Notice: Undefined index: ses_user in /home/touronth/domains/touronthai.com/public_html/roadtrips/tripview.php on line 5
ผีตาโขนไนท์พาเหรดแฟนซี เที่ยวงานผีสไตล์คนไม่เอาถ่านเส้นทางขับรถเที่ยวเอง ทัวร์ออนไทยดอทคอม

www.touronthai.com

หน้าหลัก >> เส้นทางขับรถเที่ยว >> ผีตาโขนไนท์พาเหรดแฟนซี เที่ยวงานผีสไตล์คนไม่เอาถ่าน

ผีตาโขนไนท์พาเหรดแฟนซี เที่ยวงานผีสไตล์คนไม่เอาถ่าน

   ...ภาคต่อของเส้นทางขับรถเที่ยวจังหวัดเลยสไตล์ทัวร์ออนไทยมาแล้ววว ในเรื่อง วันเดียวเที่ยวเชียงคาน เที่ยวสบายสไตล์คนไม่เอาถ่าน หลังจากที่คราวที่แล้วพาเที่ยวเชียงคานใน 24 ชั่วโมง เรื่องนี้เรามาเล่าต่อหลังจากไปเชียงคานมา ทริปของเราตรงกับงานผีตาโขนไนท์พาเหรดแฟนซี (คนละงานกับงานบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขนใหญ่นะ) Phi Ta Khon Night Parade Fancy เป็นงานที่จัดการแห่ผีตาโขนในเวลากลางคืน ตรงตามชื่องานนั่นแหละ สถานที่จัดงานก็ไม่ได้จัดที่วัดโพนชัยเหมือนงานใหญ่ ผีตาโขนกลางคืนจัดที่วัดโพธิ์ศรี บ้านนาเวียงใหญ่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็นงานเล็กกว่าแต่สนุกไม่แพ้กัน เดี๋ยวรีวิวนี้จะเอาบรรยากาศมาให้ดูกัน ^^

    สำหรับทริปนี้ถ้ามีเวลา 3 วัน 2 คืน เริ่มเที่ยวตามรอยทัวร์ออนไทยมาตั้งแต่เชียงคาน มาจนถึงด่านซ้าย ไปภูเรือ แล้วค่อยกลับ จะเป็นทริปที่เพอร์เฟคมากเพราะเก็บได้ 3 อำเภอดังของจังหวัดเลย ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว 5555

    จากเชียงคานเราเดินทางมาด่านซ้ายตามเส้นทางอำเภอท่าลี่ เส้นทางนี้วิวสวยและผ่านพระธาตุสัจจะด้วย แวะไหว้พระธาตุวันนี้พระอาทิตย์เป็นใจทรงกลดเต็มวงสวยน่าดูเลย

    พอถึงภูเรือแวะกินข้าวในร้านที่สุดยอดมากวิวสวยประทับใจทุกคน ภูเรือ Route 21 เป็นร้านที่อยู่ทางผ่านที่แนะนำให้แวะเข้าไปชิม มาถึงร้านก็จะได้เวลาหิวพอดีเลย (เจ้าของเดียวกันกับภูเรือบุษบารีสอร์ทนั่นเอง) งานนี้อิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งใจ วิวสวยมากกกก ดีต่อใจจริงๆ อาหารที่นี่เน้นอาหารในท้องถิ่น มีหลายเมนู สุดๆ เลยต้องยกให้ต้มไก่บ้าน ชอบตรงที่เสริฟมาเป็นกาละมังนี่แหละถึงใจมาก

    อิ่มหนำสำราญกันแล้วก็พร้อมที่จะเดินทางต่อ จุดหมายแรกของเราคือวัดเนรมิตวิปัสสนา โบสถ์หลังใหญ่มากๆ จนไม่น่าเชื่อว่าสร้างจากศิลาแลงทั้งหลัง ดูเข้มขลังมาก ที่นี่จะมีไกด์เยาวชนนำพวกเราไปเที่ยวพร้อมกับบรรยายข้อมูลสำคัญๆ ต่างๆ ให้เราฟัง เรื่องราวมากมายเกี่ยวกับวัดแห่งนี้ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ปกติมาวัดนี้ทีไรก็ถ่ายรูป ชมความสวยงาม ไหว้พระ ใครจะไปรู้ละว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์หลังนี้มีอะไรแฝงอยู่เยอะแยะเลย อย่างภาพคนปีนต้นงิ้วในอบายภูมิหรือนรก ยังมีอารมณ์ชู 2 นิ้วได้ด้วย นี่แค่ตัวอย่างเดียวเท่านั้นที่น้องๆ เค้าพาเราเดินดูในโบสถ์ ยังเรียกเสียงฮือฮาจากคณะจนทุกคนเดินมามุงและถ่ายรูปกันอย่างสนุก 

    น้องๆ ไกด์เยาวชนพาเราชมวัดเนรมิตวิปัสสนาจนรอบ แล้วก็ได้เวลาที่เราจะเดินทางกันต่อ

    จุดหมายต่อมาของพวกเราคือวัดโพนชัย ที่นี่เป็นที่ที่เราจะได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับงานผีตาโขนได้ดีที่สุดเพราะมีพิพิธภัณฑ์ผีตาโขนอยู่ด้วย

    นอกเหนือจากเรื่องราวของผีตาโขน มาด่านซ้ายมีกิจกรรมนึงที่ไม่ควรจะพลาดคือการได้ทำต้นผึ้งเพื่อที่จะไหว้พระธาตุศรีสองรัก เจ้าแม่นางเทียมเอาอุปกรณ์ทำต้นผึ้งมารอพวกเราอยู่แล้ว จากนั้นก็ค่อยๆ สอนให้เราทำต้นผึ้งทีละขั้นตอนอย่างช้าๆ เริ่มตั้งแต่การทำดอกผึ้งด้วยไม้แบบที่ใช้กันมายาวนาน ทำดอกผึ้งทีละดอกๆ ไปเรื่อยๆ จนเอามาติดกับต้นผึ้งได้จนเต็ม ครบทุกคนก็เป็นอันเสร็จพิธี เท่านี้เราก็ได้ต้นผึ้งที่พร้อมจะนำไปสักการะพระธาตุศรีสองรักแล้วละ

    สำหรับชาวด่านซ้ายรวมไปถึงคนอำเภออื่นๆ ในจังหวัดเลยจะศรัทธาพระธาตุศรีสองรักมาก ปกติแล้วจะทำต้นผึ้งไหว้พระธาตุศรีสองรักปีละครั้ง หรือใครจะทำปีละหลายๆ ครั้งก็ได้

    สำหรับคนต่างถิ่นอย่างเราได้มาทำต้นผึ้งแบบเดียวกับชาวด่านซ้ายได้ไหว้พระธาตุศรีสองรักถือเป็นสิริมงคลมากๆ ก่อนจะไปไหว้พระธาตุศรีสองรักต้องเช็คตัวเองสักหน่อยว่าไม่มีเสื้อผ้า ร่ม หรือกระเป๋าที่เป็นสีแดง เพราะสีแดงเป็นสีที่ห้ามใส่มาที่พระธาตุศรีสองรัก นะจะบอกให้ มีเรื่องเล่าว่าคนที่ใส่เสื้อผ้าหรือกระเป๋าหรือร่มแดงมาพระธาตุศรีสองรักมักจะเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ^^

    รวมกับการทำผาสาดลอยเคราะห์ที่เชียงคานด้วยแล้ว ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปสิริมงคลแก่ตัวเราอย่างมากทริปหนึ่งเลยนะเนี่ย อ้อต้องบอกไว้อีกอย่างเผื่อว่าจะใครอยากจะไปไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลหรือจะไปบนไปแก้บน เค้าจะไม่ถวายต้นผึ้งกันในวันพุธนะจ๊ะ ความศรัทธาของชาวบ้านทั้งด่านซ้ายและอำเภอใกล้เคียงที่มีต่อพระธาตุศรีสองรักมีมากขนาดไหนลองดูที่ต้นผึ้งที่เอามาถวายวางซ้อนกันเต็มฐานพระธาตุ ยิ่งวันประเพณีล้างพระธาตุและไหว้พระธาตุศรีสองรัก ต้นผึ้งวางซ้อนกันสูงจนเกือบถึงยอดของพระธาตุเลยทีเดียว พื้นกระเบื้องร้อนๆ ดอกผึ้งร่วงลงพื้นละลายเต็มพื้นยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ แต่ชาวบ้านก็ยังคงถอดรองเท้าเดินเวียนเทียนกันจนครบ 3 รอบ เป็นงานประเพณีที่แสดงถึงความศรัทธาได้อย่างแท้จริง

    หลังจากไหว้พระธาตุศรีสองรักกันแล้วเราก็เดินทางมาที่ภูนาคำรีสอร์ท รีสอร์ทที่ได้รางวัลกินรีถึง 3 รางวัล แล้วยังได้รางวัลกรีนรีสอร์ทระดับอาเซียนอีกด้วย ที่นี่เรากินอาหารกลางวันกันในห้องประชุมใหญ่พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันสนุกสนาน

    อาหารของภูนาคำรีสอร์ท เป็นอาหารง่ายๆ แต่แฝงด้วยประโยชน์เพราะเป็นสมุนไพรไทยหลากหลายชนิดมารวมกัน และผักพวกนี้เป็นผักที่ปลูกกันในท้องถิ่นไม่มีการใช้พลังงานในการขนส่ง เป็นคอนเซปต์ของการท่องเที่ยวแนวโลว์คาร์บอน หรือสไตล์คนไม่เอาถ่านของเรานี่แหละ เมนูเด็ดที่พลาดไม่ได้เวลามาเที่ยวที่ด่านซ้ายหรือภูเรือคือเมี่ยงผักสะทอน กับส้มตำน้ำผักสะทอน เป็นผักชนิดหนึ่งที่ขึ้นในป่าตามธรรมชาติ ใบไม่อร่อยหรอกปกติเค้าเอามาคั้นน้ำแล้วเคี่ยวจนได้น้ำผักสะทอนใส่ขวด เวลาจะกินเค้าเอามาผสมทำอาหารอย่างในส้มตำ ส่วนการเอาน้ำผักสะทอนมากินแบบไม่ผสมลงในอาหารคือการทำเป็นน้ำเมี่ยงนี่เอง สรรพคุณของน้ำผักสะทอนมีเยอะมากลองค้นอากู๋กันดูนะจ๊ะ

    ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวคราวหน้าลองเข้ามาพักกันดูนะ แต่อาจจะต้องจองล่วงหน้าสักหน่อยเพราะแขกเค้าเยอะ พักที่นี่วิวสวยบรรยากาศดี เวลคัมดริ๊งค์ตกแต่งด้วยรูปผีตาโขน น่ารักเชียว

    เอาละอิ่มหมีพีมัน กินลมชมวิวกันจนได้เวลาแล้ว เราก็เดินทางจากภูนาคำรีสอร์ทมาที่โรงเรียนด่านซ้าย ที่สนามของโรงเรียนจะมีผีตาโขนมาชุมนุมกันเต็มสนาม คนมาเที่ยวก็จะมาถ่ายรูปกับบรรดาผีๆ ที่นี่ ถึงจะเป็นงานเล็กกว่างานบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขนวัดโพนชัย แต่จำนวนผีที่มานี่ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ มีทั้งผีเด็กยังไม่เข้าประถม ผีมัธยม จนระดับคนทำงานแล้วก็มี จากโรงเรียนด่านซ้ายจะแห่ไปที่วัดโพธิ์ศรีนาเวียงใหญ่ พอจะเริ่มแห่แนะนำให้รีบเผ่นออกจากโรงเรียนไปดักที่สะพานหน้าวัดเพราะเป็นจุดที่สวยที่สุดของการแห่ สะพานจะประดับไฟสว่างไสวเต็มสะพานเลย ผีตาโขนที่แห่มาก็จะมาเต้นๆ กันที่สะพานให้เราเก็บภาพสวยๆ จนจุใจ

    ขบวนแห่จะออกจากโรงเรียนประมาณ 6 โมงครึ่ง - 1 ทุ่ม แห่มาเรื่อยๆ ถึงสะพานวัดโพธิ์ศรีนาเวียงใหญ่ ประมาณทุ่มครึ่ง กว่าขบวนจะแห่เสร็จก็เลย 2 ทุ่มไปแล้ว พอแห่เสร็จผีตาโขนก็จะรวมตัวกันเต้นอยู่หน้าเวทีงานอย่างสนุกสนาน เหมือนรำวงผีตาโขนกันเลยทีเดียว เสน่ห์ของงานนี้ก็คือการแห่เวลากลางคืนและการเต้นอย่างสนุกสนานให้เราได้สัมผัสกับความสนุกของประเพณีได้อย่างเต็มที่

    สองทุ่มฝนก็เทลงมาอย่างหนัก เค้าว่ากันว่า แห่ผีตาโขนมันต้องมีฝนตก ถ้าฝนไม่ตกถือว่าการแห่ผีตาโขนไม่ได้ผลเพราะประเพณีนี้เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อขอฝน ให้ฝนตกตามฤดูกาลเพื่อการทำนาเพาะปลูก ฝนไม่ตกตอนแห่ผีก็ต้องตกตอนพิธีงมพระอุปคุต เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตากปกติ แต่สำหรับเราไม่ค่อยปกติเพราะฝนเทหนักมากเป็นอันว่าพวกเราต้องขอถอยทัพกลับกันแล้วละ ขืนอยู่กันต่อไปกล้องพังแน่นอน 5555

    เที่ยวงานผีตาโขนกลางคืนทั้งสนุกทั้งเหนื่อย พอฝนตกก็วิ่งขึ้นรถแล้วรีบเข้าที่พัก อาบน้ำ นอน หมดแรง 555 เช้าขึ้นมาถึงมีเวลาเดินเล่นรอบๆ รีสอร์ทที่เราพักที่นี่คือ รังเย็น รีสอร์ท เป็นที่พักที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ วิวสวย ต้นไม้ร่มรื่น ดอกไม้เยอะมาก มีหลายอย่างให้เลือกเดินชมเพลินๆ ในวันพักผ่อน

    กินข้าวเช้ากันเรียบร้อย เก็บข้าวเก็บของเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางเที่ยวกันต่อเพราะเวลาของทริปยังเหลือๆ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายก่อนที่เราจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ และแยกย้ายไปบ้านใครบ้านมัน และแน่นอนว่าวันทำงานของเรารอเราอยู่ และเราก็จะต้องทำงานเพื่อให้มีตังค์ไปเที่ยวในวันหยุดครั้งต่อไป 5555 ชีวิตมนุษย์เงินเดือนเนาะ แต่เมื่อเวลามันยังไม่หมดเราก็ต้องเที่ยวให้สนุกให้เต็มที่ ไปกันต่อเลยดีกว่า

    สถานีแรกของวันเรามาที่สวนลุงวุฒิ สำหรับคนรักต้นไม้และดอกไม้ แนะนำเลยว่าควรจะมาที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ชอบเลี้ยงแคคตัสหรือไม้แคระเล็กๆ เลี้ยงง่ายๆ จะได้มาทำสวนถาด เป็นสวนส่วนตัวที่ตกแต่งได้เต็มที่ ในราคาที่ไม่แพง ถ้างบน้อยก็ทำสวนเล็กๆ ถ้าพอมีงบหน่อยก็จัดเต็มกันไปเลย การทำสวนถาดแคคตัสทำไม่ยากใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ แต่ถ้าวันไหนเรามีเวลามากกว่านี้จะมาจัดสวนถาดยักษ์กลับบ้านให้ได้ 555 แคคตัสราคา 3 ต้น 100 เดียว เอามารวมๆ กันในกระถางที่มีให้เลือกหลายแบบหลายราคาพร้อมคำแนะนำดีๆ จากเจ้าของสวน เราก็จะมีสวนในจินตนาการสวยๆ น่ารักๆ เอาไว้ในบ้านกันแล้ว

    เวลามาทำสวนถาดมากันเป็นกลุ่มช่วยๆ กันมันจะสนุกดี แต่ก่อนที่จะเลือกเอาต้นไม้มาใส่กระถางลองถามข้อมูลเกี่ยวกับต้นที่เราชอบกลับมาบ้านจะได้ดูแลถูกวิธี แคคตัสเป็นกระบองเพชร เค้าไม่ชอบน้ำเยอะๆ รดน้ำอาทิตย์ละครั้งเดียวก็พอ (อันนี้เพิ่งรู้ มิน่าละแต่ก่อนซื้อมาเลี้ยงมันถึงตายเพราะรดน้ำทุกวันนี่เอง) ส่วนต้นไม้อื่นๆ ที่เอามาใส่ในกระถางเกียวกันกับแคคตัส ก็ชอบน้ำชอบแดดต่างกันไป ถามๆ ไปเถอะเจ้าของใจดีมากๆ เราก็จะได้ความรู้เพิ่มด้วยอีกต่อนึง

    ในสวนลุงวุฒิ นอกจากแคคตัสยังมีดอกไม้อีกหลายอย่างสวยๆ ให้เลือก หรือไม่ซื้อก็ไม่เป็นไรมาเดินถ่ายรูปกันได้ด้วยนะ

    ทริปแห่งความสนุกสนานของเรายังไม่ได้จบเท่านี้จ้า ออกจากสวนลุงวุฒิเดินทางเที่ยวกันต่อไปที่ดีมีนาคาเฟ่ มาที่นี่นอกจากจะมาสั่งกาแฟอร่อยๆ กินข้าวปิ่นโต (อ้อรู้ยังละว่าเค้ามีข้าวขายนะ ถ้ามากลุ่มใหญ่ควรจองล่วงหน้า ข้าวและอาหารทุกอย่างเสริฟมาในปิ่นโตเป็นชุดๆ ใส่มาให้เป็นเถาเลย) นอกจากกินกาแฟกินข้าวอย่างที่ว่า ที่ดีมีนามีกิจกรรมให้เราทำด้วยละ กิจกรรมอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือการปลูกข้าวด้วยการทำนาโยน เป็นการทำนาแบบใหม่ที่ได้ผลดีเทียบเท่านาดำแต่ใช้เวลาและพลังงานคนน้อยกว่ากันมากๆ

    จะมัวแต่เล่าอยู่เดี๋ยวคงจะนึกภาพไม่ออก เปลี่ยนชุดใส่ม่อฮ้อม แล้วลงไปลุยกันเลยดีกว่า ทางเดินลงทุ่งนาก็ฟินอย่าบอกใครเดินข้ามทุ่งนาด้วยสะพานไม้ไผ่ที่ทำให้ดีมีนาเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วนั่นเองแหละ

    เจ้าของร้านดีมีนามาสอนวิธีการทำนาโยนด้วยตัวเอง สนุกสนานกันไป วิธีการทำนาโยนไม่ใช่ยากแค่เพาะกล้าต้นข้าวในถาดหลุมพอข้าวโตได้ที่ก็พร้อมที่จะโยนลงนาให้เติบใหญ่เป็นต้นข้าวที่สมบูรณ์กันต่อไป

    จุดสำคัญของการทำนาโยนอย่างหนึ่งก็คือต้องดูทางลม เราต้องอยู่เหนือลมไม่งั้นแล้วต้นข้าวจะปลิวย้อนกลับมาหาเรา และการกะตำแหน่งของต้นข้าวที่โยนไปจะไม่แม่น แรกๆ ก็จะโยนสะเปะสะปะแต่พอโยนไปเรื่อยๆ สักพักเราจะคล่องไปเอง นานๆ เข้าบอกตำแหน่งให้โยนได้เลยทีเดียว วิธีการทำนาโยนใช้คนแค่ไม่กี่คนก็สามารถโยนกล้าลงไปปักในนาได้เป็นแปลง ไม่ต้องง้อรถมาหว่านให้เสียเงินเสียน้ำมันอีกต่างหาก นี่แหละนาแบบโลว์คาร์บอนขนานแท้

    ทุกวันนี้ดีมีนา นอกจากจะมีกาแฟ มีอาหาร มีทุ่งนาและสะพานไม้ให้ถ่ายรูปเซลฟี่กันสวยๆ แล้ว เค้ายังมีอะไรอีกมากมายหลายอย่างให้เราเข้าไปชมกันนะ ทริปนี้มาเห็นต้นดอกไม้ ที่เป็นประเพณีที่สวยงามอย่างหนึ่งในจังหวัด ต้นดอกไม้ที่นี่ทำไว้โชว์ แต่ถ้าใครได้มาเห็นของจริงในงานแห่ที่สูงลิบเป็นสิบเมตรและจะอึ้ง มัน Amazing จริงๆ ขอบอก

    อย่างหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ คือศูนย์เรียนรู้การทอผ้าฝ้าย ใต้ถุนบ้านหลังใหญ่มีพื้นที่ให้เป็นการสาธิตการทอผ้าฝ้ายทอมือ มีครบทุกกระบวนการทุกขั้นตอนใครอยากจะลองไปทำก็ได้เลยนะสนุกและได้ความรู้กันไปด้วยในตัว

    อีกหนึ่งอย่างที่พิเศษที่นี่คือเค้ามีตลาดโบราณ ร้านค้าเก่าๆ ที่แสดงถึงวิถีชาวภูเรือ ตลาดจำลองของที่นี่จะเปิดให้เราเข้ามาเดินเที่ยวได้ช่วงใกล้ๆ ปีใหม่ ประมาณ พฤศจิกายน - มกราคม รวมแล้วก็หลายเดือนอยู่ ในตลาดมีหลายร้านเหมือนกัน ร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องจักสาน น้ำสมุนไพร แบบว่าก็ชิวๆ ดีอะนะ เก็บของแปลกๆ เก่าๆ ไว้ให้เราได้ชมกัน

    ร่ายมาซะยาวเลย เห็นทีจะได้เวลาจบทริปแล้วละ เที่ยวสนุกหนำใจสำหรับวันหยุดสั้นๆ ในจังหวัดเลย กะเวลาดีๆ มาเก็บให้ครบทุกที่ที่เล่ามา โดยเฉพาะงานผีตาโขนที่มีให้เลือกเที่ยวตั้ง 4 งาน ห่างกันงานละ 1 อาทิตย์ รวมแล้วก็ 1 เดือนเลยนะ ว่างอาทิตย์ไหนก็ติดตามดูว่าจะตรงกับงานของวัดอะไร แล้วเราคงได้มาอัพเดตกันอีกทีปีหน้า ติดตามได้ในแฟนเพจของเราด้วยนะ เพจเที่ยวไหนต่อ ขอบคุณที่อ่านจนจบจ้า

    ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอบคุณ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อ.พ.ท.) พื้นที่ 5 มา ณ โอกาสนี้ด้วยคร้าบ

จำนวนผู้ชม 26809 คะแนน 2  ให้กำลังใจคนเขียนทริปนี้ คลิก...>>
กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

แผนที่ขับรถเที่ยว ผีตาโขนไนท์พาเหรดแฟนซี เที่ยวงานผีสไตล์คนไม่เอาถ่าน

Line id: @touronthai (ใส่ @)
www.touronthai.com