ข้อมูลเพิ่มเติม:การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานระยอง โทร. 0-3865-5420
http://www.tourismthailand.org/rayong
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ทางแยกเข้าอู่ต่อเรือพระเจ้าตาก ถนนหนทางในเมืองจันทบุรีมีความรู้สึกว่ามีทางแยกมากมายหลายสาย ชวนให้สับสน และถนนที่จะมาถึงอู่ต่อเรือพระเจ้าตากนั้นเป็นเส้นทางที่ผ่านชุมชน มีทางแยกเล็กแยกน้อยหลายแห่งชวนงง แต่ถ้าเห็นทางแยกแบบนี้แล้วละก็ มาไม่ผิดทางแล้วครับ
สามแยกวัดเกาะโตนด เป็นทางแยกที่อยู่ก่อนถึงทางแยกเข้าอู่ต่อเรือพระเจ้าตากเพียงไม่กี่สิบเมตร เป็นแยกอันตรายนะครับเพราะมองไม่เห็นรถที่อยู่อีกด้านหนึ่งของต้นไม้ต้องขับช้าๆ หน่อย ถ้าเลี้ยวผิดเข้าแยกนี้จะวกไปวนมาแล้วมาทะลุออกที่เดิม ดังนั้นถ้ารู้ว่าเข้าแยกนี้ไปแล้วให้กลับรถออกมาจะดีกว่า
อู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หลังจากเลี้ยวเข้ามาถูกแยกแล้วขับเข้ามาตามทางเรื่อยๆ จะมาถึงป้ายอู่ต่อเรือ เป็นสามแยกตัว Y อีกเหมือนกันกับแยกที่แล้ว ก็ขับชิดซ้ายไปเรื่อยๆ ก็เห็นท่าน้ำเป็นอันว่ามาถึงแล้ว
ขับเข้าไปตามทางซ้ายมือ มองเห็นท่าน้ำอยู่สุดถนนพอดีเป็นพระบรมราชานุสรณ์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ ของอู่ต่อเรือแห่งนี้
ท่าเทียบเรือประมง ท่าเทียบเรือประมงในโครงการฟื้นฟูทะเลไทยกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่จะถูกถ่ายภาพเป็นที่ระลึกในการมาเที่ยวที่อู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินแห่งนี้
ท่าเทียบเรือประมง 2 มุมสวยๆ อีกรูปหนึ่ง
พระบรมราชานุสรณ์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อยู่ในอาคารเปิดโล่งมีหลังคาคลุม ภายในมีดอกไม้ธูปเทียนเพื่อให้ประชาชนได้สักการะ ด้านข้างมีตะเคียนขนาดใหญ่ยาวเท่าๆ กับอาคารหลังนี้ อยู่ตรงข้ามกับท่าเทียบเรือประมงพอดี
ต้นตะเคียนทองใหญ่ อยู่ข้างศาลาพระบรมรูปที่ข้างๆ ต้นตะเคียนมีบันทึกถึงการสันนิษฐานที่มาของตะเคียนทองใหญ่ต้นนี้ว่า
ที่มาของต้นตะเคียนทอง
แต่เดิมตะเคียนทองขนาดใหญ่นี้อยู่ในเพื้นที่บ่อกุ้งฝั่งตรงข้ามของนายณรงค์ ภักดีผล ซึ่งนายณรงค์ เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าตอนขุดบ่อกุ้งก็ไม่พบต้นตะเคียนนี้ แต่เพราะแรงดันของดินหรืออภินิหาริย์อย่างไรก็เหลือเดา ทำให้ต้นตะเคียนต้นนี้ขึ้นมาปรากฎให้เห็นเหนือผืนดิน จากนั้นการเลี้ยงกุ้งก็ไม่เคยได้ผล โดยลำพังตนเองจะยกออกไปก็คงไม่มีปัญญา จึงได้แจ้งให้ข้าพเจ้า และคุณปัญญา บัวสุวรรณ ทราบถึงต้นตะเคียนทองดังกล่าวและได้พากันไปดู เห็นเป็นตะเคียนทองขนาดใหญ่ ความยาวถึง 17 วา หรือ 34 เมตร ข้าพเจ้าเห็นดังนั้น จึงแจ้งแก่นายณรงค์ว่า ด้วยข้าพเจ้ากำลังดำเนินการก่อสร้างอนุารณ์สถาน ถวายแด่องค์สมเด็นพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นเรือนไทยไม้สักทองขนาดใหญ่ ซึ่งตระกูลแตงอ่อนนำโดยคุณอัครชัย และคุณณัฐปัจพล แตงอ่อน เป็นผู้สมทบเงินค่าก่อสร้างรายใหญ่ในการก่อสร้างครั้งนี้ข้าพเจ้าจึงมีความต้องการจะนำเอาต้นตะเคียนต้นนี้ไปถวายต่อองค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยข้าพเจ้าจะนำต้นตะเคียนทองนี้ขึ้นมาเอง นายณรงค์บอกยินดี ข้าพเจ้าจึงได้ขอกำลังทหารจากค่ายตากสินส่วนหนึ่ง พร้อมชาวบ้านทั่วไป ชักลากดึงตะเคียนใหญ่ขึ้นมาโดยไม่ยากนัก และได้นำมาวางไว้บนแท่นที่จัดไว้ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินการครั้งนี้ นายณัฐพล แตงอ่อน และข้าพเจ้าได้ออกร่วมกันจึงสำเร็จลุล่วงด้วยดี
เหตุที่ข้าพเจ้านำต้นตะเคียนใหญ่มาถวายแด่พ่อตากนั้น เนื่องจากพระองค์ท่านได้ใช้ไม้ชนิดนี้นำมาทำการต่อเรือรบ นับเป็นร้อยลำเพื่อเดินทางไปกู้ชาติ จึงเห็นสมควรว่าจะนำมาถวาย เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระองค์ท่าน กอรปกับต้นตะเคียนต้นนี้ มีขนาดใหญ่เหมาะแก่การบำรุงรักษาไว้ เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาตลอดจนผู้ที่สนใจได้มาชมหรือศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อาจเป็นไปได้ว่าต้นตะเคียนนี้คือต้นที่พระองค์โค่นมาทำการต่อเรือเพื่อเดินทางไปกู้ชาติ แต่ด้วยมรสุมร้ายสงบลง พระองค์ต้องออกเรือเพื่อกู้ชาติ ตะเคียนยังมิได้ทำการต่อเรือ จึงเหลือไว้เป็นหลักฐานให้เราได้เห็นถึงทุกวันนี้
22 สิงหาคม 2551
นายนิพนธ์ หนองริมบ้าน
ด้านหน้าศาลาหลังใหญ่
พระบรมราชานุสรณ์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นมาใหม่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี จากข้อมูลที่ได้มาเป็นการสร้างด้วยไม้สัก
พิพิธภัณฑ์อู่ต่อเรือเสม็ดงาม นอกเหนือจากพระบรมราชานุสรณ์ แล้วก็มีพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่เป็นที่น่าสนใจและศึกษาอยู่ในบริเวณพื้นที่ของอู่ต่อเรือบ้านเสม็ดงาม หรืออู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่ หนึ่งในโบราณวัตถุที่จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์อู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ลักษณะที่เห็นจะพอมองออกว่าในอดีตสิ่งของเครื่องใช้เหล่านี้จมอยู่ใต้น้ำมานานมาก
เครื่องปั้นดินเผาและเครื่องเคลือบ ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีโบราณวัตถุ จำพวกกระปุกสังคโลกที่มีหลักฐานว่าผลิตจากเตาศรีสัชนาลัย พบในอ่าวหมูใหญ่ เศษเครื่องลายครามจีนแบบซัวเถาที่ผลิตในมณฑลฝูเจี้ยน ค้นพบที่ปากคลองมอญ (คลองลัดคลองขุด) แม่น้ำจันทบุรี
ส่วนประกอบและโครงสร้างเรือสำเภา เนื่องจากในอดีตไทยมีการทำการค้ากับต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนอย่างกว้างขวาง และยังมีการขุดพบแอ่งรูปสี่เหลี่ยมซึ่งคาดว่าจะเป็นอู่ต่อเรือ โดยมีชิ้นส่วนของเรือจมอยู่ใต้น้ำ ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงได้นำเอารูปการประกอบเรือสำเภาในสมัยนั้นมาแสดงไว้เป็นความรู้ของผู้ที่สนใจ
อู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เรือสำเภา สำหรับพื้นที่ตรงนี้อยู่ในระหว่างการสร้างเรือสำเภาเพื่อให้ประชาชนผู้ที่สนใจ นักเรียนนักศึกษาได้เห็นสำเภาที่เหมือนจริงกับที่เคยใช้เป็นพาหนะเดินทางระหว่างประเทศในอดีต อยู่ด้านหลังเยื้องๆ ระหว่างพระบรมราชานุสรณ์กับพิพิธภัณฑ์อู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ภาพสวยๆ ของท่าเทียบเรือประมง เห็นแล้วก็ยังชอบที่จะถ่ายภาพมาเยอะๆ ในหลายๆ เว็บอาจจะนำเอาท่าเทียบเรือนี้ไปใช้ประกอบข้อมูลของอู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชด้วยซ้ำแต่ที่จริงแล้วไม่เกี่ยวข้องกันนะครับ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันเท่านั้น
เสาธงหน้าพระบรมราชานุสรณ์ ตรงกลางก็เป็นธงไตรรงค์ ส่วนด้านขวามือของเราเป็นธงพระเจ้าตากครับ
อีกด้านหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ ด้านนี้เป็นด้านหลัง ตอนแรกที่เดินเข้ามาจากพระบรมราชานุสรณ์ จะเห็นด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ ที่จริงเดินทะลุพิพิธภัณฑ์มาได้เลย แต่เมื่อสักครู่ได้เดินกลับไปเก็บภาพท่าเทียบเรือกับเสาธงก่อน
อู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พิพิธภัณฑ์กับพระบรมราชารุสรณ์จะอยู่ห่างกันประมาณ 40 เมตร ด้านหลังของพิพิธภัณฑ์จะเห็นโดมขนาดใหญ่ เป็นหลังคาที่สร้างขึ้นมาคลุมแอ่งสี่เหลี่ยม มีน้ำอยู่ และใต้น้ำนี้จะเห็นชิ้นส่วนท้องเรือจมอยู่ใด้น้ำ สภาพที่เห็นรู้ได้ทันทีว่าเก่าแก่มาก
หลังคาคลุมอู่ต่อเรือ มาถึงตรงนี้ก็เป็นอันสุดพื้นที่การเดินชมอู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากตรงนี้ไม่ต้องย้อนออกไปเส้นทางเิดิมก็ได้ครับ มีถนนอีกสายหนึ่งมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองจันทบุรีได้ ผ่านหมู่บ้านทอเสื่อหลายแห่ง หากสนใจชมผลิตภัณฑ์เสื่อจันทบูรก็แวะดูได้ตามสะดวก
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ