ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.เชียงใหม่ 0 5324 8604, 0 5324 8607, 0 5324 8605
http://www.tourismthailand.org/chiangmai
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
หน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง อีกครั้งหนึ่งของการเดินทางสู่แม่ฮ่องสอนของทีมงานทัวร์ออนไทย ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผมถึงเขียนว่าแม่ฮ่องสอนแทนที่จะเป็นเชียงใหม่ ผมจะได้เล่าเรื่องย่อๆ ของการเดินทางของเราสักหน่อยถึงการไปแม่ฮ่องสอน เรามักจะมีทริปเกี่ยวกับ อำเภอปาย ดอยแม่อูคอ หรือบางทีก็มีทริปที่เน้นเที่ยวเมืองแม่ฮ่องสอนอย่างปางอุ๋ง ก็ตามทีเราก็จะใช้เส้นทางในการเดินทางแตกต่างกันไปแล้วแต่แผนที่เราจะวางให้ผ่านพื้นที่ไหน และไปที่ไหนบ้าง อย่างครั้งแรกที่ไปปายเราใช้ 1095 จากแม่มาลัย จังหวัดเชียงใหม่ แวะน้ำตกหมอกฟ้า ต่อมาไปแม่อูคอเราชึ้นทางอำเภอลี้ไปอำเภอฮอด บางทีเราก็ขึ้นทางจังหวัดตากอำเภอแม่ระมาดเส้นทางนี้สุดยอดแห่งความโค้งและเปลี่ยวเราแวะอุทยานแห่งชาติแม่เมย หลังจากนั้นก็มาทริปนี้ เราก็เลยลองหาเส้นทางใหม่ๆ ที่แตกต่างจากเดิมบ้างจะได้มีที่แวะใหม่ๆ เราเลือกมาทางลำพูนแล้วต่อไปยังจอมทอง ก่อนที่จะเข้าเส้นทางอำเภอฮอดไปแม่สะเรียง วัดพระธาตุศรีจอมทองก็เลยเป็นสถานที่แรกของทริปนี้ เพียงแค่เห็นกำแพงหน้าวัดสีขาวยาวๆ ติดถนน เห็นยอดพระธาตุพ้นกำแพงวัดสวยสง่า ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่จอดรถครับ
วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 ตั้งอยู่บนเนินดินสูงประมาณ 10 เมตร เรียกกันมาตั้งแต่อดีตว่า ดอยจอมทอง ตามประวัติสันนิษฐานว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 20 แต่จากลักษณะทางศิลปกรรมของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในวัด ปรากฏเป็นลักษณะของศิลปกรรม ในสมัยหลังพุทธศตวรรษที่ 24 ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาของยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่*
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
พระธาตุศรีจอมทอง วัดพระธาตุศรีจอมทองเป็นวัดที่สำคัญอีกวัดหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนดอยจอมทอง สิ่งสำคัญภายในวัดคือพระบรมธาตุเจดีย์ซึ่งตั้งอยู่บนยอดดอยจมทองอันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุส่วนพระเศียรเบื้องขวา ซึ่งมีความพิเศษแตกต่างจากที่อื่นคือ เป็นพระบรมธาตุที่มิได้ฝังใต้ดินแต่ประดิษฐานอยู่ในกู้ภายในพระวิหาร สามารถอันเชิญมาสรงน้ำได้ พระบรมธาตุแห่งนี้มีตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังดอยนี้และทรงพยากรณ์ว่าที่นี่จะเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุของพระองค์ในภายหน้า ต่อมาราวปี พ.ศ. 1995 นางเม็งและนายสอยได้พบพระบรมธาตุ จึงได้ก่อพระเจดีย์และสร้างเสนาสนะที่ดอยดินทองและพระพุทธรูป 2 องค์ ไว้บนดอยจอมทองซึ่งผู้คนได้พบเห็นจึงเรียกว่า “วัดศรีจอมทอง” การสร้างวัดยังไม่เสร็จดี นายสร้อยและนางเม็งก็ได้ถึงแก่กรรมไปเสียก่อน
ต่อมาถึง พ.ศ. 2009 มีชายสองคนชื่อ สิบเงิน และ สิบถัว ได้ช่วยกันบูรณะก่อสร้างวัดศรีจอมทอง ให้เป็นรูปเป็นร่าง มีพระวิหารมุงด้วยคาหลังหนึ่ง และได้นิมนต์พระภิกษุชื่อ “สริปุตต์เถระ” มาเป็นเจ้าอาวาส และท่านเจ้าอาวาสก็ได้ปฏิสังขรณ์วิหารให้มั่นคงแข็งแรงใช้ไม้ระแนงและกระเบื้องมุงหลังคา จากนั้นหลังจากที่เจ้าอาวาสได้มรณภาพไป ต่อจากนั้นก็มีเจ้าอาวาสรูปต่อ ๆ มาได้สร้าง ปราสาทเฟื่อง และระเบียงหน้ามุขหลังวิหาร เพื่อเป็นที่ไว้พระพุทธรูป และยังก่อกำแพงรอบพระวิหารทั้ง 4 ด้าน พร้อมทั้งสร้างกุฏิเป็นที่พักอาศัยของพระภิกษุ และช่วยบูรณปฏิสังขรณ์วัดอยู่เสมอ
กาลล่วงมาถึง พ.ศ. 2042 สมัยนี้ พระธัมมปัญโญเถระ เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง ได้มีตาปะขาวคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่วัดนั้นเกิดนิมิตฝันว่า เทวดาได้มาบอกว่าใต้พื้นวิหารบนยอดดอยที่ตั้งของวัดนี้มีพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้า และพระบรมธาตุนั้นจักเสด็จออกมาให้ฝูงชนได้กราบไหว้สักการบูชาต่อไป ตาปะขาวจึงได้ไปเล่าความฝันนั้นให้แก่เจ้าอาวาสฟัง เจ้าอาวาสจึงได้ทำการอธิษฐานจิตว่า “ถ้ามีจริงดังความฝันนั้น ขอให้พระบรมธาตุจงได้เสด็จออกมา ในเมื่อข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่นี้เถิด ขอข้าพเจ้าจงได้ไหว้สักการบูชาพระบรมธาตุนั้น เมื่อข้าพเจ้ายังไม่ได้เห็นและได้สักการบูชาแล้ว ขออย่าให้ข้าพเจ้าสิ้นชีวิตไปเสียก่อนเลย” ครั้นอธิษฐานแล้ว จนล่วงมาถึงปีจุลศักราช 861 ปี พ.ศ. 2042 เดือน 4 ขึ้น 14 ค่ำ พระบรมธาตุเจ้าก็เสด็จออกจากพระสถูปทองคำ ซึ่งก็แสดงปฏิหาริย์เป็นมหัศจรรย์ต่างๆ ให้ปรากฏแก่คนทั้งหลาย แล้วในวันรุ่งขึ้นพระธมมปัญโญเถระกับตาปะขาวก็ได้พบพระบรมธาตุเจ้าอยู่ในรูพระเกศโมลีของพระพุทธรูป ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหารนั้น จึงได้เก็บรักษากันไว้โดยเงียบๆ และรู้กันเพียงแค่ตาปะขาวและเจ้าอาวาสเท่านั้น
หลังจากนั้นก็มีพระอานันโทเป็นเจ้าอาวาสองค์ถัดมา แล้วก็มี พระเหมปัญโญ พระญาณมงคล พระพุทะเตชะ พระอรัญวาสี พระธัมมรักขิต พระไอยกัปปกะ กาลล่วงมาถึง พ.ศ. 2057 สมัยของพระมหาสีลปัญโญเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีจอมทอง มีพระเถระรูปหนึ่งชื่อ พระมหาพุทธญาโณ ท่านไปยังเมืองพุกามและได้ตำนานพระบรมธาตุมาจากเมืองพุกาม และได้พิจารณาจากตำนานจึงคาดคะเนว่าพระบรมธาตุน่าจะตั้งอยู่ที่วัดศรีจอมทองแน่ จึงได้สั่งให้พระอานันทะและปะขาวนักบุญทั้งหลาย ให้ไปที่วัดศรีจอมทอง เมื่อไปถึงวัดให้ทุกคนทำการสักการบูชาดอกไม้ธูปเทียนและให้ตั้งสัตยาธิษฐาน หากว่าพระบรมธาตุตั้งอยู่ในที่นั้นจริงดังตำนานกล่าว ขอพระบรมธาตุจงแสดงปฏิหาริย์เป็นอัศจรรย์ต่างๆให้ปรากฏแก่คนทั้งหลายด้วยเทอญ เมื่อพระอานันทะได้ไปถึงวัดศรีจอมทองแล้วก็ได้ทำการเคารพสักการบูชา และตั้งสัตยาธิษฐานตามที่พระพุทธญาโณสั่งทุกประการ ฝ่ายพระมหาสีลปัญโญ เจ้าอาวาสเมื่อได้เห็นอาการของคนเหล่านั้นเช่นนั้นจึงได้นำเอาพระบรมธาตุ ซึ่งเก็บรักษากันต่อมานั้นออกมาแสดง ให้พระอานันทะและปะขาวนักบุญทั้งหลายเหล่านั้นได้เคารพสักการบูชา
หลังจากที่สักการะนมัสการองค์พระธาตุเจดีย์ศรีจอมทองแล้ว เราก็ได้เดินต่อไปยังพระวิหารที่อยู่ติดกัน ลักษณะของพระวิหารในวัดพระธาตุศรีจอมทองมีลักษณะไม่เหมือนกับวัดอื่น ถ้าเคยไปยังวัดแห่งอื่นที่มีวิหารและพระธาตุอยู่ติดกันแบบนี้ ส่วนใหญ่พระวิหารหลวงจะสร้างเป็นหลังเดียวมีขนาดใหญ่หันด้านหลังวิหารเข้าหาองค์พระธาตุ แต่ที่นี่จะเห็นวิหารมีมุขด้านข้างหลังคาลดหลั่นหลายชั้น ด้านหลังสุดของวิหารมีวิหารหลังเล็กๆ ที่หันด้านหน้าออกมาทางด้านข้างของพระวิหารหลวง มีทางเดินเชื่อมต่อถึงกันเป็นแบบที่ผมเองยังไม่เคยเห็นในวัดอื่น
พระวิหารวัดพระธาตุศรีจอมทอง ด้านข้างของพระวิหารมีหน้ามุขยื่นออกมา หน้าบันทั้งด้านหน้าและด้านข้างลวดลายสวยงามมาก
ด้านหน้าของพระวิหารหลวง สร้างเป็นหน้ามุขยื่นออกมาหน้าบันงดงามกว่าด้านข้าง บันไดทางขึ้นพระวิหารหลวงมีบันไดนาคกับยักษ์ทวารบาล
พระประธานวัดพระธาตุศรีจอมทอง เมื่อเข้ามาในพระวิหารหลวงผมประทับใจกับความงดงามที่เห็นอยู่ตรงหน้า พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่กลางวิหาร เบื้องหลังเป็นปราสาทที่สวยงาม ตกแต่งด้วยโต๊ะหมู่บูชางาช้าง 2 คู่ ประชาชนที่เดินทางมากราบไหว้พระประธานถ้ามีกล้องมาด้วยหรือมือถือที่ถ่ายรูปได้ ต่างก็พากันยกขึ้นมาเก็บภาพที่งดงามนี้เป็นที่ระลึก
พระพุทธรูปปางมารวิชัย อีกด้านหนึ่งของปราสาทกลางพระวิหารหลวง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย 3 องค์ พุทธศิลปะงดงาม ทางวัดงดปิดทององค์พระพุทธรูปทั้งหมดที่ประดิษฐานอยู่ด้านนี้ ถัดจากพระพุทธรูปปางมารวิชัยมีทางเดินเข้าไปพิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร มีปูชนียวัตถุสำคัญมากมายเก็บรักษาไว้ในห้องกระจกล้อมด้วยลูกกรงเหล็กดัดอย่างแข็งแรง ผมได้เห็นวัตถุโบราณหลายชิ้นที่นี่แต่เพื่อความเหมาะสมจึงขอไม่นำรูปมาแสดงบนเว็บไซต์เพื่อความปลอดภัยของสิ่งล้ำค่าเหล่านั้น
ปิดท้ายวัดพระธาตุศรีจอมทอง อีกด้านหนึ่งขององค์พระธาตุมีวิหารหลังเล็กๆ ที่สร้างบนลานประทักษินยกสูงกว่าเสนาสนะอื่นในวัด วิหารหลังนี้นับว่าอยู่ด้านหน้าสุดของวัดใกล้กับกำแพง แต่ทางวัดไม่ได้เปิดให้เข้าไปไหว้พระด้านใน จึงได้แต่เก็บภาพภายนอกมาให้ชมกันเท่านั้น พระธาตุศรีจอมทองเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีชวด ตามความเชื่อของชาวล้านนา ถึงไม่ได้เกิดปีชวดก็นับเป็นสิริมงคลอันสูงสุดสำหรับผมที่ได้มาสักการะองค์พระธาตุเป็นสถานที่แรกสำหรับทริปนี้ ว่างๆ แวะมาไหว้พระทำบุญกันนะครับ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ