ข้อมูลเพิ่มเติม:การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพฯ โทร.02 250 5500
http://www.tourismthailand.org/bangkok
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ลัดเกร็ด ชื่อคลองที่มนุษย์ขุดขึ้นมาเกิดจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณบ้านแหลมซึ่งโค้งวกเข้าไปทางบางบัวทองจนถึงท่าอิฐ ขุดในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระเมื่อ พ.ศ. 2265 ขนาดคลองกว้าง 6 วา ยาว 39 เส้น ลึก 6 ศอก ต่อจากนั้นสายน้ำก็เปลี่ยนเส้นทางทำให้แผ่นดินตรงนี้แยกออกเกิดเป็นเกาะเกร็ด คลองลัดเกร็ดกว้างจนต้องเรียกว่า แม่น้ำลัดเกร็ด แทน
การจะเดินทางไปวัดฉิมพลี จะไปด้วยเรือจากท่าน้ำวัดกลางเกร็ด จะใกล้ที่สุด แต่เรามากับทริปไหว้พระ ๙ วัดรอบเกาะเกร็ด ก็เลยเดินทางจากท่าน้ำวัดปรมัยยิกาวาส อันเป็นวัดลำดับที่ 5 ของการไหว้พระ 9 วัด เมื่อเรือออกจากวัดปากอ่าว มองย้อนหลังกลับไปก็จะเห็นปากแม่น้ำลัดเกร็ด ที่มีวัดอยู่ทั้ง 2 ฟากซ้ายขวา อีกด้านหนึ่งก็คือวัดสนามเหนือนั่นเอง
วัดกลางเกร็ด เป็นวัดที่เราจะเห็นอยู่ซ้ายมือตอนที่เรือใกล้ถึงวัดฉิมพลีทางขวามือ วัดทั้งสองมีท่าน้ำอยู่ตรงข้ามคนละฟากกันพอดี มีเรือบริการข้ามฟากสำหรับคนที่จะมาเที่ยวเกาะเกร็ดด้วย แต่ดูเหมือนไม่เป็นที่นิยมเท่ากับท่าน้ำของวัดสนามเหนือ หลังจากที่ไหว้พระวัดฉิมพลีแล้ว วัดกลางเกร็ดก็คือวัดต่อไปนั่นเอง
ศาลาริมน้ำวัดฉิมพลี
พระอุโบสถ หลังจากที่ขึ้นจากท่าน้ำแล้วเดินตรงดิ่งมาเลย เราก็จะมาอยู่หน้าซุ้มประตูของกำแพงแก้วรอบอุโบสถ กำแพงแก้วที่นี่สร้างเหมือนกับเป็นกำแพงเมือง หรือกำแพงค่ายมากกว่าจะเป็นกำแพงวัดดูแปลกตาดี มีหงส์คู่อยู่ข้างประตูด้านนอก
ตุ๊กตาจีน เป็นตุ๊กตาขุนนางจีนแต่งตัวเต็มยศมีขนาดใหญ่มากสำหรับวัดในต่างจังหวัดจะไม่มีให้เห็น นอกจากวัดฉิมพลีแห่งนี้เท่านั้น (อาจจะมีแต่เล็กกว่านี้เยอะ) ตุ๊กตาจีนนี้เรียกกันว่าอับเฉา เป็นศัพท์ของการเดินเรือ มีหน้าที่ถ่วงเรือไม่ให้โคลงเพราะแรงคลื่น ในยามที่ต้องเดินทางไกลด้วยเรือสำเภาโดยเฉพาะเมื่อเสร็จจากการค้าขายแล้วจะเหลือแต่เรือเปล่า แม้จะดูเหมือนว่าไม่ใช่ตุ๊กตาสำคัญอะไร แต่ก็ทำขึ้นมาได้อย่างสวยงาม จนนิยมเอามาประดับตกแต่งในวัดที่สำคัญๆ ในกรุงเทพฯ
ประตูโบสถ์มหาอุตม์ เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของวัดฉิมพลี คือโบสถ์มหาอุตม์ขนาด 5 ห้อง ฐานโค้งเหมือนท้องเรือสำเภา สำหรับลักษณะของโบสถ์ที่จะเรียกว่าเป็นแบบมหาอุตม์นั้นให้ดูที่ประตูทางเข้ามีทางเดียวแบบนี้ บางแห่งอาจจะไม่มีหน้าต่างเลย เชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง
ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระประธานบนฐานชุกชีปูนปั้นปิดทอง มองจากไกลๆ ไม่ค่อยเห็นรายละเอียดของงานฝีมือปูนปั้นสักเท่าไหร่ แต่ว่ากันว่ามีความสวยงามมาก
ไหว้พระในโบสถ์เสร็จแล้ว แนะนำให้เดินออกมาด้านนอกโบสถ์เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง ออกจากประตูโบสถ์แล้วเราเลี้ยวซ้ายมาชมเจดีย์ย่อมุมไม้สิบหกประดับกระจกสีสวยงามมาก ที่มีอยู่เพียงองค์เดียวในนนทบุรี เป็นเจดีย์ที่อยู่คู่กับวัดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
พระสังกัจจายน์ เทพเจ้าแห่งโชคลาภเงินทอง อยู่ในศาลาเล็กๆ มุมกำแพงโบสถ์ ด้านหลังพระสังกัจจายน์ มีศาลาพระปางบำเพ็ญทุกรกิริยา ในเต็นท์รอบโบสถ์ก็จะมีพระพุทธรูป พระศรีอาริยเมตตรัย ที่สร้างในสมัยอยุธยาด้วย
พระปรางค์สมัยอยุธยา
เรือนไม้โบราณ ถัดจากปรางค์ด้านข้างอุโบสถเดินตามถนนมาเรื่อยๆ จะเห็นเรือนไม้เก่าแก่แบบนี้อยู่ 2 หลัง ด้านหน้าเรือนไม้มีหอระฆังทองเหมือนก็เป็นหอระฆังเก่าของวัดแห่งนี้ด้วย
เรือต้นตะเคียน หลายต่อหลายครั้งที่เรามักจะได้ยินว่ามีการนำเอาไม้ตะเคียนมาปลูกบ้าน มาขุดเป็นเรือ แต่ก็ยังไม่ค่อยจะได้เห็นของจริงสักที ที่วัดฉิมพลีสุทธาวาสมีให้ชมอยู่ลำหนึ่ง อยู่ในศาลาริมน้ำ
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ