ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. ขอนแก่น โทร 0 4322 7714-5
http://www.tourismthailand.org/khonkaen
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
อุทยานแห่งชาติน้ำพอง ภาพบนซ้าย-ที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำพองอยู่ห่างจากอำเภออุบลรัตน์ประมาณ 18 กิโลเมตรตามเส้นทางเลียบทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ส่วนอีกด้านหนึ่งของถนนเลียบแนวเขาลักษณะของพื้นที่คล้ายกันกับอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติน้ำพองจะอยู่ห่างจากที่ทำการไปอีกหลายกิโลเมตร แต่ก่อนอื่นแนะนำให้แวะไปหาข้อมูลท่องเที่ยวก่อน ภาพบนขวา-แนวเขาอุทยานแห่งชาติน้ำพอง ที่เห็นอยู่ข้างหน้าเป็นแนวเขาที่ไม่สูงมากนัก สถานที่ท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติน้ำพองแห่งนี้จะอยู่บนแนวเขานี้ซึ่งเพิ่งจะตัดถนนลาดยางขึ้นเขาระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร เพื่อเพิ่มความสะดวกให้นักท่องเที่ยว (ปกติเดินเท้า 2 ชั่วโมงครับ) เมื่อมีถนนเราก็ขับรถขึ้นไปละกัน พื้นที่บริเวณนี้อยู่ในหมู่บ้านหนองหญ้าแดง ภาพล่างซ้าย-ทางแยกบ้านดงเย็น ขับเข้ามาตามถนนผ่านหมู่บ้านและชุมชนหลายแห่งจนมาถึงหมู่บ้านดงเย็นที่เพิ่งจะมีการสร้างถนนเข้าไปในระยะสั้นๆ สำหรับเครื่องมือนำทาง GPS ที่ผมใช้จะสุดเส้นทางอยู่ตรงทางแยกนี้พอดี แต่ความจริงมีทางที่เพิ่งตัดใหม่เป็นโครงการทางลาดยางขึ้นจุดชมวิวหินช้างสี จากจุดนี้ไปประมาณ 7 กิโลเมตร ให้ตรงไปครับ ภาพล่างขวา-จุดเริ่มต้นเส้นทางเดินเท้า เมื่อมาถึงจะมีด่านเก็บค่าธรรมเนียมค่าเข้าชมอุทยานฯ ลานจอดรถ และ ลานกางเต็นท์สำหรับวันธรรมดาแทบไม่มีคนเลย ขับตรงมาจากด่านอีก 100 เมตรก็จะสุดถนนจากตรงนี้ไปต้องเดินเอาซึ่งระยะทางจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดต่างๆ จนถึงจุดที่เรียกว่าน้ำในโพรงหินซึ่งไกลสุดเพียง 500 เมตร (สำหรับทริปนี้ขอไปสุดทางที่น้ำในโพรงหินละกันส่วนทางเดินชมผาสวรรค์ต้องเดินไปอีกไกลประมาณ 2-3 ชั่วโมงครับ)
ทางเดินในอุทยานแห่งชาติน้ำพอง ทางเดินมีการทำเป็นหินตั้งเรียงกันเป็นแนวยาว นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปได้เองโดยไม่ต้องมีการนำทางเพราะเดินง่ายตามเส้นทางนี้ไปเรื่อยๆ ก็ถึง สำหรับทางเดินไปผาสวรรค์ต้องสอบถามเจ้าหน้าที่นำทางครับ
จุดแรกหินช้างสี เดินทางมาเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงซะแล้วตรงนี้มีป้ายบอกว่าเราได้มาถึงหินช้างสีแล้วซึ่งเป็นหินที่อยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ในรูปนี้นี่เอง
หินช้างสี ก้อนที่เห็นชะโงกยื่นออกมาจากฐาน ดูเหมือนภูผาเทิบนี่ละครับหินช้างสี
ซ้อนหินหรือเทินหิน เทินเป็นภาษาอิสานแปลว่าซ้อน ความเชื่อเรื่องการซ้อนหินเพื่อให้การเดินทางมีความสวัสดิภาพ และมีโชคลาภเป็นความเชื่อของคนหลายกลุ่ม เมื่อมาเที่ยวในสถานที่ที่มีหินมากๆ ก็จะเห็นการซ้อนหินหรือเทินหินแบบนี้อยู่ประปราย การเทินหินนี้อยู่ใต้หินช้างสี
ร่องรอยดินโคลนบนหินช้างสี อาจจะมองเห็นได้ไม่ชัดนัก ร่องรอยของดินโคลนสีขาวๆ ติดอยู่บนหินสีแดงซึ่งอยู่สูงกว่าระดับหัวแสดงให้เห็นว่าโคลเหล่านี้ไม่น่าจะมีเหตุผลอื่นที่จะไปติดอยู่บนหินในระดับสูงมากๆ นอกจากโคลนบนตัวช้างป่าที่ไปติดตอนที่ช้างเอาสีข้างมาถูหรือที่เรียกว่าสี คือการเสียดสีตัวช้างกับก้อนหิน เป็นที่มาของชื่อหินช้างสี
หินช้างสี ขนาดของหินที่ใหญ่และมีรูปร่างเว้าเข้าไปคงทำให้พอดีกับตัวช้างทำให้ช้างชอบมาสีหินที่นี่
ศาลาชมวิว ในอุทยานแห่งชาติน้ำพองมีการสร้างศาลาสำหรับนั่งชมวิวไว้เป็นระยะๆ ที่เห็นในทริปนี้มี 2 หลัง แต่ละหลังจะเห็นทิวทัศน์ทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ได้ทั่วบริเวณ
ทะเลสาบเขื่อนอุบลรัตน์ ภาพนี้เป็นทิวทัศน์ที่เห็นบนศาลา
หินรูปร่างแปลก เมื่อแรกก้าวมาถึงที่นี่ นึกว่าที่นี่คือหินรูปหัวกะโหลกซึ่งเป็นจุดชมวิวจุดหนึ่งของอุทยานแห่งชาติน้ำพอง เพราะมองดูแล้วมันเหมือนกะโหลกคนหันข้างมากเลย
วิวบนลานหิน ถัดจากก้อนหินใหญ่ที่ดูเหมือนหัวกะโหลกหันข้างจะมีหินก้อนหนึ่งยื่นออกไปเหมือนหน้าผาหิน ด้านล่างมีป่าแน่นเสียงนกหลายชนิดร้องเสียงดังมาจากข้างล่าง ผาหินก้อนนี้น่ากลัวมากถึงจะมีลานกว้างพอสมควรประมาณ 2 เมตร ยาว 4 เมตร แต่ถ้าตกลงไปก็ไม่มีอะไรรองรับจนถึงพื้นป้าเบื้องล่างแน่ๆ ลานหินนี้มีสีเข้มมีลายสีแดงอมส้มไม่ได้มีการทำทางให้ขึ้นอยากขึ้นต้องปีนเอง เมื่อขึ้นมาบนลานหินนี้แล้วจะเห็นวิวทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์กับผืนป่าเบื้องล่างใต้ผาหินที่เราอยู่ที่มีเสียงนกชนิดต่างๆ ร้องเสียงดังทั่วป่า
หินหัวกะโหลก ตรงจุดที่ยืนอยู่นี้เป็นก้อนหินสองก้อนลักษณะแปลกเป็นที่สุดทั้งสองก้อนนี้เหมือนเป็นก้อนเดียวกันมาก่อนแล้วมาแตกออกตามแนวตรงกลางพอดีในภายหลัง (อันนี้สันนิษฐานเองครับอาจจะมั่วไปหน่อยแต่เหมือนจริงๆ) ในก้อนหินมีโพรงมากมายหลายโพรงเป็นโพรงกลมๆ ทั้งสองก้อนเมื่อเราเดินเข้าไปก็กลัวว่าถ้าหินมันหนีบเข้ามาละก็เราคงกลายเป็นลูกชิ้นกลมๆ หลายๆ ลูกแน่ๆ
โพรงหิน ปรากฎการณ์ตามธรรมชาติไม่ว่ามันจะมีที่มายังไง ผมว่ามันก็แปลกมากอยู่ดี เมื่อเข้าไปตรงกลางตั้งขาตั้งกล้องไว้ด้านหนึ่งถ่ายไปอีกด้านหนึ่งแล้วผมไปยืนเทียบให้เห็นขนาดของโพรงหินจะเห็นว่ามันไม่ได้เล็กเลย และที่แปลกคือมันมี 2 ก้อนเหมือนกันมีร่องให้เดินตรงกลาง
ธรรมชาติผืนป่า ระหว่างทางเดินไปดูน้ำในโพรงหินซึ่งเป็นสถานที่ที่ไกลที่สุดในการเดินศึกษาธรรมชาติทริปนี้ (ตอนนี้เรามาถึงจุดชมวิวหินหัวกะโหลกซึ่งเป็นไฮไลท์ของทางเดินนี้ แล้วครับแต่ขอเดินต่อไปอีกหน่อยค่อยย้อนกลับมา) เห็นต้นไม้ 2 ต้นมันแปลกดีเลยถ่ายรูปมาฝากต้นหนึ่งมีพุ่มไม้ขึ้นเกาะแต่มีใบสีแดง อีกต้นมีใบสีเขียวอยู่เคียงข้างกันอยู่กลางป่า
น้ำในโพรงหิน จุดแปลกของธรรมชาติที่สรรสร้างมาอย่างลงตัวที่หาดูได้ยากในที่อื่นๆ ของอุทยานแห่งชาติน้ำพองก็ต้องเป็นที่นี่แหละครับ ทีแรกเข้าใจว่าน้ำในโพรงหินจะมีปรากฎให้เห็นเฉพาะฤดูฝนเท่านั้น ตอนที่เดินมาก็ถือซะว่ามาให้เห็นกับตาเท่านั้นไม่มีน้ำก็ไม่เป็นไร แล้วที่เห็นเป็นโพรงเล็กๆ อยู่เบื้องหน้าก็คือช่องว่างของหินก้อนใหญ่นี้ซึ่งมีอยู่ 4 ช่อง 4 ทิศ พอดี นี่ก็แปลกแล้วแล้วโพรงหินนี้กว้างพอที่คนจะคลานเข้าไปได้ คนเดียวถ้าเอากระเป๋ากล้องมาแนะนำให้วางไว้ก่อน ส่วนโพรงอื่นๆ จะมีขนาดเล็กกว่าโพรงนี้ทำให้เข้าไปไม่ได้
เมื่อคลานเข้ามาข้างในจะเห็นแอ่งน้ำเล็กๆ (ใหญ่กว่าอ่างอาบน้ำนิดหน่อย) อยู่ในช่องว่างระหว่างหิน ซึ่งหินก้อนนี้ที่มุดเข้ามาก็มีความแปลกตรงที่ไม่มีเนื้อหินอยู่ตรงกลางอย่างที่ควรจะเป็น ลักษณะเหมือนเปลือกหอยฝาบนฝาล่างตรงกลางกลวง น้ำที่อยู่ในแอ่งเป็นน้ำที่ซึมผ่านหินด้านบนลงมา ในฤดูแล้งจึงเป็นแหล่งน้ำยามคับขันของสัตว์ป่าขนาดเล็กได้ ตอนที่คลานเข้ามายังกลัวอยู่ว่าจะเจอสัตว์ป่ากินน้ำอยู่ และที่สำคัญถ้ามีงูคงจะลำบากมากๆ แน่เพราะงูก็ชอบอยู่ที่ชื้น ตั้งขาตั้งกล้องถ่ายรูปนี้เสร็จก็รีบเผ่นออกมาจะดีกว่า
จุดชมวิวหินหัวกะโหลก ไฮไลท์เป็นที่สุดของอุทยานแห่งชาติน้ำพองบนเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 500 เมตรนี้ก็คือหินหัวกะโหลก ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่อยู่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติน้ำพอง มองเห็นทิวทัศน์ 2 ด้าน คือด้านตัวเมืองขอนแก่นและอีกด้านหนึ่งคือทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ ส่วนเหตุผลที่เรียกว่าหินหัวกะโหลกน่าจะมาจากรูปร่างของหินก้อนหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนยอด
ลานกว้างชมวิวหินหัวกะโหลก บนลานหินที่ยืนอยู่นี้เป็นหิน 3 ก้อนใหญ่ๆ อยู่ติดกัน มีคู่หนึ่งมีโพรงประหลาดอยู่ข้างล่างที่ถ่ายรูปมาให้ดูก่อนที่จะไปน้ำในโพรงหิน (ย้อนขึ้นไปดูได้นะ) รอบๆ บริเวณมีการสร้างรั้วเหล็กกั้นไว้กันคนตกลงไป ระหว่างหิน 3 ก้อนนี้มีสะพานเชื่อมถึงกัน เพื่อให้มองวิวได้รอบ
พระอาทิตย์ตกทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ มาถึงก็เห็นพระอาทิตย์กลมๆ แดงๆ ค่อยๆ ตกลับขอบฟ้าหายไปในด้านตรงข้ามของทะเลสาบ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ลงมาจากเขา เวลาประมาณนี้ชาวบ้านที่หากินด้วยการจับปลาพายเรือกลับเข้าฝั่งหมดแล้ว ถ้ามาเร็วกว่านี้คงมีองค์ประกอบภาพที่สวยงามกว่านี้แน่ๆ
แหลมบ้านผือ บ้านผือเป็นหมู่บ้านที่อยู่ระหว่างทางจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำพองที่จะไปจุดชมวิวหินช้างสี ในหมู่บ้านมีแหลมเล็กๆ ยื่นลงไปในน้ำเป็นสถานที่ถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่ผมชอบมาก
วิวสวยริมทาง เป็นภาพต้อนไม้แห้งๆ อยู่กลางทุ่งนา ระหว่างทางขามาผมเล็งไว้แล้วว่าอยากจะมาถ่ายรูปที่นี่แต่ด้วยเส้นทางค่อนข้างเล็กหาที่จอดลำบาก แต่เนื่องจากเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างชุมชนมีรถผ่านไปมาไม่มาก ก็จอดหน่อยเก็บภาพมาฝากกัน ตอนกลางวันชาวนาจะต้อนวัวมาหากินที่นี่แต่ตอนเย็นก็กลับบ้านกันหมดแล้ว ในทุ่งนาก็เห็นเพียงตอฟางข้าวที่รอไถกลบ สำหรับทริปนี้ฝากรูปสวยๆ ไว้เพียงเท่านี้ก่อนไว้มีโอกาสจะกลับมาสำรวจให้ทั่วถึงมากกว่านี้ครับ
""
Akkasid Tom Wisesklin
2017-01-20 20:53:21
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ