ข้อมูลเพิ่มเติม:(ออป.) บ้านวัดจันทร์ โทร. 0 5324 9394
053-249349, 086-181-3388
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ เย้!! ถึงแล้ว ในที่สุดก็มาถึงจนได้ หลังจากการขับรถที่ยาวนานจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ ต.บ้านจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา อำเภอที่เพิ่งเปิดขึ้นมาใหม่ไม่นานและการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเปิดอำเภอใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น จากเหตุการณ์การสำรวจและแพร่ภาพของป่าสนวัดจันทร์ออกมาก็เกิดกระแสท่องเที่ยวมุ่งไปยังสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว เราเองพอเห็นภาพก็รีบวางแผนกันมาอย่างดี เลือกช่วงเวลาที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสี คือช่วงธันวาคมเป็นต้นไปแต่ไม่เกินมกราคม สำหรับคนที่ไม่เคยขับรถเที่ยวทางไกลบอกไว้ก่อนเลยว่าเส้นทางนี้ไม่ธรรมดา จากกรุงเทพฯ 6 โมงเช้ากว่าจะมาถึงนี่ก็ปาเข้าไปเกือบ 2 ทุ่ม เส้นทางเดียวกับขับรถมาเที่ยวปายพอจะเข้าเขตตัวเมืองปายจะมีแยกให้เลี้ยวซ้ายไปกัลยาณิวัฒนา เส้นทางอีกหลายสิบกิโลเมตรที่ต้องข้ามเขาโค้งไปโค้งมาอีกมากกว่าจะมาถึงที่นี่ได้แต่เช็คอินเข้านอนกันเลย แต่บอกไว้ก่อนว่าเราจองเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วไม่งั้นคงแย่แน่
ศาลาพระบรมรูป ร.๕ พอเลี้ยวเข้ามาจากประตูทางเข้าขับตามทางมาเรื่อยๆ เราจะเห็นศาลาหลังนี้ ล้อมรอบด้วยดอกไม้ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ ๕ แล้วก็ขับตามทางเข้าไปอีกหน่อยก็จะถึงสำนักงานโครงการ
สำนักงาน ออป.บ้านวัดจันทร์ บรรยากาศพอเข้ามาแรกๆ เราจะอยู่บนเนินเขาที่เต็มไปด้วยต้นสน สมแล้วที่ใครหลายคนเรียกว่าป่าสนวัดจันทร์ เพราะสภาพเป็นป่าสนจริงๆ อาคารต่างๆ ที่อยู่ในโครงการจะเป็นไม้ทั้งหมดกลมกลืนไปกับธรรมชาติและด้วยการออกแบบตัวอาคารแนวตะวันตกเลยทำให้ ออป.บ้านวัดจันทร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆ คนได้ไม่ยาก เราจองที่พักเอาไว้ล่วงหน้าที่เบอร์ โทร. 0 5324 9394 รายละเอียดของการจองนอกจากบ้านพักแล้วเราต้องระบุด้วยว่าจะเอาอาหารกี่มื้อมื้อไหนบ้าง เพราะทางโครงการจะเตรียมอาหารไว้ให้พอดีกับจำนวนคน ค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารคิดเหมาเป็นหัว พอมาถึงก็เช็คอินเหมือนรีสอร์ทได้กุญแจก็เข้าบ้านพักไป
ปล. ที่เอาภาพมาให้ดูเนี่ยถ่ายกลางวัน แต่ตอนไปถึงจริงๆ มันมืดหมดแล้วนะ
ร้านของที่ระลึก เป็นอาคารเล็กๆ เปิดเป็นร้านขายของฝากของที่ระลึกอยู่ตรงข้ามสำนักงานมีของให้เลือกเยอะเลย ส่วนมากเป็นของที่ทำมือเล็กๆ น่ารักๆ มีเครื่องชงกาแฟให้บริการกาแฟสด ปกติไม่ค่อยมีคนอยู่ร้านอยากได้อะไรก็เรียกเอาที่สำนักงานเพราะอยู่ตรงข้ามกัน
บ้านพัก ป่าสนวัดจันทร์ ในโครงการนี้มีบ้านอยู่หลายหลัง มีหลายขนาดเหมือนกัน ทริปแรกที่มาป่าสนวัตจันทร์เรานอนในบ้านเขาสน เป็นบ้านพักขนาดเล็กสุดทรงภายนอกดูดีเลย ในห้องพักเป็นไม้ฝาขัดแตะแบบเรียบง่าย เรียงรายเป็นแถว บ้านพักโซนนี้จะอยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำที่เป็นไฮไลท์ของป่าสนวัดจันทร์มากที่สุด นอกจากนี้ทริปที่ 2 ก็ไปนอนบ้านวิวน้ำ เป็นบ้านพักใหญ่กว่าบ้านเขาสน ห้องนอนกว้างกว่ามีโต๊ะทำงานด้วย มีกาน้ำร้อนให้ เสียอย่างเดียวที่ชื่อบ้านวิวน้ำกลับมองไม่เห็นวิวอะไรเลย (ถ้าไม่เคยมาคงจะนึกว่าเป็นบ้านที่อยู่ติดอ่างเก็บน้ำ)
บ้านพัก ป่าสนวัดจันทร์ ภาพซ้ายเป็นห้องนอนของบ้านเขาสน ส่วนภาพขวาเป็นห้องในบ้านวิวน้ำ ที่กว้างกว่าดูดีกว่ากันเยอะ แต่ราคาก็ขยับตามกันไป ถ้าจะไปโทรสอบถามรายละเอียดกันอีกทีเพราะราคาในแต่ละช่วงไม่เท่ากัน บ้านวิวน้ำเดินไปคนละทางกับบ้านเขาสนแต่ก็ไม่ไกลกันมากมีทางเดินเชื่อมถึงกันได้แต่มีบันไดเยอะหน่อย
บ้านพัก ป่าสนวัดจันทร์ ปิดท้ายกันด้วยบ้านพักขนาดใหญ่ สำหรับครอบครัวและกลุ่มเพื่อนๆ มาพักผ่อน บ้านพักทั้ง 4 หลังนี้อยู่ใกล้ๆ กับต้นเมเปิล แต่ถ้าวัดระยะทางเดินไปอ่างเก็บน้ำถือว่าไกลสุดแต่ก็ไม่ต่างกันมาก บ้านโซนนี้อยู่ใกล้ทางออกจะเดินไปโรงอาหารขึ้นบันไดเยอะหน่อย สรุปเลือกหลังที่เหมาะกับตัวเองทั้งจำนวนคนและราคาก็แล้วกัน
แผนที่ ออป.บ้านวัดจันทร์ แนะนำกันมาพอสมควรแล้วสำหรับเรื่องบ้านพัก ตอนนี้ได้เวลาออกสำรวจจุดต่างๆ ในโครงการกันแล้ว ต้องเริ่มจากการดูแผนที่ ขนาดแผนที่ที่นี่ยังแกะสลักจากไม้ แสดงให้เห็นว่าที่นี่ใช้ไม้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องมีการปลูกทดแทนก่อนจะตัดทุกครั้งเป็นธรรมเนียมที่ชาวบ้านชาวปกากญอตกลงกันขึ้นมาเองและได้รับการสนับสนุนจากโครงการหลวงในเวลาต่อมา ด้วยพระอัจฉริยภาพที่ทรงเห็นถึงความเป็นอยู่ของเหล่าพสกนิกรชาวไทยทุกชนเผ่าเมื่อชาวเขารักษาป่าชาวเมืองก็ได้ประโยชน์จากน้ำท่าอันอุดมสมบูรณ์นั่นเอง ตอนนี้ป่าสนวัดจันทร์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ สวนป่าหลวงบ้านวัดจันทร์ โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ มีพื้นที่ป่าสนไม่เพียงแต่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เลยทีเดียว
จุดสำคัญๆ ในโครงการก็มีสำนักงานที่เราเข้ามาถึงแล้วต้องไปติดต่อตอนแรก โรงอาหาร บ้านพักเขาสน บ้านพักวิวน้ำ ศาลาชมวิว ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลกันมากดูในแผนที่ ส่วนอ่างเก็บน้ำแยกออกไป ฉางข้าวก็ไปอีกด้านหนึ่ง ดูรูปไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าทั้งอ่างเก็บน้ำทั้งฉางข้าวเป็นภาพวิวที่สวยมากของที่นี่
ออป.บ้านวัดจันทร์ตอนกลางคืน สิ่งสำคัญที่เกือบทุกคนรู้กันดีเวลามาเที่ยวที่นี่คือความสวยงามจะเกิดขึ้นในตอนเช้า ยามที่แดดส่องลงมาทำให้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นจะมีหมอกลอยขึ้นมาจากอ่างเก็บน้ำเป็นภาพที่สวยที่หลายๆ คนอยากจะเห็น สำหรับช่วงกลางวันที่นี่มีเส้นทางให้เดินชมป่าสนขนาดใหญ่หรือจะตกปลาก็ว่ากันไป แต่โดยทั่วไปแล้วคนจะชอบบรรยากาศตอนเช้ามากกว่า ส่วนกลางวันถ้าไม่รู้จะไปไหนเรามีเรื่องเด็ดรวมที่เที่ยวอำเภอกัลยาณิวัฒนามาฝากให้ลองไปอ่านดู พอเที่ยวไปรอบๆ พื้นที่ก็ได้เวลาเข้านอนบรรยากาศใน ออป.บ้านวัดจันทร์จะเงียบมาก ส่วนมากจะมืดเพราะมีป่าสนปกคลุมอยู่ ถ้าไม่กลัวความมืดก็ออกมาเดินดูดาวกันได้ ที่นี่จะเห็นดาวได้ชัดมาก
สำนักงานจะเปิดไฟสว่างแบบนี้อยู่ตลอด มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้ความอุ่นใจ
รุ่งสาง เวลาตี 5 คนที่อยากจะเห็นหมอกสวยๆ จะเริ่มทยอยตื่นออกมาจากบ้านพักเดินลงมาจากเนินเขามุ่งหน้าไปอ่างเก็บน้ำ ช่วงที่ฟ้ายังไม่สว่างเราจะมองแทบไม่เห็นหมอกเหมือนกับว่าวันนี้จะไม่มีหมอกเลยด้วยซ้ำเลยเดินถ่ายรูปแสงไฟกับป่าสนเล่นกันไปก่อน
พอแดดอ่อนๆ เริ่มส่องลงมาถึงพื้นโลก อุณหภูมิจะเริ่มเปลี่ยนไป อากาศวันนี้ 7 องศา หมอกลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณแต่ฟุ้งมากซะจนมองแทบไม่เห็นอะไรเลย เห็นแต่เงาลางๆ ของต้นสนบนเนินฝั่งตรงข้ามของสันเขื่อน ด้านนั้นเป็นด้านตะวันออก แต่ด้วยความสูงของเนินเขาและต้นสนเราจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ เพราะพระอาทิตย์โผล่พ้นยอดไม้แดดก็จะแรงทันทีเลย หมอกที่ฟุ้งขาวไปหมดเริ่มสร้างความผิดหวังให้พวกเราเหมือนกันเพราะอยากจะเห็นหมอกที่ลอยอีกแบบหนึ่งมากกว่าหมอกขาวแบบนี้
ปั่นจักรยานเที่ยวป่าสน ที่โครงการมีจักรยานให้เช่าชั่วโมงละ 100 สำหรับปั่นเที่ยวมาอ่างเก็บน้ำและปั่นรอบโครงการ หรือจะปั่นเข้าหมู่บ้านวัดจันทร์ก็ได้ ระยะ 1.5 กิโลเมตรนี่ถือว่าเบามากไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว นอกเหนือจากจะเอามาปั่นเที่ยว จักรยานยังสามารถมาเป็นพรอพประกอบภาพให้สวยขึ้นได้ด้วย
ชาวบ้านเดินเก็บขยะ ทุกๆ วันในช่วงไฮซีซัน นักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสอากาศหนาวที่ป่าสนวัดจันทร์จำนวนมากจนบ้านพักเต็ม บางส่วนก็เลือกที่จะมากางเต็นท์ที่อ่างเก็บน้ำ เมื่อนักท่องเที่ยวชาวเมืองศิวิไลซ์เดินทางจากไป ก็เหลือไว้แต่ขยะเกลื่อนรอบอ่างเก็บน้ำ ชาวบ้านชาวเขาปกากญอออกมาเดินเก็บขยะไปทิ้งให้ถูกที่ เพราะป่าสนเป็นเสมือนชีวิตของชาวเขาที่ช่วยกันดูแลมาหลายชั่วอายุคน มีต้นสนจึงมีไม้ไว้สร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ดูภาพนี้แล้วอยากให้คนเมืองที่จะไปเที่ยวได้คิดสักหน่อยอย่าเอาภาระไปปล่อยไว้บ้านคนอื่นด้วยความมักง่าย ถือไปได้แต่ถือกลับไม่ได้ปลูกฝังเป็นนิสัยที่ไม่ดีต่อให้ลูกหลานเลย
น้ำค้างบนยอดหญ้า วันนี้ท่าทางฝนฟ้าอากาศจะไม่ค่อยเป็นใจ แดดไม่ยอมส่องลงมาถึงพื้นสักที เพราะถ้ามีแดดหมอกที่ฟุ้งกระจายอยู่จนขาวโพลนจะได้ถูกกดให้ลอยลงต่ำเราจะได้เห็นหมอกที่ล่องลอยเหนือผิวน้ำอันเป็นภาพที่เราทุกคนรอคอย ในระหว่างที่รอก็ได้แต่เดินหาอะไรถ่ายไปเรื่อยๆ มาเจอเอาหยดน้ำที่เกาะอยู่บนยอดหญ้าก็เลยเก็บภาพมาด้วย หญ้าเจ้าชู้ที่เราไม่ค่อยพอใจเวลามันติดขากางเกงนี่พอมาเจอตอนน้ำค้างเกาะมันก็ดูสวยดีนะ
เวลาที่พวกเรารอคอยดูเหมือนใกล้จะมาถึงแล้ว เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เราก็เริ่มหิวข้าว 8 โมงกว่าแสงอาทิตย์ที่แรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หมอกเริ่มจางหายไปบางส่วน ยังคงเหลืออยู่บนผิวน้ำและป่าสน ภาพของป่าสนบนเขาก็เริ่มชัดขึ้นทีละนิดๆ คุ้มค่ากับที่เรารอคอยท่ามกลางความหนาว 7 องศา ช่วงที่หมอกลอยขาวฟุ้งไปทั่วเพื่อนกลุ่มใหญ่เดินกลับไปกินข้าวที่โรงอาหาร เหลือเราอยู่ 4 คนเท่านั้นที่ได้ภาพความสวยงามในช่วงเวลานี้ ยิ่งทำให้รู้สึกภาคภูมิและประทับใจขึ้นไปอีก อยากจะโทรไปบอกให้เพื่อนมาแต่อนิจจา สัญญาณโทรศัพท์ที่นี่มีน้อยเหลือเกิน เท่าที่เห็นจะมีทรูแต่ไม่กี่ขีด ส่วน 3G มีมาเป็นระลอกพอได้โพสภาพ ระบบอื่นท่าทางจะแย่
ออป.บ้านวัดจันทร์ ที่หมอกได้จางหายไปเพราะแสงแดดที่แรงกล้ามากพอที่จะไล่เอาหมอกออกไปหมด ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วมากประมาณสิบกว่านาทีเท่านั้นที่เราจะได้รู้สึกเหมือนยืนอยู่ในความฝันที่สวยงาม พอหมอกจางหายไปหมดอ่างเก็บน้ำและป่าสนรอบๆ ก็ปรากฏชัดขึ้นมาเลย ถ้ามาในหน้าฝน โอกาสจะได้เห็นหมอกแบบนี้จะมีน้อยมากเพราะในหน้าฝนอากาศไม่เย็นเหมือนอย่างที่คิด แต่ข้อดีของการมาหน้าฝนก็มีอยู่ ตรงที่ไม่ค่อยมีใครมาเที่ยว เวลาจองห้องพักก็สบาย เดินทางไปไหนก็สะดวกได้เห็นท้องทุ่งนาขั้นบันไดบ้านวัดจันทร์ยามเขียวขจีดีด้วย
ใบไม้เปลี่ยนสี ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติของต้นไม้หลายชนิดที่จะผลัดใบในฤดูแล้ง โดยเฉพาะต้นเมเปิลก่อนที่จะทิ้งใบทั้งหมดลงมามันจะเปลี่ยนเป็นสีแดง จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติในช่วงระหว่าง ธันวาคม-มกราคม โดยประมาณ แต่อย่ายึดติดตายตัวเพราะธรรมชาติก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ถ้าเกิดว่าเรามาได้ตรงช่วงนั้นพอดี ก็เป็นเรื่องโชคดีสุดๆ ของเราแล้ว บ้านไม้ที่เห็นตั้งอยู่กลางภาพคือฉางข้าว เป็นองค์ประกอบของภาพและฉากสวยๆ ให้เราได้เวลาที่เราจะถ่ายเซลฟี ^-^ ฉางข้าวอยู่ใกล้ๆ โซนบ้านพักจากสันเขื่อนมองลงไปเห็นหลังไม่ใหญ่แต่ถ้ามีเลนส์ซูมเข้าไปก็จะได้ภาพสวยๆ แบบนี้ละ
น้ำค้างบนยอดหญ้า เมื่อสมควรแก่เวลา หมอกจางหาย แดดเริ่มร้อนแรง (แต่ความจริงก็ยังได้ 10 กว่าองศาอยู่นะ) เราจะลงจากสันเขื่อนออป.บ้านวัดจันทร์ไปกินข้าวเช้ากันเพราะความหิวมันเริ่มจะมีมากขึ้นแล้ว เลยขอเก็บภาพน้ำค้างหยดใหญ่ๆ มาอีกสักหยดดูแล้วสดชื่นดี
สายแล้ว แดดเริ่มแรง คงต้องได้เวลากินข้าวอาบน้ำเช็คเอาท์ออกไปเที่ยวที่อื่นกันต่อ วันนี้ได้ความฟินความชิลมาเต็มพิกัด สำหรับการเติมพลังในวันหยุดก่อนที่จะกลับไปทำงานกันต่อไป บอกเลยว่าการเดินทางเที่ยวนี้คุ้มสุดคุ้มจริงๆ หลงรักประเทศไทยขึ้นมาซะแล้ว
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ