โป่งเดือดป่าแป๋

 โป่งเดือดป่าแป๋ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง ห่างจากเชียงใหม่ประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นน้ำร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินในอดีตน้ำพุแห่งนี้สูงถึง 5 เมตร ปัจจุบันสูงเพียง 1 เมตร รอบ ๆ บริเวณซึ่งเป็นป่าทึบจะอบอวลไปด้วยกลิ่นกำมะถัน บริเวณโดยรอบสะอาด และจัดนิทรรศการได้น่าสนใจ

    น้ำพุเกิดจากปริมาณน้ำใต้ดินที่ส่วนใหญ่ได้จากน้ำฝนที่ซับสู่ใต้ดิน หากดินมีความพรุนมาก ความพรุนของดินนี้เกิดจากต้นไม้ น้ำพุร้อนที่นี่คาดว่ามีการเกิดแบบน้ำพุร้อนกีเซอร์ (Geyser type) ลักษณะของน้ำพุ่งขึ้นจากระดับผิวดินเป็นครั้งคราวตลอดเวลา และคุณสมบัติของน้ำพุร้อนอย่างหนึ่งคือ ช่วยรักษาโรคปวดตามข้อ

    การเดินทาง ใช้ถนนสายแม่มาลัย-ปาย ไปประมาณ 35 กิโลเมตร ประมาณกิโลเมตรที่ 42 แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปอีกประมาณ 6.5 กิโลเมตร เป็นทางลาดยาง สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางสีส้ม สายเชียงใหม่-ปาย ซึ่งจะวิ่งผ่านปากทางเข้า จากลานจอดรถจะต้องเดินทางไปประมาณ 500 เมตร

    มีบริการบ้านพัก 8 หลังๆละ 3,000 บาท มีเต้นท์ให้เช่า และมีบริการอาบน้ำแร่ ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ติดต่อ โทร. 0 5322 7954 หรือ สำนักอุทยานแห่งชาติ กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760 www.dnp.go.th

ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.เชียงใหม่ 0 5324 8604, 0 5324 8607, 0 5324 8605
http://www.tourismthailand.org/chiangmai

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

ที่ทำการหน่วยพิทักษ์ฯ นด. 1 ชื่อย่อ นด. 1 ย่อมาจากห้วยน้ำดัง โป่งเดือดป่าแป๋ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง การเดินทางของเราในทริปนี้มุ่งหน้าที่อำเภอปาย โดยใช้เส้นทาง 1095 จากแม่มาลัยจังหวัดเชียงใหม่ ปกติออกเดินทางจากกรุงเทพฯ จะมาสว่างแถวลำปาง เสมอๆ ก่อนที่จะไปปายก็จะหาที่แวะสวยๆ สักที่อันเป็นทางผ่าน ก่อนหน้านี้เราไปปายครั้งแรกใช้น้ำตกหมอกฟ้าเป็นจุดแวะซึ่งก็สวยงามสมชื่อ มาคราวนี้จะไปที่เดิมซ้ำๆ ก็ไม่ค่อยจะประทับใจนักเดินทางเท่าที่ควรเลยเลือกที่จะมาที่โป่งเดือดป่าแป๋ ซึ่งอยู่ประมาณ 1 ใน 3 ของเส้นทางระหว่างแม่มาลัยไปยังอำเภอปาย

ทางเข้าหน่วยพิทักษ์ฯ นด. 1 ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร มีทางแยกขวามือเห็นได้ชัดเจน เส้นทางนี้เป็นทางลาดยางสลับกับคอนกรีตในบางช่วง เรื่องความชันถือว่าอยู่ระดับแนวหน้าดีแต่ว่ามันชันแต่ไม่ยาวมากนัก เครื่องยนต์ทำงานหนักเป็นช่วงสั้นๆ มีรถเก๋งหลายคันเข้ามาได้ไม่ยากเย็นนัก แต่ปัญหาอยู่ที่ความกว้างของถนน เมื่อมีรถสวนออกมาเป็นความลำบากใจของคนขับที่ต้องหาที่หลีกดีๆ ให้สวนกันไปได้ ไม่นานเราก็มาถึงที่ทำการฯ มีลานจอดรถกว้างขวาง ไม่รอช้าเราก็ลงไปเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติสู่บ่อน้ำพุร้อน ระยะทางประมาณ 650 เมตร บรรยากาศป่าที่นี่ร่มรื่นสมบูรณ์มากทำให้การเดินของเราไม่รู้สึกร้อนจนเกินไป

เส้นทางเดินโป่งเดือดป่าแป๋ จากจุดเริ่มต้นมีทางเดินลักษณะสะพานยาวเลาะไปตามแนวป่ามีจุดสำหรับนั่งพักระหว่างทางเป็นระยะๆ เราก็จะเห็นผู้สูงอายุมาเดินชมธรรมชาตินั่งพักกันเป็นกลุ่มๆ ประมาณ 150 เมตร จะพบกับทางแยกไปชมบ่อต้มไข่ เป็นบ่อน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงพอที่จะแช่ให้ไข่ไก่สุกได้ แน่นอนว่าจะต้องมีคนเอาไข่มาแช่แล้วก็นั่งเฝ้าเพื่อที่จะได้กินไข่น้ำแร่ เป็นกิจกรรมยอดนิยมอย่างหนึ่งของการเที่ยวน้ำพุร้อนธรรมชาติเช่นเดียวกับที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน

พื้นที่ประทับแรมฯ เมื่อเดินตามเส้นทางมาได้ประมาณ 350 เมตร เราจะพบกับจุดนี้ครับพื้นที่ที่เราเห็นนี้มีความสำคัญดังนี้
เป็นสถานที่ประทับแรมในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการเสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงเยี่ยมราษฎร และทรงมีพระประสงค์จะทอดพระเนตรสภาพป่าในปัจจุบันด้วยพระองค์เอง กรมป่าไม้จึงได้จัดถวายให้เสด็จประพาสและประทับแรม ณ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ นด. 1 (โป่งเดือด) อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ระหว่างวันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ 2540 ในครั้งนั้น โปรดฯ ให้กางเต็นท์สนามถวายเพื่อให้การประทับแรมในป่าเป็นไปอย่างเรียบง่ายที่สุด

ทีมงานทัวร์ออนไทยดอทคอมได้เห็นพื้นที่ประทับแรมนี้แล้วสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ล้นเกล้าล้นกระหม่อม ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ดูแลทุกข์สุขของราษฎร ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ในที่สุดเราก็เดินมาถึงน้ำพุร้อน คำว่า น้ำพุร้อน มันมีความแตกต่างกับ บ่อน้ำร้อน อยู่นะครับ น้ำพุร้อนจะเป็นน้ำร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน มีความสูงแตกต่างกันไป สำหรับโป่งเดือดป่าแป๋ คาดว่าเกิดแบบน้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geyser type) ในขณะที่บ่อน้ำร้อนจะเป็นแบบ Hot pool type ตรงตัว พุน้ำร้อนไกเซอร์มีอุณหภูมิและแรงดันสูงมาก ซึ่งพุ่งสูงกว่าระดับผิวดิน เป็นครั้งคราวหรือตลอดเวลา แต่การพุ่งขึ้นของน้ำสูงสุดจะเกิดในช่วงระยะเวลาที่คงที่ น้ำพุร้อนเกิดจากการสะสมของแก๊สในน้ำร้อน ทำให้เกิดแรงดันสูงกว่าปกติ ในขณะที่บ่อน้ำร้อนเกิดจากน้ำร้อนใต้ดินไหลพุ่งขึ้นสู่ผิวดินเกิดเป็นแอ่งตื้นๆ กระจายอยู่ทั่วไป น้ำพุร้อนจะมีอุณหภูมิที่ผิวดินประมาณ 90-99 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิใต้ดินประมาณ 170-203 องศาเซลเซียส

ทางอุทยานฯ ได้สร้างแนวกั้นเขตห้ามเข้าเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เพราะน้ำพุร้อนที่เราเห็นอยู่ตรงหน้ามีลักษณะพุ่งขึ้นสูงถึงเกือบครึ่งเมตรอยู่ตลอดเวลา และมีทิศทางไม่แน่นอน และความร้อนสูงเกือบเท่าน้ำเดือดถ้าโดนเข้าไปต้องอันตรายมากแน่ๆ เสียงน้ำพุพุ่งขึ้นมาจากดินตกลงกระทบหินดังซุ่ซ่าตลอดเวลาไม่ต่างจากเสียงของน้ำตก

ทางเดินกลับ เส้นทางการเดินชมน้ำพุร้อนเป็นลักษณะวงกลม ไม่ต้องเดินกลับทางเดินก็ได้ครับ เส้นทางจากน้ำพุร้อนไปที่ร้านสวัสดิการและห้องอาบน้ำแร่ประมาณ 350 เมตร

บ้านพักและห้องอาบน้ำแร่ ใช้เวลาน้อยกว่าการเดินเข้าไปเกือบครึ่งทีเดียว จากน้ำพุร้อนมาโผล่ที่บ้านพักของอุทยานฯ ร้านค้าสวัสดิการ และห้องอาบน้ำแร่ บ้านพักเหล่านี้อยู่ในบริเวณที่มองเห็นดอยม่อนเลี่ยมได้ชัดเจน ดอยที่เราเห็นอยู่ลิบๆ นั้นมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,250 เมตร เป็นที่อยู่อาศัยของกวางผา สัตว์ป่าหายากชนิดหนึ่งในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่เลา-แม่แสะ
จากจุดนี้เดินไปที่ลานจอดรถจุดเริ่มต้นของการเดินเท้าของเราในวันนี้ประมาณ 300 เมตร สรุปว่าถ้าเอารถมาจอดตรงนี้ตั้งแต่แรกเราจะเดินถึงน้ำพุร้อนด้วยระยะทางแค่ 350 เมตร อ้าวแล้วก็ไม่บอกแต่แรกสรุปว่าเดินเป็นวงกลม 1 รอบ ได้ 1 กิโลเมตร เศษๆ ครับ

น้ำตกในลำห้วย ปิดท้ายด้วยรูปนี้ครับ เป็นห้วยสายเล็กๆ มีสะพานข้ามรถยนต์สามารถข้ามได้ มีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดเล็กๆ ด้วย ไว้วันหน้าคงได้มีโอกาสมาชมสิ่งอื่นๆ ในพื้นที่หน่วยพิทักษ์ นด.1