วัดทุ่งเสลี่ยมตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 3 บ้านทุ่งเสลี่ยม ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างเมื่อวันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2461 ตรงกับปีมะเส็ง จุลศักราช 1279 เดือน 4 ขึ้น 6 ค่ำ โดยชาวบ้านได้บริจาคเงินดำเนินการสร้างวัด มีเนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน และเจริญมาตามลำดับ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันอังคารที่ 24 ตุงลาคม พ.ศ. 2482 ตรงกับปีเถาะ จุลศักราช 1301 เดือน 11 ขึ้น 11 ค่ำ
วัดทุ่งเสลี่ยมเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาปางนาคปรกสมาธิสลักจากหินทรายสีเทา สวมมงกุฏเทรื่ด ติ่งหูทั้งสองประดับด้วยตุ้มหูทรงกรวย ต้นแขนทั้งสองข้างประดับกำไล นั่งสมาธิบนฐาน 3 ชั้น มีพญานาค 7 เศียร ปรกอยู่เหนือเศียร หน้าตักกว้าง 44 ซม. สูง 85.5 ซม. เป็นศิลปลพบุรีแบบบายน สันนิษฐานว่าสร้างประมาณปี พ.ศ. 1300-1800
เดิมหลวงพ่อศิลาประดิษฐานอยู่ที่ถ้ำเจ้าราม อยู่ในเขตติดต่อระหว่าง อ.ทุ่งเสลี่ยม อ.บ้านด่านลานหอย ซึ่งเป็นถ้ำหินขนาดใหญ่ ภายในมีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อปี พ.ศ. 2472 ท่านครูบาก๋วน จากวัดแม่ปะหลวง อ.เถิน จ.ลำปาง ได้รวบรวมผู้คนเดินทางไปยังถ้ำเจ้าราม เพื่ออัญเชิญพระพุทธรูปศิลานาคปรกออกจากถ้ำเจ้าราม เมื่อคณะของท่านครูบาก๋วนอัญเชิญพระพุทธรูปนาคปรกมาถึงบริเวณวัดทุ่งเสลี่ยม เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นท้องฟ้าที่แจ่มใสแสงแดดที่ร้อนแรงของเดือนเมษายน ก็ถูกบดบังด้วยเมฆฝน เกิดฝนตกหนักเป็นเวลานาน เมื่อฝนหยุดตกก็มีฝูงค้างคาวบินวนเวียนอยู่เหนือบริเวณวัดแล้วจึงบินกลับถ้ำเจ้ารามไป ชาวบ้านทุ่งเสลี่ยมได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปศิลา ดังนั้นจึงได้พร้อมใจกันอัญเชิญพระพุทธรูปนาคปรก ประดิษฐานไว้ ณ วัดทุ่งเสลี่ยม ตั้งแต่บัดนั้นและเรียกว่า "พระศิลา"
ครั้นเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2520 ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ได้มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนเข้าโจรกรรมพระพุทธรูปศิลาไปจากวัดทุ่งเสลี่ยม พระพุทธรูปศิลาจึงหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
จนเมื่อถึงปี พ.ศ. 2538 ได้มีกลุ่มอนุรักษ์ขาวไทยในลอนดอนได้พบภาพพระพุทธรูปศิลาจากสถาบันการประมูลวัตถุโบราณ จึงได้ส่งจดหมายและภาพถ่ายของพระศิลาถึงบรรณาธิการนิตยสารศิลปวัฒนธรรม และได้ตีพิมพ์ปีที่ 10 ฉบับวันที่ 6 เมษายน 2538 พร้อมแสดงความคิดเห็นว่าน่าจะเป็นศิลปวัตถุที่ลักลอบมาจากประเทศไทย จากเบาะแสดังกล่าวทำให้ชาวทุ่งเสลี่ยม และคนไทยตื่นตัวที่จะติดตามเอาพระพุทธรูปศิลากลับคืน
จากการดำเนินการติดตามที่จริงจังทั้งจากภาครัฐ โดย ร.ต.ท. เชาวริน ลิทธศักดิ์ศรี รมช. กระทรวงศึกษาธิการสมัยนั้น และเอกชนที่ได้รับการสนับสนุนโดย บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) บริจาคเงินจำนวน 5,200,000 ทำให้สามารถติดตามพระพุทธรูปศิลากลับคืนมาตุภูมิได้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2539 คณะทำงานได้อัญเชิญขึ้นน้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในปีกาญจนาภิเษก เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2540 และพระองค์ทรงโปรดพระราชทานให้นำพระพุทธรูปศิลานาคปรกกลับคืนไปประดิษฐาน ณ วัดทุ่งเสลี่มดังเดิม เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้คนรู้จักพระพุทธรูปศิลามากขึ้น และต่างเรียกกันว่า หลวงพ่อศิลา การอัญเชิญพระพุทธรูปศิลากลับวัดทุ่งเสลี่มถึงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2540
ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปีจะมีงานสมโภชหลวงพ่อศิลากลับคืนสู่วัดทุ่งเสลี่ยม
ข้อมูลเพิ่มเติม:โทร. 055-626370, 086-671-5336
แก้ไขล่าสุด 0000-00-00 00:00:00 ผู้ชม 19821
การเดินทาง
แผนที่
ที่เที่ยว/ที่พัก
กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ
ซุ้มประตูวัดทุ่งเสลี่ยม หลังจากที่ไหว้พระพุทธรูปทองคำวัดพิพัฒน์มงคล แล้วก็เดินทางต่อมายังวัดทุ่งเสลี่ยมเพื่อนมัสการขอพรหลวงพ่อศิลา วัดทั้งสองอยู่ห่างกันไม่มาก เมื่อเข้ามาถึงอำเภอทุ่งเสลี่ยมนี้แล้วควรจะได้ไหว้พระทั้งสองวัดนี้ เส้นทางอาจจะวกวนไปสักหน่อยกว่าจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวามาถึงวัดทุ่งเสลี่ยมแต่ก็มีป้ายบอกทางมาไหว้หลวงพ่อศิลาตลอดทางไม่มีหลง
วิหารหลวงพ่อศิลา ตั้งอยู่กลางวัดเด่นเป็นสง่าด้วยความสวยงาม วิหารทรงจตุรมุขมีมุขด้านหน้ายาวกว่าด้านอื่น เป็นสถานที่เดียวที่ประชาชนจะมุ่งตรงเข้ามา
ในวิหารหลวงพ่อศิลา หลวงพ่อศิลาประดิษฐานบนบุษบกตกแต่งด้วยสีทองเหลืองอร่ามสวยงามบริเวณด้านหน้าสำหรับประชาชนเข้ามากราบไหว้พระ จะมีข่าวสารปาฏิหาริย์และประวัติของหลวงพ่อศิลาจากสื่อต่างๆ เก็บไว้ให้ศึกษา ที่สำคัญคือเหตุการณ์ไฟไหม้ แล้วองค์หลวงพ่อศิลารวมทั้งรูปของหลวงพ่อเท่านั้นที่ไม่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ครั้งนั้น ความศักดิ์สิทธิ์นี้ก็แพร่ขจายออกไป ประชาชนจากทุกสารทิศหลั่งไหลมาไหว้หลวงพ่อศิลากันอย่างมาก