จากกรุงไปปรุงใจ สโลว์ไลฟ์ นครชุม

เดินทางไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ วันนี้ขอพักผ่อนแบบสโลว์ไลฟ์สักวันละกันนะแต่จะมีที่ไหนละที่อยู่แบบสงบๆ ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวที่พลุกพล่านและเจริญจนเกินไป พอดีไปเจอเรื่องราวของนครชุมจากเฟสบุ๊คคนรู้จักก็เลยเอาเรื่องนี้มาคุยกับเจ้าหน้าที่ ททท.พอถามประเด็นเรื่องรถโดยสารที่จะมานครชุม ได้คำตอบว่า "...นครชุมไม่มีรถโดยสารเข้าหรอกพี่ อยากมาเที่ยวต้องขับรถมาหรือโบกรถเอา..." เสียงคำตอบจากน้องอาร์มกับน้องตั้ม ททท.พิษณุโลก และมัคคุเทศจิตอาสาประจำบ้านนครชุมตอบคำถามของผมเรื่องรถโดยสาร เสียงของน้องทั้งสองคนที่ตอบมาทำให้ตำบลนครชุมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจสุดๆ สำหรับผมเพราะไม่นึกว่าจะยังมีหมู่บ้านแบบนี้เหลืออยู่ นึกถึงสมัยวัยรุ่นที่จะไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มด้วยการโบกรถไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหมาย การท่องเที่ยวสไตล์นี้ได้เลือนหายไปจากสังคมจนแทบจะไม่เห็นอีกเลยในทุกวันนี้ แต่สำหรับที่นครชุมคนที่ไม่มีรถยังคงโบกรถเข้ามาอยู่เนืองๆ เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตชุมชนโดยแท้ก่อนที่นครชุมจะเปลี่ยนไปเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เจริญเกินไปเหมือนกับเมืองอื่นๆ ที่ถูกกระแสเงินตราเข้ามากลืนกิน

ในร่องเขาที่โอบด้วยแนวเทือกเขาขนาบ 2 ข้างจนเป็นหุบเล็กๆ แต่ยาวจากเหนือไปใต้เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านอยู่รวมกันเป็นตำบลที่รู้ๆ ก็คือ 2 ตำบลที่อยู่ติดกันตำบลหนึ่งที่เราจะเดินทางเข้ามาถึงก่อนคือตำบลนครชุม หมู่บ้านนาเมืองเป็นเหมือนประตูต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือนสถานที่ที่ให้ข้อมูลเราได้ดีที่สุดคือ องค์การบริหารส่วนตำบลนครชุม เป็นที่ที่น้องตั้มทำงานอยู่การจะมาเที่ยวที่นี่ให้ดีควรติดต่อล่วงหน้าสัก 1 วัน เพื่อให้ชาวบ้านได้เตรียมการ ในนี้มีโฮมสเตย์ 12 หลังผลัดกันรับแขกตามลำดับเพื่อความเสมอภาคและกระจายรายได้ในชุมชน โฮมสเตย์ไม่มีผ้าขนหนูให้นักท่องเที่ยวต้องเตรียมมาเองและแน่นอนว่าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น มีห้องเดี่ยวและห้องรวมให้เลือกตามอัธยาศัย มีอาหารของท้องถิ่นไว้ต้อนรับเมนูไม่เหมือนที่เคยกินที่ไหนแน่ๆ

ราคาที่พักนครชุมโฮมสเตย์ขึ้นอยู่กับอาหารที่เราเลือก คือ

เข้าพักตอนเย็น อาหารเย็นพื้นบ้าน อาหารเช้าทั่วไป 350 บาท ต่อคน

เข้าพักตอนเย็น อาหารเย็นพื้นบ้าน อาหารเช้าพื้นบ้าน 390 บาท ต่อคน

ติดต่อได้ที่

คุณพรศิริ (อ๊อด) 095-568-3380

คุณศิตกาล (กุ้ง) 099-904-0462

เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/nakhonchum_homestay

ข้อมูลเพิ่มเติม: คุณพรศิริ (อ๊อด) 095-568-3380
คุณศิตกาล (กุ้ง) 099-904-0462
เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/nakhonchum_homestay

แก้ไขล่าสุด 2018-10-02 00:11:25 ผู้ชม 8034

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

ร่องเขาแห่งนครชุม จุดชมวิวจุดแรกของหมู่บ้านที่เป็นตัวบอกว่าเราเดินทางมาถึงนครชุมแล้ว เส้นทางเข้าหมู่บ้านนี้ต้องข้ามเขาเข้ามาก่อนที่จะลงไปถึงหมู่บ้านที่อยู่ในหุบเขาจากจุดชมวิวนี้เรามองเห็นหมู่บ้านด้านล่างเล็กนิดเดียวแวะถ่ายรูปกันซะนานแล้วเราก็เดินทางต่อ

ปั่นจักรยานชมหมู่บ้าน เดินทางมาถึงอบต.นครชุม เจอไกด์จิตอาสาที่เราติดต่อเอาไว้ น้องตั้มจะเป็นคนพาเราไปเที่ยวจุดต่างๆ ในนครชุม อันดับแรกพาเราเข้าบ้านพัก เก็บข้าวเก็บของทำความรู้จักเจ้าของบ้านกันแล้วก็ได้จักรยานมาคนละคัน การปั่นจักรยานชมหมู่บ้านเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งให้เราได้เที่ยวชิลไปกับหมู่บ้านที่ไม่ใหญ่มากถ้าจะปั่นกันจริงๆ มันไปได้สุดหมู่บ้านได้เหมือนกัน กิจกรรมปั่นจักรยานจะเริ่มกันเวลา 4 โมงครึ่งปั่นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็รอดูพระอาทิตย์ตกที่ร่องเขานครชุม สำหรับคนที่ปั่นไม่ไหวก็หาจุดอื่นๆ นั่งรอเก็บแสงสุดท้ายที่สวยงามของวันได้ตามอัธยาศัย ในหมู่บ้านมีความปลอดภัยไปไหนก็มั่นใจ

ศาลพ่อปู่หลวงกายสิทธิ์ สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พ่อขุนหาญห้าวหรือท้าวแสงเมือง ชาวนครชุมเรียกว่าปู่หลวงกายสิทธิ์เป็นอนุชาพ่อขุนกังหาว ได้มาตั้งหลักปักฐานทำมาหากินบริเวณบ้านนาลานข้าว ได้สถาปนาตนขึ้นเป็นใหญ่ในสมัยนั้นสร้างบ้านแปลงเมืองให้มั่นคงเพื่อความอยู่ดีมีสุขของไพร่พล ต่อมาขุนหาญห้าวไปพบบ่อน้ำในถ้ำโดยบังเอิญเลยลงไปอาบและดื่มกินระหว่างการเดินป่าพอลงไปอาบแล้วร่างกายเกิดเปลี่ยนไปมีผิวพรรณเหลืองอร่ามเหมือนทอง มีความคงกระพันฟันแทงไม่เข้าได้เล่าเรื่องนี้ให้พี่ชายขุนกังหาวฟัง ขุนกังหาวก็ได้ตามหาบ่อน้ำนี้เพื่อหวังจะลงอาบเหมือนน้องแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอก็คิดว่าน้องเล่นไม่ซื่อเกิดความเคลือบแคลงใจจนพยายามสังหารน้อง พอน้องรู้ว่าพี่ชายไม่ไว้ใจตัวเองก็เสียใจมากสละตำแหน่งและคืนอาวุธประจำกายอาศัยอยู่อย่างไพร่พลคนธรรมดาดื่มเหล้าเมามายจนร่างกายซูบผอมลงเสียชีวิตในที่สุด พี่ชายพอรู้เรื่องก็จัดงานศพให้อย่างสมเกียรติสร้างศาลเพียงตาขึ้นมามีเครื่องสังเวยมากมายอัญเชิญดวงวิญญาณน้องชายให้มาสถิตย์ในศาลที่สร้างขึ้น ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธาพากันกราบไหว้บนบานต่างๆ มาตลอดแล้วเรียกว่าศาลพ่อปู่หลวงกายสิทธิ์

เรื่องราวนี้ยังเป็นที่มาของชื่อนครชุมคือ เดิมเมืองนี้มีค่ายอยู่ 4 แห่งรักษาเมืองทั้ง 4 ทิศ ตามลักษณะภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาการตั้งค่ายอยู่บนที่สูงจึงได้เปรียบที่นี่ถูกเรียกว่านครซุ่ม แล้วเพี้ยนมาเป็นนครชุมจนทุกวันนี้

ศาลพ่อปู่หลวงกายสิทธิ์จึงเป็นสถานที่ที่เราจะได้มากราบไหว้ในระหว่างกิจกรรมการปั่นจักรยานชมหมู่บ้าน

บ่อเกลือพันปีบ้านนครชุม เป็นอีกหนึ่งจุดที่เราได้ปั่นจักรยานมาดู บ่อเกลือนี้เป็นบ่อน้ำที่ขุดขึ้นมาลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมน้ำที่ผุดขึ้นมาจากบ่อนี้เป็นน้ำเค็มชาวบ้านตักเอามาต้มให้น้ำระเหยออกไปหมดจะได้เกลือสินเธาว์บ่อน้ำนี้ไม่มีเจ้าของใครอยากมาตักก็ตักได้ต่างก็ต้มเกลือไว้ใช้บ้างขายบ้าง เหมือนที่บ่อเกลือจังหวัดน่านแต่มีอยู่บ่อเดียว

โรงกลั่นเหล้าตรามิตรชาวนา อยู่อีกด้านหนึ่งของหมู่บ้านทางเดียวกันกับทางไปเขาโปกโล้น โรงกลั่นเหล้าตั้งอยู่โดดเดี่ยวปลายนาใกล้เชิงเขา ถ้าจะเข้าไปดูก็ดูได้แต่ที่่นี่ไม่ได้กลั่นเหล้าทุกวันถ้าโชคดีก็จะได้เห็นขั้นตอนการกลั่นเหล้าขาวที่แต่ก่อนเป็นเรื่องผิดกฏหมายต้องแอบต้มกันในป่า

วิถีชีวิตชาวนครชุม หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ไม่หนาแน่นมากมีบ้านเรือนเรียงรายอยู่ตามแนวถนนที่มีอยู่สายเดียวตามแนวยาวของร่องเขาห่างจากบ้านออกไปก็จะเป็นทุ่งนาเกือบทั้งหมดชาวบ้านที่นี่เลี้ยงวัวและควายไว้ขายตกเย็นจะเห็นเจ้าของมาต้อนวัวเข้าคอกส่วนควายส่วนมากจะปล่อยให้นอนตามทุ่งนานอกจากช่วงฤดูทำนา

ไก่หลาม เมนูพื้นบ้านที่มีให้เห็นที่นครชุมเป็นอาหารที่สร้างความแปลกใจและประทับใจให้คนที่มาเยือนโฮมสเตย์ทุกหลังในนครชุมทำเมนุไก่หลามได้หมดวิธีการคือเอาไก่สับน้ำและเครื่องผักใส่เข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ตั้งบนกองไฟต้มจนสุกเป็นเมนูรสอ่อนๆ ใช้เป็นซุปซดได้

ไก่หลาม หลังจากที่เผากระบอกไม้ไผ่จนได้ที่เอามาเทลงในหม้อไก่หลาม 2 กระบอกใส่หม้อใบใหญ่ๆ เกือบจะเต็มถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ หน้าตาหลังจากตักใส่ชามก็อย่างที่เห็นในรูป

อาหารของนครชุมโฮมสเตย์ เป็นเมนูง่ายๆ เน้นการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ จานที่เหมือนไข่เจียวนี่เรียกว่าไข่ป่าม หรือ ไข่ป๊ามในบางพื้นที่เรียกเสียงต่างกันนิดหน่อยเป็นวิธีการทำไข่เจียวด้วยใบตอง ไม่ใส่น้ำมันหรือใส่นิดหน่อยเหมือนกับเอาน้ำมันทาใบตองเทไข่ลงไปบนใบตองแล้ววางบนเตาไฟอ่อนๆ เหมือนปิ้ง เมนูโดนใจของเราอีกอย่างคือน้ำพริกป่นเป็นน้ำพริกรสแซ่บจัดจ้านกินกับอาหารเมนูอื่นที่รสอ่อนๆ แล้ว

อีกเมนูแนะนำที่ต้องห้ามพลาดคือไก่เขย่า เป็นอีกเมนูที่ใช้ไก่ทำคล้ายๆ แกงแห้งรสเผ็ดนิดๆ อันนี้อร่อยจริง

เค้กโบราณก้อนละบาท เป็นขนมที่เคยกินตอนเด็กๆ สมัยนั้นราคาบาทเดียว เลยเรียกว่าเค้กก้อนละบาทมาจนโต ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้เห็นแต่ที่นครชุมนี่ยังมีขายอยู่เลย

นครชุมโฮมสเตย์ มีห้องพักให้เลือกหลายแบบในจำนวน 12 หลังก็แตกต่างกันไปหลังที่เราเข้าอยู่นี่สร้างใหม่ไม่นานมาก บ้านสะอาดห้องพักดีมีทั้งแบบนอนรวมนอนเดี่ยวมีมุ้งแยกให้เลือกตามอัธยาศัย เหมาะสำหรับการมาเที่ยวเป็นกลุ่มแบบสุดๆ

กิจกรรมหลังอาหารเย็นของเราคือการนั่งชมดาว หมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกลจากความศิวิไลซ์ตกเย็นก็มีเพียงความมืดที่ปกคลุมท้องนา ไฟในบ้านแต่ละหลังเปิดกันไม่มากแล้วก็จะดับลงอย่างรวดเร็ว 4 ทุ่มนี่เรียกว่าเหมือนเมืองร้างแล้วเพราะเงียบสงบเราเลยมองเห็นดาวได้เยอะกว่าเวลาที่ไปเที่ยวที่อื่น ถ่ายดาวกันอย่างสนุกเอาไฟฉายมาเขียนตัวหนังสือเล่นจบวันนี้ของเราด้วยการอาบน้ำนอน

เขาโปกโล้น เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ควรทำเมื่อมาเที่ยวที่นี่ หรือจะว่าไปการที่เรามานอนที่นี่เพราะอยากขึ้นเขาโปกโล้นก็ว่าได้ ตี 4 เราจะออกเดินทางจากโฮมสเตย์ด้วยรถอีแต๊กแล้วเดินอีกไม่ถึงชั่วโมงเราก็ถึงยอดเขาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นบางวันก็มีทะเลหมอกเป็นของแถมถ้าอยากรู้เรื่องเขาโปกโล้นต้องเข้าไปอ่านบทความเขาโปกโล้นที่เราเขียนไว้อีกหน้าหนึ่งคลิกลิงค์นี้เลย เขาโปกโล้น

การทำไม้กวาดดอกหญ้า เป็นกิจกรรมวันที่สองหลังจากลงมาจากเขาโปกโล้นกินข้าวเช้าอาบน้ำอาบท่าในหมู่บ้านใกล้ๆ กับที่เราพักมีการทำไม้กวาดกับการทอผ้าทอมือเค้าทำเป็นอาชีพเอาไว้ขายจริงๆ แล้วก็ทำทุกวันมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่สถานการณ์ ถ้ามีเวลามากหรือไม่เดินขึ้นเขาโปกโล้นจะปั่นจักรยานมาดูการทำไม้กวาดก็ได้เหมือนกัน ทั้งหมดนี้ด้วยการนำทางจากน้องตั้มผู้รับหน้าที่มัคคุเทศจิตอาสาประจำทริป แล้วเวลาในวันหยุดของเราก็หมดลงด้วยการพักผ่อนในหมู่บ้านที่แสนสงบสมความตั้งใจ

นครชุมไม่มีร้านสะดวกซื้อมีแต่ร้านของชำหรือโชว์ห่วยกระจายอยู่ทั่วหมู่บ้านขายของมากบ้างน้อยบ้างตามขนาดของบ้าน จะหาร้านที่ขายของหลายอย่างให้เราเลือกซื้อในที่เดียวต้องมาที่สามแยกอบต.นครชุม มีร้านค้าเยอะสุดแต่บางร้านก็ไม่ได้เปิดทั้งวัน อันนี้ก็แล้วแต่ดวง แต่นี่แหละชุมชนแห่งความสงบขนานแท้ไม่เหมือนที่ไหนๆ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่แสวงหาสถานที่แบบเดียวกันนี้อยู่ละก็ลองมาพิสูจน์ได้ที่นครชุม หมู่บ้านที่ไม่มีรถโดยสารเข้า-ออก จบความฟินของเราไว้เท่านี้ไว้มีโอกาสเราจะกลับมาอีกเพื่อชาร์จแบตให้ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในเมืองศิวิไลซ์....

ขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานพิษณุโลก