ข้อมูลเพิ่มเติม:โทรศัพท์ : 0849132381
http://dnp.go.th/
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
เช้าวันเสาร์ หลังจากการเดินทางกว่า 6 ชั่วโมง จากกรุงเทพฯ แทบไม่น่าเชื่อเลยว่ากรุงเทพฯ - ทองผาภูมิ ระยะทางเพียง 300 กว่ากิโลเมตร ที่น่าจะใช้เวลาแค่ 4 ชั่วโมง กลับต้องขับนานขึ้นอีก นั่นก็เพราะถนนช่วงทางเข้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงูเป็นถนนเล็กๆ ลูกรัง ขรุขระ ไม่เบาเลยทีเดียว การมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ก็มีที่เที่ยวให้เลือกเที่ยวหลายแห่ง มีทั้งบู๊ๆ โหดๆ แล้วก็เดินชิลๆ น้ำตกสวยๆ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนของแต่ละคน สำหรับทัวร์ออนไทยเองก็อยากจะเอาภาพสถานที่พร้อมข้อมูลที่เที่ยวมาให้ชมกัน เลือกเอาที่เที่ยวที่เชื่อว่าเป็นที่นิยมสุดของอุทยานฯ ก็ต้องถ้ำเสาหิน แล้วก็ถ้ำนกนางแอ่น ปิดด้วยน้ำตกนางครวญ ใช้เวลาเที่ยว 2 วันเต็มๆ ก็น่าจะพอดีกับวันหยุดของใครหลายๆ คน แต่ถ้าเอาแบบสบายๆ หน่อยไม่ชอบเดินป่าหาความลำบากใส่ตัว ก็เอาแค่น้ำตกนางครวญก็โอเคแล้วครับ
ทีนี้ เมื่อเราวางแผนว่าจะเที่ยวถ้ำเสาหิน กับถ้ำนกนางแอ่น เราก็ต้องทำตามขั้นตอนประมาณนี้ครับ
ติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ทั้งนี้เราจะต้องระบุวันเดินทางของเรา เพราะอุทยานนี้เปิดให้เที่ยวได้ 2 เดือนเท่านั้น ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวเต็มทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ตลอด 2 เดือน เราก็โทรถามแต่เนิ่นๆ พอเดือนกุมภาพันธ์เราก็เริ่มติดต่อได้แล้วละ ที่อุทยานฯ สัญญาณไม่ค่อยดี บางทีก็โทรติดต่อยากหน่อย ก็ต้องอาศัยความพยายาม
แจ้งความจำนงว่าจะไปกำหนดวันเดินทางแล้ว เราต้องเลือกว่าจะจัดการยังไงกับอาหารแล้วก็เต็นท์ การจะเที่ยวถ้ำทั้งสองแห่งนี้ ไม่มีอะไรจะสะดวกเท่ากับการนอนที่แคมป์หน่วยเขาพระอินทร์ จะเช่าเต็นท์อุทยาน หรือว่าจะเอาเต็นท์ไปเอง ราคาก็สอบถามกับเจ้าหน้าที่ให้เรียบร้อย
เรื่องอาหารการกิน จะจัดการยังไงระหว่างเอาความสะดวก ให้อุทยานฯ ติดต่อชาวบ้านจัดหาให้ หรือจะเอามาทำกินกันเอง ราคาอาหารชาวบ้านคิด 500 บาทต่อคนสำหรับ 6 มื้อ อาหารเช้าเป็นอาหารจานเดียวง่ายๆ ส่วนกลางวันเป็นข้าวราดแกงห่อใส่ถุงมีคนถือไปให้ (ออกจะแพงไปสักนิดสำหรับราคานี้) ถ้าจะทำกันเองก็วางแผนเรื่องการห่อถือเข้าไปกินกลางป่าด้วย
เรื่องพาหนะ เส้นทางจากแคมป์ ไปที่จุดเริ่มต้นเดินป่า เป็นทางที่ค่อนข้างขรุขระ ควรจะมีรถกระบะไป แต่ถ้าไม่มีก็ใช้รถที่อุทยานจัดหาให้ ไปถ้ำเสาหิน 1500 บาท ไปถ้ำนกนางแอ่น 1000 บาท รถ 1 คัน นั่งกันได้ 10 คน แต่ถ้าสมาชิกกลุ่มเรามีไม่ครบ 10 ก็อาจจะต้องอาศัยน้องแจม ไปกับกลุ่มอื่นๆ
เจ้าหน้าที่นำทาง คนละ 300 บาทต่อวัน โดยมีข้อกำหนดว่า เจ้าหน้าที่ 1 คน ต่อนักท่องเที่ยว 3 คน เพื่อความปลอดภัยของเราเอง เราไปกี่คนก็ลองหารดูว่าต้องการเจ้าหน้าที่เท่าไหร่
สิ่งที่ต้องเตรียมเอาไปด้วย คือไฟฉายแบบมีที่คาดหน้าผาก อันนี้ย้ำว่าจำเป็น อย่าเอาแบบถือไป เพราะมันไม่มีมือจะถือเวลาอยู่ในถ้ำ
เมื่อเดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติลำคลองงู เราจะต้องเดินทางไปที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ลง. 1 (เขาพระอินทร์) ถ้าไม่รู้ทางก็ถามที่ที่ทำการอุทยานฯ สำหรับเราเราเลือกเดินทางมาตามทางหลวงหมายเลข 323 แล้วเลี้ยวขวาที่กิโลเมตร 26 (แยกพุทโธ) เข้าไปเรื่อยๆ ตามทางหลวงชนบท 3183 เลยที่ทำการฯ ไปตามป้ายที่เขียนว่า หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ลง. 1 (เขาพระอินทร์) ป้ายมันอาจจะหายากหน่อยในเวลาที่ยังไม่สว่าง เราต้องไปให้ถึงแคมป์พร้อมกับการกางเต็นท์ให้เรียบร้อยก่อน 8 โมงเช้า เรามาถึงบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ประมาณตี 4 ด้วยซ้ำไป ทางไปเขาพระอินทร์ก็เลยหายากเพราะป้ายมันมืดๆ แต่เราก็ไปถึงจนได้ แคมป์ของเราอยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 18 กิโลเมตร กางเต็นท์เสร็จ ก็ไปติดต่อศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เอาใบเสร็จที่เราโอนเงินค่าอาหารมาให้เจ้าหน้าที่ดู แล้วไปกินข้าว จากนั้นก็ต่อรถกระบะไปอีก 10 กิโลเมตร
การเดินทางพิชิตลำคลองงู พอรถกระบะมาส่งเราที่จุดเริ่มต้นการเดินป่า เจ้าหน้าที่จะเอาเสื้อชูชีพมาแจก ทุกคนต้องใส่เสื้อชูชีพเดินป่า เป็นอะไรที่แปลกที่สุดในชีวิตการท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ นั่นเป็นเพราะว่าเส้นทางเข้าถ้ำมันต้องว่ายน้ำเข้าไป ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะน้ำในถ้ำทั้งลึกและเชี่ยวมาก ตลกที่ในกลุ่มเพื่อนๆ เรามีคนว่ายน้ำไม่เป็นมาด้วย แต่การเดินทางของเราก็จบลงด้วยดี
เรื่องราวการเดินทางพิชิตถ้ำเสาหิน ผมจะไม่เขียนรายละเอียดมากในหน้านี้ เพราะมันจะยาวไป รูปก็อยากจะให้ดูกันเยอะๆ เต็มๆ คลิกเข้าไปอ่านแยกต่างหากแบบละเอียดที่ ถ้ำเสาหิน อช.ลำคลองงู หน้านั้นจะละเอียดมาก มีทั้งภาพนิ่งและคลิปวิดีโอภาพเคลื่อนไหวเลย
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องกึ่งเดินกึ่งปีน ไปตามโขดหินจำนวนมาก ยาวเป็นกิโลเมตรเลยทีเดียว เป็นช่วงการเดินที่ยากที่สุดของทริปนี้ หลังจากที่เดินผ่านป่าไผ่มาแล้วเป็นกิโลเหมือนกัน แล้วขากลับต้องเดินย้อนขึ้นทางเดิม สุดยอดอะ เหนื่อยไม่เบาเลยทีเดียว กลับมาบ้านขึ้นลงบันไดไม่สะดวกไป 2 วัน
ภาพนี้เป็นน้ำตกที่ปากถ้ำเสาหิน เป็นลานน้ำตกหินปูนกว้างมาก นั่งเล่นได้สบายๆ หลายคนเลย เป็นลานพักหลังจากที่เราเดินทะลุป่าไผ่และป่าหินมาแล้ว ก่อนที่จะเดินบุกเข้าไปในถ้ำ เพื่อว่ายน้ำไปชมเสาหินที่สูงที่สุดในโลก ถ้ำนี้เป็นจุดไฮไลท์ของอุทยานแห่งชาติลำคลองงู มาแล้วไม่เข้าก็เหมือนมาไม่ถึงละครับ
ภายในถ้ำเสาหิน ลำคลองงู นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของความลำบากลำบนปนสนุกสนานเฮฮาระหว่างที่เราจะต้องฟันฝ่ากับกระแสน้ำเชี่ยวในถ้ำ สลับกับการเดินบนพื้นหินตะปุ่มตะป่ำ ซ้ำยังมืดสนิทอีกต่างหาก แต่อย่างที่บอกละว่าหน้านี้มันแค่สรุปสั้นๆ อ่านต่อความมันส์ของลำคลองงูต้องไปอีกหน้าหนึ่ง ถ้ำเสาหิน อช.ลำคลองงู ด้วยความที่มันต้องเดินทางด้วยการลอยคอว่ายน้ำเข้าไป เราก็เลยเอาของสำคัญๆ ที่กลัวน้ำ ทั้งมือถือและกล้องใส่ถุงซิป แล้วก็ใส่ถุงกันน้ำไป แต่สุดท้ายน้ำก็เข้าถุงกันน้ำ เข้ากล้องผมได้อยู่ดี ดังนั้นถ้าอยากจะเอากล้องไปจริงๆ ก็ต้องป้องกันหลายๆ ชั้นจริงๆ ครับ ผมแนะนำให้ใช้ถุงกันน้ำ 2 ใบ 2 ขนาด เอาใบเล็กใส่ใบใหญ่ก็น่าจะรอด
เล่ามาถึงตรงนี้ก็ขอแชร์นิดครับ มีคนเอาถุงกันน้ำสำหรับกล้อง SLR ไปด้วย เป็นถุงรูปกล้องเลยอะนะ ใส่ไว้ในถุงกันน้ำ OCEAN PACK อีกชั้น ยังไม่รอดครับ น้ำท่วมกล้องน่าสงสารมาก ของผมยังเข้าแค่นิดหน่อย แต่ผมก็ต้องเอาแบตออก ถ่ายต่อไม่ได้เลย
ในที่สุดเวลาที่ใช้ 3 ชั่วโมงเศษ เรามาถึงเสาหินปูนที่สูงที่สุดในโลกแล้ว ความสูง 62.5 เมตร นอกจากนี้ก็ยังมีหินงอกหินย้อยและก้อนหินลายสวยๆ อีกเยอะแยะ แต่เรามองไม่ค่อยเห็นเพราะมันมืด พิชิตเสาหินแล้วก็เดินทางออกจาถ้ำโดยการปล่อยให้กระแสน้ำพาเราออกไป เร็วกว่าตอนเข้ามาเป็นไหนๆ
กระโดดน้ำลำคลองงู เป็นฉากที่ใครหลายๆ คนที่ได้มาสัมผัส ก็ต่างเอากลับมาเล่าลือให้เราฟังว่า มันเสียวมาก เจ้าหน้าที่พาเราออกจากถ้ำเสาหิน แต่ไม่ได้ออกทางเดิมที่เราเข้าไป เพราะทางที่เราเข้ามันไม่มีน้ำตกให้กระโดดแบบนี้ แต่ถ้าใครทำใจกระโดดไม่ได้จริงๆ ก็ต้องเดินย้อนไปทางเก่าอย่างที่ผมบอก คนที่มีกล้องกันน้ำ ก็ต้องระวังด้วยอย่าเอากล้องคล้องคอแล้วกระโดด ควรจะเอาสายกล้องไปผูกไว้กับเสื้อชูชีพไว้ด้วย เพราะหลายคนทำกล้องจมตรงนี้ ของผมก็จมเหมือนกัน กว่าจะงมขึ้นมาได้ก็ต้องรอหลายวันให้น้ำมันใส โชคดีที่งมเจอ สรุปว่ากล้อง SLR โดนน้ำทะลักเข้าถุงกันน้ำ แล้วยังเกือบเสียกล้องคอมแพคกันน้ำไว้ที่น้ำตกแห่งนี้อีก ซวยสุดเลยทริปนี้
ยามเย็นที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู การเดินทางที่แสนเหน็ดเหนื่อย แต่ก็มีความสุข ของการผจญภัยและได้เห็นสิ่งที่เป็นที่สุดของโลกในเมืองไทย เราเดินขึ้นเขาตามเส้นทางที่เราเดินลงไปในตอนเช้า การเดินย้อนกลับขึ้นมาตรงที่รถจอดอยู่เป็นเรื่องยากลำบาก เส้นทางขาขึ้นตลอด 3 กิโลเมตร ไม่ใช่เล่นๆ ทำเอาเราต้องหยุดพักถี่มาก แทบจะทุกๆ 20 ก้าวเลย หลายคนที่ได้ผ่านประสบการณ์ในวันนั้น ก็ได้ประจักษ์กับตัวเองแล้วว่า มันโหดอย่างที่เค้าเล่าลือกันหรือว่าที่พูดๆ ต่อกันมามันเป็นแค่ชิลๆ คนเดินป่าประจำ ออกกำลังกายประจำ ก็ย่อมไม่เหนื่อยมาก คนที่นานๆ มาเจอกับทริปแบบนี้สักที หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา
แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นความทรงจำดีๆ ของเราทุกคน หลังจากที่รถพาเราออกมาจากป่าเข้าหมู่บ้าน ถึงร้านโชห่วยประจำหมู่บ้านทุกคนกระโดดลงจากรถ (ใช้คำว่ากระโดดแต่ความจริงแล้วค่อยๆ เยื้องย่างลงมามากกว่าเพราะขามันอ่อนไปหมด) เข้าไปในร้านก็จัดทั้งของหวาน ขนม เครื่องดื่ม เต็มกำลัง
หลังจากที่เรากลับเข้ามาถึงแคมป์ ยังพอมีเวลาสำหรับอาบน้ำอาบท่า ไปยืนรอพระอาทิตย์ตก แล้วก็กินข้าวเย็น อาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่วิเศษสุด สำหรับคนที่เหนื่อยอ่อนอย่างพวกเรา ขนาดว่ากินรองท้องที่ร้านค้ามาแล้วนะ
ถ้ำนกนางแอ่น อช.ลำคลองงู หลังจากกินมื้อเย็น เรานั่งคุยกันหน้าเต็นท์อีก 2 ชั่วโมง แล้วสุดท้ายก็เข้าเต็นท์นอน รุ่งเช้าทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม เราต้องตื่นเช้าล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดินป่า หลายคนใช้ชุดเดียวกับเมื่อวาน แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร เรียกว่าให้มันเน่าเป็นชุดๆ ไปละกัน 8 โมงเช้าเราออกเดินทางจากแคมป์ด้วยรถคันเดียวกับเมื่อวาน ถ้ำนกนางแอ่นอยู่ใกล้กว่าถ้ำเสาหิน ระยะทางจากแคมป์เรา 6 กิโลเมตร พอมาถึงจุดที่ต้องเริ่มเดินป่า เราก็ต้องใส่เสื้อชูชีพอีกแล้ว การเดินป่าระยะทางสั้นกว่าไปถ้ำเสาหิน ประมาณครึ่งเดียว เจ้าหน้าที่บอกเราตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าทางเดินมันไม่ยาก แต่พอเอาเข้าจริงไม่เห็นต่างกันตรงไหน มันก็ลำบากเหมือนๆ กันเลย ดีอย่างเดียวว่าเราไม่ต้องเดินกลับทางเดิม เพราะเราต้องล่องน้ำไปขึ้นอีกทางหนึ่ง ทำให้ทางเดินกลับมันสั้นกว่าทางเดินไป
กิโลเมตรเศษๆ สำหรับเดินป่า เรามายืนอยู่ตรงประตูทะลุมิติ มันเป็นช่องเล็กๆ ทะเลภูเขาเลย เดินมาโผล่อีกทางเป็นโถงขนาดใหญ่เบื้องหน้า สมกับชื่อประตูทะลุมิติจริงๆ ตอนนี้เราก็มาถึง ถ้ำนกนางแอ่นเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ต้องออกตัวอีกว่า รายละเอียดการเดินทางไปถ้ำนกนางแอ่นอุทยานแห่งชาติลำคลองงูนั้น ผมแยกไปเขียนไว้อีกหน้าหนึ่งเหมือนกับถ้ำเสาหิน เพื่อให้ได้ภาพและอรรถรสเต็มๆ ในการหาข้อมูลของนักเดินทาง
นี่ก็เป็นปากถ้ำนกนางแอ่น ภายในถ้ำแห่งนี้มีความแปลกประหลาดอยู่ก็คือเจ้านกนางแอ่น มันมาอาศัยอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากนับไม่ถ้วน ดูมันบินวนเวียนไปมาเหมือนกับฝูงค้างคาวไม่มีผิด แต่มันไม่มีความสามารถในการส่งคลื่นเสียงเพื่อตรวจสอบการบิน บางทีมันก็บินชนกันเองตกลงมาตายอยู่บ่อยๆ สิ่งที่ทำให้เรารู้ว่ามันคือนกไม่ใช่ค้างคาวก็คือเสียงอันเซ็งแซ่ของพวกมันในยามที่บินวนเวียนอยู่ปากถ้ำ เสียงก้องเข้าไปในถ้ำ ฟังนานๆ แล้วรำคาญเหมือนกัน
กระโดดน้ำลำคลองงู อีกครั้งหนึ่งของความหวาดเสียวท้าความกล้า การกระโดดจากผาหินที่สูงยิ่งกว่าถ้ำเสาหิน เป็นเรื่องที่ทำให้ใครหลายๆ คนทำใจนานยิ่งกว่าเมื่อวาน นึกว่าการกระโดดน้ำจะมีอยู่แค่วันเดียว แต่ที่ไหนได้ วันที่ 2 โหดกว่าอีก เสียงเชียร์ให้กำลังใจปนกับเสียงฮา มันก็เกิดขึ้นที่ตรงนี้ 10 คนในกลุ่มเราใช้เวลาทำใจก่อนกระโดดจุดนี้นานมากทีเดียว แต่จุดนี้มันต้องกระโดดลงน้ำจริงๆ ครับ ไม่มีทางเลี่ยงเหมือนเมื่อวาน ฉะนั้นที่ปากถ้ำเสาหิน ควรจะกระโดดอย่าไปเลี่งเพราะวันที่ 2 มันจะได้กลัวน้อยลง
การเดินทางสู่ถ้ำเอเลี่ยน หลังจากที่ผ่านถ้ำนกนางแอ่นมาได้แล้ว กระโดดน้ำลอยคอมาตามคลอง สลับกับการเดินตรงน้ำตื้น แล้วก็สาวเชือกฝ่ากระแสน้ำเชี่ยว เรามาถึงถ้ำแห่งหนึ่ง อยู่ตรงกลางระหว้างถ้ำนกนางแอ่นกับถ้ำเอเลี่ยน ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่ไม่ลึกมาก แต่ก็มีขนาดโถงใหญ่ แสงจากด้านหน้าและด้านหลังส่องเข้ามาในถ้ำได้มากก็เลยไม่มืด ที่นี่มีผนังและเพดานถ้ำที่ประดับด้วยหินงอกหินย้อยมากมายนับไม่ถ้วน มีความสวยงามไม่แพ้ถ้ำอื่นๆ เลยละ
หินเอเลี่ยน เป็นหินไฮไลท์ที่สุดจนทำให้ถ้ำนี้มีชื่อว่าถ้ำเอเลี่ยน ภายในยังมีหินงอกหินย้อยที่สูงใหญ่และสวยงามอีกเยอะแยะ มีหินมือแม่นาค หินนางเงือก หินสิงโต หินหมู ฯลฯ แล้วแต่ว่าใครจะมองออกหรือไม่ออกว่าหมายถึงหินตรงไหน แต่หินมือแม่นาคเห็นแล้วสมจริงสยองสุดๆ หินเอเลี่ยนเองก็สวยแล้วก็เหมือนเอเลี่ยน เพื่อนๆ เราเอากล้องออกมาถ่ายรูปกันหลายรูป จนนักท่องเที่ยวกลุ่มหลังเดินตามมาทันตรงที่เราอยู่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็เร่งให้เราออกเดินทางกันต่อ ตั้งแต่เดินเที่ยวถ้ำมา ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าชอบถ้ำในวันนี้มาก จนอยากจะเดินที่ Trail 2 ถ้ำนกนางแอ่น + ถ้ำเอเลี่ยนทั้ง 2 วัน แทนการไปถ้ำเสาหิน ไม่นึกว่าธรรมชาติที่สวยงามขนาดนี้มีอยู่ในเมืองไทย แถมอยู่ที่กาญจนบุรีนี่เอง
สุดยอดความเสียวแห่งลำคลองงู ใต้หินเอเลี่ยนมีสายน้ำอยู่เบื้องล่าง ทางที่เราเดินเป็นผนังของถ้ำ ทางที่จะเดินต่อมันไม่มีแล้ว จากจุดนี้เราก็จะต้องกระโดดลงน้ำอีกครั้ง แต่ความเสียวที่จุดนี้มันมากกว่าจุดอื่นๆ เยอะ มันสูงที่สุดคือสูงจากน้ำประมาณ 8 เมตร สุดๆ เลยครับ ดังนั้นเมื่อมันเสียวมากเกินไป ก็ต้องมีทางเลี่ยง คนที่ไม่กล้ากระโดดให้เดินไปทางด้านซ้าย จะมีทางไต่ลงจากผนังถ้ำแบบเบาๆ ส่วนผู้กล้าทั้งหลายมันต้องกระโดดครับ ทั้งสนุกทั้งมันส์ ขนาดผู้ชายยังต้องยืนทำใจอยู่นานเลยกว่าจะกระโดดลงมาได้
หลังจากกระโดดลงไปแล้วเราก็แค่ลอยคอไปตามกระแสน้ำ พอไปถึงจุดหนึ่งเราต้องขึ้นจากน้ำ มีเจ้าหน้าที่ยืนรออยู่พร้อมกับบอกว่าให้เราชิดไลน์ด้านซ้ายเข้าไว้ ถ้าเราหลุดไลน์ซ้ายไปแล้ว ข้างหน้าเป็นกระแสน้ำที่เชี่ยวมากแล้วก็ไม่รู้ว่าเราจะไปขึ้นฝั่งได้ที่ตรงไหน พอขึ้นจากน้ำได้แล้วเราก็ต้องเดินกลับไปที่รถ ใช้เวลาไม่นานมาก ถึงรถก็เอาข้าวถุงออกมากิน แล้วก็เดินทางกลับแคมป์ อาบน้ำ เก็บเต็นท์ ออกเดินทางเพื่อกลับกรุงเทพฯ
น้ำตกนางครวญ เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ประกอบไปด้วยน้ำตก 3 ชั้นด้วยกัน ตามแผนจะมีการสำรวจเส้นทางเพื่อเปิดชั้นที่ 4 ต่อไปอีก แต่ตอนนี้มีให้เที่ยวแน่ๆ 3 ชั้น และที่เห็นอยู่นี้คือชั้นที่ 3 ระยะทางเดินประมาณ 1 กิโลเมตร จากลานจอดรถ น้ำตกนางครวญอยู่ใกล้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ระหว่างการเดินทางกลับจากแคมป์ที่หน่วยพิทักษ์ฯ ลง.1 เขาพระอินทร์ จะผ่านทางแยกเข้าน้ำตกนางครวญ ส่วนใครจะเข้าหรือไม่เข้าก็แล้วแต่ หลายคนก็ยังอยากเข้าอยู่ หลายคนก็บอกไม่ไหวแล้ว การเดินตลอด 2 วันที่ผ่านมาก็ทำเอาขาอ่อนไปหมดแล้ว แต่ขอบอกเลยครับว่าถ้าใครชอบน้ำตกไม่ควรพลาด จะต้องเดินมาให้ถึงชั้น 3 ให้ได้ สำหรับภาพและเรื่องราวการเดินทางเขียนแยกไว้อีกแล้วที่หน้า น้ำตกนางครวญ จะได้ดูภาพทั้ง 3 ชั้นกันเลยครับ
จบทริปลำคลองงู สุดท้ายของทริปนี้ มันส์ สนุก เหนื่อย เมื่อย ปวด ระบม เฮ้อ อีกครั้งที่เราจะได้พูดว่า มาทำไมเนี่ยน่าจะนอนอยู่บ้าน บ่น บ่น ไปงั้นแหละครับ แต่ที่จริงมีความสุขและดีใจที่ได้มา ถ้าไม่มาตอนนี้นานไปแก่ลงแล้วเดินไม่ไหว ก็ไปไม่ได้เนาะ
ออกจากน้ำตกนางครวญ ก็สมควรที่จะต้องถ่ายรูปป้ายอุทยานแห่งชาติลำคลองงูเอาไว้ ดอกหญ้าเล็กๆ เหลืองๆ ที่ขึ้นอยู่หน้าป้าย เก็บมาให้หมดเป็นภาพแห่งความทรงจำของพวกเรา แต่แปลกอยู่อย่างตรงที่ว่า มีหลายคนพูดว่า "ปีหน้ามาอีก" ไม่กี่ครั้งที่เราจะพูดแบบนี้เหมือนกันหลายคน คงเป็นเพราะมันสวยจริงไรจริง ลองไปดูครับ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่สุดในโลก ... ลำ คลอง งู ...
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ