จังหวัดสมุทรสาคร ชูศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ครบครันทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เกษตร ชุมชน เปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ใกล้กรุงเทพฯ พร้อมจัดกิจกรรม Familiarization Trip ดึงผู้ประกอบการท่องเที่ยว-สื่อมวลชน สร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดมากขึ้น
นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า จังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพเพียบพร้อม ทั้งในด้านอุตสาหกรรม การประมง เกษตรกรรม หัตถกรรม การท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สมดังคำขวัญของจังหวัดที่ว่า “เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์” นอกจากนี้ยังมีทำเลที่ตั้งที่ติดกับกรุงเทพมหานคร สะดวกง่ายดายต่อการเดินทาง อย่างไรก็ตาม ศักยภาพเหล่านี้อาจยังไม่ได้รับการชูบทบาทให้โดดเด่น เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของสาธารณชนและดึงดูดความสนใจให้ทั้งชาวไทยและต่างชาติมาเยือนจังหวัดสมุทรสาครในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างประสบการณ์ให้อย่างสุดประทับใจ ซึ่งในแผนพัฒนาจังหวัด ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๔ ได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาเอาไว้ว่า “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เกษตรและอาหารปลอดภัย ท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ สังคมเป็นสุข” ดังนั้น จังหวัดสมุทรสาครจึงดำเนินการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบที่บูรณาการทั้งด้านกิจกรรม สื่อประชาสัมพันธ์ และการสร้างเครือข่าย เพื่อประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาครให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย สนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์สินค้าของดีของจังหวัดและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตและผู้ประกอบการร้านค้า ภายใต้ชื่อ “โครงการธุรกิจไตรภาคีมุ่งสู่สากล” นั่นคือการจัด Familiarization Trip โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และสื่อมวลชน จำนวน ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๑ จะจัดระหว่างวันที่ ๘ – ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๕ –๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวและเป็นสื่อแนะนำผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในสมุทรสาครมากขึ้น
จังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในด้านของการท่องเที่ยวเนื่องจากตั้งอยู่ชายฝั่งทะเล มีป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ เหมาะกับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศหรือแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ นอกจากนี้ จังหวัดสมุทรสาครยังเป็นเมืองที่บันทึกในประวัติศาสตร์เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ผู้ซื่อสัตย์ จงรักภักดี และป้อมวิเชียรโชฎก ซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ เพื่อป้องกันข้าศึกทางทะเล ซึ่งเหมาะแก่การเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น ท่าฉลอม ซึ่งยังคงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์ของชุมชนดั้งเดิม และเป็นก้าวแรกของชุมชนจีนในสยาม หรือบ้านแพ้ว ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ประวัติศาสตร์ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม จังหวัดสมุทรสาครยังมีสินค้า OTOP เครื่องปั้นดินเผา ไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ผล ที่ดึงดูดใจผู้มาเยือน สำหรับในด้านตัวเลข ในปี ๒๕๕๙ มีนักท่องเที่ยวมาเยือนจังหวัดสมุทรสาครทั้งไทยและต่างชาติรวมทั้งสิ้น ๑,๔๔๓,๗๔๖ คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ๒.๓๘% และมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น ๒,๓๐๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ๕.๘๙%
นอกจากนั้น จังหวัดสมุทรสาครยังเตรียมจัดงาน “SAMUTSAKHON ON THE SHOW” ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ ลานกิจกรรมสแควร์ โซน C ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และบริเวณชั้น ๓ โซน Atrium ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นงานมหกรรมที่นำเสนอของดีจังหวัดสมุทรสาคร ให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติได้สัมผัส ณ กลางใจเมือง ในรูปแบบทันสมัยและแปลกใหม่ที่ผู้เข้าชมงานจะต้องอัศจรรย์ใจ
วัดโกรกกราก นมัสการพ่อปู่โกรกกราก พระพุทธรูปสวมแว่นตา วัดนี้มีความพิเศษอยู่ที่หลวงพ่อปู่วัดโกรกกราก เป็นพระเนื้อศิลาแลง อายุมากกว่า 100 ปี พระประธานของวัดโกรกกราก มีความแปลกและน่าสนใจที่พระพุทธรูปที่วัดนี้สวมแว่นตาดาไว้ตลอด เนื่องจากครั้งหนึ่งได้เกิดโรคตาแดงระบาดไปทั่วบ้าน โกรกกราก การแพทย์ยังไม่เจริญ รักษากันตามมีตามเกิดแต่ก็ไม่หาย ด้วยความ เลื่อมใสศรัทธาองค์พระศิลาแลงกันมานาน จึงได้พากันมาบนบานศาลกล่าว ถ้าตาหายเจ็บหายแดง จะนำแผ่นทองมาปิดที่ดวงตาขององค์พระศิลาแลง ผลปรากฏว่า ตาหายแดงกันทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงได้นำแผ่นทองมาปิดที่ตาขององค์พระศิลาแลงเต็มไปหมด ครั้นพระครูธรรมสาคร ญาณวฒโน หรือ หลวงปู่กรับ เจ้าอาวาส มาพบเห็นเข้าจึงหาอุบายเพื่อที่จะไม่ให้ญาติโยมปิดทองที่ดวงตาองค์พระศิลาแลง จึงได้นำแว่นตามาใส่ให้กับองค์พระศิลาแลง หลังจากองค์พระศิลาแลงใส่แว่นตาแล้ว ชาวบ้านโกรกกรากและใกล้เคียง จึงได้นำแว่นตามาถวายแทนการปิดทองที่ดวงตา จนถือปฏิบัติเป็นประเพณีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และได้ขนานนามท่านว่า “หลวงพ่อปู่” วัดนี้ถือเป็นวันที่ศักดิ์สิทธิ์มากอีกหนึ่งที่ในจังหวัด
วัดโคกขาม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดมีโบราณสถานที่สำคัญ คือโบสถ์มีหน้าบันไม้แกะสลักงดงามมาก ลักษณะโบสถ์เป็นโบสถ์มหาอุตย์ มีประตูเข้าด้านเดียวทางทิศตะวันออก พระเจดีย์คู่ ด้านหน้าโบสถ์มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาอย่างชัดเจน ภายในโบสถ์มี “หลวงพ่อสัมฤทธิ์” (พระพุทธสิหิงค์) เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ประมาณ 300 ปี ฝีมือช่างชาวล้านนา
ศาลพันท้ายนรสิงห์ศาลนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พันท้ายนรสิงห์ ในคราวที่คัดท้ายเรือพระที่นั่งเอกชัยจนหัวเรือชนกิ่งไม้ใหญ่ริมคลองโคกขาม ทำให้โขนเรือหักตกลงในน้ำ พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมทูลพระเจ้าเสือให้ประหารชีวิตตามกฎมณเฑียรบาล พระเจ้าเสือทรงจำฝืนพระทัยตามพระราชกำหนดที่วางไว้จึงมีรับสั่งให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ แล้วให้ทำศาลขึ้นสูงเพียงตา และนำศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกชัยที่หักขึ้นพลีกรรมไว้บนศาล ทำให้ภายในศาลมีรูปปั้นของพันท้ายนรสิงห์ขนาดเท่าคนจริงอยู่ในท่าถือท้ายคัดเรือ เป็นที่นับถือของชาวบ้านเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ภายในศาลยังมีศาลแม่ศรีนวล(ภรรยาของพันท้ายนรสิงห์), หลักประหารพันท้ายนรสิงห์, เรือโบราณ สร้างจากไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นหินไปแล้ว ชาวบ้านเชื่อว่าเรือลำนี้อาจเป็นเรือในขบวนเสด็จ หรืออาจจะเป็นเรือลำเลียงทหารในอดีต
ศูนย์ท่องเที่ยวและกิจกรรม “บ้านท่าฉลอม” ร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษเรื่อง “การพัฒนาการท่องเที่ยวโดยวิถีชุมชน” โดย ดร.สุวันชัย แสงสุขเอี่ยม รองประธานกรรมการบริษัทสมุทรสาครพัฒนาเมือง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จากนั้นนั่งรถรางชมเส้นทางถนนถวาย ถนนประวัติศาสตร์ พร้อมแวะชมศาลเจ้าโรงเจเช็งเฮียงตั๊ก ปิดท้ายด้วยเรียนรู้ฐานกิจกรรมชุมชน (Workshop) ทำขนมเทียนโบราณ
วัดสุทธิวาตวราราม หรือ วัดช่องลม วัดแห่งนี้มีโบสถ์ที่มีชื่อเสียงที่นกนางแอ่นเข้ามาทำรัง มีหลวงปู่แก้วเป็นพระที่ประชาชนให้ความเคารพ เป็นที่ตั้งอนุสรณ์สถานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยือนท่าฉลอม และทรงตั้งเป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2448
ศาลหลักเมืองจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นมณฑป 2 ชั้น จตุรมุขทรงไทย หลังคาเป็นยอดปรางค์ มีซุ้มประตูเข้า-ออกทั้ง 4 ด้าน บนฐานสูงขึ้นไปมีบันไดทางขึ้น-ลงชั้นบน 3ด้านส่วนของอาคารด้านทิศเหนือเป็นที่ตั้งของศาลพระสังกัจจายน์ กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบ ให้มีขนาดกว้าง 30.80 เมตร ยาว 30.80 เมตร สูง 19.00 เมตร ภายในประดิษฐานเสาหลักเมือง ซึ่งมีลักษณะเป็นเสากลม ทำจากไม้ชัยพฤกษ์ ฐานแกะสลักเป็นดอกบัวรองรับ หัวเสาแกะเป็นลูกบัวแก้วโดยกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบและแกะสลักเสาหลักเมือง ซึ่งมีขนาดความ สูงจากพื้นชั้นล่างถึงยอดเสาหลักเมืองชั้น บน 7.80 เมตรเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.50 เมตร เสาหลักเมืองจังหวัดสมุทรสาครเป็นเสาหลักเมืองที่สูงที่สุดในประเทศไทย
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ที่อยู่บริเวณริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประชาชนเคารพนับถือ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวประมงในจังหวัด โดยก่อนออกเรือเพื่อไปหาปลาทุกครั้งชาวประมงจะต้องไปทำพิธีสักการะบูชา และจุดประทัดบริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเพื่อเป็นสิริมงคล
ป้อมวิเชียรโชฎก สร้างขึ้นในปีพุทธศักราช 2371 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาโชฎกราชเศรษฐี(ทองจีน)เป็นแม่กองสร้างป้อมขึ้น เพื่อรักษาปากน้ำท่าจีนที่เมืองสมุทรสาคร เมื่อแล้วเสร็จพระราชทานนามว่า “ป้อมวิเชียรโชฎก” สาเหตุของการสร้างป้อมขึ้น เนื่องจากในสมัยรัชกาลที่ 3 ไทยเกิดกรณีพิพาทกับญวน เรื่อง เจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทน์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเกรงว่า ญวนจะยกกำลังทางเรือมารุกรานไทยจึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างป้อมขึ้นตามปากน้ำสำคัญ
ตลาดมหาชัย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนที่ชื่นชอบอาหารหรือผลิตภัณฑ์ทะเลต่างๆ ไม่ว่าจะของสดหรืออาหารแปรรูป ที่ตลาดมหาชัยล้วนมีให้เลือกสรรกันมากมาย โดยบริเวณที่มีการค้าขายอาหารทะเลนั่น เราเรียกว่า “ตลาดสดมหาชัย” หรือ หากเป็นคนมหาชัยด้วยกันเองก็จะเรียกว่า “ท้ายตลาด” เนื่องจากตลาดสดมหาชัยจะตั้งอยู่ด้านในสุด ติดกับแม่น้ำท่าจีนซึ่งมีเรือยนต์ที่จะบริการไปส่งผู้คนที่ฝั่งท่าฉลอม
หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี เป็นหมู่บ้านที่สืบทอดการผลิตเครื่องเบญจรงค์กันมาหลายชั่วอายุคน จนปัจจุบันนับเป็นผลงาน OTOP ระดับ 5 ดาว ที่มีมาตรฐานระดับสากล มีการพัฒนาด้านลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยด้วยสี 5 สี และยังมีการใช้สีที่สวยงามยิ่งขึ้นอย่างเช่น ลายน้ำทอง มีสีทองช่วยเสริมความสวยงามและโดดเด่นของลวดลาย การพัฒนางานเบญจรงค์แพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง จากถ้วยโถโอชามก็มีภาชนะอื่นๆ มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเปิดโฮมสเตย์เป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวที่สนใจงานเบญจรงค์เข้าไปศึกษาวิถีชีวิตและเรียนรู้กระบวนการผลิตของหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี
วัดนางสาว เป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของสมุทรสาคร ภายในมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ พระอุโบสถที่มีลักษณะพิเศษคือเป็นโบสถ์ที่มีฐานโค้งเป็นรูปเรือสำเภาก่ออิฐมีประตูเข้าออกเพียงประตูเดียวไม่มีหน้าต่าง ชาวบ้านเรียกว่า “โบสถ์มหาอุตม์” หลังคามุงกระเบื้องดินเผาแบบเก่า ขื่อข้างบนใช้ไม้ซุงทั้งต้น มีเสมาคู่เป็นหินทรายขนาดเล็กอยู่รอบๆโบสถ์ ปัจจุบันพระอุโบสถมหาอุตม์นี้ คงเหลืออยู่น้อยมากภายในประเทศไทย อาจเหลืออยู่เพียง 3-4 แห่งเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นศาสนโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
ปิดท้ายทริปนี้กันที่ วัดท่าไม้ วัดชื่อดังที่เหล่าดารานักแสดงให้ความเคารพไปสักการะกันไม่ขาดสาย ภายในวัดก็ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สำหรับจุดสนใจของ “วัดท่าไม้” ที่ประชาชนนิยมเดินทางเข้ามาเคารพสักการะนั้นได้แก่ ราหู, กวนอิม, พระพิฆเนศ, พระอินทร์, พระพรม, เจ้าแม่ตะเคียน นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรมตามความเชื่อ อาทิ ดูดวง แก้กรรม ต่อบุญ เสริมดวงชะตา และแก้ปีชงอีกด้วย
Charoen Pattarapitak
10 สิงหาคม 2561 10:18:28
1059 0
Akkasid Tom Wisesklin
รวมบล็อกทัวร์ออนไทย
เขียนบล็อก/รีวิว