ข้อมูลเพิ่มเติม:การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานลำปาง โทร. 054-222-214
https://www.facebook.com/lampang.tourism/
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
จารึกผู้สร้างวัด วัดศาสนโชติการาม หรือเดิมชื่อว่าป่าฝาง มีอูส่วยอัตถ์ และแม่เฒ่าหวาน เป็นผู้ก่อสร้างขึ้น ต่อมาได้รับการดูแลบูรณะอุปภัมภ์โดยแม่เฒ่าส่า วงศ์พรหมมินทร์ คุณแม่เหม่ สุวรรณอัตถ์ บุตรีของอูส่วยอัตถ์ และแม่เฒ่าหวาน ในรุ่นต่อมาก็มี คุณสมพร (สุวรรณอัตถ์) โอสถานุเคราะห์ บุตรีของคุณแม่เหม่ เป็นโยมอุปถัมภ์ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน นี่จึงเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของวัดที่สร้างโดยชาวพม่า ในเรื่องของการสืบทอดผู้อุปถัมภ์วัด เป็นเรื่องที่น่าเลื่อมใส ปฏิบัติกันเช่นนี้ทุกวัด เมื่อเดินเข้ามาในวัดมีสภาพเงียบสงบ ไม่พบพระภิกษุอยู่จำพรรษา มีเพียงเด็กๆ เข้ามาเล่นกีฬาบ้างตอนเย็นๆ เท่านั้น
อนุสรณ์สถานผู้สร้างวัด เดินเข้ามาอีกหน่อยก็จะเป็นพื้นที่อนุสรณ์สถานผู้สร้างวัด เขียนแผ่นป้ายไว้ว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2435 ก็นับอายุได้ประมาณ 121 ปีเข้าไปแล้วครับ
บ่อน้ำ ทางเดินเข้ามาในวัดเริ่มตั้งแต่ประตูกำแพงวัด เหมือนจะแบ่งพื้นที่ของวัดออกเป็นสองส่วนคือด้านซ้ายกับขวามือ ด้านซ้ายเห็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ไปจนสุดกำแพงวัด ส่วนด้านขวามือเป็นวิหารหลังใหญ่หลังคาหลายชั้นตามแบบนิยมของวัดพม่า พื้นที่ทั้งหมดของวัดปกคลุมไปด้วยต้นไม้หลายชนิดด้วยกัน จนปิดวิหารหลังใหญ่ด้านหน้าแทบมองไม่เห็นชั้นล่าง
วิหาร เมื่อด้านหน้าปกคลุมไปด้วยต้นไม้จนเกือบมิด จะถ่ายรูปวิหารหลังนี้ให้เห็นขนาดที่สูงใหญ่ก็ต้องมาทางด้านหลัง ตลอดช่วงเวลายาวนานนับตั้งแต่การสร้างวัด ก็มีการบูรณะมาโดยตลอด จนมีการใช้การก่ออิฐเข้ามาเสริมจนเกือบทั้งหมดของวิหาร คงเหลือเพียงหลังคาส่วนยอดสุดที่ยังคงสภาพคล้ายของเดิม
พระเจดีย์ สถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากพม่า สูงเด่นเป็นสง่าอยู่ลึกเข้าไปด้านหลัง แต่ก็มองเห็นได้ชัดเจน เจดีย์ทรงหกเหลี่ยมมีหน้ามุขหกด้าน มีทางเข้าออกได้หมด แต่ระยะหลังไม่ได้เปิดให้เข้าไปเช่นเดียวกับวิหารและอุโบสถ ก็คงได้เพียงสักการะอยู่ด้านนอกเท่านั้น
อุโบสถ สร้างขึ้นด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก เน้นลักษณะการตกแต่งแบบพม่าเอาไว้ทั้งด้านในด้านนอก และที่สำคัญที่สุดคือยอดหลังคาที่จะต้องเป็นเอกลักษณ์อยู่เสมอ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ