ไหว้พระ ๙ วัดเกาะเกร็ด

 ล่องเรือไหว้พระ 9 วัดรอบเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวที่จัดขึ้นมาเมื่อประมาณ ปี 2551 เราเคยมากิจกรรมนี้ครั้งหนึ่งในปี 2552 จัดขึ้นในช่วงเทศกาลทุเรียนนนท์ ระหว่างวันที่ 22-31 พฤษภาคม 2552 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยว มีคนมาเที่ยวทั้งงานทุเรียนและไหว้พระ 9 วัด กันแน่นไปหมด ตอนนั้นมีเรือบริการฟรีตลอดวันด้วย ขึ้นจากท่าเรือไหนก็ได้ที่เป็นวัดในโครงการ ประกอบไปด้วย วัดใหญ่สว่างอารมณ์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานทุเรียนนนท์นั่นเอง วัดเสาธงทอง วัดปรมัยยิกาวาส วัดฉิมพลีสุทธาวาส วัดกลางเกร็ด วัดเชิงเลน วัดท่าอิฐ แล้วบังเอิญว่าปีนั้นฝนตกลงมาอย่างหนักเราก็เลยไม่ได้ไปครบ 9 วัด

 มาวันนี้ 5 ปี ผ่านไปแล้ว (เร็วจัง) เราก็ได้กลับไปที่วัดใหญ่สว่างอารมณ์เพื่อร่วมเดินทางล่องเรือไหว้พระ 9 วัดกันอีกครั้ง ดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ดูเหมือนว่ากิจกรรมนี้จะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เรือบริการฟรีจัดให้ทุกเสาร์ - อาทิตย์ วันละ 2 รอบ เวลา 10.30 น. กับ 12.00 น. ไปจนถึงเดือนกันยายน 2557 เลย โดยไปขึ้นจากวัดใหญ่สว่างอารมณ์ รับเฉพาะคนที่ลงทะเบียนมีบัตรขึ้นเรือฟรีเท่านั้น เส้นทางล่องเรือรอบเกาะเกร็ดประกอบด้วยวัดต่างๆ ดังนี้

 1.วัดใหญ่สว่างอารมณ์ 2.วัดบางจาก 3.วัดเสาธงทอง 4.วัดไผ่ล้อม 5.วัดปรมัยยิกาวาสวรวิหาร 6.วัดฉิมพลี 7.วัดกลางเกร็ด 8.วัดเชิงเลน 9.วัดท่าอิฐ 10.วัดแสงสิริธรรม

 สงสัยมั้ยว่าทำไมรายชื่อวัดถึงได้มี 10 ชื่อ ทั้งนี้ก็เป็นการเผื่อเอาไว้ บางคนเดินทางมาไกลไม่ได้เอารถส่วนตัวมาต้องกลับรถเมล์ รถสองแถว ก็ให้ลงวัดท่าอิฐ จะต่อรถได้สะดวกกว่าไม่ต้องกลับไปที่วัดใหญ่สว่างอารมณ์เพราะรถประจำทางมีน้อยและคอยนาน ดังนั้นก็จะไม่ได้ไปวัดแสงสิริธรรมวัดที่ 10 นั่นเอง ส่วนคนที่ต้องกลับไปวัดใหญ่สว่างอารมณ์ตอนเดินบนเกาะเกร็ดจากวัดเสาธรงทองไปวัดปรมัยยิกาวาส ก็อาจจะไหว้พระไม่ครบ 3 วัด เพราะต้องหาข้าวกินบ้าง มันแต่ช๊อปปิ้งกันอยู่บ้าง อันนี้เป็นประสบการณ์จริง เราเดินถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยจนสุดท้ายไม่ได้ไหว้พระวัดปรมัยยิกาวาสเพราะได้เวลาเรือออกพอดี ดังนั้นมี 10 วัดก็เผื่อว่าจะเกิดเหตุขัดข้องอะไรทำนองนี้ เกินดีกว่าขาดจริงมั้ย รอบเกาะเกร็ดก็ยังมีวัดมากกว่าที่เขียนชื่อมาอีก แต่ไม่ได้ร่วมโครงการกันทั้งหมดอย่างวัดสนามเหนือที่อยู่ตรงข้ามวัดปรมัยยิกาวาสพอดีก็ไม่ได้ร่วมโครงการนี้

 เรือแต่ละรอบจะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง เฉลี่ยแล้วมีเวลาวัดละประมาณ 20 นาที แล้วต้องกลับมาขึ้นเรือเพื่อเดินทางต่อไป ต่อไปในอนาคตรายละเอียดต่างๆ ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก ดังนั้นถ้าเปิดมาเจอหน้านี้หลังจากปี 57 ก็ต้องสอบถามที่ อบจ. นนทบุรี นะจ๊ะ แต่เราก็จะพยายามในการหาข้อมูลมาให้อัพเดตที่สุดละกัน โทร.สอบถามได้ที่ 081-398-5806, 089-455-3868

ข้อมูลเพิ่มเติม:อบจ. นนทบุรี 081-398-5806, 089-455-3868

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

วัดใหญ่สว่างอารมณ์ เป็นจุดเริ่มต้นของการล่องเรือไหว้พระ ๙ วัดรอบเกาะเกร็ด รวมทั้งเป็นลานจอดรถของคนที่เอารถมาเองด้วย เพราะจอดรถได้มากถึง 300 คันเลยทีเดียว เรามาถึงที่นี่ 9 โมงเช้า ก็เลยยังมีเวลามากมายสำหรับการลงเรือเที่ยวแรกที่จะออกเวลา 10 โมงครึ่ง พอดีมีงานบวชในวัด ก็เลยไปถ่ายรูปนาคตอนโปรยทานก่อนจะเข้าโบสถ์ ที่วัดใหญ่สว่างอารมณ์เปิดให้ประชาชนไหว้พระในวิหารไม่ใช่ในโบสถ์ บางวันมาถึงแล้วเห็นโบสถ์ปิดก็ไม่ต้องแปลกใจนะ

วัดใหญ่สว่างอารมณ์มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมาก ใครจะรู้ละว่าครั้งหนึ่งวัดนี้เคยมีชื่อว่า วัดน้อย มาก่อน เป็นวัดที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาสร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. 1963 อยู่ริมคลองบางน้อย พระประธานปางสมาธิ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดใหญ่ยิ่ง" หลังเสียกรุงศรีอยุธยา วัดกลายเป็นวัดร้าง จนพ.ศ. 2463 สมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระวชิรญาณวโรรสได้เสด็จมาประทับอยู่เดือนเศษทรงพอพระทัย ประทานเงินให้สร้างวัดประทานชื่อ "วัดใหญ่สว่างอารมณ์"

เดินมาที่วิหารที่อยู่ข้างโบสถ์ มีหอระฆังกั้นกลาง หน้าวิหารเห็นมีโต๊ะเรียงกันอยู่เป็นจุดให้ลงทะเบียน พอลงชื่อแล้วก็จะได้บัตรมาติดเสื้อ กับบัตรสีแดง สำหรับส่งให้คนตรวจบัตรที่ท่าเรือ บัตรที่ติดเสื้อก็ต้องคืนตอนที่ไหว้พระครบ 9 วัดแล้ว ในวิหารหลังเล็กๆ มีพระพุทธรูปมากมายหลายองค์ หลายปางด้วยกัน มีพระพุทธรูปทรงเครื่องอยู่ขวามือของเราพระนามว่าหลวงพ่อแสนล้าน ใครมาก็มาไหว้และปิดทองพระองค์นี้ขอพรให้มีโชคมีลาภก็ว่ากันไป ออกจากวิหารก็เหลือเวลามากมายไปเดินหาซื้อของกินที่ตลาดหน้าวัด เป็นตลาดขาดใหญ่มีหลังคาคลุมตลอด ในช่วงงานทุเรียนนนท์ก็ป็นสถานที่สำหรับจัดงานทุเรียนด้วย ในตลาดแห่งนี้ก็มีของขายหลายอย่าง กาแฟ น้ำดื่มต่างๆ ของกิน ขนม ของฝาก ของที่ระลึก ไปจนถึงต้นไม้ยังมีขายเลย ที่น่าสนใจก็มีวุ้น คัพเค้ก ทอดมันหน่อกะลา ทองม้วน ขนมไทยมากมายหลายอย่าง ผลไม้แปรรูป ทั้งดองทั้งแช่อิ่มอร่อยๆ หลายเจ้าให้เลือก เหมาะที่จะจัดการมื้อเช้าให้เรียบร้อยจะได้ไม่เป็นลมระหว่างเดินตากแดดไหว้พระในบางวัดเพราะอากาศเดือนเมษานี่ร้อนอย่าบอกใคร

ล่องเรือไปวัดบางจาก เมื่อใกล้ถึงเวลาโฆษกประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน คนที่ลงทะเบียนและได้บัตรแล้วก็จะต้องเดินไปขึ้นเรือ เพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังวัดที่สองของโปรแกรมของเรา ก็คือวัดบางจาก นั่นเอง วัดบางจากเป็นวัดที่อยู่บนฝั่ง ไม่ไกลจากวัดใหญ่สว่างอารมณ์มากนัก ถ้าใครเคยไปเที่ยวเกาะเกร็ดเวลาเดินอยู่ช่วงวัดเสาธงทอง - วัดไผ่ล้อมมองมาฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำจะเห็นพระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่ๆ เด่นตระหง่านอยู่ นั่นแหละคือวัดบางจาก ถ้าจะมาเที่ยวเกาะเกร็ดอย่างเดียว มาลงเรือข้ามฟากที่วัดแห่งนี้ก็ได้ มีเรือบริการตลอด

ตอนที่เรือเข้าใกล้โป๊ะท่าน้ำวัดบางจากก็จะได้ยินเสียงประกาศว่าให้เราเดินเข้าไปไหว้พระที่โบสถ์ก่อนแล้วค่อยออกมาไหว้หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ที่ท่าน้ำ แต่ในฐานะของคนที่ต้องมาถ่ายภาพเราจะทำตรงข้ามคือไหว้หลวงพ่อโตถ่ายรูปก่อนแล้วค่อยเดินเข้าไปข้างในเพราะคนจะได้ว่างๆ

วัดบางจากสร้างเมื่อ พ.ศ. 2365 ย้ายมาจากวัดบางภูมิร้าง มาอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีโบสถ์เก่าแก่อายุเกือบ 200 ปีพอทำการบูรณะยกโบสถ์ก็ได้พบพระพุทธรูปใต้ฐานจนเกิดเป็นความเชื่อของการลอดโบสถ์เพื่อความเป็นสิริมงคล

วัดบางจาก จากท่าเรือหน้าหลวงพ่อโตมีทางเดินลึกเข้ามาในวัด เรียกว่าลึกมากน่าจะเกิน 100 เมตร ระหว่างนั้นก็จะมีงานปูนปั้นทศชาติชาดก ฤๅษี พระพิฆเณศ หลายองค์ด้วยกัน เราจะได้เห็นฉากต่างๆ ในพระเวสสันดรชาดก ในลักษณะปูนปั้นสมจริง ทำให้จำได้ง่ายเราจะได้เห็นปฐมชาติขององค์พระพุทธเจ้า และเรื่องราวพุทธประวัติต่างๆ ในลักษณะปูนปั้นในวัดบางจาก สุดท้ายแล้วก็เดินมาถึงหน้าโบสถ์เข้าไปไหว้พระกันได้เลย

ลอดโบสถ์วัดบางจาก กิจกรรมไหว้พระ ๙ วัด แต่ละแห่งก็จะมีการบอกว่ามีอะไรเป็นจุดเด่นของวัดนั้นๆ เราเข้าไปแล้วควรไปไหว้จุดไหนบ้าง ในวัดบางจากนอกจากหลวงพ่อโตที่ใครๆ มาก็ต้องไหว้อยู่แล้วก็ยังมีกิจกรรมการลอดโบสถ์ด้วย โบสถ์วัดบางจากมีความพิเศษไม่เหมือนใคร โฆษกประกาศว่าวัดแห่งนี้ทำการยกพระอุโบสถ ตอนที่ขุดลงไปไปเจอเอาพระพุทธรูปเก่าแก่อยู่ที่ฐานชุกชี (คำว่าฐานชุกชีนี้เค้าจะสร้างให้ตายตัวอยู่ในโบสถ์ เห็นเป็นฐานพระแต่ความจริงยกไปไหนไม่ได้เป็นฐานที่ก่อมั่นคงลงไปถึงใต้ฐานโบสถ์เลย พระ 2 องค์นี้ก็คงสร้างขึ้นมาพร้อมฐานชุกชีเป็นปูนปั้นติดที่ฐาน เชื่อกันว่าเป็นการปั้นพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร จากนั้นก็ได้เรียกกันว่าหลวงพ่อค้ำดวง กับหลวงพ่อหนุนดวง) อีกอย่างหนึ่งก็คือลูกนิมิตรลูกเอกที่ฝังอยู่กลางโบสถ์ เราก้จะได้เห็นตอนที่ลอดโบสถ์ด้วย

หลังจากลอดโบสถ์แล้วเราก็จะมาไหว้พระปิดทองที่หน้าโบสถ์ ก็จะมีหลวงพ่อค้ำดวงกับหลวงพ่อหนุนดวงองค์จำลองอยู่ตรงนี้ด้วย อีกด้านหนึ่งจะมีหัวใจหลวงพ่อโต ที่จะต้องนำไปประดิษฐานที่องค์หลวงพ่อโต แต่ก่อนหน้านั้นก็จะมีการทำบุญเขียนชื่อนำไปใส่ไว้ในหัวใจพระพุทธก่อนที่จะทำการประดิษฐานต่อไป ภายในโบสถ์ก็มีพระประธาน พระบรมสารีริกธาตุให้สักการะ เสร็จแล้วก็เดินย้อนกลับไปที่ท่าน้ำเพื่อไหว้หลวงพ่อโต

ใต้ฐานหลวงพ่อโต ทำเป็นช่องทางเข้า ทางออก เอาไว้ ผู้ชายเข้าช่องไหนผู้หญิงเข้าช่องไหนอ่านให้เข้าใจ ทางวัดมีคำอธิบายไว้ ภายในฐานของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ท่าน้ำ มีหลายอย่างที่น่าสนใจได้แก่ รูปเหมือนพระบูรพาจารย์ เกจิอาจารย์ดังต่างๆ หลายรูปด้วยกัน ภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนเป็นการ์ตูนดังมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นโดราเอมอน ซุปเปอร์แมน มดเอ็กซ์ สไปเดอร์แมน ฯลฯ เป็นการดึงดูดเด็กๆ ให้เข้าหาวัด

จากวัดบางจากเรือจะพาเราข้ามฟากมายังวัดเสาธงทองเป็นการขึ้นเกาะเกร็ดเป็นวัดแรก แล้วก็เป็นวัดที่ 3 ของการเดินทางไหว้พระของเราในวันนี้ ระหว่างที่เรากำลังข้ามฟากก็จะเป็นช่วงที่เห็นวัดบางจากและหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ได้แบบเต็มๆ เป็นภาพที่สวยงามของ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยา

ท่าน้ำวัดเสาธงทอง โฆษกประกาศให้เข้าใจตรงกันว่า เมื่อเราก้าวลงไปจากเรือขึ้นเกาะเกร็ดแล้ว เราจะต้องเดินไหว้พระตั้งแต่วัดเสาธงทอง ไปวัดไผ่ล้อม และวัดปรมัยยิกาวาส เรือจะรออยู่ที่ท่าน้ำตรงเจดีย์เอียง และจะออกจากวัดปรมัยยิกาวาสเวลาประมาณบ่ายโมงตรง ก็เป็นอันว่าเรามีเวลา 1 ชั่วโมงกับอีก 10 นาทีโดยประมาณที่จะไหว้พระ 3 วัด ถ่ายรูปซื้อของกิน ของฝาก ฯลฯ บนเกาะเกร็ด แหม ถ้าใครมาเกาะเกร็ดเป็นครั้งแรกต้องเสียดายมากแน่เพราะเวลาที่มีมันน้อยเกินไปที่จะเดินช้อปบนเกาะเกร็ด ขนาดเรามาตั้งหลายครั้งพอมาเจออะไรใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป เราก็อยากจะถ่ายรูปใหม่ ชิมของใหม่ๆ เลย

สิ่งสำคัญในวัดเสาธงทอง อันเนื่องมาจากเกาะเกร็ดมีชาวบ้านที่อยู่ปะปนรวมกันมายาวนานตั้งแต่อดีต ชาวบ้านส่วนใหญ่บนเกาะเกร็ดเป็นชาวมอญ วัฒนธรรมการสร้างวัดก็ต่างกับคนไทย ที่วัดเสาธงทองแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2313 เดิมเรียกกันว่า วัดสวนหมาก มีเจดีย์เก่าแก่อยู่ 3 องค์ องค์ที่อยู่ตรงทางเดินเข้าโบสถ์ เป็นเจดีย์ทรงกลีบมะเฟืองอวบ มีเพียงองค์เดียวในโลกที่หลงเหลือมาจนปัจจุบัน และนับว่าเป็นเจดีย์ที่มีความสมบูรณ์มาก ตอนนี้กรมศิลปากรก็ได้ทำการบูรณะให้แข็งแรงมากขึ้น ทาสีขาวทั้งองค์ เราก็เลยเอาภาพเจดีย์องค์นี้ตอนที่ถ่ายเมื่อ 5 ปีก่อนมาให้ชม พอเดินตรงไปอีกหน่อยจะถึงกำแพงแก้ว เดินเข้าซุ้มประตูก็จะเจอศาลพี่จุก และต้นยางใหญ่อายุเก่าแก่มาก

ว่ากันว่าพี่จุกที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก มีคนมาขอพรและสมหวังไปหลายคนต่อมาก็นำเอาน้ำแดงมาถวายวันละเป็น 100 ขวด เรียงรายกันอยู่บนโต๊ะหน้าโบสถ์ โฆษกประกาศให้คนที่เดินทางมาลองมาไหว้ขอโชคขอลาภอาจจะได้สมปรารถนาเหมือนคนรอบเกาะเกร็ด

พระประธานวัดเสาธงทอง และแน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดของวัดย่อมเป็นพระประธาน เมื่อเดินทางมาวัดแล้วก็ต้องเข้าไปกราบไหว้ขอพรองค์พระประธานกันด้วย

วัดไผ่ล้อม เป็นวัดที่ 4 ของการไหว้พระ 9 วัดรอบเกาะเกร็ดของเรา ตั้งอยู่บนเกาะเกร็ดห่างจากวัดเสาธงทองประมาณ 500 เมตร ระหว่างทางมีร้านค้ามากมายไปหมด ทั้งของกินแบบจัดหนัก น้ำสมุนไพร น้ำเปล่า น้ำอัดลม กาแฟ ขนม ล้วนแล้วแต่ขายดิบขายดี พอเดินผ่านของแปลกๆ น่ารักๆ งานทำมือ เราก็แวะถ่ายรูปที กว่าจะเดินมาถึงวัดไผ่ล้อมเวลาของเราก็เหลือแค่ 20 นาทีเอง เราอยากจะเน้นข้อมูลไหว้พระ 9 วัด ขอไม่เอารูปตลาดบนเกาะเกร็ดมาให้ดูในหน้านี้ละกันเนาะ เพราะเราเขียนเรื่องเกาะเกร็ดแยกต่างหากไว้แล้วนี่เดี๋ยวเรื่องมันจะยาวเกินไป

วัดไผ่ล้อมแห่งนี้สร้างในสมัยอยุธยา งานแกะสลักไม้งดงาม ด้านหลังโบสถ์มีพระมหาเจดีย์ชเวดากององค์จำลองสีทองอร่าม แต่ถ้าเดินมาด้านหน้าวัดเดินเข้าโบสถ์ ก็จะไม่เห็นเจดีย์องค์นี้ ต้องเดินอ้อมโบสถ์มาทางด้านข้าง

สิ่งที่น่าเสียดายก็คือศาลาไม้หลังใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าของวัดที่ผุพังลงไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา แต่ก็ยังพอได้เห็นหอระฆังไม้ กับหน้าบันของศาลาที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ 5 ปีก่อนจำได้ว่ายังไม่ผุขนาดนี้

นอกจากไหว้พระในโบสถ์แล้ววัดไผ่ล้อมยังมีพระอุปคุต ที่เชื่อกันว่าจะเป็นสิริมงคลแก่ผู้กราบไหว้ในด้านของโชคลาภ แล้วก็มีพระพุทธชินราชจำลอง กับสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ด้วย

วัดปรมัยยิกาวาสวรวิหาร พระอารามหลวงแห่งเดียวบนเกาะเกร็ด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนวัดแห่งนี้ รวมทั้งรัชกาลที่ ๘ และพระเจ้าน้องยาเธอฯ (ในหลวงรัชกาลที่ ๙ สมัยนั้น) ก็เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนที่นี่ โดยมีข้อมูลให้เราศึกษาในศาลารับเสด็จริมน้ำ วัดแห่งนี้อยู่ห่างจากวัดไผ่ล้อมประมาณ 400 เมตร รวมระยะทางห่างจากวัดเสาธงทอง ประมาณ 900 เมตร ที่เราต้องเดินบนเกาะเกร็ด แน่นอนว่าร้านค้าร้านอาหารมากมายระหว่างทางทำให้เราใช้เวลาหมดไปเยอะมาก ที่จริงแล้วเราเดินมาถึงวัดปรมัยยิกาวาสเวลาบ่ายโมงตรงพอดี ไม่เหลือเวลาให้ไหว้พระหรือถ่ายรูปเลย แต่ทั้งนี้ก็เพราะเราใช้เวลาในแต่ละวัดนานเกินไปนั่นเอง ถ้ามาไหว้พระอย่างเดียวจริงๆ เวลาจะพอดี ก็เราต้องถ่ายรูปด้วยนี่เลยไม่ทัน

รูปที่เอามาให้ชมก็เป็นรูปที่ไปถ่ายมาเมื่อนานมาแล้ว ในทริปที่เราตั้งใจไปเที่ยวเกาะเกร็ดๆ จริงๆ ไม่ใช่การไหว้พระ ๙ วัด วัดปรมัยยิกาวาสมีสิ่งสำคัญมากมายหลายอย่าง อย่างเจดีย์ อุโบสถ วิหารพระพุทธไสยาสน์ พิพิธภัณฑ์ ศาลารับเสด็จ ต้นไม้สามกษัตริย์ ฯลฯ ซึ่งเราก็เขียนอธิบายไว้ในเรื่องวัดปรมัยยิกาวาสโดยเฉพาะ เอาเป็นว่าได้เวลาต้องไปวัดต่อไปแล้ว ^^

เจดีย์เอียงสัญลักษณ์เกาะเกร็ด หลังจากที่เดินจากตลาดผ่านวัดปรมัยยิกาวาสมาขึ้นเรือที่ท่าใกล้ๆ เจดีย์เอียง เรือก็ออกทันทีเพราะเราเป็นกลุ่มสุดท้ายที่มาถึงเรือ เรือแล่นอ้อมเจดีย์เอียงเพื่อเข้าคลองลัดเกร็ด หรือคลองขุด เป็นคลองที่ขุดเพื่อใช้เดินทางลัดแม่น้ำให้สะดวกรวดเร็วขึ้นแต่ต่อมาน้ำกัดเซาะคลองขาดบรรจบกันมีขนาดกว้างกว่าที่จะเรียกว่าคลอง ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นเกาะอย่างทุกวันนี้

นอกจากนั้นกระแสน้ำยังสร้างผลงานเจดีย์เอียงองค์นี้จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ดไปโดยปริยาย

วัดฉิมพลีสุทธาวาส ออกจากวัดปรมัยยิกาวาสมาได้สักหน่อยลองมองไปทางด้านหลังเรือ เราจะเห็นท่าน้ำของวัดปรมัยยิกาวาสกับท่าน้ำของวัดสนามเหนือหันเข้าหากันเป็นวิวที่สวยมาก จากนั้นใช้เวลาล่องเรือพอประมาณ ไม่มากไม่น้อยเรือก็มาเทียบที่ท่าน้ำวัดฉิมพลี ถ้าใครยังไม่ได้กินอะไรมาเลย ในวัดฉิมพลีมีก๋วยเตี๋ยวอยู่เจ้าหนึ่ง พอรองท้องไปก่อนได้ แต่คงน้อยคนละที่เดินผ่านเกาะเกร็ดมาโดยที่ท้องยังว่างอยู่ ในวัดฉิมพลีก็มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายหลายอย่าง ด้วยเหตุว่าสร้างกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง เดิมชื่อวัดป่าฝ้าย ถูกทิ้งร้างมาพร้อมกับวัดป่าเลไลยก์ที่อยู่ติดกัน ต่อมารัชกาลที่ ๒ ได้บูรณะวัดครั้งใหญ่ ประมาณ พ.ศ. 2358 และเปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดฉิมพลีสุทธาวาส เป็นวัดที่ 6 ของการไหว้พระ 9 วัด

สิ่งสำคัญในวัดได้แก่ ซุ้มประตูกำแพงแก้วหน้าโบสถ์ ตุ๊กตาจีนข้างซุ้มประตู เจดีย์ทรงมอญประดับกระจกสี เจดีย์สามองค์บนเรือ เรือตะเคียนใหญ่ ฯลฯ

ซุ้มประตูและตุ๊กตาจีน เป็นตุ๊กตาที่เคยเห็นกันในวัดสำคัญๆ ในกรุงเทพฯ อย่างเช่นวัดสุทัศนเทพวราราม เป็นต้น

วัดกลางเกร็ด จากวัดฉิมพลีเรือพาเราข้ามฟากกลับมายังฝั่งที่เป็นแผ่นดิน วัดที่มีท่าน้ำอยู่เกือบจะตรงกันเป๊ะกับวัดฉิมพลีก็คือวัดกลางเกร็ด จุดเด่นของวัดคือโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างแบบอยุธยา หน้ามุกเป็นหลังคาเรียบยื่นลาดลงมาทั้งสองด้านของโบสถ์ ด้านในมีพระพุทธรูปหลายองค์แต่โบสถ์ยังอยู่ระหว่างการบูรณะ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2310 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ.2332 โฆษกประกาศให้คนเข้าไปไหว้พระนอนในวิหาร ข้างวิหารมีเจดีย์ 3 องค์เรียงกัน ในวิหารมีพระพุทธไสยาสน์หรือพระนอนยาว 11 วา อายุกว่า 100 ปี

จากวัดกลางเกร็ดทุกคนกลับขึ้นเรือก่อนที่เวลาที่กำหนดไว้ซะอีกเพราะในวัดไม่ได้มีตลาดเหมือนอย่างที่เกาะเกร็ด จากนั้นเรือก็พาเรามายังวัดเชิงเลน เป็นวัดที่อยู่ค่อนข้างไกลจากวัดกลางเกร็ด วัดเชิงเลนอยู่ไม่ไกลจากทางสามแพร่ง จุดตัดแม่น้ำที่แม่น้ำมาบรรจบกันเหมือนสามแยกของถนน วัดนี้มองเห็นแต่ไกล เพราะมีหลวงพ่อยิ้มพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรขนาดใหญ่ ที่ท่าน้ำสร้างเป็นวิหารแก้วเรียงติดกันหลายหลัง แต่ละหลังมีพระพุทธรูปพระพรหม เป็นสถานที่พักผ่อนของคนในพื้นที่ นับว่าเป็นศาลาริมน้ำที่สวยที่สุดใน 10 วัดที่เราไปกันวันนี้เลยก็ว่าได้

โบสถ์วัดเชิงเลน

หลวงพ่อยิ้ม พระพุทธรูปที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของวัดเชิงเลน วัดแห่งนี้สร้างสมัยอยุธยาตอนกลาง พร้อมกับวัดท้ายอ่าว วัดเชิงท่า ตอนนี้ทั้งสองวัดกลายเป็นวัดร้างไป วัดเชิงเลนเองก็ทรุดโทรมลงจน พ.ศ. 2450 ได้รับการพัฒนา และขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ 1 เมษายน 2456 โดยพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ ทรงเสด็จหล่อพระพุทธรูปปางทรงบาตร

เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ก่อนออกจากวัดเชิงเลนถ้าใครไปไหว้พระทำบุญที่นี่เจอคุณลุงขายก๋วยเตี๋ยวเป็นรถซาเล้ง แนะนำว่าให้ลองชิมสักชาม ก๋วยเตี๋ยวลุงอร่อยมาก ไม่ใช่อร่อยอย่างเดียวด้วย ทั้งหมู ทั้งตับลุงแกจัดเต็ม ให้มาเต็มชามเลย ราคา 30 บาทเอง

ออกจากวัดเชิงเลนเรือจะพาเราเลี้ยวซ้ายที่จุดตัดแม่น้ำ สถานีต่อไปของเราคือวัดท่าอิฐ (2 รูปบน) เป็นวัดที่สร้าง พ.ศ.2316 เมื่อก่อนมีมอญอาศัยอยู่เยอะ มีอาชีพทำอิฐขาย จนเป็นที่รู้จักในชื่อ อิฐมอญ นั่นเอง พอทำอิฐเสร็จก็จะมีเรือมารับซื้อตรงนี้เลยเรียกว่า ท่าอิฐ สมัยนั้นทำอิฐเสร็จแล้วขนทางเรือไปสร้างกรุงธน - กรุงเทพฯ เมื่อสร้างวัดขึ้นมาจึงเรียกกันว่าวัดท่าอิฐไปด้วย ในราวพ.ศ. 2351 รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าให้พระยาพลเทพ (บุญนาค) นำชาวมุสลิมมาอาศัยอยู่เป็นชุมชนใหญ่ จึงมีสุเหร่าตั้งขึ้นบริเวณนี้ ท่าน้ำหน้าวัดท่าอิฐมีปลาอาศัยอยู่จำนวนมาก โรงงานผลิตสาหร่ายเถ้าแก่น้อยก็นำเอาสาหร่ายที่ผลิตไม่ตรงมาตรฐานมาบริจาคเป็นอาหารปลาหน้าวัด จนชาวบ้านละแวกนี้เรียกฝูงปลาวัดท่าอิฐว่า ปลาไฺฮโซ สิ่งสำคัญในวัดคือหลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางประทานพรทรงพม่าประดิษฐาน ณ มณฑปริมแม่น้ำ แล้วยังมีท้าวเวสสุวรรณ แกะสลักจากไม้ประดู่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เราใช้เวลาที่วัดท่าอิฐไม่นานก็ต้องไปกันต่อที่วัดแสงสิริธรรม (2 รูปล่าง) โบสถ์วัดแสงสิริธรรมเป็นโบสถ์เก่าแก่ มีงานปูนปั้นรอบประตูและหน้าต่างสวยมาก

ท่าน้ำหน้าวัดแสงสิริธรรม เป็นอะไรที่อยากจะบอกเล่ากันหน่อย ว่าเค้ามีตลาดน้ำหน้าวัดด้วย เป็นแพต่อกันเรียงยาวหลายลำหน้าวัด ในแพมีอาหารขายแต่ไม่ได้มากมายหลายร้านอะไร ก็พอให้เราได้หาอะไรรองท้องหรือจะจัดหนักเลยก็ย่อมได้ อาหารยอดนิยมไม่พ้นจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือ นานๆ ทีก็มีเรือเล็กๆ มาจอดเทียบเอาของมาขายให้เลือกเพิ่มเติมจากในแพด้วย เท่าที่เห็นก็ประทับใจเรือขายหมึกแห้งย่าง เป็นตายาย 2 คน แต่ที่น่าสนใจก็คือสิ่งที่เอามาขาย หมึกแห้ง ช่างเป็นอะไรที่ไม่คาดคิดว่าจะมาขายในเรือ แถมยังขายรอบเกาะเกร็ดซะด้วย

วัดแสงสิริธรรม หลังจากไหว้พระแล้วเราก็มีเวลาเหลือนิดหน่อยถ่ายรูปก่อนที่จะไปเดินตลาดน้ำสั่งก๋วยเตี๋ยวกิน เพราะข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องเลย ตอนนี้ขอเล่าเรื่องประวัติของวัดซะหน่อย วัดแสงสิริธรรม วัดสุดท้ายของกิจกรรมล่องเรือไหว้พระ 9 วัดรอบเกาะเกร็ดของเรา เดิมมีชื่อว่า วัดขวิด เป็นวัดร้าง สร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2327 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2334 ภายในวัดมีอุโบสถกว้าง 8 เมตร ยาว 24 เมตร บูรณะเมื่อ พ.ศ. 2392 มีลักษณะทรงโบราณเครื่องบนไม้สักหลังคามุงกระเบื้องดินเผา พระประธานหลวงพ่อโตปางมารวิชัย และมีหลวงพ่อดำเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย เคยสูญหายและถูกขโมยไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ได้คืนทุกครั้ง

ท้าวเวสสุวรรณแกะสลักจากไม้ประดู่ใหญ่ที่สุดในโลก เก็บตกอีกสักภาพสำหรับทริปนี้ เพราะมีสิ่งหนึ่งที่สำคัญจนไม่อยากจะข้ามไป ก็คือท้าวเวสสุวรรณวัดท่าอิฐ

แผนที่วัดใหญ่สว่างอารมณ์ ปิดท้ายสุดๆ ต้องปิดด้วยแผนที่และการเดินทางไปยังวัดใหญ่สว่างอารมณ์ เพราะถ้าไปไม่ถูกก็จะไปอีก 9 วัดด้วยเรือฟรีไม่ได้นะ ^^

รีวิว ไหว้พระ ๙ วัดเกาะเกร็ด นนทบุรี

---

 ""

น้ำฝน ฐิติชญา
2019-06-12 00:05:17

---