ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. พัทยา โทร. 0 3842 7667, 0 3842 8750 Call Center 1337
http://www.tourismthailand.org/pattaya
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
ชลทัศนสถาน เป็นสถานที่แสดงปลาทะเลและความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล อยู่ระหว่างพระจุฑาธุชราชฐานกับศิลาจารึก นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้ข้อมูลน่ารู้ต่างๆ เกี่ยวกับทะเลได้มากมาย
โครงกระดูกปลาวาฬบรูก้า ปลาวาฬบรูก้า ชื่อวิทยาศาสตร์ Balaenoptera edeni Anderson, 1878 ปลาวาฬบรูก้า เป็นปลาวาฬชนิดไม่มีฟันแต่มีบาลีน เป็นแผ่นกรองคล้ายหวี ใช้กรองฝูงปลากินเป็นอาหาร เช่นปลาทู ปลากะตัก เป็นต้น ความยาวเฉลี่ยประมาณ 13 เมตร ลำตัวสีเทาอมน้ำเงิน ด้านท้องสีขาวอมชมพู พบแพร่กระจายอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะในเขตร้อนและเขตกึ่งร้อน ในเขตละติจูด 40 องศาเหนือถึงใต้ ไม่พบการอพยพย้ายถิ่นฐานเป็นระยะทางไกล มักพบครั้งละ 1-2 ตัว ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ระยะเวลาตั้งท้องประมาณ 1 ปี ลูกปลาวาฬบรูก้าแรกเกิดมีความยาวประมาณ 3-4 เมตร ปลาวาฬบรูก้าเป็นปลาวาฬเพียงชนิดเดียวที่พบว่าอาศัยอยู่ประจำถิ่นในอ่าวไทยและมีขนาดเล็กกว่าที่พบจากแหล่งอื่นๆ ทั่วโลก ทำให้มีนักวิทยาศาสตร์ต่างชาติหลายท่านพยายามศึกาาและตั้งชื่อปลาวาฬบรูก้าในอ่าวไทยให้เป็นปลาวาฬชยิดใหม่ของโลก ปัจจุบันพบซากโครงกระดูกและสถิติทั่วประเทศรวมกว่า 100 แห่ง ตัวนี้พบเกยตื้นใกล้หาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2540
ดูแลรักษาโดย ดร.สุรพล สุดารา และนิสิตภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเลรุ่น 31 (พ.ศ.2540)
ชลทัศนสถาน ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศกาลเกี่ยวกับท้องทะเล ปลาทะเล พร้อมข้อมูลน่าศึกษามากมาย
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ...เกาะสีชังนิดหนึ่งเท่านี้ เมื่อเสาะแสวงหาสิ่งซึ่งเปนประโยชน์ โดยความเอื้อเฟื้อก็ยังได้เห็นสิ่งทั้งปวงซึ่งมาประกอบให้เปนประโยชน์ได้ถึงเพียงนี้ จะต้องสงไสยไปใยเล่าถึงแผ่นดินซึ่งกว้างใหญ่กว่านี้ อันมีเหลือว่างอยู่มาก เมื่อได้ประกอบการให้เปนประโยชน์ จะเปนประโยชน์ยิ่งใหญ่กว่านี้มาก... ส่วนราษฎรที่อยู่ในเกาะนี้เมื่อได้มาเห็นสิ่งของซึ่งตั้งอยู่ก็จะคิดเห็นได้ว่า บันดาสิ่งทั้งปวงซึ่งอยู่ใกล้ๆ ในตาเรา ที่ไม่คิดเห็นแต่ก่อนแลยว่าจะเปนประโยชน์อันใด กลับเห็นประโยชน์ที่ควรจะประกอบการซื้อขาย ได้ประโยชน์เปนเงิน เปนทองได้ เพราะได้เห็นตัวอย่างดังนี้ นับว่าเปนการมีคุณค่าแก่ชาวเกาะนี้...
พระราชทานเมื่อวันเปิดการแสดงพิพิธภัณฑ์ ที่เกาะสีชัง
วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2435
ข้อความจากราชกิจจานุเบษา เล่ม 8 แผ่นที่ 14 วันที่ 5 กรกฎาคม ร.ศ. 110 หน้า 112
ประวัติเกาะสีชัง พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวร รวมทั้งภาพสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่ของพระจุฑาธุชราชฐาน พร้อมประวัติความเป็นมาดังนี้
เกาะสีชังได้ชื่อว่าเป็นสถานที่มีอากาศบริสุทธิ์ มีภูมิประเทศสวยงาม ประกอบกับอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก ในอดีตจึงนิยมใช้เป็นสถานที่พักตากอากาศและพักรักษาตัวของผู้ป่วย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์เสด็จประพาสเกาะสีชังหลายครั้งด้วยเรือกลไฟลำแรกของประเทศไทย คือ เรือสยามอรสุมพล และได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดบนเกาะสีชัง
ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์เสด็จประพาสเกาะสีชังอยู่เสมอและประทับอยู่เป็นเวลานาน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชฐาน เมื่อ พ.ศ.๒๔๓๕ เพื่อเป็นที่ประทับในฤดูร้อน ขณะนั้น พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี (ต่อมาคือ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ) มีพระประสูติการพระราชกุมารที่เกาะสีชัง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก (ต่อมาคือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย) และพระราชทานนามพระราชฐานที่ทรงสร้างขึ้นใหม่แห่งนี้ตามพระนามพระราชโอรสว่า พระจุฑาธุชราชฐาน
ข้อมูลน่ารู้ในชลทัศนสถาน ชลทัศนสถาน เป็นสถานที่ในการจัดนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับทะเลของไทย โดยมีระบบนิเวศน์ทั้งแบบหาดทรายและหาดหิน เพราะเกาะสีชังมีทั้งหาดทราย และหาดหิน นอกจากนี้ยังมีเกาะสีชังจำลองและเปลือกหอยชนิดต่างๆ มากมาย
เปลือกหอยชนิดต่างๆ
ปะการังชนิดต่างๆ บนชั้น 2 มีการแสดงปะการังหลายชนิดในตู้กระจกและมีแว่นขยายให้ส่องขยายปะการังดูรายละเอียดทำให้เห็นความสลับซับซ้อนของสิ่งมีชีวิตในทะเลอันสวยงาม
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ