ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.สำนักงานแพร่ 0 5452 1118-9, 0 5452 1127
http://www.tourismthailand.org/phrae
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
การเดินทางด้วยถนนหมายเลข 1047 ยาวมาตั้งแต่บ่อเหล็กน้ำพี้ ระยะทางก็ 16 กิโลกว่าๆ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ขับกินลมชมวิวมาเรื่อยๆ วันนี้เป็นวันที่ 3 ที่อยู่ในอุตรดิตถ์เพื่อเก็บภาพ 2 วันแรกอากาศค่อนข้างดีฟ้าโปร่ง ก็ใช้คำขวัญว่าฟ้าใสไหว้พระถ่ายรูปวัด พอมาวันที่ 3 ฟ้าปิด ซึ่งผมจะเรียกว่าฟ้าเน่า ก็ใช้คำขวัญว่า ฟ้าเน่าเข้าถ้ำถ่ายน้ำตก เพราะในถ้ำเราไม่ต้องการฟ้าสวยๆ มาประกอบภาพ นอกซะจากไฟฉายดีๆ ซักอัน
พอมาถึงทางแยกเข้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติคลองตรอน ที่คต. 2 หรือบางทีก็เรียกว่า วนอุทยานถ้ำจัน มีป้ายน้ำตกธารสวรรค์ตั้งอยู่ ก็ว่าจะไปน้ำตกด้วยถ้ำด้วย แต่มานึกอีกทีตอนนี้มันเดือนธันวาคมแล้ว น้ำตกคงจะหาน้ำยากแล้วละ ถ้างั้นไปถ้ำจันก่อนดีกว่า
พอเข้ามาถึงบริเวณถ้ำจัน ก็มีบ้านเจ้าหน้าที่ 1 หลัง กับพื้นที่โล่งๆ กว้างๆ ให้เราจอดรถ พอจอดรถก็เตรียมเอาอุปกรณ์ที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นรองเท้า ไฟฉาย น้ำดื่ม จัดเตรียมให้พร้อมแล้วก็ออกเดินไปตามป้าย ถ้ำจันเป็นพื้นที่เขาเล็กๆ เดินไม่ไกล สามารถเดินเที่ยวได้โดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง ถ้ำแต่ละแห่งก็เป็นถ้ำไม่ใหญ่มาก มีทางเข้าออกได้ทางเดียวไม่ต้องกลัวหลงถ้ำ พื้นที่วนอุทยานถ้ำจันไม่ได้มีถ้ำเพียงแห่งเดียว ป้ายที่ตั้งอยู่ตรงทางขึ้นเนินแรกมีถ้ำต่างๆ ดังนี้
ถ้ำสามแพ่ง 125 เมตร
ถ้ำค้างคาว 150 เมตร
ถ้ำจัน 400 เมตร
ถ้ำธารสวรรค์ 410 เมตร
ถ้ำวัวแดง 410 เมตร
ถ้ำเสือดาว 550 เมตร
ถ้ำเต่า 800 เมตร
ถ้ำเจดีย์ 1100 เมตร
พอเดินพ้นเนินแรก (ก็เริ่มหอบแล้ว) ต่อจากนี้ไปเป็นทางราบเลียบไปตามแนวเขา มีป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ ถ้ำแรกอยู่ใกล้มาก 125 เมตร ก็เลี้ยวเลยครับ เดินขึ้นเนินเขาไปเป็นป่าไผ่โปร่งๆ มองเห็นยอดเขาอยู่ลิบๆ ทางเดินเป็นก้อนหินเล็กหินน้อยวางซ้อนกันอยู่บางก้อนก็แน่นเหยียบได้ บางก้อนก็เหยียบไม่ได้เพราะมันวางซ้อนกันอยู่แบบหลวมๆ กระดกได้ ก็ต้องระวังในการเดินนิดนึงไม่งั้นจะเจ็บตัวเอาได้
ถ้ำสามแพ่ง เป็นถ้ำแรกที่อยู่ใกล้ที่สุดเดินแป๊บเดียวก็มาถึงปากถ้ำเป็นโพรงแคบแต่สูงเดินทะลุเข้าไปด้านในก็จะมีเส้นทางเดินต่อไปได้อีกไม่ลึกเท่าไหร่ มีบันไดทำไว้ให้เดินได้สะดวกหน่อย ผนังถ้ำทั้ง 2 ข้างเป็นแบบสูงๆ แต่ไม่กว้าง
เพดานถ้ำสามแพ่ง พอเข้ามาสุดทางแล้วก็มองไปรอบๆ ดูเหมือนว่า 3 แพ่ง มันมาจากโพรง 3 โพรงที่เห็นอยู่ในรูปมี 2 โพรง กับอีกโพรงก็คือโพรงที่เราเข้ามา หินงอกหินย้อยในถ้ำนี้ไม่ประทับใจเท่าไหร่ เก็บภาพแล้วก็เดินกลับออกทางเดิม ทีแรกก็ว่าจะออกไปทางอื่นได้ แต่ดูโพรงบนเพดานถ้ำแล้วสูงเกินกว่าจะปีนขึ้นไปได้ถ้าพลาดมันไม่คุ้ม
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นบ่อน้ำตามธรรมชาติ มีน้ำผุดขึ้นมาก็เลยสร้างขอบบ่อเทด้วยปูนแบบที่เห็น ต้นไม้รอบๆ มีเยอะใบไม้ก็ร่วงลงไปตลอดเวลา แล้วที่นี่ก็ไม่มีคนเฝ้าทุกวันใบไม้ทับถมกันก้นบ่อก็เลยดูดำไปหน่อย บ่อน้ำที่เห็นอยู่ระหว่างทางจากถ้ำสามแพ่งไปถ้ำจัน ที่นี่มีห้องน้ำอยู่เป็นระยะๆ แต่ก็อย่างว่าคนไม่ค่อยมาเที่ยวน้ำก็ไม่มีคนตักมาใส่ห้องน้ำก็เลยใช้ไม่ได้เพราะไม่มีน้ำ
ถ้ำจัน ระหว่างทางที่เดินจากถ้ำสามแพ่งมาเรื่อยๆ ก็พยายามมองหาป้ายชี้เข้าถ้ำค้างคาวเพราะระยะทาง 150 เมตร น่าจะอยู่ไม่ไกลจากถ้ำสามแพ่งมาก แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอเลยตัดสินใจเดินมาถ้ำจันก่อน ทางเข้าถ้ำจันมีป้ายบอกเยอะกว่าถ้ำอื่นๆ เพราะเป็นไฮไลท์ของที่นี่ ระหว่างทางหญ้าขึ้นปกคลุมดินจนเหมือนพรมสีเขียวผืนใหญ่ ด้านบนปกคลุมด้วยต้นไม้หนาจนแสงส่องลงมาไม่ถึงดิน เหมือนกับหลังคายังไงยังงั้นเลย
ที่ตั้งของถ้ำจัน สุดทางเดินตามที่ป้ายบอก เราก็มองเห็นเขาลูกเล็กๆ ข้างหน้า ด้านหนึ่งเป็นหินส่วนอีกด้านปกคลุมด้วยต้นไม้ดูร่มรื่นมาก ระหว่างทางก็มีศาลเพียงตาเล็กๆ เรียกว่าศาลเจ้าพ่อถ้ำจัน ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะเดินเข้าไปชมถ้ำ
ปากถ้ำจัน เดินขึ้นเขาหินมาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ เราก็มายืนอยู่ตรงปากถ้ำกว้างใหญ่ แต่มองเข้าไปในโพรงกลับมีขนาดเล็กนิดเดียว มองเห็นพระพุทธรูปอยู่ในถ้ำลางๆ เพราะที่นี่เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระธุดงค์ ในบางช่วงมีพระมาจำพรรษาอยู่ แต่ตอนที่ผมมาท่านก็จากไปแล้ว
พระพุทธรูปองค์แรกภายในถ้ำจันมีพวงมาลัยดอกไม้ มีร่องรอยของการจุดธูปเทียน แล้วตอนที่เดินมาถ้ำจันก็มีพระภิกษุสองรูปเดินสวนออกไป ก็แสดงว่าที่นี่ก็ยังคงมีพระและชาวบ้านมากราบไหว้พระในถ้ำจันอยู่เป็นประจำ
ปากถ้ำจัน ภาพที่ผมชอบที่ถ่ายรูปเอาไว้เป็นประจำเวลามาเที่ยวถ้ำก็คือการถ่ายรูปตอนที่อยู่ในถ้ำออกไปปากถ้ำ เราจะเห็นถ้ำมืดๆ มีช่องว่างตรงกลางก็คือปากถ้ำที่มองออกไปด้านนอกได้ มีต้นไม้มากมายเป็นสีเขียวสวยๆ ล้อมรอบด้วยความมืดของถ้ำเป็นสีดำ
พื้นที่รอบๆ นี้เรียกกันว่าถ้ำจัน ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะว่ามีถ้ำจันตั้งอยู่ และถ้ำจันก็น่าจะเป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดนั่นเอง เดินเข้ามาอีกหน่อยก็สุดถ้ำ ตรงนี้ก็จะล้อมรอบไปด้วยผนังถ้ำที่พอจะมีหินงอกหินย้อยรูปร่างต่างๆ กันไป ผนังด้านในสุดเหมือนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ครึ่งล่างดูค่อนข้างเรียบ ครึ่งบนมีหินย้อยนิดหน่อยแลดูเหมือนกับหิ้งพระ
อีกด้านหนึ่งของถ้ำมีหินย้อยอีกชุดหนึ่ง สูงพอประมาณ มีคนนำเอาพระพุทธรูปไปตั้งเอาไว้ ก็ดูเหมือนหิ้งพระไปด้วย ที่พื้นถ้ำมีหินก้อนหนึ่งที่น่าจะหักจากเพดานถ้ำร่วงลงมา วางอยู่มองบางมุมเหมือนหน้าของหนุมานเลย ส่วนหินย้อยที่เป็นหิ้งพระครึ้งหนึ่งยังเป็นหินเป็นอยู่ ก็คือมีการเติบโตของหินย้อยอยู่เสมอๆ ก็จะมีประกายระยิบระยับสวยงาม
ทางไปถ้ำวัวแดง ออกจากถ้ำจันก็มีทางเดินเล็กๆ ไปตามผาหิน ทางค่อนข้างรกแบบที่เห็นนี้เลย แต่เพราะระยะทางระหว่างแต่ละถ้ำไม่ไกลมากก็เลยเดินได้เรื่อยๆ ไหนๆ ก็มาแล้วก็ไปดูให้ทั่วๆ
ปากทางเข้าถ้ำวัวแดงเดินมาจากปากถ้ำจันไม่ไกล ดูเหมือนว่าทางเข้าจะเป็นโพรงเล็กๆ ต้องอาศัยการป่ายปีนและการมุดสักหน่อยแล้ว
ถ้ำธารสวรรค์ จุดชมวิวเขาจัน จากปากถ้ำวัวแดง มองขึ้นไปทางขวามีทางปีนขึ้นไปที่อีกถ้ำหนึ่ง แต่ลักษณะของเส้นทางการปีนไม่ง่ายเท่าไหร่ หินตรงนี้ค่อนข้างสูงและดูเหมือนว่า จะมีคนพยายามปีนขึ้นไปอยู่บ้างโดยการอาศัยเถาวัลย์เส้นใหญ่ๆ ที่พาดจากข้างล่างปากถ้ำวัวแดงขึ้นไปจนถึงถ้ำธารสวรรค์พอดีเลย
ภายในถ้ำวัวแดง ก่อนที่จะปีนขึ้นไปถ้ำธารสวรรค์ ตอนนี้เข้ามาในถ้ำวัวแดงที่อยู่ตรงหน้าเราดูกันว่าในนี้สวยแค่ไหน
ถ้ำวัวแดง นี่ละครับสิ่งที่เห็นในคูหาแรกของถ้ำวัวแดง ถ้ำแห่งนี้แตกต่างจากถ้ำสามแพ่งอย่างมาก เพราะเป็นถ้ำที่มีเพดานค่อนข้างเตี้ย มีโพรงเป็นทางเดินเล็กๆ ที่ต้องมุดบ้างในบางที แต่หินงอกหินย้อยแถวนี้ดูดีไม่แพ้ถ้ำอื่น ก็เลยเอาเทียนที่พกมาจุดแล้วไปตั้งตามจุดต่างๆ เพื่อสร้างมิติเพิ่มอีกหน่อย สวยทีเดียว
ถ้ำวัวแดง จากนั้นก็เดินสำรวจต่อไปจนมาถึงโพรงนี้ มองเห็นเลยว่าอีกด้านหนึ่งของโพรงเล็กๆ จะเป็นห้องโถงสูงใหญ่มาก แต่ด้วยความที่โพรงที่เราต้องมุดเข้าไปมันแคบสุดๆ ชนิดที่ต้องนอนคว่ำแล้วกระดืบๆ เอา ก็เลยขอผ่านไม่ไปดีกว่า
คูหาสุดท้ายในถ้ำวัวแดง ตรงนี้มาทางเดินลงไปพอจะลงได้ แต่ต้องปีนกันน่าดูเหมือนกัน มีร่องรอยของคนที่พยายามปีนลงไปบ้างนิดหน่อย แต่ขาขึ้นมามันไม่ค่อยจะง่ายสักเท่าไหร่ก็เลยถ่ายรูปจากด้านบนเอาแล้วกันพอให้รู้ว่ามันมีทางไปต่อได้อีก
ถ้ำธารสวรรค์ เป็นอีกถ้ำที่อยู่ไม่ไกลจากถ้ำวัวแดง และถ้ำจัน ถ้ำธารสวรรค์ดูเหมือนจะเป็นทางผ่านของน้ำ หินบริเวณนี้ถูกกัดเซาะแล้วก็หล่นลงมาทับกันเป็นทางเดินให้เรา โพรงนี้ไปทะลุอีกด้านหนึ่งของเขาแห่งนี้ ถ้าเดินพ้นโพรงนี้ออกไปก็จะเป็นป่ายอดเขาพอจะหาทางเดินขึ้นไปบนสุดได้แต่ต้นไม้เยอะมาก จะว่าเป็นจุดชมวิวก็ไม่เชิงเพราะตอนนี้ต้นไม้ปกคลุมสูงมากจนมองไม่ค่อยเห็นวิวสวยๆ รอบๆ ส่วนภาพขวาเป็นหินย้อยที่เกิดที่ผนังถ้ำมีรูปร่างสวยดีเลยถ่ายรูปมาสักหน่อย
ถ้ำค้างคาว พอเดินๆ ชมถ้ำมาหลายถ้ำด้วยกัน ก็คิดว่าน่าจะพอแล้วละ ทางเดินต่อจากถ้ำจันไปถ้ำเจดีย์ดูมันไม่ค่อยจะเป็นเส้นทางชัดเท่าไหร่ หญ้าขึ้นปกคลุมจนมองไม่ค่อยเห็นทางเดิน แล้วยังต้องเดินไปอีกครึ่งกิโลเมตรเพียงคนเดียว ก็เลยตัดสินใจเอาถ้ำค้างคาวเป็นถ้ำสุดท้ายเสร็จแล้วเดินทางไปต่อกันดีกว่า
จากถ้ำธารสวรรค์ เราต้องปีนลงมาที่ปากถ้ำวัวแดงแล้วเดินต่ออีกไม่ไกลนัก ก็มาถึงหน้าถ้ำค้างคาว ตรงนี้ต้นไม้ค่อนข้างโล่งเพราะมีหินอยู่มาก มีลักษณะเป็นผาสูง ก็เลยพอจะมองเห็นวิวแถวนี้ได้ค่อนข้างไกล
ภายในถ้ำค้างคาว ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่มืดเอามากๆ มีความลึกอยู่พอสมควร คูหาแรกที่ลงมาก็เห็นโพรงมืดไปทางด้านซ้ายมือ ตอนนี้เราก็จะเริ่มได้ยินเสียงเจ้าของถ้ำคือพวกค้างคาวที่บินไปบินมา มันคงรู้แล้วว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาในถ้ำ
ถ้ำค้างคาว พอเดินพ้นคูหาแรกมาได้จะมีโพรงลึกเข้าไปเป็นทางเดินเล็กๆ แต่พอเดินพ้นไปแล้วจะมีคูหาที่ 2 กว้างและสูงใหญ่กว่าคูหาแรก ข้างในนี้มืดมากจนน่ากลัว มีทางเดินเลี้ยวนิดหน่อยจนมองไม่เห็นทางที่เดินเข้ามา ภายในความมืดผมพยายามส่องไฟฉายไปรอบๆ คิดว่าจะมีหินงอกหินย้อยสวยๆ ให้ถ่ายรูปบ้างแต่ไม่มีเลยเป็นถ้ำที่มีผนังราบเรียบไปจนถึงเพดานเลยครับ ค้างคาวมันก็ตกใจกลัวเราบินกลับไปกลับมาอยู่บนหัว สุดท้ายแล้วเพื่อไม่เป็นการรบกวนพวกมันรีบกลับออกจากคูหาที่ 2 ดีกว่า เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมาด้วยเลย กลัวเจองูในถ้ำด้วย เพราะงูบางชนิดจะเข้ามากินค้างคาวครับ
ปิดท้ายการเดินทางเที่ยวถ้ำจัน ถ้ำที่น่าจะสวยที่สุดในอุตรดิตถ์เพราะจังหวัดนี้มีถ้ำน้อยครับ ในพื้นที่บริเวณถ้ำจันก็จะมีถ้ำต่างๆ อีกมากมายหลายถ้ำ อย่างที่เอามาให้ชมกัน เสียดายแต่ว่าไม่ได้ไปถึงถ้ำเจดีย์ เพราะทางเดินไม่ชัดเท่าไหร่ ผมก็เดินย้อนกลับมาที่ลานจอดรถ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วเดี๋ยวว่าจะไปนอนที่อุทยานแห่งชาติคลองตรอน แต่แล้วก็ไม่ได้ไปเพราะหาอุทยานฯ ไม่เจอ ก็เลยขับไปเรื่อยๆ หาที่เก็บภาพพระอาทิตย์ตก ตัดสินใจไปเขื่อนสิริกิติ์ ได้ภาพคู่แต่งงานที่มาถ่ายรูปพอดีเลย แต่ไม่ได้พักที่เขื่อน ต้องไปหาอุทยานแห่งชาติเป็นที่ค้างแรมเพื่อความประหยัด ^^ ท้ายที่สุดก็ไปที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน นอนริมน้ำตรงศาลาชมวิว เฮ้อ สุดๆ จริงๆ ทริปนี้
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ