เวลาเปิด-ปิด:08:00 - 17:00
โทร:081 917 6421
ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.สำนักงานฉะเชิงเทรา โทร.038 514 009
https://www.facebook.com/TAT-Chachoengsao-175554016247495/
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
พระอุโบสถสีทองวัดปากน้ำโจ้โล้ ขอเกริ่นถึงเรื่องการเดินทางมาที่นี่กันก่อนนะครับ ทีแรกเราไม่ได้ตั้งใจที่จะมาที่นี่แต่แรก ในวันนั้นเราตระเวนเก็บภาพจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หลายแห่งในอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จากนั้นก็เลยแวะมาชมการก่อสร้างเทวสถานอุทยานพระพิฆเณศ แล้วก็ขับไปเรื่อยๆ ลัดเลาะไปตามพื้นที่การเกษตรของชาวฉะเชิงเทราในพื้นที่อำเภอคลองเขื่อน จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปยัง อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ระหว่างทางผ่านมาเห็นตลาดนัดในวัดปากน้ำโจ้โล้แล้วได้เห็นพระอุโบสถสีทองอร่ามทั้งหลัง จึงได้ตัดสินใจเลี้ยวรถเข้ามาจอด ในวัดมีลานจอดรถกว้างขวางเปิดเป็นพื้นที่ตลาดนัดบางส่วนแต่ก็ไม่แน่นมากยังมีที่จอดรถอีกมากทั้งด้านหน้าพระอุโบสถและด้านหลังซึ่งพอจะมีลานเล็กๆ อยู่ผมเลือกจอดรถด้านหลังเพราะเป็นทางแสงไม่งั้นจะถ่ายรูปลำบาก สิ่งที่ได้เห็นนับว่าสวยงามกว่าที่เห็นก่อนที่จะเลี้ยวรถเข้ามามาก แม้ว่ากำแพงแก้ววัดปากน้ำโจ้โล้จะยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและตกแต่งลงสีแต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความสวยงามคุ้มค่าที่ได้แวะเข้ามาอย่างที่เห็น
พระอุโบสถวัดปากน้ำโจ้โล้ด้านหลัง เมื่อจอดรถได้แล้วก็เดินเข้ามาจากประตูหลังของกำแพงแก้วจึงได้พบว่าพระอุโบสถนั้นสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว คงเหลือเพียงการก่อสร้างกำแพงแก้วเท่านั้น สิ่งที่เห็นตรึงตาตรึงใจให้เราต้องอยู่ที่วัดนี้ซึ่งไม่ได้เป็นเป้าหมายของการเดินทางแต่แรกไปถึง 1 ชั่วโมง ตั้งแต่หลังคาเรื่อยลงมาที่หน้าบัน เสา ประตู ใบเสมา พระพุทธรูปบนฐานที่สร้างไว้ที่ผนังด้านหลัง ซุ้มประตู บานประตู ทุกอย่างใช้เป็นสีทองทั้งหมด ลวดลายยังสวยงามมากอีกด้วย
ภายนอกอุโบสถ ประกอบด้วยกำแพงแก้วสี่ด้าน มีซุ้มประตุ 2 ด้าน ส่วนอีก 2 ด้านเป็นช่องประตูมียักษ์ทวารบาล หรือที่เราจะรู้จักกันดีคือท้าวเวสสุวรรณ ด้านที่มีซุ้มประตูจะมีด้านหนึ่งมีพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ หรือช้างสามเศียร เสากำแพงแก้วสร้างเป็นช้างสามเศียร ตามนิมิตของเจ้าอาวาสว่ามีช้างมาเป็นผู้ช่วยให้การบูรณะและก่อสร้างต่อเติมอุโบสถหลังนี้ให้สำเร็จลุล่วงลงได้ ทุกสิ่งทุกอย่างใช้สีทองทั้งงหมด ตกแต่งด้วยลายปูนปั้น ละเอียดละออสวยงามมาก เห็นแล้วนึกถึงวัดในเขตจังหวัดเพชรบุรีซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีช่างสิบหมู่ด้านงานปั้นอยู่ด้วย
หลังจากที่เดินชมบริเวณรอบนอกโบสถ์แล้วเดี๋ยวต่อจากนี้จะได้เข้าไปภายใน ก่อนหน้านั้นเราลองมาเดินดูรอบๆ ให้ชัดๆ กันดีกว่า
รอบอุโบสถ เริ่มจากโคนเสาอุโบสถสีทอง มาดูที่โคนเสาเป็นงานปูนแม่พิมพ์รูปยักษ์เหมือนกันทุกต้นแต่ละต้นมียักษ์ยืนอยู่ 1 ตน เฉพาะเสาต้นมุมจะมียักษ์ 2 ตน แม่ว่าจะเป็นการใช้แม่พิมพ์แต่ลวดลายที่ได้ก็ค่อนข้างมีรายละเอียดมาก
ใบเสมา อยู่บนซุ้มสีทองทั้ง 8 ใบ แต่ละซุ้มก็มีลวดลายสวยมาก
บันได มีคชปักษาคู่ เป็นเอกลักษณ์ของทางวัดปากน้ำโจ้โล้ เพราะที่อื่นๆ มักจะใช้สัตว์อื่น เช่น พญานาค หรือไม่ก็ มอม
ระเบียงพระอุโบสถ ทำด้วยปูนโดยใช้แม่พิมพ์รูปหนุมานแบกแท่น เรียงรายตามช่องที่เท่าๆ กันช่องละ 4 ตัว
ผนังพระอุโบสถด้านหลัง ตอนนี้เราก็จะเข้าไปภายในพระอุโบสถสีทองของวัดปากน้ำโจ้โล้กันแล้วแต่ก่อนหน้านั้นมาดูผนังด้านนอกกันก่อน พระพุทธรูปปางห้ามสมุทรประดิษฐานอยู่ตรงกลางระหว่างช่องประตู 2 ช่อง ด้านหน้าของพระอุโบสถมีประตู 3 ช่อง จึงประดิษฐานพระพุทธรูปบนฐานแทนการสร้างติดอยู่บนผนัง
ลวดลายฐานองค์พระ ดูภาพรวมของผนังด้านหลังแล้วคราวนี้ก็ดูที่ฐานขององค์พระพุทธรูปว่ามีลายละเอียดที่สวยงามขนาดไหน ชั้นล่างสุดเป็นเทพพนม 9 องค์ ชั้นกลาง เทพพนม 3 องค์บนพญานาค 3 เศียรหันหลังเข้าหากัน แล้วยังมีชั้นบนขึ้นไปอีก งดงามมากครับ ที่เห็นอยู่ 2 ข้างของภาพเป็นส่วนหนึ่งของขอบซุ้มประตูทางเข้าภายในพระอุโบสถซึ่งมีลวดลายงดงามมากเช่นกัน
คชปักษา สำหรับสัตว์หิมพานต์ที่สร้างขึ้นตรงข้างบันไดทางขึ้นพระอุโบสถทั้ง 2 ด้านนี้ ผมก็พยายามที่จะค้นคว้าหาข้อมูลมาให้ได้ ลักษณะของสัตว์ที่สร้างขึ้นมานี้เรียกกันว่าคชปักษา มีร่างกายพื้นฐานเป็นนก ส่วนหัวเป็นช้าง ท่อนล่างเป็นหงส์ ส่วนลำตัวและแขนคล้ายเป็นครุฑ
ภายในอุโบสถวัดปากน้ำโจ้โล้ ได้เวลาเข้ามาด้านในแล้ว ทีเรกนึกว่าเข้าไม่ได้เพราะประตูทั้ง 4 ปิดหมดเลย พอได้เจอพระเดินมาท่านบอกว่ามีอยู่ด้านหนึ่งไม่ได้ล็อค ที่ต้องปิดไว้เพราะกลัวนกและหมาจะเข้ามา พอเข้ามาก็เลยมีแสงสว่างน้อยไปนิดแต่ก็พอมองเห็นรายละเอียดที่สวยงามไม่แพ้ด้านนอก ตั้งแต่ฐานชุกชีพระประธาน ไปจนถึงซุ้มประตูหน้าต่าง
พระประธานวัดปากน้ำโจ้โล้ การสร้างพระอุโบสถนิยมใช้พระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นองค์ประธานในพระอุโบสถหรือวิหารครับ ความสวยงามของภายในพระอุโบสถนั้นไม่ต้องบรรยายกันมากเลยทีเดียว การนำลวดลายปูนปั้นจำหลัก หรือใช้แม่พิมพ์สร้างงานขึ้นมาประดับตกแต่งภายในพระอุโบสถซึ่งใช้สีทองทั้งหมดเหมือนกับภายนอก แทนการใช้ภาพจิตรกรรมฝาผนัง นับว่าเป็นเอกลักษณ์ของวัดปากน้ำโจ้โล้และเป็นจุดเด่นที่สวยงามมากๆ เลยทีเดียวครับ
นอกเหนือจากพระองค์ประธานในพระอุโบสถแล้วยังมีหลวงพ่อโสธรองค์จำลองประดิษฐานอยู่ อีกด้านหนึ่งเป็นพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชให้ประชาชนได้สักการะบูชากันครับ และอย่าลืมว่าวัดแห่งนี้เคยถูกทหารพม่าใช้เป็นฐานเมื่อครั้งยกทัพมา แต่ต้องถูกกองทัพสมเด็จพระเจ้าตากสินมาตีจนพ่ายแพ้ไป จึงเป็นสถานที่ที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของชาติแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
ภายในอุโบสถยังมีกระถางธูปเชิงเทียนตั้งไว้ให้จุดได้ แต่ต่อไปอาจจะต้องไปจุดข้างนอกกันแล้วครับไม่งั้นควันคงไปจับตามสีทองของเพดานแน่ๆ นอกจากนี้ฐานพระประธานจะสร้างเป็นห้องมีประตูทะลุหน้า-หลัง เชื่อกันว่าหากได้มาลอดฐานพระประธานจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
ทางวัดจัดชุดถวายเป็นพุทธบูชาไว้ให้ ทำบุญตามศรัทธาประกอบด้วยธูปเทียน กรวย และลูกแก้วใสๆ วางอยู่บนพาน ให้สวดบทขอขมาพระรัตนตรัย
ตักบาตรพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ สิ่งสำคัญลำดับต่อมาคือการได้ทำบุญที่เรียกว่าการตักบาตรพระพุทธเจ้าซึ่งมีอยู่ 28 พระองค์ แต่ละพระองค์จะมีพระนามติดอยู่ที่ฐาน ที่ต่างจากวัดอื่น ก็ตรงที่วัดอื่นจะให้ตักบาตร 108 อันนี้ก็แล้วแต่ศรัทธาครับ แต่เชื่อว่าหลายคนไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้ามี 28 พระองค์ ก็จะได้มารู้ที่วัดปากน้ำแห่งนี้
ซุ้มประตูหน้าต่าง
เจ้าชายสิทธัตถะออกผนวช เป็นลวดลายนูนต่ำอยู่ด้านข้างของฐานพระประธานครับ นอกจากนี้ยังมีลวดลายอื่นๆ อีก ความสวยงามแบบนี้คงต้องไปดูด้วยตาตัวเองเท่านั้นแล้วละครับ ผมขอจบการพาชมอุโบสถสีทองวัดปากน้ำโจ้โล้ไว้เท่านี้ก่อนครับ ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากลองไปเดินดูครับ สำหรับวันพุธจะมีตลาดนัดครับ มีของกินมากมายให้เลือกด้วย
รายละเอียดรอบอุโบสถ หลังจากไหว้พระทำบุญกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ออกมาด้านนอกยังติดใจความสวยงามของโบสถ์สีทองอยู่ เลยลองหามุมเก็บรายละเอียดส่วนเล็กส่วนน้อยมาให้ชม
ท่าน้ำหน้าวัด เรียกว่าเป็นท่าน้ำหน้าวัดก็แล้วกันแม้ว่าในปัจจุบันการคมนาคมจะมาทางรถสะดวกกว่าทางเรือจนดูเหมือนด้านที่ติดแม่น้ำจะเป็นหลังวัดไปแล้วก็ตาม เมื่อมายืนที่ท่าน้ำมองไปทางซ้ายมือเราจะเห็น อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก ถ้ามีโอกาสมาแล้วก็สักการะทั้งสองที่ ก่อนไปหาอะไรกินที่ตลาดน้ำบางคล้า เท่านี้ทริปก็จบอย่างสมบูรณ์อิ่มบุญอิ่มท้องแล้วครับ
"ผ่านมากี่ปีกี่ปีก็ยังสวย วันนี้คนมาเยอะมาก ลานจอดรถเต็มหมดเลย "
Akkasid Tom Wisesklin
2019-03-30 13:38:50
5/5 จาก 1 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ