www.touronthai.com

หน้าหลัก >> สุโขทัย >> ถ้ำธาราวสันต์

ถ้ำธาราวสันต์

 ถ้ำธาราวสันต์ โดยรอบบริเวณถ้ำจะพบกับพรรณไม้ และสัตว์ป่า เช่น จันทน์ผา เสียงผา เป็นต้น ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อย ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ทางเดินไม่ลำบากเท่าไหร่ พอเข้าไปในถ้ำบางช่วงทางเอียงและลื่นมาก ต้องระวัง ในถ้ำมีค้างคาวอยู่เยอะพอสมควร

ข้อมูลเพิ่มเติม:โทร. 0 5561 9214-5

แก้ไขล่าสุด 2017-09-23 13:45:50 ผู้ชม 8639

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ
ถุงกันทาก

ถุงกันทาก เอาละวันที่ 2 ของการเดินเที่ยวในอุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย เมื่อวานไปน้ำตกตาดเดือน น้ำตกตาดดาว น้ำตกห้วยทรายขาวมาหมดแล้ว (คลิกที่ลิงค์เพื่ออ่านและดูรูปนะครับ เดี๋ยวมาอ่านหน้านี้เลยแล้วมันไม่ปะติดปะต่อ) เอาถุงกันทากมาเป็นรูปเปิดการเดินทางไปยังถ้ำธาราวสันต์ก็เนื่องมาจากการเดินไปน้ำตกตาดดาวเมื่อวานได้บริจาคเลือดไปให้ทาก 1 ตัว เพราะไม่ได้เตรียมการป้องกันล่วงหน้า เจ้าถุงกันทากของผมอาจจะดูหน้าตาแปลกๆ ที่จริงมันเรียกว่าถุงกันปลิง เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ต้องทำนาอยู่ในน้ำเป็นเวลานานๆ ซึ่งก็จะต้องถูกปลิงกัด ก็เลยคิดเย็บถุงกันปลิงขึ้นมา มันทำมาจากผ้าชนิดเดียวกันกับถุงน่องผืนเดียว เย็บให้เป็นถุงแบบง่ายๆ ไม่ได้เป็นทรงเท้าเราเหมือนถุงเท้า อาศัยความเรียบง่ายเพราะเค้ามองที่วัตถุประสงค์การใช้งาน ถุงกันปลิงหาซื้อได้ตามต่างจังหวัดในตลาดนัดต่างๆ ที่เห็นนี้ผมซื้อมาจากตลาดใกล้ๆ อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย เวลาเอามาใช้งานก็เอาน้ำมันมวยเหยาะใส่กะให้ตรงกับจุดที่จะเป็นข้อเท้าของเราเวลาใส่แล้ว เหยาะแค่ 4-5 หยด พร้อมกันทั้ง 2 ข้างแล้วขยำๆ ให้ชุ่ม ผ้ามันบางเหยาะนิดเดียวก็เปียกแล้วละครับ ส่วนน้ำมันมวยจะถือไปด้วยเผื่อตอนขากลับก็ได้ มันได้ผลดีเพราะเวลาทางไต่รองเท้ามาถึงข้อเท้าตรงกับจุดที่เราเหยาะน้ำมันมวยมันจะไม่ค่อยอยากไต่ขึ้นมาอีก มันก็จะวนเวียนอยู่แถวๆ รองเท้าเรานั่นแหละ

ทีนี้มาเล่าถึงตรงที่ว่าทำไมเมื่อวานโดนทากกัดก็เพราะผมไม่รู้ว่าที่อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัยเนี่ยทากชุม หลังจากโดนกัดเมื่อวานวันนี้จะไปถ้ำธาราวสันต์ถึงได้เตรียมอุปกรณ์อย่างดีนี่แหละ เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าหน้าฝนทากเยอะมาก ขนาดที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกับห้องน้ำยังมีทากเกาะอยู่ตามผนังเลย

เส้นทางสู่ถ้ำธาราวสันต์

เส้นทางสู่ถ้ำธาราวสันต์ เนื่องมาจากสถานที่เที่ยวในอุทยานฯ แห่งนี้มันค่อนข้างไกล อย่างน้ำตกตาดดาวก็ 4 กิโลเมตรแล้ว ไป-กลับก็หมดวัน การเดินไปถ้ำธาราวสันต์ก็เลยต้องเป็นวันที่ 2 ของการเที่ยวของเรา ระยะทางไปถ้ำแค่ 1.5 กิโลเมตรเอง ถ้าจะเอาจริงๆ มาเดินป่ากันอย่างเดียวจะเดินไปทั้ง 2 ที่ให้จบในวันเดียวก็ทำได้ แต่การถ่ายรูปที่ละเอียดลออขั้นตอนมาก ถ่ายถ้ำถ่ายน้ำตกมันใช้เวลามากกว่าถ่ายรูปวิวอย่างอื่น ผมก็เลยต้องใช้เวลา 2 วัน จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทางเดินไปถ้ำจะแยกไปคนละทางกับน้ำตกตาดดาว ทีแรกคิดว่าไปถ้ำยังไงๆ ก็คงจะไม่มีทากเพราะน่าจะเป็นทางเดินขึ้นเขา ไม่ได้ลุยห้วยเหมือนน้ำตก ที่ไหนได้ ทางเดินไปถ้ำก็ต้องมีห้วยไหลผ่านเหมือนกัน บางช่วงเห็นชัดๆ เลยว่าเราต้องเดินไปตามร่องน้ำที่ไหลลงมาจากเขา ความชื้นสูงมาก มีทางตลอดทางเหมือนกัน แต่พอเราใส่ถุงกันทากก็เดินได้อย่างมั่นใจกว่าเมื่อวานเยอะ ไม่นานเท่าไหร่ 1 กิโลเมตรแรกก็ผ่านไป เจอป้ายบอกทางไปถ้ำธาราวสันต์เหลือแค่ 500 เมตร แล้ว

เส้นทางสู่ถ้ำธาราวสันต์

เส้นทางสู่ถ้ำธาราวสันต์ การเดินทางเรียบตลอดระยะ 1 กิโลเมตรแรกที่ผ่านไปไม่มีอะไรลำบากนอกเหนือไปจากการที่ต้องคอยมองหาทากที่รองเท้า แต่ที่นี่ไม่ค่อยจะได้เห็นดอกไม้ป่าเท่าไหร่ ทางเดินไปน้ำตกตาดดาวก็ไม่ปรากฏว่าจะมีดอกไม้ป่าให้พักชมความงามซะเลย เจอเห็ดดอกเล็กๆ สีสวย ก็ได้แต่เก็บภาพเห็ดมาฝาก ส่วนอีก 3 ภาพเป็นทางเดิน บางช่วงต้องข้ามห้วยมันก็ไม่เท่าไหร่ พอข้ามห้วยแรกมาแล้วเดินต่อมาอีกหน่อยคราวนี้เป็นทะเลโคลนเลย เฮ้อต้องซักรองเท้าอีกแล้วหลังจากเมื่อวานก็ล้างอยู่ตั้งนาน แล้วจะแห้งมั้ยเนี่ย

ผ่านจากช่วงที่ต้องเดินลุยโคลนอย่างไม่มีทางเลี่ยง หมดระยะของทางราบ ทางที่เหลือยู่แค่ 500 เมตร เป็นทางชันขึ้นเขา พอเห็นเป็นเนินอยู่ตรงหน้าเก็บกล้องเข้ากระเป๋าดีกว่า ต่อจากนี้คงต้องใช้แรงเยอะไม่มีแรงจะมาเดินถ่ายรูปแล้วละ

จุดพักก่อนเข้าถ้ำ

จุดพักก่อนเข้าถ้ำ ทางชันขึ้นเขาระยะทางประมาณ 300 เมตรยาวต่อเนื่องทำให้เราหมดแรงไปได้เยอะ กว่าจะมาถึงยอดเนินก็เล่นเอาเหนื่อย เมื่อวานเดินเข้าน้ำตกตามลำห้วยยังพอมีน้ำใสๆ เย็นๆ ตามลำห้วยให้เราล้างหน้าล้างตาคลายร้อนได้บ้าง แต่ทางมาถ้ำธาราวสันต์ไม่มีห้วยแบบนั้น ก็ต้องเอาน้ำดื่มในขวดที่เตรียมมาออกมาล้างหน้าล้างเหงื่อ พอดีว่าผมเป็นคนประเภทการเผาพลาญดีเป็นพิเศษ เดินแค่ 100 ก้าวก็เหงื่อท่วมตัวแล้วครับ จึงขาดน้ำไม่ได้ต้องมีน้ำจิบตลอดทาง จุดพักระหว่างการเดินทางที่ตรงนี้มีต้นไม้ใหญ่ๆ อยู่ต้นหนึ่ง เจ้าหน้าที่เอากระดานมาตอกตะปูยึดติดไว้เป็นม้านั่ง เห็นแบบนี้แล้วไม่เอากล้องออกมาจากกระเป๋าก็เห็นจะไม่ได้แล้วละ ผมชอบภาพนี้มากเลยครับหลังจากที่พักจนหายเหนื่อยแล้วก็พร้อมที่จะออกเดินทางต่อ ก่อนที่จะเอากระเป๋ากล้องมาสะพายหลัง ผมไม่พลาดที่จะตรวจดูว่ามีทากเกาะอยู่หรือเปล่า ขนาดว่าเดินขึ้นเขาแบบนี้ยังมีทากอดทนเกาะรองเท้าผมมาตั้งไกล เอาไม้เขี่ยออกให้มันรออยู่ที่พักนี่ละไปก่อนนะเจ้าทาก

เส้นทางขาลง

เส้นทางขาลง จุดที่นั่งพักอยู่นี้คงจะเป็นเนินที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ จากตรงนี้ไปถ้ำเป็นทางลงอย่างเดียวเลย คิดสภาพตอนขากลับก็ต้องเดินขึ้นเนินนี้และแน่นอนว่าคงจะไม่พ้นต้องนั่งพักตรงนี้ก่อนที่จะไปต่อเหมือนขามา นึกว่าเนินนี้จะถึงปากถ้ำแล้วซะอีก ยังเหลืออีก 100 เมตรเชียวเหรอเนี่ย

ถ้ำธาราวสันต์

เดินจากจุดพักบนเนินมาหน่อยเดียว ก็ประมาณ 100 เมตร อย่างที่ป้ายบอกแหละ เราก็จะมาถึงปากทางเข้าถ้ำ บรรยากาศที่โอบล้อมด้วยผาหิน มีเถาวัลย์มากมายแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของผืนป่า เส้นทางจากที่ทำการอุทยานฯ มาจนถึงที่นี่แทบจะไม่เห็นขยะเลย จะมีบ้างก็พวกถุงขนมกับขวดน้ำเปล่าแต่ก็น้อยมาก ใครจะมาเที่ยวที่นี่ผมอยากจะให้มาเที่ยวแบบหัวใจอนุรักษ์นะครับ ถ้าทิ้งคนละชิ้น ไม่นานก็คงเต็มถ้ำแน่ ผมเข้าใจว่าการเดินป่ามันเหนื่อย แต่มันก็ไม่น่าจะเหนื่อยจนเอาถุงขนมกับขวดเปล่าๆ ออกไปไม่ได้จริงมั้ยครับ
มาว่ากันเรื่องถ้ำต่อละกันเดี๋ยวจะหาว่าขี้บ่น การเดินเข้าไปถ้ำธาราวสันต์มันไม่ใช่จะเดินเข้าไปทื่อๆ ปากถ้ำอยู่สูงต้องอาศัยการปีนหินขึ้นไป เจ้าหินเหล่านี้ก็อยู่กลางป่าชื้น มันลื่นอยู่ตลอดเวลา พอนักท่องเที่ยวมากันมากๆ ตรงไหนที่เหยียบกันบ่อยๆ มันก็ยิ่งลื่นหนักเข้าไปอีก ยังไงก็ระวังกันหน่อยนะครับ

ถ้ำธาราวสันต์

ในที่สุดตอนนี้ผมก็มียืนอยู่ที่ปากถ้ำ มองลึกลงไปดูเหมือนถ้ำนี้จะแปลกๆ กว่าถ้ำอื่น ผนังถ้ำด้านขวาเหมือนกับการล้มมาทับผนังถ้ำด้านซ้ายคล้ายเขาพิงกันที่ภาคใต้มากกว่าที่จะเป็นถ้ำ เดี๋ยวเข้าไปดูข้างในกันดีกว่า

ถ้ำธาราวสันต์

พอเข้ามาในถ้ำ สิ่งที่แปลกไปยิ่งกว่าผนังถ้ำที่เอียงพิงกันอยู่ คือที่พื้นของถ้ำลักษณะของหินมันดูแปลกๆ มันเหมือนมีน้ำไหลผ่านถ้ำนี้อยู่ตลอดเวลา ผิวหินพื้นถ้ำเป็นมันลื่นมากด้วย มีรูปร่างเหมือนคลื่นในทะเลไม่ควรวางใจรองเท้าของท่าน จะต้องเดินอย่างระวังมากเป็นพิเศษ เพราะพื้นมันเอียงด้วย ผนังถ้ำที่เหมือนมันเอียงมาทับกัน บางช่วงกว้างบางช่วงแคบ มีหินงอกหินย้อยแต่ก็ไม่มาก แต่อย่างน้อยหินเหล่านี้ก็เป็นหินเป็นคือยังมีหยดน้ำมาเลี้ยงและก็มีตะกอนมาสะสมเติบโตอยู่ตลอดเวลา จุดเด่นอีกอย่างของหินเป็นก็คือมีประกายเหมือนเพชรระยิบระยับเวลาที่โดนแสงไฟ

อีกด้านของถ้ำธาราวสันต์

อีกด้านของถ้ำธาราวสันต์ ระยะทางประมาณ 100 เมตร เราก็จะเดินทะลุออกมาอีกด้านหนึ่งของถ้ำ หินที่ตรงปากถ้ำมันช่างแตกต่างกับหินในถ้ำอย่างสิ้นเชิง คงเป็นเพราะกระแสน้ำที่ไหลเข้าไปในถ้ำพัดพาเอาหินและตะกอนเข้าไปในถ้ำ ตะกอนมันก็คงไปขัดหินที่ผนังและพื้นที่ถ้ำจนเป็นมันเงา ส่วนด้านนอกดูขรุขระมาก ที่ต้องเดินมาทะลุหลังถ้ำเพราะจะมีทางปีนขึ้นไปบนชั้น 2 ได้ครับ

ถ้ำธาราวสันต์

ตอนนี้เข้ามาอยู่ในถ้ำชั้นที่ 2 แล้ว เราก็จะได้เห็นหินงอกหินย้อยมากมายที่ชั้นแรกไม่มี หินเหล่านี้จะมีสีขาวกับประกายเพชรกันเยอะ มีโพรงถ้ำให้มุดเข้าไปได้เรื่อยๆ ด้วย

หินงอกหินย้อย

หินงอกหินย้อย นี่ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่สวยงามของถ้ำแห่งนี้ แสงที่เห็นเป็นแสงเทียนที่ซื้อมาจากร้านค้าสวัสดิการ ความรู้เรื่องการใช้เทียนช่วยในการถ่ายรูปถ้ำได้มาจากเจ้าหน้าที่อุทยานที่เอารูปให้ผมดูพร้อมกับเล่าว่าตอนที่เจ้าหน้าที่เข้าไปถ่ายรูปเพื่อมาติดที่บอร์ดนิทรรศการที่เที่ยวของศูนย์บริการนักท่องเที่ยวช่างภาพใช้เทียนช่วยในการสร้างมิติให้ถ้ำดูสวยมากยิ่งขึ้น

ฝูงค้างคาว

ฝูงค้างคาว เป็นเจ้าถิ่นภายในถ้ำธาราวสันต์ ค้างคาวเหล่านี้มีจำนวนมาก อาศัยอยู่ในถ้ำชั้น 2 ผมไม่ค่อยจะประทับใจสัตว์ชนิดนี้เท่าไหร่ เพราะว่าอึมันเหม็น ถ้าเข้าถ้ำค้างคาวผมจะอยู่ได้ไม่นาน

ถ้ำธาราวสันต์

ปิดท้ายด้วยโถงขนาดใหญ่ตรงใกล้ๆ กับที่ฝูงค้างคาวมันอาศัยอยู่ นอกจากที่เอารูปมาให้ชม ภายในถ้ำยังมีโพรงเล็กๆ ไปทะลุกับโถงขนาดใหญ่ได้อีก แต่โพรงมันเล็กมากจะลอดผ่านได้เฉพาะคนตัวผอมๆ หุ่นผมก็พอจะลอดได้ แต่คิดว่าลำบากเกินไปที่จะลอดไหนจะกล้องกับอุปกรณ์ในกระเป๋า คิดๆ ดูแล้วก็ขอพอไว้เท่านี้ดีกว่า ใครมีโอกาสไปถ้ำแห่งนี้ลองลอดไปชมชั้น 3 ดู เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่ามันสวยมากแต่ไม่มีรูปให้ผมดูเหมือนกัน

พอมานั่งคิดๆ ดูระหว่างการเดินกลับ ผมว่าถ้ำธาราวสันต์ มันตั้งชื่อได้ตรงกับลักษณะของถ้ำมากๆ เพราะภายในถ้ำมีธารน้ำไหลผ่านในหน้าฝน ส่วนที่เพดานมีหยดน้ำหยดลงมาเป็นระยะๆ ขนาดผมมาหน้าหนาวก็ยังมีน้ำหยดอยู่ หยดน้ำที่หยดลงมาตลอดเวลาก็คงจะเหมือนกับฝนตกในถ้ำ รวมกันเป็น ธารา กับ วสันต์ นั่นเอง

กลับมาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเวลาบ่ายนิดๆ ผมก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เอาชุดลุยป่าที่ใช้มา 2 วัน ไปซักที่ห้องน้ำ รองเท้าที่ลุยโคลนก็ต้องซัก พอซักเสร็จแล้วก็ลองตาก เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะค่ำ ก็เลยนอนค้างรอให้รองเท้าแห้งอีก 1 คืน รวมเวลาที่ใช้ในอุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย 2 วัน 2 คืน จบการนำเที่ยวแบบสมบูรณ์ครับ ว่างๆ ลองมาสัมผัสด้วยตัวเอง แล้วคุณจะพบว่า การเที่ยวอุทยานแห่งชาติที่ดีมันต่างกับอุทยานแห่งชาติที่ไม่ค่อยมีความพร้อมยังไงบ้าง ถ้ามีการโหวตอุทยานแห่งชาติดีเด่น ผมเทคะแนนให้ศรีสัชนาลัยเลยครับ

0/0 จาก 0 รีวิว

10 ที่พัก/โรงแรมใกล้ ถ้ำธาราวสันต์ สุโขทัย
Thachum homestay เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  40.36 km | แผนที่ | เส้นทาง
ชานาลัย รีสอร์ท เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  51.30 km | แผนที่ | เส้นทาง
ดาวน์ฮิลล์ รีสอร์ท เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  62.21 km | แผนที่ | เส้นทาง
น้ำยม รีสอร์ท เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  71.32 km | แผนที่ | เส้นทาง
สวรรค์บุรี บูทิค โฮเต็ล เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  72.92 km | แผนที่ | เส้นทาง
ทู ที รีสอร์ต เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  73.53 km | แผนที่ | เส้นทาง
บังกะโล 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำส่วนตัว ขนาด 16 ตร.ม. – สวรรคโลก เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  79.01 km | แผนที่ | เส้นทาง
เลิฟ วิว รีสอร์ต แอนด์ คอฟฟี่ เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  79.70 km | แผนที่ | เส้นทาง
สบายสบาย สุโขทัย เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  83.12 km | แผนที่ | เส้นทาง
โรงแรมสุโขทัยเฮอริเทจรีสอร์ท บาย เดอะยูนีค คอลเลคชั่น เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง
  83.15 km | แผนที่ | เส้นทาง

*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ

Line id: @touronthai (ใส่ @)
www.touronthai.com