บ้านแม่กลางหลวง

 บ้านแม่กลางหลวง เป็นหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่รอบๆ เชิงดอยอินทนนท์ ชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นชาวปกากญอ หรืออาจจะเขียนว่า ปกาเกอะญอ หรือ คานญอ เป็นชาวพื้นถิ่นในพม่า อพยพเข้ามาอยู่เมืองไทยเมื่อประมาณ ช่วง 2330 คาดว่าจะเป็นด้วยเหตุผลเกี่ยวกับโรคระบาด และภัยพิบัติต่างๆ เมื่ออพยพเข้ามาในเมืองไทยแล้วก็มีการขยายพื้นที่ของหมู่บ้านออกไปเพื่อหาพื้นที่ทำการเกษตร ได้แก่หมู่บ้านแม่กลางหลวง บ้านผาหมอน บ้านหนองหล่ม บ้านอ่างกาน้อย แต่ละหมู่บ้านอยู่อาศัยใกล้แหล่งน้ำ ลุ่มแม่น้ำแม่กลาง หมู่บ้านละไม่ถึง 100 ครัวเรือน วิถีชีวิตเรียบง่ายสมถะการเพาะปลูกเน้นการปลูกข้าว โดยเฉพาะพันธุ์ข้าวที่เรียกว่า ข้าวญี่ปุ่น จึงทำให้เกิดเป็นนาขั้นบันไดจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากสภาพภูมิประเทศ การอพยพดังกล่าวถือว่าเข้ามาอยู่อาศัยก่อนการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ชาวบ้านจึงได้อยู่อาศัยสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ในช่วงระยะหลังได้มีการพัฒนาพื้นที่หมู่บ้านแม่กลางหลวงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้การเกษตร ในบ้านแม่กลางหลวงจึงมีบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวแต่ก็มีเพียงจำนวนจำกัด แต่นักท่องเที่ยวก็เดินทางมากันอย่างต่อเนื่อง และด้วยเหตุที่ว่าหมู่บ้านนี้อยู่ริมถนนจอมทอง - ดอยอินทนนท์ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ จึงสามารถแวะมาเที่ยวได้โดยไม่ต้องค้างคืนที่นี่ โดยต้องซื้อบัตรเข้าอุทยานแห่งชาติก่อนที่ด่านแรก บ้านแม่กลางหลวงอยู่ก่อนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ประมาณ 5 กิโลเมตร ชาวบ้านที่นี่นับถือศาสนาพุทธ มีวัดป่าเล็กๆ อยู่บนยอดเขาชื่อวัดปกากอญาราม (โดยสมเด็จพระญาณวโรดม) ทางขึ้นวัดเป็นทางดินทำให้เห็นความเลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านที่ขึ้นไปทำบุญตามทางดินลาดชัน มีเพียงรถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นที่ขึ้นไปได้

ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.เชียงใหม่ 0 5324 8604, 0 5324 8607, 0 5324 8605
http://www.tourismthailand.org/chiangmai

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

กาดปกากญอ เที่ยวบ้านอ่างกาหลวงทริปนี้เอารูปที่ตลาดของฝากริมทางขึ้นดอยอินทนนท์มาเป็นภาพเปิด เพราะเราเที่ยวบนยอดดอยกันก่อนแล้วจึงค่อยกลับลงมาแวะที่บ้านแม่กลางหลวง ซึ่งอยู่ริมทางซ้ายมือขาขึ้นดอย หลายๆ คนที่มาเที่ยวที่นี่ก็จะเลือกแวะที่หมู่บ้านก่อนก็ได้เหมือนกัน แล้วแต่ความพอใจและเหมาะสมของทริป ตลาดที่เราเห็นขายผลผลิตทางการเกษตรที่ปลูกกันบริเวณนี้นี่เอง ชาวบ้านที่มาขายของก็เป็นชาวเขาปกากญอ ผู้มีอัธยาศัยดี โดยเฉพาะกับเด็กๆ ชาวเขาที่มีลูกหลานตัวเล็กๆ จะเอาเด็กผูกติดหลังมานั่งขายของ เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่ดึงดูดความสนใจของคนมาเที่ยวอย่างเราๆ อย่างมาก

นาขั้นบันได เป็นภาพที่ใครหลายๆ คนตั้งใจมาชม หลังจากซื้อของที่กาด เราก็ลงเขามาตามเส้นทางเรื่อยๆ ก่อนถึงหมู่บ้านแม่กลางหลวงจะมีป้ายบอกทาง ให้เราเตรียมตัวเลี้ยวขวา ทางลงหมู่บานชันนิดหน่อยแต่ก็สั้นนิดเดียว ลงเนินมาได้แล้วเราก็มาอยู่ท่ามกลางนาแปลงใหญ่ ทุกวันนี้รอบๆ หมู่บ้านถูกเปลี่ยนไปเป็นแบบที่ทันสมัยมากขึ้น มีร้านค้าตู้แช่เครื่องดื่มบริการนักท่องเที่ยว แล้วก็มีที่พักให้ด้วย

ท้องนาขั้นบันไดของไทยมีอยู่หลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคเหนือ แต่ละที่ก็จะมีความสวยงามต่างกันไป หมู่บ้านแม่กลางหลวงอยู่ติดถนนขึ้นดอยอินทนนท์ จึงนับได้ว่าเป็นแหล่งชมนาขั้นบันไดที่แรกๆ ของคนที่ชอบเที่ยวแนวนี้ ก่อนที่จะไปในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก อย่างเช่นบ้านป่าปงเปียง บ้านผาหมอน ฯลฯ ทุกวันนี้มีคนมาเที่ยวบ้านแม่กลางหลวงมากขึ้น จึงได้มีการปรับพื้นที่ส่วนหนึ่งให้เป็นลานจอดรถ เพราะถนนในหมู่บ้านแคบเกินกว่าที่จะให้รถทุกคันวิ่งไปวิ่งมาได้สะดวก หลังจากจอดรถที่ลานจอดรถเราก็ลงเดินชมทั่วๆ บริเวณ ที่เห็นอยู่นี้เป็นผืนนาด้านขวามือ มีถนนแบ่งกลาง ผืนนาด้านซ้ายกว้างใหญ่กว่ามาก แล้วถ้าขับไปตามถนนดินในหมู่บ้านก็จะมีท้องนาที่กว้างใหญ่ที่สุดมองเห็นยอดดอยอินทนนท์ด้วย

ที่เราเห็นกระท่อมหลังใหญ่ติดถนนเป็นร้านค้าเล็กๆ ชื่อร้านคาใจ เดี๋ยวเราจะไปตรงนั้นกันเพื่อเปลี่ยนมุมถ่ายรูป

กาแฟสดแม่กลางหลวง เดินมาถึงกระท่อมร้านคาใจ ด้านซ้ายมีร้านอาหารเล็กๆ เปิดไว้บริการนักท่องเที่ยวที่มาพักที่นี่ ชื่อบ้านพักแม่กลางหลวงวิว เห็นป้ายเล็กๆ เขียนว่ากาแฟสดแม่กลางหลวง อ้าวมาที่นี่ไม่ลองดื่มกาแฟที่นี่เห็นจะคาใจไปอีกนานเลยสั่งมาชิม 1 แก้ว 20 บาท สำหรับคนที่อยากจะพักที่นี่ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ 086-1894075 มีลานกางเต็นท์และรถนำเที่ยวดอยอินทนนท์ด้วยนะ

ร้านคาใจ ร้านค้าเล็กๆ ที่สร้างแบบกระท่อมง่ายๆ กลมกลืนกับท้องนา ไมซื้อไม่หาไม่ว่ากัน เข้าไปถ่ายรูปกันเล่นๆ ได้ด้วย ลองไปดูหน่อยว่าวิวเป็นยังไงบ้าง

นาขั้นบันไดแม่กลางหลวง ร้านคาใจเป็นกระท่อมหลังเล็กๆ ส่วนหนึ่งเป็นพื้นโล่งๆ ให้เรานั่งชมวิวรอบๆ มีระเบียงยื่นต่อออกไป ตกแต่งร้านด้วยของพื้นบ้านแลดูกลมกลืนกับธรรมชาติอย่างมาก เข้ามาในร้านแล้วก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ มุมนั้นทีมุมนี้ที สวยไปหมดเลยครับ ช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวน่าจะเป็นตุลาคมถึง พฤศจิกายน เดือนตุลาคม ฝนยังไม่หมด คนมาน้อย ส่วนพฤศจิกายน หมดฝนคนเยอะ อากาศหนาว ก็เลือกเอาตามความชอบ ช่วงเวลา 2 เดือนนี้ ที่พักมักจะเต็มก็ต้องจองกันหน่อย สีของต้นข้าวก็ต่างกันก็เลือกเอาครับ ภาพที่เราไปถ่ายก็มีทั้ง 2 เดือนผสมๆ กันให้ชม

ชายคาร้านคาใจ

มุมระเบียง ซากไม้ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเพราะมีรูปร่างเหมือนกับเขาควายเลย เอามาติดไว้ที่มุมของระเบียงหน้าร้าน ลูกค้าหลายคนก็จะมาติดอยู่กับมุมนี้กันนานหน่อยเพื่อถ่ายรูป

นาขั้นบันไดฝั่งซ้าย ชมวิวฝั่งขวาของถนนกันมาเยอะแล้ว ย้ายมาเก็บภาพด้านซ้ายมั่ง เป็นวิวมหาชน ใครมาก็เก็บภาพมุมนี้ไป ถ้าพักที่แม่กลางหลวงวิวบ้านพักก็จะหันหน้าเข้าไปทางนี้พอดีเลย นี่เป็นทิศตะวันออกซะด้วย ตอนเช้าในบางวันพระอาทิตย์ขึ้นงามจับใจเลยทีเดียว

เข้าหมู่บ้าน เอาละเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้านตั้งนานแล้ว มัวแต่ชมความสวยงามของท้องนา ทีนี้ลองเข้าไปดูในหมู่บ้านกันหน่อยมั้ย เผื่อจะมีอะไรๆ น่าสนใจมากขึ้นขับรถมาตามถนนถึงตรงนี้จะเป็นถนนดินแล้วครับ มีแยกหนึ่งไปทางซ้ายมือก่อนถึงป้ายนี้ ทางนั้นไปวัดปกาญอาราม รถทั่วไปขึ้นไม่ได้ควรเป็น 4 WD แต่ทางเข้าหมู่บ้านรถเก๋งพอไปได้อยู่ครับ

กาแฟโบราณแม่กลางหลวง เข้ามาในหมู่บ้านแล้วมีสถานที่แห่งหนึ่งที่แนะนำว่าให้ไป โดยเฉพาะคอกาแฟ ที่นี่เป็นโรงต้มกาแฟโบราณ ให้ชิมกันฟรีๆ สนใจซื้อเม็ดกาแฟกลับบ้านราคาไม่แพง ก็เลยมีคนแวะเวียนมาชิม มาอุดหนุนกันเยอะ บ้านหลังนี้อยู่ตรงทางขึ้นเนินพอดี สังเกตุไม่ยากมีป้ายเล็กๆ เขียนบอกว่ากาแฟสมศักดิ์ เชิญชิมฟรีด้วย

บดเม็ดกาแฟ คอกาแฟที่ชื่นชอบความหอมของกลิ่นกาแฟย่อมรู้ดีว่ากาแฟที่บดเม็ดมาสดๆ แล้วมาชงดื่ม จะได้กลิ่นและรสอันเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟมากที่สุด ที่นี่มีเครื่องบดเม็ดกาแฟแบบมือหมุนตั้งไว้ให้จะหมุนเองหรือรอชิมที่เจ้าของบ้านบดมาชงให้ก็ได้ เครื่องบดแบบโบราณทำงานง่ายหมุนๆๆ แล้วเม็ดกาแฟก็จะถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ โรยลงมากองสูงขึ้นๆ แล้วก็เอาไปชงแบบโบราณ พร้อมเสิร์ฟ

กาแฟสดแม่กลางหลวง

บ้านพักเชิงดอย หลังจากชิมกาแฟไปแล้ว ก็เดินไปดูตามทางแยกมาเจอบ้านหลังนี้หน้าบ้านมีป้ายเขียนว่า Information Service โอ้โหเฮะ โกอินเตอร์ซะด้วย เดี๋ยวไปดูสิว่าคืออะไรกัน

เข้ามาในพื้นที่บ้านไม้ที่มีระเบียงกว้างๆ ล้อมด้วยไม้แบบเรียบง่ายแต่สวย สอบถามได้ใจความว่าที่นี่คือล็อบบี้ของบ้านพักเชิงดอย มีบ้านพักให้บริการเป็นบ้านขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการมาเที่ยวเป็นหมู่คณะ ทริปที่เราไปกันก็มีจำนวนคนในกลุ่ม 14 คน จองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ช่วงหน้าฝนเรียกกันว่าหน้าโลว์ คนมาเที่ยวน้อยราคาหลังละ 2000 ส่วนหน้าหนาวเป็นหน้าไฮ ก็ราคา 4000 จุดเด่นของบ้านพักก็คือวิวอันสวยงามยากจะหาที่ไหนมาเทียบได้อย่างในภาพนี้เป็นต้น

วิวสวยจากหน้าต่าง เข้ามาในล็อบบี้ มีหน้าต่างเล็กๆ คู่หนึ่ง หันไปทางดอยอินทนนท์ เบื้องล่างเป็นทุ่งนาเขียวขจี โหยย อะไรจะสวยขนาดน้าน มีอัลบัมรูปนาขั้นบันไดรอบๆ บ้านแม่กลางหลวงให้ดูด้วย วิวมุมนี้ตอนข้าวเหลืองยิ่งสวยงามกว่าตอนสีเขียวนี้อีก มีกลุ่มช่างภาพน้อยใหญ่จองกันเต็มตลอดเดือนเพื่อเก็บภาพมุมนี้กัน

ทอผ้าขนแกะ อีกสิ่งหนึ่งนอกเหนือจากการทำนาและการเกษตร แม่บ้านชาวบ้านแม่กลางหลวงจะมีเครื่องมือในการสาวด้ายขนแกะ และทอเป็นผ้า ผ้าแต่ละผืนยาวมาก ประมาณ 1 เมตร ครึ่ง กว้าง ครึ่งเมตร ใช้เวลาทอนานโข ขายราคาผืนละ 1200 บาท คนก็สงสัยว่าผ้าผืนสี่เหลี่ยมนี้จะเอาไปทำอะไรกัน ได้คำตอบว่าเป็นผ้าคลุมไหล่ ถ้าสนใจก็ลองเข้าไปต่อรองราคากันดูครับ

ยามเย็นบ้านแม่กลางหลวง เฮ้อ วันพักผ่อนของเราช่างผ่านไปเร็วจริงๆ เก็บภาพได้ไม่เท่าไหร่ ก็เย็นซะแล้ว มารอชมพระอาทิตย์ตก ก็ไม่เห็นซะงั้น คงต้องมาแก้มือกันใหม่ตอนหน้าหนาว ตอนนี้เอาหมอกไปก่อน

รุ่งสาง บ้านพักเชิงดอยที่เราพัก เป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนมี 2 ห้องนอน แต่ละห้องใหญ่มาก ห้องเล็กกว่าให้ผู้หญิงนอนเพราะไปน้อยกว่าผู้ชาย ส่วนห้องผู้ชายนอนได้มากถึง 8 คน มีมุ้งไว้ให้ ที่นอนผ้าห่ม ครบ แต่เราไม่กางมุ้ง เพราะยุงแทบไม่มี บางคนก็แค่เอายากันยุงทาแล้วก็นอนได้อย่างสบายใจ ตื่นแต่เช้าเปิดหน้าต่างชมวิว แต่หน้าต่างบ้านเราหันไปทางทิศเหนือ ถ้าอยากชมพระอาทิตย์ขึ้นต้องไปที่ทุ่งนา

อุตส่าห์มารอตั้งนานเมฆหมอกไม่สงสารเราเลย พระอาทิตย์ไม่ขึ้นสวยๆ ให้ถ่ายรูปเลย ไปหาข้าวเช้ากินดีกว่า

พานอรามาแม่กลางหลวง การถ่ายภาพพานอรามา ต้องถ่ายแนวตั้งอย่างน้อย 3 ภาพ มาต่อด้วยโปรแกรม ภาพนี้ถือว่าไม่กว้างมาก แต่ใส่เข้ากรอบไม่พอดี เลยไม่มีกรอบ เป็นภาพปิดท้ายการเที่ยวบ้านแม่กลางหลวง แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าจ้า...