Woodland เมืองไม้

 สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่รูปแบบใหม่อย่างไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนในเมืองไทย เจ้าของบ้านซึ่งเป็นนักสะสมงานศิลปะจากไม้ ได้สะสมผลงานที่สวยงามเอาไว้มากมายหลายร้อยชิ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันยากจะบอกได้ว่ามีทั้งหมดกี่ชิ้น ต่อมาจึงได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสได้เข้าชม พิพิธภัณฑ์เมืองไม้ ใช้ชื่อว่า Woodland Museum and Resort ซึ่งเป็นชื่อที่เหมาะที่สุดแล้ว ภายในพื้นที่ 100 ไร่ ชายฝั่งแม่น้ำนครชัยศรี ตำบลดอนแฝก อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ถูกเปลี่ยนมาเป็นสถานที่เก็บผลงานสะสมที่ยิ่งใหญ่ แบ่งออกเป็นโซนให้ชม ได้แก่ นิทานเมืองไม้ , หมู่บ้านเมืองไม้ , มหาวิหาร ซึ่งสร้างตามหลักลักษณะของโบสถ์คริสเตียน จึงนับว่าเป็นหนึ่งในโบสถ์ไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และสวนหินดึกดำบรรพ์ สวนสำหรับพักผ่อนหย่อนใจริมแม่น้ำ มีพื้นที่บริเวณติดแม่น้ำยาวหลายร้อยเมตร นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ที่เป็นห้องพัก สไตล์เรียบง่ายเป็นบ้านไม้ทั้งหลัง พร้อมสระว่ายน้ำ 31 ห้อง รองรับการสัมมนาได้ 150 คน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ราคาบัตรคนไทย 300 บาท ทุกคนที่ได้เข้ามาสัมผัสความสวยงามต่างบอกว่าเป็นราคาที่คุ้มค่า เวลาทำการ 10.00 - 17.00 น. การสะสมงานไม้เหล่านี้เริ่มขึ้นในตระกูลทิวไผ่งามมาหลายชั่วอายุคน นอกจากจะมีความสวยงามยังมีอายุเก่าแก่มาก หาดูได้ยาก ปัจจุบัน นายณรงค์ ทิวไผ่งาม (ครูณรงค์) เป็นเจ้าของได้รวมผลงานต่างๆ แยกไว้ในอาคารไม้เก่าแก่ หลายอาคาร ในโซน นิทานเมืองไม้ “ปู่สัก” ตัวละครหลักของนิทานเมืองไม้นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของ “กำนันราศรี” คุณพ่อของครูณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ที่หลงไหลในธรรมชาติ, งานศิลปะ และการเล่านิทาน นอกเหนือจากชมพิพิธภัณฑ์ งานไม้กว่า 2 พันชิ้นแล้ว ยังมีบริการล่องเรือแจวในแม่น้ำชมวิถีชีวิตชุมชนอีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่หมายเลข โทร.034-265330

ข้อมูลเพิ่มเติม:Woodland เมืองไม้ โทร. 034-265330
15/1 หมู่ 4 ตำบล ดอนแฝก อำเภอ นครชัยศรี

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

บรรยากาศรอบ Woodland มาถึงแล้วสายเหมือนกัน ใกล้ๆ จะเที่ยง ขับรถจากกรุงเทพฯ มาที่นี่ 50 กว่ากิโล หาไม่ยากอย่างที่คิดดูแผนที่แล้วก็ค่อยๆ เลาะตามทางมาเรื่อยๆ เคยได้ยินชื่อมานานแล้วละสำหรับวู้ดแลนด์ ก็เลยลองหาเวลาเข้ามาดูให้เห็นกับตาซะหน่อย รูปที่ออกมาตามโซเชียลเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไร แต่พอมาถึงแค่เห็นอาคารหลังแรกบอกเลยว่าตะลึง อากาศแจ่มใสฟ้าโปร่ง มีพระอาทิตย์ทรงกลดด้วยเหมือนกับตอนไปวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ๆ เลย เข้าซุ้มประตูไม้ขนาดใหญ่ที่มีป้ายด้านข้างว่า Woodland เข้ามาจะมีทางเดินไปทางซ้าย มีอาคารหลังใหญ่อยู่ตรงหน้า เดินเลยอาคารหลังนี้ไป เป็นสวนที่ร่มรื่น คือโซนสวนหินดึกดำบรรพ์นั่นเอง แต่ก่อนจะเดินต้องซื้อบัตรซะก่อน ราคาตอนนี้อยู่ในระหว่างโปรโมชั่นเพราะเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ไม่นาน ประหยัดดี ถ้าเปิดเต็มที่แล้วราคาคงจะขึ้นอีก คนไทยคงยังรู้จักที่นี่ไม่มาก แต่ฝรั่งกับคนจีนเข้ามาเที่ยวกันเริ่มเยอะแล้ว เพื่อไม่ให้เสียชื่อเจ้าบ้านเราต้องมา ด้านหน้าอาคารหลังใหญ่ จะมีช้างที่ประกอบขึ้นมาจากไม้หลายๆ ชิ้น อยู่ 2 เชือก เป็นจุดที่เรียกว่ามาแล้วต้องถ่ายรูปซะหน่อย

พระบรมสาทิสลักษณ์พระเจ้าอยู่หัว เข้ามาภายในอาคารหลังใหญ่ สิ่งแรกที่เห็นก็ต้องตะลึงอีกครั้งหนึ่ง พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขนาดใหญ่โดดเด่นอยู่ด้านใน จากตรงนี้เราจะเห็นว่ามีพื้นที่ของ Woodland จำลองอยู่ในตู้กระจก เดินไปดูซะหน่อยแล้วจะได้รู้ว่ามีอะไรอยู่ที่ไหน จะได้เดินเที่ยวได้ถูก

มหาวิหาร หนึ่งในโบสถ์ไม้หลังใหญ่ที่สุดในโลก จากอาคารหลังใหญ่ด้านหน้า เดินอ้อมมาทางด้านข้างอาคารเข้ามาตามทางเรื่อยๆ ก็หามุมถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนมาเจออาคารหลังนี้เข้า เป็นอาคารที่หันหลังชนกันกับอาคารใหญ่หลังแรก มองลึกเข้าไปเป็นพระเยซูตรึงอยู่บนไม้กางเขน รอบๆ เป็นรูปแกะสลักไม้มากมายหลายรูป มีทั้งแม่ชี และบาทหลวง เสาของอาคารมีหลายต้นเป็นไม้ต้นใหญ่ทั้งต้น แต่ละต้นมาจากไม้คนละชนิดกัน มีป้ายเล็กๆ ติดอยู่ให้เรารู้ว่าต้นไหนต้นสัก ต้นไหนไม้อื่นๆ เห็นตรงนี้แล้วก็พอเข้าใจเลยว่าคำว่าพิพิธภัณฑ์ไม้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการนำเอาไม้หลายชนิดมาใช้ในการสร้างและให้ความรู้

งานแกะสลักไม้ในมหาวิหาร หนึ่งในงานแกะสลักจำนวนมากมายที่เรียงรายกันอยู่ในวิหารที่ไม่มีผนัง เฉพาะในโบสถ์คริสต์หลังนี้มีงานไม้แกะสลักขนาดใหญ่เท่าคนจริงๆ อยู่นับสิบชิ้น ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่บอกแต่แรก ก็คงเข้าในว่ามหาวิหารหลังนี้คือทั้งหมดของ Woodland เมืองไม้ ถึงแม้ว่าจะไม่มากมายแต่ก็ประทับใจที่ได้มาเห็นของหายากแบบนี้ในเมืองไทย แล้วยิ่งรู้ว่า วู้ดแลนด์ ยังมีโซนอื่นๆ อีกหลายโซนก็ยิ่งรู้สึกคุ้มกับค่าบัตรเข้าไปอีก จากวิหารหลังนี้ มีทางเดินไปถึงริมแม่น้ำมีห้องอาหารติดแอร์ หน้าต่างที่มองเห็นธรรมชาติริมน้ำ นกน้ำหลายชนิดบินไปบินมา ช่างเป็นมื้อที่เพลิดเพลินตาจริงๆ ส่วนอีกด้านมีทางเดินไปอาคารอีกหลังที่อยู่ด้านใน เจ้าหน้าที่บอกว่าในอาคารหลังนั้นแหละ ที่จะได้พบกับความมหัศจรรย์ของ Woodland เมืองไม้ ได้อย่างเต็มที่ 

ทางเข้าโซน นิทานเมืองไม้ พอรู้ว่าอาคารอีกหลังที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิหารมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่มาก เราก็ต้องรีบเข้ามาพิสูจน์ ทางเข้าเป็นทางเดินเชื่อมยาวไปจนถึงประตูใหญ่ที่เราเข้ามาตอนแรก โดยไม่ต้องวกไปทางมหาวิหารอีกก็ได้ พอถึงประตูเข้าอาคาร เจ้าหน้าที่ 2 คน ยืนรอเก็บบัตรที่เราซื้อมาตรงทางเข้า ก่อนจะเข้าในอาคารจะมีงานแกะสลักไม้อยู่หลายชิ้น แต่ละชิ้นละเอียดสวยงามมาก มียักษ์แกะสลัก 2 ตน ยืนเฝ้าทางเดินอยู่ การลงสีของงานแกะสลักเป็นสีที่เนียนมาก ถ้าไม่ดูดีๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นไม้ นึกว่าเรซินหล่อขึ้นมา แต่แปลกใจตรงที่มีงานแกะสลักเทวรูปหรือรูปเคารพหลายชิ้นมีหลังคาคลุมนิดหน่อย เหมือนไม่กลัวแดดกลัวฝน บางชิ้นก็ไม่มีหลังคาเลย หรือตั้งใจจะตั้งไว้นานๆ ให้ตะไคร่จับสีเขียวๆ ก็ไม่แน่ใจ

ตามรอยปู่สัก สู่โลกนิทานเมืองไม้ ปู่สัก เป็นชื่อตัวละครในโลกนิทานที่วู้ดแลนด์สร้างขึ้น เมื่อเปิดประตูเข้ามาในอาคาร โซนนิทานเมืองไม้ เราก็เข้าสู่โลกของปู่สัก เดินไปตามเส้นทางเราจะพบเห็นสิงสาราสัตว์มากมายหลายชนิดอยู่รวมกันเป็นฝูง ช้างม้า นก กระรอก กบ เขียด เหมือนเดินไปเข้าไปป่า ด้วยฝีมือการแกะสลักที่ปราณีตสุดๆ ดูราวกับมีชีวิต ท่ามกลางการใช้แสงสีเพิ่มมิติสมจริงมากยิ่งขึ้น สัตว์ที่อยู่ในห้องนี้น่าจะประมาณคร่าวๆ ได้มากกว่า 100 ตัว มีทั้งเล็กทั้งใหญ่ อยู่กระจายกันไปในป่าจำลอง ในอาคารหลังนี้เปิดแอร์เย็นฉ่ำ เหมาะอย่างยิ่งแล้วสำหรับการเดินชมนานๆ หลบแดดร้อนด้านนอก

ไม่ใช่แค่จำนวนของสัตว์มากมายที่เรียงรายอยู่ในป่า แต่สัตว์แต่ละตัวใช้ฝีมือขั้นสูงของการแกะสลักสร้างสรรค์งานเหล่านี้ขึ้นมาทีละชิ้นๆ รายละเอียดบนขน และปีก หรือสัตว์อื่นๆ ในห้องนี้ บ่งบอกความอดทนและระยะเวลาในการสร้างงาน เหมือนจริงๆ สุดๆ และด้วยความเหมือนจริงและปราณีต ก็อยากจะบอกว่าอย่าไปจับผลงานของเค้านะ น่าจะแตกหักง่าย เก็บไว้ให้คนอื่นดูกันด้วย

โลกอารยธรรมขอม จากป่าของปู่สัก ตอนนี้เราก็จะเดินเข้าไปด้านในอีกห้องหนึ่ง มองจากประตูทางเข้าก็พอจะรู้ว่าด้านในน่าจะมีอะไรเกี่ยวกับขอม หรือปราสาทหิน ให้เราดูแน่ๆ 

ปราสาทหินกลายเป็นไม้ เดิมทีเดียวเราคงเคยได้ยินเรื่องของไม้กลายเป็นหิน คือฟอสซิลของต้นไม้ที่ถูกทับถมอยู่ใต้ดินมาเป็นเวลาหลายล้านปี แต่ที่นี่สร้างงานไม้แกะสลักจำลองมาจากศิลปะของปราสาทหิน เลยเรียกว่าหินกลายเป็นไม้ ทั้งๆ ที่คิดไว้แล้วนะว่าเดินมาโซนนี้เราจะเจออะไรบ้าง การจะมีงานแกะสลักไม้จำลองมาจากศิลปะขอม หรือปราสาทหินบ้างก็ไม่น่าแปลกอะไร ถ้าไม่ใช่ว่าแกะสลักมาเต็มไปหมดแบบนี้เหมือนกับว่างานแกะสลักที่นี่เป็นของง่าย เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า งานแกะสลักนางอัปสราที่เราเห็นมากมายในห้องนี้ไม่ใช่ฝีมือของช่างไทย เพราะศิลปะนี้ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญเฉพาะด้านจึงเป็นผลงานของช่างชาวกัมพูชา ลวดลายต่างๆ เหมือนอย่างที่เราเห็นในปราสาทหิน เพียงแต่ว่าการแกะสลักไม้ทำให้ดูอ่อนช้อยมีชีวิตชีวาได้มากกว่าหิน 

มองลงมาอีกด้านหนึ่งในห้องเดียวกัน จะพบนางอัปสราเรียงรายอยู่มากมาย แล้วยังมีพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่แกะสลักได้อย่างสวยงาม ที่สำคัญ ที่วู้ดแลนด์ให้เราลงไปถ่ายรูปใกล้ๆ ได้ด้วย ในห้องนี้จึงทำให้ใครหลายๆ คนที่มาที่นี่ง่วนอยู่กับการถ่ายรูปอยู่นานกว่าจะเดินไปห้องต่อไปได้

ถ้ำพญานาคราช เดินผ่านพ้นห้องศิลปะขอมมาแล้ว โซนต่อไปจัดแต่งแสงไฟแตกต่างจากห้องที่ผ่านมาอย่างมาก ไม้จำนวนมากมายเอามาเรียงกันตามพื้น ผนัง เพดาน ใช้ไม้สั้นไม้ยาวไม่เท่ากัน เหมือนกับหินงอกหินย้อยตะปุ่มตะป่ำ มีสายน้ำเล็กๆ มีน้ำไหลลงเอื่อยๆ ทำให้ผิวน้ำเป็นคลื่นตลอดเวลา ในห้องนี้จะมีพญานาคที่แกะสลักลวดลายละเอียดทุกส่วนสวยมาก

พญานาคมากมายหลายตัวอยู่ในถ้ำแห่งนี้ มีพระพุทธรูปปางประสูติ พระพุทธรูปปางนาคปรก และรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่าง ต้องเข้าไปดูใกล้ๆ จะเห็นว่าเป็นงานแกะสลักหลายชิ้นอยู่รวมกันอย่างลงตัว

เมืองบาดาลใต้สมุทร จากถ้ำพญานาคราช เดินไปอีกหน่อยมาโผล่ที่ห้องนี้ เป็นห้องที่ใช้สีฟ้าเป็นหลัก มีกราฟฟิครูปปลาแหวกว่ายอยู่ตามผนัง 2 ข้างของผนังห้องเป็นงานแกะสลักล้วนๆ ไม่สามารถนับได้ว่ามีอยู่กี่ชิ้น เป็นสัตว์น้ำ ได้แก่ ปลา พะยูน ฉลาม แมวน้ำ แหวกว่ายกันอยู่ตามแนวปะการัง เหมือนกับว่า เราเดินทะลุถ้ำพญานาคลงมาที่สะดือทะเล

พระพุทธรูปปางปรินิพพาน เดินจากห้องบาดาลมาที่ห้องนี้เป็นห้องที่แสดงผลงานแกะสลักเกี่ยวกับศาสนา และวรรณคดี ที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษคืองานแกะสลักที่อยู่ในตู้กระจกขนาดใหญ่กลางห้อง รากไม้ที่ถูกแกะสลักมากมายหลายแบบในชิ้นเดียวกัน ที่สำคัญ มีพระพุทธประวัติ ประสูติ ออกผนวช บำเพ็ญทุกรกริยา บำเพ็ญเพียร ตรัสรู้ แสดงโอวาทปาติโมก โปรดปัญจวัคคีทั้ง 5 และปรินิพพาน แต่ละชิ้นมีขนาดประมาณ 1 ฝ่ามือ อยู่บนรากไม้ชิ้นเดียวกันทั้งหมด เอามาให้ชม 1 ส่วน คือตอนปรินิพพานที่แกะสลักได้สมจริงมาก มีพระอรหันต์ พระภิกษุสงฆ์ พ่อค้าประชาชน มากราบสักการะ และร่ำไห้กับการเสด็จดับขันธุ์ปรินิพพานครั้งนี้

นอกจากงานแกะสลักพระพุทธประวัติบนรากไม้แล้ว รอบๆ ห้องยังมีงานแกะสลักอีกนับร้อย ที่ตั้งแสดงให้เราได้ชมความสวยงามปราณีตอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งศาสนาพุทธ ฮินดู และพุทธมหายาน (พระโพธิสัตว์กวนอิม) แต่ละชิ้นเน้นการใช้รากไม้เป็นส่วนประกอบของงาน เดินมาถึงตรงนี้ ยังคิดเลยว่า เงินเพียงไม่กี่ร้อยทำให้เราได้เห็นสิ่งเหล่านี้ มันคุ้มแสนคุ้มจริงๆ

พระพิฆเณศไม้แกะสลัก ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามา เป็นเพียงชั้นล่างชั้นเดียวของอาคารหลังใหญ่หลังนี้ ต่อจากนี้จะขึ้นไปชั้นบนกันต่อ เจ้าหน้าที่เห็นเราถ่ายรูปนานก็จะคอยบอกว่ายังมีอีกนะคะ เพราะกลัวว่าเราจะดูไม่ครบก่อนที่จะปิด มาเดินดูงานสวยๆ แบบนี้ที่ Woodland บอกเลยว่าควรมีเวลาสัก 2 ชั่วโมง จะได้ดูไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่เน้นถ่ายรูป สักชั่วโมงกำลังดี บางคนบอกว่าไม่ได้ตั้งใจมาอยู่นานขนาดนี้ว่าจะแวะเข้ามาดูเฉยๆ แต่กว่าจะดูเสร็จแล้วออกเดินทางต่อได้ก็เกินชั่วโมงแล้ว

พระยาครุฑ เอาละตอนนี้เดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ เรามาถึงชั้นบนแล้ว ก่อนที่จะเข้าประตูไปห้องต่างๆ เราจะเห็นงานแกะสลักชิ้นนี้ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหัวบันได ไม่อยากเชื่อเลยว่า นี่คืองานแกะสลัก

โซนศาสนา เข้ามาในห้องเพียงไม่กี่ก้าว ก็มีอะไรมากมายให้เราได้ทึ่ง ห้องแรกๆ จะเป็นห้องพระพิฆเณศ เราจะได้เห็นพระพิฆเณศปางต่างๆ ที่แกะสลักจากไม้ล้วนๆ มีหลายขนาด ตั้งเรียงกัน 2 ข้างทางเดิน ลักษณะทางเดินเหมือนเขาวงกต วกไปวกมา เพื่อให้เราได้ชมความสวยงามของงานแต่ละชิ้นได้ทั่วถึง จากนั้นมาต่อกันด้วยห้องที่ 2 เป็นโซนพระโพธิสัตว์กวนอิม เราก็จะได้เห็นเจ้าแม่กวนอิมมากมายหลายขนาด แกะสลักจากไม้หลายชนิด และหลายปางด้วยกัน แต่ละชิ้นสวยงามทั้งนั้น พริ้วไหวอ่อนช้อยเหมือนไม่ใช่ไม้แกะสลัก (ประโยคนี้ขอย้ำหลายๆ ที) คุ้มค่าจริงๆ ที่ได้มาเห็น น่าเสียดายที่เวลาก็มีจำกัดเราต้องรีบๆ ถ่ายภาพให้มากที่สุด แต่สุดท้ายภาพที่ถ่ายมาก็ไม่สามารถเอามาให้ชมกันได้หมด เพราะคงจะมากเกินไปสำหรับการจะเปิดขึ้นมาดูแต่ละครั้งเดี๋ยวจะโหลดนานจนรอไม่ไหว

ห้องพระศิลปะพม่า ต่อมาเรื่อยๆ ทางเดินก็พาเรามาถึงห้องนี้ เป็นพระพุทธรูปศิลปะพม่า คงเคยเห็นตามวัดในแถบจังหวัดภาคเหนือ อย่างลำปาง แม่ฮ่องสอน อะไรทำนองนี้ ส่วนที่วู้ดแลนด์ก็แสดงกันเป็นชุดๆ มีประมาณ 10 ชุด ทั้งพระนั่ง พระนอน พระยืน แต่ละชิ้นสุดยอดทั้งนั้น

ห้องศาสนาคริสต์ เป็นห้องสุดท้ายก่อนที่เราจะออกจากอาคารหลังนี้ไป รูปที่เลือกเอามาเขียนให้ดูให้อ่านกัน เป็นเพียงประมาณ 1 ใน 100 ของงานทั้งหมด คิดดูละกันว่ากว่าจะผ่านมาแต่ละห้องจะมีงานสวยๆ มากมายขนาดไหน ไม่ต้องคำนวณมูลค่ากันเลยทีเดียว ทั้งหมดนี้ให้เราเข้ามาดูได้ในราคาไม่กี่ร้อย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ด้วย

หมู่บ้านเมืองไม้ ออกจากอาคารหลังใหญ่ที่มีของสวยๆ ให้เราชมมากมาย เราก็กลับออกมาเดินดูอะไรๆ ในโซนอื่นๆ ต่ออีกนิดหน่อย เพื่อให้รู้ว่าเค้ามีอะไรบ้าง จากอาคารใหญ่เดินตามทางเดินมีหลังคาคลุม ตามทางเดินจะมีงานไม้มากมายหลายแบบ ทั้งกรงนกที่แกะสลักอย่างสวยงาม เฟอร์นิเจอร์ พระพิฆเณศ และอีกหลายอย่าง เดินขึ้นไปดูชั้นบนได้อีกแต่จำนวนงานไม่มากเหมือนอย่างในอาคารที่เราเพิ่งเดินออกมา

Woodland เมืองไม้ เป็นภาพจาก Woodland ที่อยากเอามาให้ดูว่าตอนกลางคืนก็สวยมาก แต่พิพิธภัณฑ์ที่เราเข้าไปเดินจะปิดแค่ 17.00 น. คงไม่ทันได้เห็นช่วงเวลาที่สวยงามแบบนี้

โซนรีสอร์ท เป็นอีกโซนหนึ่งที่แยกออกจากพิพิธภัณฑ์ ตรงทางเดินมาโซนนี้จะมีแผงกั้นเข้าได้เฉพาะลูกค้าที่มาพักที่นี่ แต่เราขอเข้าไปเก็บภาพมาให้ชมเล็กๆ น้อยๆ เพราะวันนี้เราไม่ได้พักที่นี่ อย่างน้อยเพื่อนๆ ชาวทัวร์ออนไทยก็จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูล ทางเดินไปรีสอร์ทจะผ่านบ้านเจ้าของโครงการ แล้วก็จะเป็นบริเวณที่ร่มรื่น น่านั่งเล่นรับลมเย็นๆ มีศาลาริมแม่น้ำไว้ให้ด้วย

วู้ดแลนด์เมืองไม้ รีสอร์ท เอาละมาถึงตัวอาคารที่เป็นห้องพักแล้ว ใน Woodland เค้ามีห้องพักไว้ให้บริการ 31 ห้อง เป็นอาคารหลังใหญ่ แล้วก็มีแยกออกไปด้วย หน้าที่พักมีสระว่ายน้ำ ชั้นล่างของอาคารห้องพักเป็นโถงขนาดใหญ่ เรียกว่าจัดงานเลี้ยงได้สบายๆ

ภายในห้องพักตกแต่งเรียบง่าย ใช้ไม้ทั้งหลัง มีเฟอร์นิเจอร์ไม้ทุกชิ้น แบ่งพื้นที่ในห้องเป็นที่นอน และที่นั่งเล่น ทำงาน ห้องน้ำแยกออกไปอย่างเป็นสัดส่วน

แผนที่ Woodland เมืองไม้ จบการนำเที่ยววู้ดแลนด์ เอาไว้เท่านี้ก่อน ฮู้ววว์ กว่าจะเลือกเอารูปที่ถ่ายมา 300 กว่าใบให้มาเหลือเท่านี้ได้ บอกเลยว่าใช้เวลานานมากทั้งการถ่ายและการเลือก ทำให้มีภาพอีกมากมายหลายร้อยภาพถูกคัดออกไป เชื่อได้เลยว่าในนี้มีอะไรสวยๆ เยอะมาก อยากให้ไปเห็นกับตา ยิ่งช่วงโปรโมชั่นเค้าลดราคาให้เป็นพิเศษ ต้องรีบๆ หน้าฝนไปเที่ยวไหนก็กลัวเปียกฝน ลองมาที่นี่ Woodland เมืองไม้ อยู่ในอาคารตลอด รับรองไม่เปียก ได้ชมของสวยๆ งามๆ อย่างไม่มีที่ไหนอีกด้วย

ขอขอบคุณ Woodland เมืองไม้ , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสมุทรสงคราม , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภูมิภาคภาคกลาง  มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

เช็คห้องว่าง/ราคา/จอง