www.touronthai.com

หน้าหลัก >> ปทุมธานี >> องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)

องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)

 องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ถือได้ว่าเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ ที่เป็นการสื่อสารความรู้ให้กับผู้เข้าชม ให้เข้าใจสาระทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้โดยง่าย และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองหก ในบริเวณเทคโนธานี โดยแยกจากถนนสายรังสิต-นครนายก ไปประมาณ 4 กิโลเมตร สามารถโดยสารรถประจำทางสาย ปอ.1155 สายรังสิต-ฟิวเจอร์พาร์ค-พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์

ตัวอาคารโดดเด่นด้วยการออกแบบเป็นทรงลูกบาศก์ 3 ลูกเกาะเกี่ยวกันอย่างสมดุลใช้มุมแหลมของแต่ละลูกบาศก์รับน้ำหนัก มีความสูง 42 เมตร กว้าง 60 เมตร ภายในแบ่งออกเป็น 6 ชั้น จัดแสดงนิทรรศการทางวิทยาศาสตร์ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ที่สามารถสร้างความเพลิดเพลินไปพร้อมกับการเรียนรู้

 ชั้นที่ 1 เป็นส่วนต้อนรับและแนะนำการเข้าชม มีการจัดแสดงภาพ และผลงานนักวิทยาศาสตร์ การจำลองลูกโลกขนาดใหญ่

 ชั้นที่ 2 จัดแสดงหุ่นจำลองลูซี่ ที่ทำจากฟอสซิล เป็นรูปเหมือนที่แสดงถึงการกำเนิดมนุษย์คนแรก ยานอวกาศ และมนุษย์อวกาศจำลอง

 ชั้นที่ 3 เป็นอุโมงค์เงา และเรือนไม้ จัดแสดงในเรื่องของแสง

 ชั้นที่ 4 จัดแสดงพื้นฐาน และเทคโนโลยีในประเทศไทยลักษณะทางภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา นิเวศวิทยา การผลิตด้านการเกษตรและเทคโนโลยีการก่อสร้าง

 ชั้นที่ 5 คือแสดงการแยกแยะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ รวมถึงสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และ ชั้นที่ 6 แสดงถึงภูมิปัญญาไทย ผ่านสิ่งประดิษฐ์ หัตถกรรม ของเล่น ที่สามารถอธิบายและพิสูจน์ได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์สากล

 นอกจากนี้แล้วยังมี พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา ที่จัดแสดงนิทรรศการทางธรรมชาติ และพิพิธภัณฑ์เทคโนโลสารสนเทศ เปิดให้ชมทุกวันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 09.00–16.00 น วันเสาร์-วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00–17.00 น. ปิดวันจันทร์

อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 60 บาท ชาวต่างประเทศ 60 บาท เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ ไม่เสียค่าเข้าชม (ต้องแสดงบัตร) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2577 9999 ต่อ 1829-30 หรือที่เว็บไซต์ www.nsm.or.th

การเดินทาง อพวช. ได้เปิดให้บริการเส้นทางเดินรถโดยเริ่มต้นที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีหมอชิต มายัง อพวช. ทั้งไป-กลับ ขาไป ตั้งแต่เวลา 09.00 น., 11.00 น. และ 14.00 น. ขากลับ ตั้งแต่เวลา 11.30 น., 13.30 น., 15.30 น. และ 17.30 น. โดยได้กำหนดอัตราค่าบริการเป็น 3 แบบ ดังนี้

 แบบที่ 1 เดินทางไป - กลับ รวมค่าเข้าชม 2 พิพิธภัณฑ์ ราคา 150 บาท

 แบบที่ 2 เดินทางไป อพวช.เพียงอย่างเดียว รวมค่าเข้าชม 2 พิพิธภัณฑ์ ราคา 100 บาท

 แบบที่ 3 เดินทางกลับเพียงอย่างเดียว ราคา 70 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม:การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพฯ โทร.02 250 5500
http://www.tourismthailand.org/bangkok

แก้ไขล่าสุด 2017-07-26 10:17:34 ผู้ชม 127734

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ
องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เริ่มต้นการเดินทาง เราใช้เส้นทางวงแหวนตะวันออกลงตรงบริเวณถนนรังสิต-นครนายก กลับรถเพื่อมุ่งหน้าไปทางองครักษ์ ไม่ไกลมากจะมีทางเลี้ยวซ้ายมือ เป็นทางเข้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง จะมีป้ายบอกไว้ชัดเจนขับเข้ามาจะผ่านสระพระราม 9 ตรงไปอีกไม่ไกลมีประตูทางเข้าขวามือ มีป้อมยามเลี้ยวเข้าไปแล้วจะมีวงเวียนให้ไปทางซ้าย จะมาเจอป้ายนี้แล้วก็เลี้ยวเข้าพื้นที่อาคารลูกเต๋าสี่เหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ปกติเวลาเดินทางไปเที่ยวผ่านวงแหวนตะวันออกจะมองเห็นตึกรูปลูกเต๋านี้อยู่ลิบๆ กลางทุ่งกว้าง เป็นภาพแปลกตาสำหรับเรามานานมากกว่าจะมีโอกาสได้เข้ามาชมในวันนี้

องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ อาคารที่เปลี่ยนมุมมองแนวความคิดในการออกแบบอาคารเป็นอย่างมาก คนทั่วไปจะเรียกอาคารนี้ว่าเป็นทรงลูกเต๋า 3 ลูกเรียงกัน ส่วนแนวคิดในการออกแบบอาคารให้เป็นทรงนี้ก็มีส่วนจากความคิดที่ว่าในโลกวิทยาศาสตร์ทุกสิ่งเป็นไปได้ เมื่อเราจอดรถที่ลานจอดรถแล้วก็ไปติดต่อซื้อบัตรเข้าชมในอาคาร

สระน้ำพุหน้าอาคาร

สระน้ำพุหน้าอาคาร ก่อนที่จะเข้าไปด้านใน เห็นมีสระน้ำอยู่ด้านหน้าก็เลยเก็บภาพมาซะหน่อยไม่มีอะไรครับ เข้าข้างในเลยดีกว่า

เริ่มต้นผจญภัยโลกวิทยาศาสตร์

เริ่มต้นผจญภัยโลกวิทยาศาสตร์ ความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาเก็บภาพและหาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ผมเดินถือกล้องกับขาตั้งกล้องเข้ามาถ่ายรูปบริเวณชั้นแรกตรงประตูทางเข้า มีเจ้าหน้าที่มาบอกว่าภายในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ อนุญาตให้ถ่ายรูปได้แต่ไม่ให้ใช้ขาตั้ง เจ้าหน้าที่เลยเอาขาตั้งของผมไปเก็บไว้ให้ เหตุผลก็เนื่องมาจากผลงานหลายชิ้นในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีลิขสิทธิ์คุ้มครองอยู่ การบันทึกภาพก็ทำได้จำกัดและไม่ควรใช้ขาตั้งถ่ายเพราะเดี๋ยวจะนำเอาไปทำซ้ำได้

เที่ยวกันต่อดีกว่า ภาพบนซ้ายเป็นเรื่องราวพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดทำนิทรรศการเอาไว้ให้ศึกษา ด้วยพระองค์ทรงประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆ มากมายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์ต่อชาวโลกในพระอัจฉริยภาพของพระองค์ บริเวณโซนแรกที่เราเข้ามาก็จะมีเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างในภาพบนขวาได้แก่ กลไกที่มีลูกบอลวิ่งไปตามรางที่สร้างไว้แล้วกลับมาที่เดิมแล้วก็วิ่งออกไปใหม่วนเวียนอยู่ตลอดเวลา มีเด็กๆ หลายคนมามุงดูลูกบอลที่วิ่งได้เองตามรางที่สร้างไว้ ส่วนภาพล่าง 2 ภาพ เป็นเรื่องอวกาศ ภาพล่างซ้ายเป็นเครื่องยนต์เจ็ต สมัยเด็กๆ ได้ยินคำนี้บ่อยๆ เครื่องยนต์ชนิดนี้มักจะทำให้ยานพาหนะเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูง ส่วนภาพล่างขวาเป็นยาวลูนา 17 (Luna 17) ยานที่ลงสำรวจดวงจันทร์เป็นลำแรก เป็นของรัสเซีย ลงสำรวจผิวดวงจันทร์เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2513 (รายละเอียดและองค์ความรู้อื่นๆ ยังมีให้ศึกษาได้อีกมากแต่เราขอกล่าวเพียงสั้นๆ เท่านั้นนะครับ)

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ชั้น 1

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ชั้น 1 เมื่อเดินลึกเข้ามาเราก็จะได้เห็นโซนที่จัดแสดงให้ความรู้เรื่องต่างๆ มีห้องคอมพิวเตอร์ใช้อินเตอร์เน็ตอยู่ซ้ายมือ ด้านหน้าเราจะเห็นไดโนเสาร์ที่เป็นนกบินอยู่ มีโต๊ะเล็กๆ กับกระดาษหลายสี แต่ละสีจะมีเส้นประให้พับตามเป็นจรวดหรือเครื่องบินกระดาษนั่นเอง ต่างสีจะได้เครื่องต่างแบบกัน แล้วก็จะมีสนามทดลองให้เราไปร่อนเครื่องบินกระดาษที่เราพับโดยจะมีห่วงให้เราลองร่อนเครื่องบินให้เข้าห่วง ส่วนด้านขวามือที่อยู่ติดกันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องบิน มีการทดลองหลายอย่างที่ทำให้เราเข้าใจว่าทำไมเครื่องบินจึงบินได้ แต่ละอย่างต้องลองไปกดปุ่ม โยกคันโยกบังคับเอาเองแล้วจะเข้าใจได้ง่ายกว่า ผมคงบรรยายได้ไม่หมด

ที่ผนังของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ก็จะมีทำเนียบนักวิทยาศาสตร์หลายท่านที่มีผลงานสำคัญๆ จนเรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโลกของเราเลยก็ว่าได้ ด้านซ้ายมือมีทางแยกเดินไปทางซ้ายมือ เป็นโซนที่เรียกว่านิทรรศการภาพสะท้อน จะมีอะไรให้เราชมเดินเข้าไปดูกันดีกว่า

นิทรรศการภาพสะท้อน

นิทรรศการภาพสะท้อน (Reflection Exhibition) ส่วนหนึ่งที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสมือนสวนสนุกที่ใช้กระจกและแสงสีประกอบกัน จุดแรกที่น่าสนใจเอามากๆ คือเขาวงกต เป็นการนำเอากระจกมาเรียงต่อกันทำมุมให้พอดี พอเราเดินเข้าไปก็จะเห็นเงาของตัวเองสะท้อนอยู่เต็มไปหมด เขาวงกตกินพื้นที่ประมาณ 30-40 ตารางเมตร ภายในจะมีทางเดินวกวนจนไปถึงทางออกระหว่างทางก็จะเห็นแต่เงาตัวเองมากมายรอบตัว ส่วน 2 ภาพสุดท้ายก็เป็นเรื่องการสะท้อนเหมือนกัน มองเข้าไปจะเหมือนมองในท่อลึกไม่มีที่สิ้นสุดและมีหน้าเราอยู่เต็มไปหมด

นิทรรศการภาพสะท้อน

นิทรรศการภาพสะท้อน ส่วนอื่นๆ ที่น่าสนใจในโซนนี้ยังมีอีกมากมาย ไม้กวาดที่วางอยู่บนกระจกกับภาพท้องฟ้า หากมองในมุมที่พอเหมาะจะเหมือนไม้กวาดลอยได้ ให้เด็กๆ เข้าไปนั่งถ่ายรูปได้ด้วย ส่วนภาพล่างเป็นกระจก 6 บานมาต่อกันเป็นท่อรูปหกเหลี่ยม มีแสงไฟด้านในพอมองเข้าไปจะเหมือนรังผึ้ง อีกภาพด้านขวามือเรียกว่าศีรษะมายา พอไปยืนที่ด้านหลังแล้วยื่นเฉพาะหัวออกมาวางบนแท่น จะพบภาพที่เห็นเหมือนเป็นห้องสี่เหลี่ยมแต่มีเฉพาะหัวคนลอยอยู่ ซึ่งเกิดจากกระจกเงา 2 บานที่วางตั้งฉากสะท้อนฉากผนังเท่าของจริงแต่จะกลับซ้ายเป็นขวา หลักการสะท้อนเรื่องแสงและเงา อีกมากมายหลายอย่าง กระจกที่ส่องแล้วอ้วน ผม สูง ฯลฯ

ภาพลวงตา

ภาพลวงตา การทดลองเรื่องราวของแสง และการสะท้อนในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ภาพเงาลางๆ ของ แมรี คูรี นักวิทยาศาสตร์ชาวโปแลนด์ ผู้คิดค้นธาตุเรเดียมมานั่งทำการทดลองเคมี แต่ก่อนที่เรายังไม่ได้กดปุ่มมองเข้าไปก็จะเห็นห้องว่างๆ แล้วเงาของแมรีมาปรากฏขึ้นได้ยังไง หลักการคือกระจกใสมาวางเอียง 45 องศา โดยให้แสงสว่างไปกระทบวัตถุทำให้เกิดภาพซ้อนพอดีกับฉากที่จัดไว้ นี่ก็อาจจะเป็นหลักการเดียวกันกับการเห็นผี บางทีอาจจะมีกระจกสะท้อนเงาคนมาจุดที่เรามองเห็นเงาคนลางๆ ก็เป็นได้

นิทรรศการไฟฟ้า

นิทรรศการไฟฟ้า ในห้องนี้ก็จะมีเรื่องราวการค้นพบและกำเนินพลังงานไฟฟ้า การทดลองต่างๆ เกี่ยวกับไฟฟ้าเพื่อให้เราได้รู้จักกับไฟฟ้าที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น มีประวัตินักวิทยาศาสตร์คนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการค้นพบไฟฟ้า พอเดินออกมาก็จะเป็นโซนการบินเลี้ยวไปทางซ้ายจะมีห้องสำหรับเด็กๆ เรียกว่านิทรรศการดินแดนวิทยาศาสตร์ เด็กๆ เข้าไปเล่น ซึ่งผู้ใหญ่ก็จะเข้าไปดูแลมีเครื่องเล่นหลายอย่างมากมาย มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ง่ายๆ สำหรับเด็ก ทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่น่าเบื่อ แต่เป็นแหล่งรวมความรู้และความสนุกสนานไปด้วยในตัว

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ชั้น 2

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ชั้น 2 2 ภาพบนยังคงเป็นชั้น 1 ต่อกับห้องสำหรับเด็ก มีตู้เกมให้นั่งเล่นเป็นเกมฝึกทักษะเพิ่มพูนความรู้และสนุกสนาน 2 ภาพ ด้านล่างเป็นชั้นที่ 2 ภาพซ้ายเป็นเรื่องราวของอวกาศซึ่งจะมีมนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดที่เราค้นพบ ชื่อ ลูซี่ ซึ่งจำลองมาจากซากดึกดำบรรพ์ที่ขุดพบในประเทศเอธิโอเปีย เมื่อ พ.ศ. 2517 ลิงใหญ่ชนิดนี้เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ จากนั้นเราก็จะเดินกันให้รอบๆ มีสะพานสวยๆ มีอุโมงค์ตรงกลางสำหรับฉายวิดีทัศน์ความรู้เรื่องชีววิทยา

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ชั้น 3

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ชั้น 3 ตอนนี้เราก็มาอยู่ที่ชั้นที่ 3 อย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นเพราะในชั้นที่ 2 มีพื้นที่แสดงนิทรรศการน้อยเลยใช้เวลากันไม่มาก ชั้นที่ 3 นี้ก็มีหลายอย่าง แต่จะออกไปทางวิชาการมากขึ้น เด็กๆ ก็เลยไม่ค่อยจะอยู่โซนนี้มากเท่าไหร่ เริ่มตั้งแต่เรื่องของคณิตศาสตร์ ความร้อน ความเสียดทาน เคมี ไฟฟ้า แม่เหล็ก แรงและการเคลื่อนที่ สสารและโมเลกุล เสียง แสง
อย่างในภาพแรกเป็นเรื่องของเสียง มีท่อหลายสี หลายขนาด ให้เราพูดลงไปตรงรูปปาก เสียงของเราจะเดินทางผ่านท่อมาที่หู ขนาดและระยะทางของท่อจะทำให้เสียงเดินทางช้าเร็วต่างกัน และเสียงของเราก็จะเปลี่ยนไปตามขนาดของท่อด้วย

วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแสง

วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแสง รูปนี้เป็นเรื่องของการถ่ายภาพทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว การซ้อนภาพด้วยหลักการของแสง การทำงานของแฟลช ภาพที่เห็นเป็นการจำลองหนังเรื่องแม่นาคพระโขนง ตุ๊กตารูปผู้หญิงที่เห็นในรูปนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ในฉาก แต่พอกดปุ่มมีแสงสว่างส่องไปที่ตุ๊กตาสะท้อนขึ้นมาเป็นภาพบนฉากและดูน่ากลัว

วิทยาศาสตร์กับพลังงาน

วิทยาศาสตร์กับพลังงาน ภาพบนซ้าย ลูกโป่งลอยอยู่กับที่เพราะแรงลมที่เหมาะสม ไม่ลอยสูงขึ้นและไม่หล่นลงพื้น อีก 3 ภาพเป็นจุดเด่นของชั้นที่ 3 ให้ความรู้เรื่องพลังงาน เรียกว่าอุโมงค์พลังงาน ภายในแสดงการนำเอาพลังงานธรรมชาติมาใช้อย่างเช่นพลังงานลมหมุนใบพัดของกังหัน เปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ส่วนภาพล่างขวาแสดงเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์กับแผงโซลาร์เซลล์ หลอดไฟหลอดใหญ่เปรียบกับดวงอาทิตย์ เมื่อเราหมุนที่กั้นหลอดไฟให้ไฟส่องลงไปยังโมเดลจำลองแผงโซลาร์เซลล์ จะทำให้หลอดไฟขนาดเล็กๆ ในโมเดลบ้านสว่างขึ้นมาได้

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ชั้น 4

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ชั้น 4 เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับประเทศไทย นิทรรศการชั้นนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้เข้าชมได้เข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของประเทศไทย ในเรื่องที่ตั้ง ทางภูมิทัศน์ ภูมิศาสตร์, ธรณีวิทยา, นิเวศวิทยา ตลอดจนการใช้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีด้านการผลิตทางการเกษตร และอุตสาหกรรม ศึกษาภูมิอากาศ ฤดูกาล และอิทธิพลของสิ่งต่างๆ ที่มีผลต่อภูมิอากาศของโลก เรียนรู้เทคโนโลยีสิ่งก่อสร้าง และโครงสร้าง เพื่อการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ภาพบนซ้าย ลักษณะสิ่งปลูกสร้างบ้านเรือนชุมชนต่างๆ มีทั้งชุมชนริมน้ำ ชุมชนริมทะเล ภาพบนขวา นิทรรศการเกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างและโครงสร้าง ภาพล่างซ้ายแสดงโมเดลของการสร้างเขื่อนและการนำน้ำมาผลิตกระแสไฟฟ้า อีกด้านหนึ่งเป็นเรื่องของขยะที่มีผลกับโลก ความพยายามในการลดขยะและการนำขยะเหล่านั้นกลับมาใช้ประโยชน์เด็กๆ ดูจะสนใจหุ่นที่ประกอบขึ้นมาจากขยะนานาชนิดที่ตั้งแสดงอยู่

นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับ การสำรวจด้วยดาวเทียมธีออส โครงสร้างโลกและภูมิอากาศ ฯลฯ

ธรณีวิทยาของประเทศไทย

ธรณีวิทยาของประเทศไทย นอกจากที่กล่าวมาหลายต่อหลายอย่างแล้ว พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ชั้นที่ 4 ยังมีเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับธรณีวิทยา การขุดค้นพบและการศึกษาด้านธรณีวิทยา มีการจัดแสดงหินชนิดต่างๆ ที่หาดูยาก มีความสวยงาม คล้ายอัญมณี
2 ภาพด้านล่างเป็น พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ชั้นที่ 5 เรื่องราวของชีววิทยา เรียกว่าเป็นวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในชีวิตประวัน เราจะเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อเราไปยืนตรงจอจะมีกล้องจับภาพเราให้เราเลือกกดปุ่มเพื่อเปรียบเทียบความเหมือนและแตกต่างระหว่างคนกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้แก่ ลิงชิมแปนซี แมลงวัน ฯลฯ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ามนุษย์มีความคล้ายกับสิ่งมีชีวิตอื่นเกือบทุกชนิดสูงกว่า 80% (ใครจะไปรู้ละว่าเราจะเหมือนแมลงวันได้มากขนาดนั้น)

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ชั้นที่ 5

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ชั้นที่ 5 ต่อจากภาพที่แล้ว ยังมีเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับมนุษย์เราอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจบนชั้นนี้ เรื่องราวเกี่ยวกับคุณภาพชีวิต ร่างกายและสุขภาพ การถ่ายทอด DNA หรือพันธุกรรม เหตุที่ทำให้เรามีหน้าตาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็จะคล้ายพ่อ หรือแม่ แล้วแต่กระบวนการของยีนส์ โซนนี้จะได้รับความสนใจจากเด็กไม่มาก จะมีผู้ใหญ่เดินศึกษาหาความรู้กันพอสมควร ส่วนอื่นๆ ก็จะมีนิทรรศการการคมนาคม มีความรู้เกี่ยวกับเรือ รถยนต์ และเครื่องบิน

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ชั้นที่ 6

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ชั้นที่ 6 ชั้นสุดท้ายของอาคารนี้ว่าด้วยเรื่อง เทคโนโลยีภูมิปัญญาไทย จัดแสดงเรื่องราวของภูมิปัญญาไทยที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนมาถึงปัจจุบัน โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นผู้รวมรวม และจัดตั้งเป็นมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพขึ้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ส่งเสริมการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน ส่วนแรกที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ ส่วนเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงอุทิศพระวรกายและพระราชทรัพย์ ตลอดจนพระวิริยะอุตสาหะ ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่อง และทรงก่อตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพ เพื่อสืบทอดมรดกทางภูมิปัญญาไทย

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ชั้นที่ 6

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ชั้นที่ 6 จัดแสดงผลงานศิลปาชีพอันหลากหลาย ได้แก่ การแกะสลัก การจักสาน เครื่องปั้นดินเผา การหล่อโลหะ การทอ การแกะสลักของไทย ในรูปแบบต่างๆ เช่น แบบลอยตัว นูนสูง นูนต่ำ ควบคู่กับความรู้ด้านวัสดุที่นำมาใช้แกะสลัก เช่น หิน ไม้ หนังสัตว์ นอกจากนี้ยังมีโรงหนังตะลุงแสดงการสนทนาของหนังตะลุง 2 ตัว คือ เท่งและไข่นุ้ย ที่สอดแทรกความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์

ผ้าทอมือพระบรมสาทิสลักษณ์

ผ้าทอมือพระบรมสาทิสลักษณ์ ผลงานอย่างหนึ่งที่โดดเด่นมากก็คือผ้าทอมือพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ มีขนาด 7 เมตร x 0.85 เมตร ใช้ไหมเส้นละเอียด 6 เส้น ประกบพันเกลียว ใช้กี่หน้ากว้าง 40 นิ้ว มัดหมี่เส้นยืน ทอเส้นพุ่งด้วยไหมไทยสีต่างๆ โดยใช้เทคนิคเกาะล้วง (น้ำไหล) ส่วนเส้นยืนหัวท้ายพระบรมสาทิสลักษณ์ ทอเส้นพุ่งด้วยเทคนิคขิด ส่วนฉากหลังย้อมเส้นยืนด้วยไหมสีอ่อนแก่ ทอเส้นพุ่งด้วยเทคนิคจก ย้อมร้อนโดยใช้โทนสีธรรมชาติ การผลิตผ้าชิ้นนี้ใช้เวลา 1 ปี 6 เดือน นอกจากนี้ยังมีผ้าทอมือศิลปาชีพ 5 ชนิด ที่มีชื่อเสียง

ศูนย์อาหาร

ศูนย์อาหาร จบการเดินทางท่องโลกวิทยาศาสตร์กันแล้ว 6 ชั้นของอาคารนี้ทำเอาใช้เวลาไปไม่น้อย ทีแรกคิดว่าจะไม่ค่อยมีอะไร แต่พอเข้าไปจริงๆ เรียกว่าคิดไม่ถึงกันเลยทีเดียว วันไหนจะมากันก็เผื่อเวลาเยอะๆ หน่อยนะครับ ทีนี้เดินมานานมากแล้วก็หิว ก็เลยลงมาหาของกินเล่นที่ชั้นล่างมีศูนย์อาหารบริการมีอาหารหลายอย่าง แต่เอาแบบกินเล่นก็เป็นลูกชิ้นไส้กรอก และเกี๊ยวทอด ที่นี่ทอดได้กรอบสุดๆ จริงๆ อร่อยครับ มีเครื่องดื่มมากมายหลายอย่างให้เลือกด้วย อิ่มท้องแล้วไปตลุยธรรมชาติกันต่อครับ

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เป็นอาคารที่อยู่คนละด้านกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ โดยมีลานจอดรถอยู่ตรงกลาง ราคาบัตรเข้าชม 20 บาท แต่ถ้าซื้อรวมไปกับบัตรพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ราคา 50 บาท ก็จะได้ส่วนลด 10 บาท สรุปบัตรรวม 2 อย่าง 60 บาท ต่อคน

ไดโนเสาร์

ไดโนเสาร์ รูปปั้นไดโนเสาร์หลายตัวตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา ซึ่งมีการจัดเป็นสวนร่มรื่นใครจะมาเดินถ่ายรูปกับไดโนเสาร์เหล่านี้ก็ตามสบายกันเลยครับ ถ่ายรูปกันพอใจแล้วค่อยเข้าไปในอาคาร

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เริ่มต้นเดินเข้ามาด้านในแสดงบัตรที่เราซื้อเป็นบัตรรวมมาจากพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เดินเข้ามาแล้วจะมีทางเดินลักษณะเหมือนอุโมงค์ เป็นการเริ่มต้นนิทรรศการเกี่ยวกับชีวิตล้วนๆ เริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1 การกำเนิดโลก พบกับการกำเนิดโลก และดาวเคราะห์ต่างๆ ในสุริยจักรวาล จนถึงการกำเนิดขึ้นของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเริ่มมาจากการระเบิดครั้งใหญ่ในจักรวาล ทำให้เศษชิ้นที่เกิดจากการระเบิดรวมตัวกันเป็นโลกและดาวเคราะห์ต่างๆ หมุนเวียนไปรอบดวงอาทิตย์ จากนั้นโลกจึงได้เริ่มเย็นตัวลงเรื่อยๆ จนมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต จากนั้นก็เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตบนโลกที่รู้จักกันในชื่อไดโนเสาร์นี่แหละ มีรูปจำลองมนุษย์หินที่เริ่มรู้จักการก่อไฟด้วยการใช้ก้อนหิน มีไดโนเสาร์กับฉากหลังที่สวยงามสมจริงให้เราได้ศึกษากัน มีฟอสซิลสัตว์และชิ้นส่วนของสัตว์ให้เราดู

ช้างแมมมอธ

ช้างแมมมอธ สัตว์ยุคไดโนเสาร์ขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายช้าง แต่มีขนคลุมร่างกายมีงาที่ใหญ่และยาวกว่าพบเห็นในหนังการ์ตูนหลายเรื่องจึงทำให้ช้างแมมมอธเป็นที่สนใจของเด็กๆ หลายคน

ความหลากหลายทางชีวภาพ

ความหลากหลายทางชีวภาพ เมื่อเดินผ่านอุโมงค์ต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตเข้ามาจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่มีการจำลองสัตว์มากมายหลายชนิด รวมทั้งเห็ด รา แหล่งความรู้ด้านการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตจนกระทั่งมาถึงยุคปัจจุบัน สัตว์ที่แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเป็นการจำลอง และการสตั๊ฟสัตว์จริงๆ จึงดูเหมือนยังมีชีวิต มีทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ จำนวนนับร้อยชิ้น การแสดงแบ่งออกเป็นโซนๆ ได้แก่ ทะเล สัตว์บก สัตว์ป่า นกหายาก

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา สัตว์ป่าหลายชนิดที่ตายไปแล้วได้ถูกนำมาผ่านกระบวนการสตั๊ฟ คงสภาพภายนอกได้เหมือนยังมีชีวิตอยู่ สัตว์เหล่านี้หลายชนิดหายากมาก แม้แต่ในสวนสัตว์ก็อาจจะไม่มีให้ได้ชมกัน

นกหว้า

นกหว้า สัตว์ปีกขนาดใหญ่ที่เราจะเรียกกันว่านก ที่จริงมันคือไก่ฟ้าขนาดใหญ่ ตัวผู้และตัวเมียแตกต่างกันอย่างชัดเจน เป็นนกขี้อาย ปกติชอบอยู่โดดเดี่ยวนอกจากในฤดูผสมพันธุ์ ตัวผู้จะทำลานไว้สำหรับรำแพนขนปีกอวดตัวเมีย เรียกว่า "ลานนกหว้า" ลานนั้นมันจะรักษาความสะอาดอย่างดี เก็บกิ่งไม้ใบไม้ออกหมดตลอดเวลา เมื่อพบตัวเมีย ตัวผู้จะรำแพนขนปีกเพื่อดึงดูดใจตัวเมียก่อนผสมพันธุ์
นกหว้าเป็นนกประจำถิ่นซึ่งค่อนข้างหายากและมีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการสูญเสียที่อยู่อาศัย แหล่งหากิน การถูกล่าเพื่อเป็นอาหาร รวมถึงการล่าเพื่อนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย

100 ปี นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล

100 ปี นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล เป็นนิทรรศการพิเศษที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เราจะได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับนักชีววิทยาหลายท่านด้วยกัน สำหรับ นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล มีความพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้ผู้คนหันมาสนใจธรรมชาติ อันจะทำให้เข้าใจและเห็นความสำคัญในการอนุรักษ์ จะเห็นได้ว่าท่านพยายามนำประสบการณ์ของการใช้ชีวิตในป่าศึกษาสิ่งมีชีวิตมาถ่ายทอดให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนทั่วไป ด้วยการเป็นวิทยากรหรืออาจารย์พิเศษ สอนหรือบรรยายเกี่ยวกับความรู้ทางธรรมชาติวิทยา เช่น วิชาปักษีวิทยา วิชาการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ

นายแพทย์บุญส่ง พยายามเขียนบทความ แต่งหนังสือเพื่อให้เป็นตำราให้ผู้คนได้ศึกษา เช่น ตำราเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก แมลง ฯลฯ ซึ่งยังใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ตัวอย่างนกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำนวนมากที่ท่านเก็บไว้ในอดีตยังกลายมาเป็นคลังความรู้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา โดยตัวอย่างส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

การดำรงชีวิตในป่า

การดำรงชีวิตในป่า เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ถ่ายทอดออกมาโดยนักธรรมชาติวิทยา เมื่อต้องเข้าไปซุ่มเก็บข้อมูลสัตว์ป่าในป่า และต้องค้างแรมอยู่เป็นเวลานาน เด็กๆ หลายคนก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้กันมาก

องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)

นิทรรศการแอนตาร์กติก

นิทรรศการแอนตาร์กติก อพวช. ร่วมกับ สถาบันวิจัยขั้วโลกแห่งชาติ ประเทศญี่ปุ่น และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดนิทรรศการ “แอนตาร์กติก...โลกเก่าสู่การค้นพบใหม่” เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาอดีตจากดินแดนแอนตาร์กติก ดินแดนขั้วโลกใต้ที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งทำให้สามารถคงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติไว้มากว่าล้านปี ทำให้เราได้รู้ถึงความเป็นไปของโลกในยุคต่าง ๆ นำไปสู่การคาดการณ์อนาคตที่จะเกิดขึ้นกับโลกของเรา เมื่อเข้าไปจะมีข้อมูลเกี่ยวกับโลกน้ำแข็งมากมายให้ศึกษา อุปกรณ์การดำรงชีวิตของนักวิทยาศาสตร์ที่ไปศึกษาค้นคว้าที่ขั้วโลก ที่สำคัญยังมีสตั๊ฟนำเพนกวินเอาไว้ให้ชมกันด้วย

แมวน้ำแวดเดิน

แมวน้ำแวดเดิน ภาพสุดท้ายสำหรับการเดินทางท่องโลกแห่งชีวภาพ จากนิทรรศการแอนตาร์กติก เอาข้อมูลของแมวน้ำจากขั้วโลกใต้มาฝากกัน แมวน้ำแวดเดิล พบเห็นได้บ่อยในบริเวณทวีปแอนตาร์กติก หรือบนแผ่นน้ำแข็งติดกับทวีป ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ใต้น้ำและขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อหายใจหรือเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ มีขนสั้นและหนาช่วยให้ทนหนาวได้ถึง -20 องศาเซลเซีส มีฟันที่แข็งแรงสามารถกัดแผ่นน้ำแข็งที่หนาเพื่อให้เป็นช่องที่สามารถโผล่ขึ้นมาหายใจได้ เมื่อมีอายุมาขึ้นหรือเมื่อฟันไม่แข็งแรง แมวน้ำเหล่านี้อาจตายจากการที่ไม่สามารถกัดแผ่นน้ำแข็งให้เป็นช่องเพื่อโผล่ขึ้นมาหายใจได้ ใบหน้าที่ดูเหมือนกำลังยิ้มทำให้มันเป็นที่นิยมของนักถ่ายภาพ ตัวอย่างแมวน้ำตัวนี้ได้มาจากสถาบันวิจัยขั้วโลกแห่งชาติ ประเทศญี่ปุ่น

จบการนำเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งขาติไว้เพียงเท่านี้ครับ เท่านี้ก็ต้องใช้เวลาค่อนวันในการเดินชมและศึกษากันให้ทั่วๆ ว่างลองพาเด็กๆ ไปเที่ยว น่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากทีเดียวครับ...

0/0 จาก 0 รีวิว

10 ที่พัก/โรงแรมใกล้ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ปทุมธานี
กรีนวิลล์ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  6.17 km | แผนที่ | เส้นทาง
ปันนารา บูทิค เฮาส์
  6.34 km | แผนที่ | เส้นทาง
The Point Condo by Panissara เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  6.60 km | แผนที่ | เส้นทาง
โรงแรมมาเจสติก วิวล์ เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  7.81 km | แผนที่ | เส้นทาง
ดิ เอจ รีสอร์ต เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  11.51 km | แผนที่ | เส้นทาง
โรงแรม ไรด์ แอนด์ เลซี่ แอท ไทยเวคพาร์ค เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  11.70 km | แผนที่ | เส้นทาง
โรงแรมธารา พาร์ค เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  12.90 km | แผนที่ | เส้นทาง
Tara Park Resotel เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  12.94 km | แผนที่ | เส้นทาง
Hotel Ride 'n Lazy @ Thai Wake Park' เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  13.28 km | แผนที่ | เส้นทาง
ปทุมา การ์เดน แอนด์ รีสอร์ท เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  14.54 km | แผนที่ | เส้นทาง
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ปทุมธานี
โครงการสระเก็บน้ำพระรามเก้า ปทุมธานี
  2.35 km | แผนที่ | เส้นทาง
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษารังสิต ปทุมธานี
  3.44 km | แผนที่ | เส้นทาง
พิพิธภัณฑ์บัว ปทุมธานี
  3.68 km | แผนที่ | เส้นทาง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ ปทุมธานี
  4.43 km | แผนที่ | เส้นทาง
หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ปทุมธานี
  4.52 km | แผนที่ | เส้นทาง
หออัครศิลปิน ปทุมธานี
  4.78 km | แผนที่ | เส้นทาง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก ปทุมธานี
  4.87 km | แผนที่ | เส้นทาง
วัดมูลจินดาราม ปทุมธานี
  7.44 km | แผนที่ | เส้นทาง
วัดเขียนเขต ปทุมธานี
  11.42 km | แผนที่ | เส้นทาง
ดรีมเวิลด์ Dream World
  13.04 km | แผนที่ | เส้นทาง

*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ

Line id: @touronthai (ใส่ @)
www.touronthai.com