ล่องแก่งแม่เรวา

แม่เรวา เป็นชื่อลำห้วยที่ไหลเป็นสายยาวผ่านตำบลแม่เล่ย์ เกิดเป็นเกาะแก่งน้อยใหญ่หลายแห่ง สายน้ำสายนี้ก็กลายเป็นที่เที่ยวแนวผจญภัยที่ได้รับความนิยมอย่างมากมาย ภายใต้การดูแลของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ที่ มว. 4 (แม่เรวา) แบ่งเส้นทางการล่องแก่งออกเป็น 2 ช่วง คือช่วงแรกตั้งแต่ต้นน้ำล่องไปจนถึงแก่งลานนกยูง ซึ่งช่วงนี้จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ส่วนช่วงที่ 2 เริ่มจากบริเวณหน้าด่านตรวจหน่วยพิทักษ์ที่ มว. 4 ได้แก่รีสอร์ทที่อยู่ริมน้ำ บริการโดยเอกชน ล่องไปจนถึงแก่งเกาะใหญ่ซึ่งเป็นแก่งที่กระแสน้ำเชี่ยวที่สุด รวมระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 - 1 ชั่วโมงครึ่ง ถ้าสนใจที่จะล่องแก่งในช่วงที่ 2 สามารถติดต่อได้ที่กลุ่มล่องแก่งแม่เรวา หรือที่รีสอร์ทที่เข้าพักได้ทุกแห่ง ฤดูการล่องแก่งที่เหมาะสมเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป

การเดินทางล่องแก่งแม่เรวา จากตัวเมืองนครสวรรค์ มุ่งหน้าไปตามถนนพหลโยธิน ไปทางจังหวัดกำแพงเพชรประมาณ 17 กิโลเมตร ถึงทางแยกเข้าอำเภอลาดยาว (ทางหลวงหมายเลข 1072) ขับไปจนถึงตำบลแม่เล่ย์จะมีป้ายบอกทางไปจนถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ มว.4 รวมระยะทางประมาณ 85 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางเล็กๆ มีหลุมขรุขระหลายช่วง ให้ขับด้วยความระมัดระวัง

ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.สำนักงานนครสวรรค์ โทร.056-221811
https://www.facebook.com/TAT-Nakhonsawan-103513930140126/

แก้ไขล่าสุด 2017-07-22 22:50:05 ผู้ชม 32159

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

จุดเริ่มต้นล่องแก่งแม่เรวา หลังจากเดินทางถึงที่พักและพักผ่อนหย่อนใจกันหลายที่ อย่ามออีหืด แก่งลานนกยูง แก่งเกาะใหญ่ เข้าที่พักนอนให้เต็มที่ ตื่นมาแต่เช้าไปล่องแก่งแม่เรวา เราติดต่อกลุ่มบริการล่องแก่งของเอกชน เพราะปริมาณน้ำยังน้อยเกินกว่าที่จะไปล่องแก่งที่ต้นน้ำกับเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่่วงก์ ที่ มว. 4 (แม่เรวา) จะติดต่อกลุ่มบริการล่องแก่งยังไงนั้นไม่ต้องซีเรียสมาก ถามที่แก่งเกาะใหญ่ตามร้านอาหาร หรือจะถามกับรีสอร์ทที่เลือกพักก็ได้ หรือจะถามกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็ได้

กลุ่มล่องแก่งจะจะพาเราไปที่จุดเริ่มต้นอยู่ที่รีสอร์พีพีแอนด์วีเรวา ติดกับลานน้ำใสรีสอร์ท อันนี้ก็ไม่ต้องไปจำครับ เดี๋ยวกลุ่มล่องแก่งก็พาเราไปเองแหละ แล้วจากนั้นเรือกับอุปกรณ์อย่างไม้พายกับเสื้อชูชีพก็รอเราอยู่ที่นี่แล้ว ทุกคนต้องใส่อุปกรณ์ให้เรียบร้อยรวมทั้งหมวกด้วย ไม่งั้นเรือจะไม่ยอมออกจากท่า ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเอง น้ำน้อยยังพอที่จะพายเองได้ น้ำมากก็ต้องมีการ์ดนั่งไปลำละคน สนนราคาเรือคายัค 300 บาทต่อคน เรือยาง 500 บาท

เมื่อทุกอย่างพร้อมเรือก็ออกเดินทาง

ผึ้งงานกับเกสรดอกไม้ เมื่อเรือออกเดินทางไปแล้ว ในฐานะช่างภาพที่จะตามเก็บภาพของเพื่อนๆ ที่อยู่ในเรือ ก็ออกเดินทางด้วยรถพร้อมกับชาวบ้านกลุ่มบริการล่องแก่ง นำทางไปหาพื้นที่ที่เหมาะในการรอเก็บภาพของเรือที่ล่องไปตามสายน้ำ จากจุดปล่อยเรือ ขับไปตามถนนประมาณไม่ถึงกิโล ก็มีพื้นที่บ้านที่กำลังก่อสร้าง ขอเข้าไปถ่ายรูปก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ระหว่างรอให้เรือไหลมาตามสายน้ำ ก็เลยเก็บภาพดอกไม้สวยๆ หน้าบ้านไปพลางๆ

ในทริปนี้เรามีทั้งกล้องบนฝั่งรอเก็บภาพ แล้วก็ยังมีกล้องกันน้ำนั่งไปในเรือด้วย เรียกว่าครบเครื่องกันเลยทีเดียว บรรยากาศการล่องแก่งตามสายน้ำก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เพราะน้ำยังไม่เชี่ยวมาก แต่ก็มีบ้างที่บังคับเรือไปไม่ตรงร่องน้ำก็ต้องเป็นอย่างที่เห็น

เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไป เรือก็เริ่มทยอยมาถึงบ้านที่ผมนั่งรอดักอยู่ ตรงนี้เป็นช่วงโค้งหักศอก มีร่องน้ำเป็นช่องเล็กๆ ระหว่างโขดหินที่เรือพอจะผ่านไปได้ เป็นจุดที่ต้องบังคับเรือให้เลี้ยวเข้าตรงช่อง แต่ถ้าพลาดเรือก็จะติดบางทีก็หมุนเอาด้านหลังไปแทน

หอยทาก หลังจากเรือทุกลำผ่านหน้าบ้านของจุดถ่ายภาพจุดแรกไปแล้ว ก็ขับรถไปตามถนนมุ่งหน้าไปแก่งเกาะใหญ่อันเป็นเส้นชัยของการล่องแก่งแม่เรวา ห่างจากจุดปล่อยเรือตามถนนประมาณ 5 กิโลเมตร แต่ถ้ามาทางน้ำก็ประมาณ 7 กิโลเมตรกว่าๆ คราวนี้ต้องนั่งรอกันยาวเลยละ เก็บภาพธรรมชาติไปพลางๆ ก่อน

วิถีชีวิตแม่เล่ย์ ตำบลแม่เล่ย์เป็นตำบลที่สายน้ำแม่เรวาไหลผ่านตั้งแต่ต้นน้ำเลย บริเวณนี้เป็นที่ที่อุดมสมบูรณ์ชาวบ้านอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ฝูงปลาหลายขนาดอาศัยอยู่ชุกชุม การจับปลาใช้วิธีการดำน้ำแทงปลาด้วยฉมวก การหาปลาด้วยวิธีนี้เริ่มหาดูได้ยากมากขึ้นทุกวัน บางทีเด็กๆ ดำน้ำหาปลาโชคดีเจอสร้อยทองบ้างก็มีเพราะคนมาล่องแก่งไม่ถอดเก็บไว้ก่อนลงเรือตามคำเตือนของเจ้าหน้าที่

กลับมาชมบรรยากาศการล่องแก่งจากกล้องบนเรือกันต่อครับ

ช่วงน้ำนิ่ง ตามเส้นทางล่องแก่งแม่เรวาประกอบไปด้วยแก่งน้อยใหญ่หลายแห่ง บางช่วงเป็นน้ำนิ่ง ยาวประมาณ 1-2 กิโลเมตร เป็นช่วงที่จะได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ช่วงนี้จะใช้การพายไปแบบช้าๆ ใช้เวลานานพอสมควร

ล่องแก่งแม่เรวาหน้ากิ๊กกะกาญจน์ รีสอร์ท หลังจากเก็บภาพจากจุดแรก ผมก็ออกเดินทางมาที่แก่งเกาะใหญ่ จอดรถไว้ที่นั่นแล้วเดินย้อนมาหาจุดเหมาะๆ ที่จะมาดักเก็บภาพเรืออีกจุด ก็มาเจอที่กิ๊กกะกาญจน์ บ้านริมน้ำ รีสอร์ท มีเรือนแพให้นั่งอยู่กลางน้ำ ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเหมือนกันกว่าเรือจะมาถึงตรงนี้ น้ำหน้าบ้านตื้นแล้วก็ใสมาก จนผมลงไปยืนถ่ายรูปในลำธารได้เลย

หลังจากผ่านหน้ากิ๊กกะกาญจน์ รีสอร์ท ไปแล้ว เรือก็จะเข้าสู่แก่งหินด่านสุดท้ายของการล่องแก่งแม่เรวา ก็คือแก่งเกาะใหญ่ ผมออกเดินจากรีสอร์ทกลับไปที่แก่งเกาะใหญ่

แก่งเกาะใหญ่ นี่ก็เป็นแก่งหินที่เต็มไปด้วยหิน ดูเป็นวิวที่สวยแบบแปลกๆ หินพวกนี้ลื่นสุดๆ เวลาเดินต้องระวังให้มาก การถอดรองเท้าดูจะช่วยได้เยอะเหมือนกัน น้าที่ทำหน้าที่นำทางชี้จุดถ่ายรูปพาผมเดินตรงไปที่จุดที่น่าจะเห็นเรือผ่านแก่งได้สวยที่สุด

พื้นที่ที่เป็นแอ่งน้ำลึกบ้างตื้นบ้างก็จะมีคนลงเล่นน้ำกันคลายร้อน แก่งเกาะใหญ่ถึงได้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมที่สุดในอำเภอลาดยาว ดูรีวิวแก่งเกาะใหญ่ให้ละเอียดได้จากหน้า แก่งเกาะใหญ่

นี่ละครับ จุดที่มันส์ที่สุดในการล่องแก่งแม่เรวา ถือว่าเป็นเส้นชัยของเส้นทางผจญภัยสายนี้ก็ว่าได้ เรือของทีมเราก็ทยอยมาถึง คนที่คิดว่าผ่านแก่งนี้ไปไม่ได้ก็ลงจากเรือ เหลือเฉพาะคนที่มั่นใจในตัวเองสุดๆ เท่านั้น

บางทีก็พลาดได้ ก็อย่างว่า แก่งนี้มันก็ยากที่สุดบางทีถ้าไม่เชี่ยวชาญก็ตกเรือกันได้ แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ไม่มีอันตรายร้ายแรงเกิดขึ้น ขอบคุณชาวบ้านกลุ่มบริการล่องแก่งแม่เรวาด้วยครับ

วิวสวยแม่เรวา จบการผจญภัยด้วยภาพนี้ ละกันครับ กลับรีสอร์ทอาบน้ำนอนพักกันดีกว่า เอาของฝากมาฝากอีกอย่างด้วย นั่นคือ รวมรายชื่อรีสอร์ทและที่พักใกล้แก่งแม่เรวา คลิกเลือกกันเลยจ้า