ดอกไม้ใบ สมุนไพร ผักสวนครัว เต็มพื้นที่ไปหมด มีร่องสวนเหมือนอย่างสวนทั่วไป ระหว่างร่องสวนมีบ้านไม้หลายหลังจัดเหมือนนิทรรศการเล็กๆ เข้าไปชมพร้อมกับหลบแดดได้ รายละเอียดจะไม่พูดถึงมากเพราะเรื่องสวนเกร็ดพุทธเราเขียนไว้ในอีกหน้าหนึ่งต่างหากแล้ว

ออกจากสวนเกร็ดพุทธยังมีเส้นทางตรงไปอีกเยอะ ระหว่างนี้ก็ผ่านศาลากลางบ้าน บ้านเรือน เห็นคนเลี้ยงหมูป่าไว้ในบ้านเหมือนเป็นหมาเป็นแมวก็มี บางช่วงเราก็จะได้เห็นวัดร้างที่ไม่มีสภาพเป็นวัดเพราะได้หักพังลงไปหมดแล้วคงเหลือชิ้นส่วนของพระพุทธรูปเก่าแก่อยู่บ้างชาวบ้านนำปูนมาต่อองค์พระส่วนที่ไม่สมบูรณ์ แล้วเรียกว่าหลวงพ่อต่อ แล้วสร้างศาลาขึ้นมาประดิษฐานพระพุทธรูปไว้กราบไหว้ แล้วก็เรียกตรงนี้ว่าวัดจันทร์ ไม่ไกลกันมีวัดร้างเหมือนกันชื่อวัดมะขามทอง มีพระพุทธรูปกับลูกนิมิต 4 ลูก เลยไปหน่อยก็จะเจอสวนทุเรียนเก่ากับร้านกาแฟสด โชคดีจังกำลังเหนื่อยๆ พอดีเลย ร้านกาแฟสดเป็นเหมือนศาลาไม้ริมทางไม่น่าเชื่อว่าจะมีร้านกาแฟอยู่ตรงนี้ เพราะไม่ค่อยเห็นมีบ้านคนสักเท่าไหร่ คนผ่านไปผ่านมาก็น้อยแสนน้อยไปนั่งในร้านถามไถ่เรื่องเส้นทางได้ความว่าทางข้างหน้าไม่มีอะไรเลยมีแต่สวนกับป่าเห็นทีต้องวกกลับทางเก่า

อำลาเกาะเกร็ด สมควรแก่เวลาแล้ว กิจกรรมทั้งหมดนี้ใช้เวลาไปเกือบ 5 ชั่วโมง แล้วเราก็กลับมาที่จุดแรกที่เราเช่ารถจักรยานอุดหนุนร้านน้ำซื้อน้ำเปล่าเย็นๆ สักขวดจะได้กินระหว่างทางกลับบ้าน ลงเรือข้ามฟากวัดปรมัยยิกาวาสมาลงที่วัดสนามเหนือ จับแทกซี่ไปวัดบางจากที่เราจอดรถเอาไว้ ที่ทำแบบนี้เพราะอยากได้ภาพเจดีย์เอียงจากกลางแม่น้ำ จะได้ครบเครื่องเรื่องเกาะเกร็ด

ขนมหวานบ้านคุณแอ๋ว เก็บตกอีกสักเรื่อง อันนี้มารู้ทีหลังหลังจากที่กลับถึงบ้านแล้วว่าถนนรอบเกาะเกร็ดที่เราปั่นมาถึงร้านกาแฟสด ถ้าเราปั่นมาอีกหน่อยก็จะมีทางมาบ้านคุณแอ๋วได้ด้วย น่าเสียดายมาก บ้านคุณแอ๋วเป็นบ้านทำขนมไทยที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน ถ้าเรามาเที่ยวล่องเรือไหว้พระ ๙ วัดเรือจะผ่านหน้าบ้านคุณแอ๋ว แต่ถ้ามาเรือฟรีจะเทียบท่าให้เราลงไปซื้อของไม่ได้ ต้องเหมาเรือมาเองถึงจะเทียบท่าบ้านคุณแอ๋วได้ เรือเที่ยวรอบเกาะเกร็ดก็มีบริการหลายรูปแบบ เรือเล็กไปเที่ยวไม่ไกล จนไปถึงเรือลำใหญ่ขนาดนั่งได้หลายสิบคน ราคาก็มีตั้งแต่ 350 บาท ไปจนถึง 3500 บาท แล้วแต่จะตกลงกันอันนี้แนะนำให้ไม่ได้ต้องไปลองสอบถามเป็นเคสๆ ไป

จบการนำเที่ยวเกาะเกร็ดกันเท่านี้ก่อน ไว้มีอะไรอัพเดตก็จะมาเล่าให้อีกรอบนะ ^^