เที่ยวเมืองรองส่องแหล่งไหมแดนอีสาน อุดรฯ-หนองบัวลำภู-เลย

    คร้ายยยย ใครๆๆๆๆ ที่บอกว่าใส่ผ้าไหมแล้วมันจะเชย ก็ทีเบลล่าใส่ยังปังขนาดนั้น ไหนจะญาญ่าญิ๋ง และอีกหลายคนที่ใส่ชุดไหมแล้วปังมากๆ งั้นเราก็เลยลองลงไปดูให้เห็นกะตาว่าผ้าไหมที่โด่งดังไปไกลทั่วโลกนั้นมันเชยสำหรับคนไทยจริงหรือเปล่า หรือผ้าไหมใส่แล้วจะดูสูงวัยขึ้นอย่างที่เคยได้ยินมาจริงมั้ย แล้วชุดไหมที่ใส่แล้วดูดีตามวัยอยู่ไหนกัน

    ผ้าไหมเป็นผ้าเอกลักษณ์ประจำชาติ ที่หลายประเทศทั่วโลกรู้จักและยอมควักตังค์จ่ายทั้งที่ขายราคาไม่ใช่น้อย เหมือนกับที่เราชาวไทยควักตังค์จ่ายค่ากระเป๋าราคาเป็นหมื่นเป็นแสนยังไงยังงั้น วันนี้เที่ยวไหนต่อเลยพาไปเที่ยวในจังหวัดต่างๆ แล้วก็พาไปดูชาวบ้านที่นั่งทอผ้าไหมในแต่ละจังหวัดกันด้วย เพื่อให้หายสงสัยว่าผ้าไหมจะเชยหรือแพงเกินเหตุอย่างที่ว่ากันจริงหรือไม่ ด้วยเส้นทางเที่ยว 3 จังหวัด ที่เราขนานนามเส้นทางนี้ว่า เที่ยวเมืองรองส่องแหล่งไหมแดนอีสาน พาไปดูที่เที่ยวที่สุดสวยสุดฟิน พร้อมๆ กันกับที่ผลิตและจำหน่ายผ้าไหมกันด้วย

    สำหรับจังหวัดแรกในทริปนี้เราไปอุดรธานีลงเครื่องมาไปกินข้าวเปียกขึ้นชื่อคิงส์โอชาให้อิ่มกันก่อน แล้วเดินเยื้องๆ ไปหน่อยจะพบกับร้านผ้าไหมชื่อดัง พะแพง อะแต่เดี๋ยวก่อน ที่ชื่อว่าพะแพงนี้ไม่ใช่เพราะขายแต่ของแพงๆ นะ เข้าไปทำความรู้จักกันก่อน ร้านนี้เป็นหน้าร้านเล็กๆ ที่เปิดขึ้นมาเพื่อเพิ่มช่องทางในการติดต่อและเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า ปกติสินค้าของร้านจะขายออนไลน์เป็นหลัก จุดเด่นของร้านคือการผนวกเอาลวดลายผ้าที่มีทั้งลายโบราณดั้งเดิมและลวดลายประยุกต์เข้ากับการดีไซน์ให้ออกมาเป็นชุดอย่างลงตัว ด้วยฝีมือการดีไซน์ระดับ world class ผู้มีส่วนร่วมในงานออกแบบชุดประจำชาติของนางงามจักรวาลปุ๋ยพรทิย์ และนาตาเลีย

    ชุดที่ออกมาจากการออกแบบอย่างพิถีพิถันนี้จึงสามารถสวมใส่ได้ทุกวัย มีความทันสมัยเท่ากับชุดที่ดีไซน์จากต่างประเทศ เป็นสากลนิยม และมีเอกลักษณ์สูงที่ชาติอื่นจะเลียนแบบไม่ได้เลยทีเดียวด้วยวัสดุจากไหมธรรมชาติคุณภาพดีของไทย เจ้าของผลงานร้านคือ คุณปนัดดา แก้วคำแจ้ง มาชมกันได้ที่ 
    ร้านพะแพง
    466/3 ถ.พรหมประกาย ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี , 
    โทรศัพท์ 082 396 5464, 
    Line: papaengdesign , 
    Facebook: พะแพง ดีไซน์

    ชมชุดไหมที่สวยงามกันแล้วไปไหว้ศาลปู่-ย่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมืองอุดร ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมไทย-จีน

    เดินชมสวนวัฒนธรรม ชิมชาตามพิธีการชงชาโบราณของจีน และพิพิธภัณฑ์ที่มีเรื่องราวหลายอย่างน่าสนใจ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ มีชุดจีนให้เช่าใส่เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ ความสวยงามและร่มรื่นของบริเวณรอบๆ ศาลเจ้าปู่-ย่า จึงทำให้ชาวอุดรธานีมักจะพาครอบครัวมาเดินเล่นพักผ่อนกันที่นี่อยู่ตลอด

    ถ้าจะมาเป็นหมู่คณะติดต่อได้ที่ มูลนิธิศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานี 
    888 ถ.39 ศาลเจ้าเนรมิต ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี , 
    โทรศัพท์ 042 242 444,042 242 333 , 
    Facebook: Facebook.com/puya.udonthani 

    ทั้งนี้เราก็จะได้ไกด์คอยบรรยายเรื่องราวต่างๆ และพาเราเดินตั้งแต่ขั้นตอนการไหว้ศาลเจ้าปู่-ย่า มาจนจบเส้นทางในพิพิธภัณฑ์เลยละ

   ถ่ายรูปกันเพลินๆ ได้เวลาเที่ยงพอดี มาอุดรฯ ทั้งทีต้องกินของดีประจำจังหวัด เลยจัดวีทีแหนมเนืองสาขาบ้านจั่น ซะเลย สาขาใหญ่มากๆ นอกจากแหนมเนืองแล้วยังมีของฝากมากมายจากหลายที่ให้เลือกช้อปกันเต็มที่ตั้งแต่วันแรกของการเดินทางอีกด้วย

    เที่ยวกันต่อกับเส้นทางสายไหมสู่เมืองรอง เราไปดูการผลิตผ้าไหมที่บ้านเชียงยืน ที่นี่ผ้าไหมเป็นงานย้อมสีธรรมชาติล้วนๆ และเป็นการย้อมเย็นที่คุณแม่ สมภาร คำภาหมี ประธานกลุ่มได้เล่าให้ฟังว่า เดิมทีเดียวมีความรักในงานไหมมากๆ ก่อนหน้านี้ผลิตผ้าไหมย้อมสีเคมีตามความต้องการของตลาดเพราะมีสีสันที่สดเป็นพิเศษ ต่อมามีโรคประจำตัวต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ทำให้ไม่สามารถสัมผัสกับสารเคมีได้ จึงได้คิดค้นการย้อมไหมด้วยสีธรรมชาติ ใช้เวลาลองผิดลองถูกมา 5-6 ปี จนในที่สุดผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติแบบย้อมเย็นก็กลายเป็นสินค้าที่ได้รับการยอมรับมีราคาสูงยิ่งขึ้น แต่ตัวคนเดียวทอผ้าไม่ทันก็ติดต่อซื้อผ้าไหมจากบ้านอื่น ต่อมาเมื่อผลงานเป็นที่ยอมรับในท้องตลาดจึงได้ชักชวนเอาคนในหมู่บ้านมาร่วมกันทอผ้าไหม และย้อมสีธรรมชาติ ความชำนาญของแม่สมภาร ด้านการย้อมผ้าสีธรรมชาติไม่เป็นสองรองใคร แค่บอกโทนสีที่อยากได้ แม่สมภารจะบอกได้เลยว่าย้อมด้วยอะไร ย้อมนานแค่ไหน และย้อมกี่น้ำ

    สำหรับไหมไทยมีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่ได้ย้อมกันง่ายๆ เพราะไหมไม่อมน้ำ การย้อมไหมจึงเป็นเทคนิคที่ต้องมีความชำนาญ โดยเฉพาะการย้อมเย็นและการใช้วัสดุธรรมชาติอย่างขมิ้น คราม ขี้เถ้า เปลือกไม้ ดอกไม้ ฯลฯ แม่สมภาร เล่าให้ฟังว่ากว่าจะได้สีย้อมไหม ต้องมีการหมักยกตัวอย่างเช่นขมิ้นต้องหมักในน้ำที่เป็นน้ำดื่มไม่ใช่น้ำประปา หมักทิ้งไว้นาน 5 ปี ถึงจะเอาออกมาใช้ย้อมได้ ข้างบ้านจึงเป็นที่ตั้งของโอ่งน้ำจำนวนมากแต่ละโอ่งก็จะมีการหมักสีต่างๆ กันไป แม้แต่มะกอก มะดัน ก็นำเอามาทำเป็นสีย้อมไหมได้ แม่สมภารบอกด้วยความภาคภูมิใจ

    สนใจงานของแม่สมภารไปชมกันได้ที่ กลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านเชียงยืน สอบถาม 
    โทรศัพท์ 083 350 5977, 
    Line: 0833505977 , 
    Facebook: แม่สมภาร คำภาหมี

    จากบ้านเชียงยืนกลับเข้าสู่ตัวเมืองเพื่อที่จะหาร้านอาหารอร่อยๆ สำหรับมื้อเย็น และเข้าที่พัก เราจะมีเวลามากพอที่จะแวะชมความสวยงามของวัดโพธิสมภรณ์ พระบรมธาตุธรรมเจดีย์ ที่สง่างามสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2552 และเสนาสนะต่างๆ ภายในวัดที่ดูยังไงก็รู้สึกว่าเป็นวัดใหม่ แต่ความจริงแล้ววัดแห่งนี้เป็นวัดที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ ปลายรัชกาลที่ 5 โดยมหาอำมาตย์ตรีพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (โพธิ เนติโพธิ) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร ได้ชักชวนราษฎรในหมู่บ้านหมากแข้งสร้างวัด ซึ่งชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดใหม่ ต่อมา พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้ทรงประทานนามว่า "วัดโพธิสมภรณ์" ให้เป็นอนุสรณ์แก่พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตรผู้สร้างวัดนี้

    พระบรมธาตุธรรมเจดีย์ ก็เป็นเหมือนกับพิพิธภัณฑ์หลวงปู่จูม พนฺธุโร พระเกจิที่ชาวอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียงศรัทธานับถือกันมาก (พระธรรมเจดีย์ นามเดิม จูม จันทวงศ์ ฉายา พนฺธุโล เป็นอดีตเจ้าคณะมณฑลอุดรธานี อดีตผู้ช่วยเจ้าคณะภาค 3-4-5 อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์) มีรูปเหมือนของหลวงปู่เป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่ชั้นบนขึ้นไปกราบขอพรได้

    เย็นนี้เราพักที่อุดร มื้อเย็นไปนั่งชิวๆ กันที่ภัตตาคารระเบียงพัชนี หน้าร้านเหมือนจะเล็ก แต่พอเดินเข้าไปจะเห็นว่าเป็นร้านใหญ่มากรับคณะทัวร์ได้แบบสบายๆ บรรยากาศดี อยู่ริมน้ำหนองประจักษ์สถานที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของชาวอุดรธานี ทั้งเช้าและเย็นจะเห็นมีคนมาวิ่งและปั่นจักรยานรอบหนองประจักษ์แห่งนี้จำนวนไม่น้อย แล้วไปต่อกันที่ UD Town แหล่งช้อปปิ้งที่คนมาอุดรไม่ควรพลาด ที่นี่รวมสินค้ามากมายหลายรายการเป็นตลาดที่ยาวมากๆ เดินเพลินเลย

    วันต่อมา พุ่งเป้าไปที่หนองบัวลำภู จังหวัดใกล้กับอุดรธานี เราลองไปดูที่เที่ยวและแหล่งผลิตแหล่งขายผ้าไหมจากหนองบัวลำภูกันบ้าง จังหวัดใกล้เคียงกันเดินทางไม่นาน แวะไหว้หลวงปู่ขาว อนาลโย ที่วัดถ้ำกลองเพล ชมพิพิธภัณฑ์ที่สร้างด้วยรูปแบบทันสมัย โดดเด่นอยู่กลางธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร ชมโบสถ์ที่สร้างตามถ้ำธรรมชาติ และมีกุฏิหลวงปู่ที่ยังอยู่ให้เราได้เห็น 

    ไหว้พระทำบุญกันไปสำราญใจแล้วเดินทางกันต่อ ไปที่หนองบัว อำเภอเมืองหนองบัวลำภู ที่นี่จะมีตลาดของผ้าเมืองลุ่มภู เป็นงานผ้าที่ผลิตในจังหวัดมารวมกันเปิดร้านให้ช้อปกันได้ในที่เดียว แวะมาดูร้านคุณแม่ฉลาด หลอดแก้ว จากกลุ่มทอผ้าบ้านนากลาง เป็นร้านผ้าที่ได้รับรางวัลนกยูงทอง ที่เป็นเหมือนการรับรองมาตรฐานผ้าไหมไทยที่มีกติกาว่าต้องเป็นไหมสายพันธุ์ไทย สาวไหมด้วยมือ ทอมือและใช้สีย้อมที่ปลอดภัย ทั้งสีธรรมชาติและสีเคมี ด้วยเกณฑ์มาตรฐานที่เข้มงวดนี้จึงการันตีได้ว่างานผ้าจากบ้านนาวัง อ.นากลาง ของแม่ฉลาด เป็นสินค้าคุณภาพดีสวมใส่ได้อย่างมั่นใจแน่นอน ลายเอกลักษณ์ของกลุ่มคือลายนาคต้นสน และลายดอกบัว ถ้าสนใจจะไปดูกระบวนการถึงแหล่งทอ อยู่ที่ 
    กลุ่มทอผ้าบ้านนากลาง
    208 หมู่ 7 บ้านนากลาง ต.นาเหล่า อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู, 
    โทรศัพท์ 086 757 6877, 
    Line: Chalrnd- Chalrnd

    มื้อกลางวันวันนี้เลยจัดที่หนองบัวลำภูที่ร้านครัวปริญญา อาหารคุณภาพ ร้านกว้างขวาง จะมาเป็นกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ก็ได้ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง 

    เดินทางต่อกันที่แหล่งผลิตผ้าไหมในตำนาน รัศมีไหมไทย คำนี้เห็นกันบ่อยแต่เพิ่งรู้ว่าอยู่หนองบัวลำภู เป็นกลุ่มทอผ้าไหมขนาดใหญ่มีมานานมากแล้ว ลวดลายของที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เจ้าของบอกว่าเห็นที่ไหนก็รู้ว่าเป็นงานของรัศมีไหมไทย และทั่วโลกรู้จักแบรนด์นี้เป็นอย่างดี ที่นี่มีผ้าทอหลายลายด้วยกัน ทั้งงานที่ทอคนเดียวและต้องใช้ 2 คนทอ ขึ้นอยู่กับลายผ้า มีทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย และไหมแกมฝ้าย ที่นี่ทำเองทุกกระบวนการตั้งแต่การสาวไหม ถ้ามาชมจะได้เห็นว่ากว่าจะออกมาเป็นไหมแต่ละผืน ใช้เวลาและความชำนาญของคนหลายคนหลายหน้าที่ช่วยกันทำ มาเห็นแบบนี้แล้วถึงกล้าบอกว่าชุดผ้าไหมที่ตัดออกมาวางขายราคาไม่แพงเลย

    ชมขั้นตอนการมัดลายเพื่อนำไปย้อม นี่คือผ้าที่เรียกกันว่าผ้ามัดย้อม กว่าจะมัดเสร็จแต่ละผืนต้องใช้ความชำนาญของคนมัด ยิ่งการมัดเส้นใยไหมจะยากกว่าฝ้ายมากๆ เพราะไหมมีความลื่น ระหว่างการมัดต้องครวจดูให้แน่ใจว่าเส้นไหมทุกเส้นตึงเท่ากันทั้งสองด้าน ถ้ามีเส้นไหนหย่อนลายจะออกมาเพี้ยนๆ การมัดไหมจะใช้เวลานานกว่าฝ้ายถึง 2 เท่า ปกติมัดฝ้ายได้วันละ 2 ผืน แต่ถ้าไหมจะได้ผืนเดียว นี่ยังไม่นับการปลูกหม่อน การเลี้ยงไหม และสาวไหมอีกนะเนี่ย

    คุณแม่และคุณลูกที่เติบโตมาพร้อมกับการทอผ้าไหมทุกกระบวนการ เป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันแบบรุ่นสู่รุ่น

    สนใจเยี่ยมชมหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ 
    รัศมีไหมไทย
    283 หมู่ 12 ต.ป่าไม้งาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู 39000
    โทรศัพท์ 063 954 7111
    Line: KaiTuck
    Facebook: RasameemaiThai

    ชมกระบวนการทอไหมจนเป็นที่เรียบร้อยช้อปติดมือกันคนละผืนสองผืน เล็กใหญ่ตามอัธยาศัยและงบประมาณ ยิงยาวไปจังหวัดที่ 3 ของเส้นทางสายไหมสู่เมืองรอง คือจังหวัดเลย เข้านอนที่เชียงคาน ที่เที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของจังหวัด อากาศดีมากๆ เป็นวันแรกที่ได้สัมผัสกับความหนาวของปีนี้ สมแล้วที่เราจะยกให้เป็นสถานที่พักตากอากาศในวันหยุด ถึงเชียงคานช่วงค่ำๆ ก็ออกตระเวนเดินเล่นถนนคนเดิน มีเสื้อผ้าหลากหลายดีไซน์ใส่สบายๆ ให้เราเลือกช้อปกันด้วย ได้มาอีกเป็นชุด 

    มาถึงเชียงคานแล้วอย่าลืมแวะไปนวดร้านยองเส้น เป็นเทคนิคการนวดที่สืบทอดกันมายาวนานเอกลักษณ์เฉพาะของร้านนี้ และเฉพาะที่เชียงคานเท่านั้น

     ตื่นเช้ามาลองชุดใหม่ใส่บาตรข้าวเหนียวธรรมเนียมที่สืบทอดกันยาวนานของชาวเชียงคาน ที่ตักบาตรด้วยข้าวเหนียวอย่างเดียวนะเป็นแบบนี้มาแล้วจนกระทั่งนักท่องเที่ยวเข้าไปกันเยอะ การตักบาตรก็เลยเปลี่ยนไปนิดหน่อยเพราะส่วนใหญ่จะซื้อชุดตักบาตรจากที่พักที่ตัวเองพัก เค้าจัดมาให้เป็นชุด มีข้าวเหนียว ขนม นม ฯลฯ แต่ก็ถือว่าไม่ผิดกติกา การตักบาตรขึ้นอยู่กับศรัทธาล้วนๆ ส่วนภาพสวยนั้นถือว่าเป็นผลพลอยได้ 

    ตักบาตรทำบุญอิ่มใจ อาบน้ำอาบท่ากินข้าวเช้า เก็บของออกเดินทางไปต่อที่แก่งคุดคู้ สำหรับแก่งคุดคู้ ถ้าใครไม่ได้มาที่นี่นานหลายปี ลองมาดูกันใหม่จะจำไม่ได้เลยว่าเป็นที่เดียวกัน เพราะตอนนี้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก มีพิพิธภัณฑ์เรื่องราวชาวเชียงคาน รวมไปจนถึง ผีตาโขน ผีขนน้ำ ของด่านซ้าย มีมะพร้าวแก้วของดีของที่นี่ที่ใครมาก็ต้องมีติดมือกลับไปเป็นของฝากกันประจำ มีศาลาสวยๆ ให้พักผ่อนกินลมชมวิว ส่วนนายพรานดั้งแดง จึ่งขึ่ง นั้นเป็นตำนานเรื่องเล่าของที่นี่อยากรู้ลองไปเดินๆ ดูเค้ามีเรื่องราวให้อ่านน่าสนใจดีเหมือนกัน

    เดินเที่ยวเดินช้อปแล้วไปต่อกับมื้อกลางวันบรรยากาศริมโขงของแก่งคุดคู้ที่ร้านอาหารครัวนุชา ที่เป็นร้านอาหารของรีสอร์ท วิวสวยมากๆ จนอยากจะมานอนที่รีสอร์ทนี้สักครั้งจะได้นั่งกินข้าวเช้าจิบกาแฟชมวิวแก่งคุดคู้แบบเต็มๆ 

   จากแก่งคุดคู้พาไปดูงานผ้าเอกลักษณ์สุดๆ ของเชียงคานที่หลายคนไม่รู้จัก คืองานผ้าทอมือทั้งไหมและฝ้ายของชาวไทดำ เป็นลายที่สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคนจนถึงทุกวันนี้ ที่นี่เป็นที่ๆ ชาวไทดำอาศัยรวมกันอยู่เป็นชุมชนใหญ่ มีเปิดเป็นบ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำ มีกิจกรรมสนุกๆ ให้เราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิตไทดำ ทั้งการโยนลูกช่วง การทำตุ้มนก ตุ้มหนู ตุ้มโฮม การละเล่น การเต้นรำแบบไทดำ มีชุดไทดำให้ลองใส่กันด้วย อยากจะซื้ออะไรเป็นที่ระลึกก็ลองเดินๆ ดูผลิตภัณฑ์ของชาวไทดำที่เปิดร้านอยู่ตรงนี้ได้

    ถ่ายรูปสวยๆ กันสนุกแล้วไปดูบ้านไทดำเฮือนอ้าย เอ้ม ซึ่งแปลว่า บ้านพ่อแม่ (อ้าย เอ้ม ไม่ได้แปลว่าพี่เอ้มอย่างที่เราเข้าใจนะ แต่ภาษาไทดำแปลว่าพ่อกับแม่) ที่นี่จะมีเอกลักษณ์ด้านการแต่งกายแบบไทดำที่ตรงกับธรรมเนียมไทดำแท้ ชาวไทดำบอกว่าเวลาใส่ชุดไทดำถ่ายรูปอยากให้ลองดูลองถามให้ดีๆ เพื่อให้ได้รูปชาวไทดำที่แต่งตัวถูกต้อง ไม่งั้นแล้วเวลาภาพโพสต์ออกไปจะมีคนมาว่าชาวบ้านเอาได้ว่าแต่งตัวไม่ตามธรรมเนียมประเพณี ลายผ้าของชาวไทดำมีเอกลักษณ์น่าสนใจไม่เหมือนใคร ผ้าซิ่นมีอยู่ 2 ลาย คือลายแตงโม กับ ลายนางหาญ ปกติหญิงชาวไทดำจะเกล้าผมคลุมด้วยผ้า เวลาแขกสำคัญมาเยี่ยมจะต้องเอาผ้าคลุมผมออกยกเว้นว่าถ้านุ่งซิ่นลายนางหาญอยู่ไม่ต้องเอาผ้าคลุมผมออก (เหมือนที่แม่กับลูกคู่นี้ใส่ให้ดูเป็นตัวอย่าง)

    ผ้าลายนางหาญมีความพิเศษประกอบไปด้วยลายต่างๆ 5 ลายในผืนเดียวกัน ลายหมี่ 3 ลาย กับลายขิด 2 ลาย มีความเป็นมาเล่าว่า ในอดีตหญิงสาวชาวไทดำจะทอผ้าลายนางหาญแต่ทอยังไม่ทันเสร็จก็มีอันเป็นไปเสียชีวิตเสียก่อน สาวคนที่สองพยายามมาทอต่อจากคนรุ่นก่อนก็เสียชีวิตลงอีก จนเมื่อสาวคนที่สามมาทอมีคนคัดค้านว่าผ้าผืนนี้มีอาถรรณ์คนทอจะมีอันเป็นไปให้หยุดความคิดที่จะทอต่อ แต่สาวคนที่สามบอกว่าผ้าผืนนี้เมื่อทอเสร็จแล้วตั้งใจจะใช้ทำพิธีเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษ จึงได้ทอผ้าลายนางหาญจนสำเร็จ แล้วทำพิธีเซ่นไหว้จากนั้นคนในหมู่บ้านก็สามารถทอผ้าลายนี้สืบต่อกันมาได้ จึงได้ชื่อว่าลายนางหาญ ตอนนี้ผ้าลายนางหาญได้รับการออกแบบตัดเป็นชุดสวยๆ ให้ใส่กันได้สำหรับทุกโอกาส 

    มาเที่ยวเฮือนอ้าย เอ้ม แล้วก็ควรจะได้มานั่งทำตุ้มนก ตุ้มหนู หรือตุ้มหัวใจ ติดไม้ติดมือกลับบ้านกันสักชุดนะ

    ใช้เวลาไม่นานเราก็ได้ผลงานตุ้มหัวใจกันคนละอันสองอันก็คงได้เวลากล่าวลาชาวไทดำเฮือนอ้าย เอ้ม กันแล้ว ถ้าสนใจมาชมกันได้ที่ 
    แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาฅนไทดำ
    57/2 หมู่ 4 บ้านนาป่าหนาด ต.เขาแก้ว อ.เชียงคาน จ.เลย,
    โทรศัพท์ 098 004 0823 ,
     Line: 0980040823 ,
    Facebook: เฮือนอ้าย เอ้ม

    จบการเดินทางของทริปนี้ลงด้วยดี ได้พบกับเบื้องหลังความสวยงามบนผืนผ้าไหมของดีของไทยไม่แพ้ใครในโลก เส้นทางสายไหมสู่เมืองรอง เที่ยวเมืองรองส่องแหล่งไหมแดนอีสาน 3 จังหวัด นี่ยังไม่หมดนะ ในภาคอีสานยังมีแหล่งผลิตผ้าไหมอยู่แทบทุกจังหวัด แถมแต่ละที่ก็มีจุดเด่นของตัวเองไม่ซ้ำใคร ชอบผลงานของที่ไหนลองแวะไปดู มีโอกาสลองหาชุดไหมสวยๆ มาใส่ออกงาน รับรองว่าเด่นกว่าใครในงานเป็นแน่นอน

    ด้วยความโดดเด่นของผ้าไหม และที่เที่ยวสวยๆ มากมายหลายแห่ง นอกจากที่เล่ามายังมีอีกมากมาย ทางด้านกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ก็ออกมาให้การสนับสนุน ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ไหมไทยเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย หาเรื่องราวดีๆ แบบนี้ได้อีกมากมายด้วย #เส้นทางสายไหมสู่เมืองรอง #thaisilkroute #DBD