ข้อมูลเพิ่มเติม:การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตาก
0 5551 4341-3, 0 5551 4344
http://www.tourismthailand.org/tak
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ตรอกนี้เป็นตรอกเล็กๆ หัวและท้ายตรอกทะลุออกซอยอื่นได้ทั้ง 2 ด้าน ขนาดของตรอกพอที่รถจะเข้าไปได้แต่เข้าได้คันเดียว ไม่มีที่สำหรับหลบหลีก เรียกว่าไม่แนะนำให้เอารถขับเข้าไปเพราะถ้ามีอีกคันสวนมาก็คงจะถอยกันยาวเลยทีเดียว แรกเริ่มเดิมทีเห็นมีโครงการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวคล้ายๆ ถนนคนเดินในวันเสาร์ แต่ไปๆ มาๆ ถามชาวบ้านละแวกนี้ก็พูดตรงกันว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คนที่อาศัยอยู่ในตรอกก็ยังคงวิถีชีวิตปกติ ไม่ว่าจะวันไหนๆ ก็มีคนมาเที่ยวบ้างแต่ไม่มาก ไม่ได้กลายเป็นถนนคนเดินหรือย่านการค้าอะไรมากมายอย่างที่คิด
สภาพบ้านเรือนของคนในตรอกบ้านจีนที่สร้างเรียงต่อกันไปตลอดตรอก มีบางหลังที่ถูกรื้อออกและสร้างเป็นตึกสมัยใหม่ แต่บ้านในลักษณะเก่าแก่นี้ก็ยังคงเหลืออยู่หลายหลังในตรอกบ้านจีน
ร้ายก๋วยเตี๋ยวกลางตรอก เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวร้านเดียวที่เหลืออยู่ในตรอกบ้านจีน เป็นคนที่อาศัยอยู่ในตรอกมาตลอดจนถึงปัจจุบัน อาคารบ้านเรือนหลายหลังในตรอกบ้านจีนกลายเป็นอาคารอนุรักษ์ไปจนเกือบทั้งหมด ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนอาศัย เหลือบางส่วนที่ยังคงอาศัยอยู่ในตรอกบ้านจีน แต่ก็ไม่ได้อยู่ในบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวมากนัก ยังคงรักษาวิถีชีวิตเดิมๆ กันอยู่มาก ร้านค้าในตรอกนี้จึงมีเพียงร้านก๋วยเดี๋ยวร้านนี้ แล้วก็ร้านกาแฟที่เปิดขึ้นมาใหม่เท่านั้น
ก๋วยเตี๋ยวชามละ 20 บาท เป็นรายการอาหารที่ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีขายอยู่ ร้านก๋วยเตี๋ยวเพียงร้านเดียวกลางตรอกบ้านจีน แต่ละเมนูราคา 15 บาท และ 20 บาทเท่านั้นเองครับ นอกจากนั้นก็ยังมีขนมนิดหน่อย วางขายคู่กับก๋วยเตี๋ยว ข้อมูลเกี่ยวกับตรอกบ้านจีนก็ได้มาจากร้านก๋วยเตี๋ยวนี้หลายส่วนเหมือนกัน
บ้านโสภโณดร เป็นบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ในตรอกบ้านจีน ที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นมากที่สุดในตรอก แต่ปัจจุบันก็ยังคงมีคนอาศัยอยู่ในบ้าน เพื่อรักษาความสงบส่วนตัวผมก็คงจะถ่ายรูปมาให้ชมได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ประวัติของตัวบ้านมีดังนี้ครับ
อดีตของบ้านตึกหลังใหญ่ (บ้านสีฟ้า) เลขที่ 794 ถนนตากสิน ตำบลระแหง อำเภอเมืองตาก ในสมัยหลวงบริรักษ์ประชากร (ตังกวย) ได้รื้อบ้านไม้หนึ่งหลังและปลูกเป็นบ้านตึกหลังใหญ่ทดแทน และบ้านตุึกหลังใหญ่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองหรือข้าราชการต่างๆ ที่ต้องเดินทางด้วยทางน้ำ เพื่อติดต่อราชการขึ้นล่องระหว่างจังหวัดเชียงใหม่กับกรุงเทพฯ (ด้วยคุณงามความดีนี้เอง จึงได้รับโปรดเกล้าประราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น "ขุนบริรักษ์ประชากร" และต่อมาได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "หลวงบริรักษ์ประชากร" แทนบิดา) เมื่อมาถึงสมัยนายสมจิตร กับนางน้อม โสภโณดร ได้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงานของธนาคารนครหลวง สาขาตาก แห่งแรกในจังหวัด โดยมีเจ้าของบ้านนายสมจิตร โสภโณดรเป็นผู้ก่อตั้งและร่วมลงทุนกับธนาคารนครหลวงไทย จำกัด สาขาตากเป็นคนแรก ต่อมาได้ย้ายไปตั้ง ณ ธนาคารนครหลวงไทย ถนนมหาดไทยบำรุง ตำบลหนองหลวง อำเภอเมืองตาก ปัจจุบันบ้านตึกใหญ่หลังนี้เป็นที่พักอาศัยส่วนตัวของครอบครัว "โสภโณดร"
สถาปัตยกรรม บ้านทรงไทยใต้ถุนสูง บ้านสีฟ้า ตัวบ้านเป็นอาคารไม้แบบตะวันตก ๒ ชั้น ทรงขนมปังปิ้ง บนขอบประตูหน้าต่างและเชิงชายหลังคาเป็นฉลุไม้ลายโปร่ง แบบตะวันตก ตัวอาคารสีเทาฟ้า พื้นที่ใช้สอยพิเศษของบ้านเป็นสนามหญ้า บูรณะซ่อมแซม 1 ครั้ง เมื่อประมาณ 29 ปีที่แล้ว
บ้านจีนทองอยู่ สภาพเป็นบ้านขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในรั้วรอบขอบชิด ระยะห่างระหว่างแผ่นไม้ที่อยู่หน้าบ้านถี่มากๆ จนในที่สุดก็หามุมในการเก็บภาพบ้านหลังนี้ไม่ได้ ได้มาแค่ซุ้มประตูหน้าบ้านอย่างที่เห็น ขนาดเพียงซุ้มประตูยังแปลกไม่เหมือนใครได้ขนาดนี้ แล้วบ้านจะขนาดไหนละครับ
ความเป็นมา
บรรพบุรุษผู้เริ่มก่อสร้างบ้านสกุล "โสภโณดร" ที่ จ.ตาก แห่งนี้มีชื่อว่า "จีนทองอยู่" ประวัติความเป็นมาดั้งเดิมของจึนทองอยู่ไม่เป็นที่ปรากฏ แต่เข้าใจว่ามีอาชีพค้าขาย เป็นพ่อค้าจีนที่เมืองตาก ในขณะนั้นมีพ่อค้าจีนอีกคนหนึ่งชื่อ "จีนบุญเย็น" ทั้ง 2 คนได้เข้าร่วมหุ้นส่วนกับพ่อค้าจีนชื่อดังอีกคนชื่อว่า "จีนเต็ง" ทั้ง 3 คนร่วมกันก่อตั้งบริษัท "กิมเซ่งหลี" (มาจากแซ่ของจีนทั้ง 3) ทำกิจการผูกขาดการจัดเก็บภาษีอากรในเมืองเชียงใหม่ และค้าขายสินค้าต่างๆ ตั้งแต่เมืองเชียงใหม่เรื่อยลงมาจนถึงปากน้ำโพ เมืองนครสวรรค์ และขยายสาขามาที่กรุงเทพมหานครที่ตำบลสามเสน ดำเนินกิจการโรงสีและโรงจักรเลื่อยไม้ หุ้นส่วนทั้งสามคนได้ตกลงแบ่งความรับผิดชอบกันโดยที่จีนเต็งหรืออากรเต็ง ดูแลกิจการห้าง "กิมเซ่งหลี" ที่กรุงเทพฯ จีนบุญเย็น ดูแลกิจการที่เชียงใหม่ และจีนทองอยู่รับผิดชอบดูแลกิจการต่างๆ ประจำที่เมืองตาก
บริษัทกิมเซ่งหลี ได้ขยายการลงทฟุนกิจการต่างๆ มากมายเช่นการทำป่าไม้ที่เชียงใหม่ ลำปาง และน่าน ขยายกิจการโรงสีทั่วประเทศ ลงทนใจกิจการธนาคาร คือ แบงค์สยามกัมมาจล (ธนาคารไทยพาณิชย์) กิจการเรือเมล์สยามทุน จำกัด รวมถึงกิจการค้าที่ฮ่องกง และซัวเถาอีกด้วย
จีนทั้ง ๓ ได้ทำงานสนองพระเดชพระคุณในสมัยรัชกาลที่ ๕ ในการหลายอย่าง จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงอุดรภัณฑ์พานิช (จีนเต็ง) เจ้าภาษีอากร สังกัดกระทรวงนครบาลหลวงจิตรจำนงวานิช ปลัดฝ่ายจีนเมืองตาก สังกัดกรมท่าซ้าย และหลวงบริรักษ์ประชากร กรมการพิเศษเมืองตาก
ในสมัยรัชกาลที่ ๖ บุตรชายหลวงอุดรภัณฑ์พานิช (จีนเต็ง) นามว่า "จีนกี่" หรือ พระโภณเพชรรัตน์ ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานนามสกุล เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2456 ว่า โสภโณดร (แปลว่า ทิศเหนือที่งดงาม) เป็นคำสนธิมาจากคำว่า "โสภณ" และ "อุดร" จีนทั้ง 3 จึงได้น้อมรับพระมหากรุณาธิคุณในการพระราชทานนามสกุลมาใช้ร่วมกันสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ลำดับรุ่นทายาทเจ้าของบ้าน
ลำดับที่ 1 หลวงบริรักษ์ประชากร (จีนทองอยู่) ผู้เป็นเจ้าของบ้านรุ่นที่ ๑ ได้รับผิดชอบบริหารกิจการบริษัท "กิมเซ่งหลี" อยู่ที่จังหวัดตากนี้ เริ่มต้นปลูกสร้างเรือนไม้ทรงไทย ๒ หลัง อยู่ที่ตำบลบ้านจีนจังหวัดตาก สมรสกับนางบริรักษ์ประชากร (บุญนาค) มีบุตรธิดา ๕ คน
ลำดับที่ ๒ หลวงบริรักษ์ประชากร (ตังกวย) เป็นบุตรของหลวงบริรักษ์ประชากร (จีนทองอยู่) และนางบริรักษ์ประชากร (บุญนาค) สมรสกับนางกิมฮวยบุตรีของนายปั่นและนางเอม คหบดีและคหปดีในตำบลบ้านจีน มีบุตรธิดา ๔ คน
ลำดับที่ ๓ นายสมจิตร โสภโณดร เป็นบุตรของหลวงบริรักษ์ประชากร (ตังกวย) และนางกิมฮวย หลังจากจบการศึกษาจากกรุงเทพฯ แล้วก็กลับมาช่วยบิดามารดาประกอบธุรกิจโรงสี โรงภาพยนตร์ของครอบครัวและก่อตั้งบริษัทสหวนกิจ ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงเลื่อย ก่อตั้งและร่วมลงทุนกับธนาคารนครหลวงไทย จำกัด รวมทั้งได้รับการยอมรับจากประชาชนในเขตเทศบาลให้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองตากในสมัยหนึ่งด้วย ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับนางน้อม (รักติประกร) โสภโณดร บุตรีพระยาสครราชเรืองยศ (ชุ่ม รักติประกร) อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดตาก กับคุณหญิงสครราชเรืองยศ (โหมด รักติประกร)
ลำดับที่ ๔ นายศรีศักดิ์ โสภโณดร เป็นบุตรนายสมจิตรและนางน้อม โสภโณดร มีน้องชายร่วมสายโลหิต ๑ คน คือ พลโทไกรสีห์ โสภโณดร นายศรีศักดิ์ โสภโณดร ได้สมรสกับนางศรีรวญ (กุศล) โสภโณดร มีบุตรธิดา ๓ คน และรับราชการที่กรมสรรพสามิตโดยดำรงตำแหน่งสุดท้ายเป็นสรรพสามิตจังหวัดตาก จนครบเกษียณอายุราชการ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ