รัก..แลก..พบ.. ประสบการณ์เที่ยวแปลกใหม่ ในประจวบฯ

    ขึ้นชื่อว่าประจวบฯ ใครๆ หลายคนคงบอกว่าเคยไปแล้ว เพราะเป็นจังหวัดที่มีที่เที่ยวที่สวยงามพร้อมด้วยความสะดวกสบายทั้งในด้านการช้อปปิ้ง ที่พัก อาหาร และบริการอื่นๆ ครบวงจร เราเองก็เหมือนกันที่เคยมาเที่ยวประจวบไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งแล้ว และแต่ละครั้งเราก็ไปแต่ที่เดิมๆ คือหัวหิน ตลาด ฯลฯ เลยคิดว่าประจวบคือจังหวัดที่มีแค่นั้นไม่มีอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว จนวันนี้ที่เราได้มาเที่ยวตามเส้นทางใหม่ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าประจวบมีแบบนี้ด้วยเหรอ จนต้องเราขอใช้ชื่อว่า รัก..แลก..พบ ไม่ได้เขียนผิดนะ รักแลกพบ ไม่ใช่รักแรกพบ ทั้งนี้ก็เพราะว่าเส้นทางท่องเที่ยวสายนี้เป็นการท่องเที่ยวโดยชุมชน เวลาไปเที่ยวจะได้พบชาวบ้านในชุมชนแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดและวิถีชีวิตซึ่งกันและกัน และแต่ละกิจกรรมที่เราได้ทำบอกเลยว่าต้องหลงรัก 3 วัน 2 คืน ในประจวบฯ ที่คุ้มค่าสุดๆ จะมีทริปไหนที่ให้เราได้ ขึ้นเขา เข้าถ้ำ ดำน้ำ เดินป่า ห่มทราย พายเรือ เก็บสับปะรด แถมยังได้ทำกับข้าวเมนูอร่อย หมูอบสับปะรด อีกต่างหาก

    เริ่มเส้นทางด้วยที่หมายแรก เขาหินเหล็กไฟ จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองหัวหินได้หลายมุม บนเขาเล็กๆ ลูกนี้มีจุดชมวิวให้เลือกไปชมในมุมต่างๆ ได้หลายจุด เพลินไปกับการถ่ายรูปวิวเมืองหัวหินจากมุมมองที่แปลกใหม่ต่างจากที่เราเห็นในการเดินเที่ยวข้างล่าง มองไปได้ไกลจนเห็นทะเล สถานีรถไฟที่เคยไปถ่ายรูปกันก็มองเห็นจากบนนี้ด้วย และถ้าชอบชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น และตก ก็มาชมบนนี้ได้

    หรือจะเดินเล่นหาทุ่งหญ้าสวยๆ ถ่ายโปรไฟล์เล่นก็มีให้เลือกหลายมุม

    จากนั้นก็ไปต่อกันที่เส้นทางชมธรรมชาติป่าโกงกาง ที่ ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศน์ป่าชายเลนสิรินาถราชินี ต.ปากน้ำปราณ จะว่าไปก็เหมือนกับป่าโกงกางอีกหลายแห่งที่เคยไปมา แต่ถ้าลองได้ฟังความเป็นมาของป่าที่ดูเขียวขจีสุดลูกหูลูกตาผืนนี้แล้วรับรองว่าต้องอึ้งไปตามๆ กัน ป่าโกงกางขนาดกว่า 800 ไร่ แห่งนี้เดิมทีเดียวเป็นนากุ้งร้างที่ว่างเปล่า ด้วยการสัมปทานทำนากุ้งติดต่อกันเป็นเวลายาวนานจนทำให้ดินเสื่อมสภาพ จนวันหนึ่งด้วยน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จด้วยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรเห็นความว่างเปล่าของที่นากุ้งที่ถูกทิ้งร้างเพราะทำประโยชน์ไม่ได้ ท่านตรัสถามว่าป่าของเราหายไปไหน นั่นคือจุดเริ่มต้นของการพลิกฟื้นผืนแผ่นดินชายเลนขนาดใหญ่ค่อยๆ ปลูกต้นโกงกางอย่างช้าๆ จนเต็มพื้นที่ 800 กว่าไร่ ดังที่เราได้เห็นในทุกวันนี้ และพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนสถานที่แห่งนี้ ทรงปลูกต้นโกงกาง พร้อมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สมัยนั้น) เป็นต้นโกงกางประวัติศาสตร์ให้เราเห็นจนทุกวันนี้

    นอกจากการเดินชมต้นไม้ ธรรมชาติและสัตว์หลายชนิดที่ได้อาศัยป่าชายเลนแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัย ที่นี่ยังมีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปฟินๆ กันด้วย  ถ้าสนใจจะไปชมเป็นหมู่คณะ ติดต่อเข้าชมเป็นหมู่คณะได้ที่โทร. 032-632255 , 086-6077712

    ต้นโกงกางทรงปลูก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (สมัยนั้น) ทรงปลูกต้นโกงกางไว้ ณ ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศน์ป่าชายเลนสิรินาถราชินี เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือนที่นี่เป็นครั้งที่ 2

    จากปากน้ำปราณ เดินทางเที่ยวกันต่อจนมาถึง Unseen ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัดเขาถ้ำม้าร้อง อำเภอบางสะพาน ถ้ำขนาดกว้างใหญ่และสวยงามตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดใหญ่และสวยซะจนเรางงว่าทำไมไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อนี้มาก่อน ถ้ำสวยขนาดนี้ไม่มีใครพูดถึงไม่มีคนมาเช็คอินถ่ายรูปให้เราเห็นผ่านโซเชียลเลย ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปอยู่หลายองค์ มีน้ำหยดลงมาเกิดเป็นหินงอกหินง้อยที่มีความสวยงาม

    ในถ้ำม้าร้องมีหลายคูหา และยังมีบ่อน้ำใสมาก ใสจนมองแทบไม่เห็นว่ามีน้ำในบ่อ ชาวบ้านหลายคนเรียกถ้ำนี้ว่าถ้ำน้ำทิพย์ เชื่อว่าน้ำในบ่อเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ไม่เคยแห้ง มีคนเดินทางมาขอตักน้ำใส่ขวดกลับบ้านน้ำในบ่อนี้ก็ยังคงเต็มเหมือนเดิม ที่สำคัญน้ำที่นี่ถูกนำไปใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ เช่นงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา  60 พรรษา และ 72 พรรษา ในหลวงรัชกาลที่ 9 , งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในหลวงรัชกาลที่ 10

    ถ้าจะมาชมถ้ำที่สวยงามแห่งนี้และมีผู้นำเที่ยวพร้อมบรรยายข้อมูลความรู้เกี่ยวกับถ้ำให้ติดต่อไปที่ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีบ้านม้าร้อง นายประวิทย์ รัตนพงศ์ (ผู้ใหญ่บ้าน) 081-2928141, นายพินิจ ศรีจันทร์ 062 – 9545226 , 032 – 691207

    มาถึงบางสะพานแล้วคงจะไม่ใช่แค่มาเที่ยวถ้ำแล้วกลับใกล้ๆ กับถ้ำเขาม้าร้องยังมีที่เที่ยวโดยชุมชนบ้านฝ่ายท่า มีกิจกรรมสนุกๆ รอเราอยู่ คือการพายคายัคชมธรรมชาติไปจนถึงชายหาดชมพระอาทิตย์ตก เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คลองปากปิด อยู่ติดกันกับตลาดประชารัฐ ทุกคนสนุกกับกิจกรรมพายเรือกันมากแม้ว่าจะเพิ่งเคยพายเรือเป็นครั้งแรกก็ตาม กว่าจะพายไปถึงหาดก็ได้วนเป็นวงกลมบ้าง พายเข้าหาป่าริมตลิ่งบ้าง พอพายเป็นหน่อยก็ท้าแข่งกันสนุกไปเลย

    ด้วยความเป็นมือใหม่พายเรือกว่าจะมาถึงเส้นชัยเล่นเอาพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว แต่มีหรือที่เราจะยอมกลับมือเปล่า เราก็พากันโพสต์ท่าสวยถ่ายเป็นภาพเงาซิลลูเอทแข่งกันต่อได้จนเกือบมืดถึงจะยอมพายเรือกลับ สนใจมาเที่ยวแบบนี้ ติดต่อที่ แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คลองปากปิด ชุมชนบ้านฝ่ายท่า โทร. 085-4253929 ถ้ามาวันหยุดจะมีตลาดให้ช้อปกันด้วยละ

    เวลาความสนุกแปลกใหม่กับสิ่งที่ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้ว่าอยู่ประจวบฯ ของเราในวันแรกก็จบลง ออกเดินทางจากบ้านฝ่ายท่ามาเข้าที่พักริมหาดสุดชิลกับมื้อค่ำริมทะเลที่อุ่นไอทะเลรีสอร์ท บางสะพานน้อย หาดที่นี่สงบมากเพราะผู้คนไม่ค่อยมาเที่ยวพลุกพล่านเหมือนกับที่อื่น เหมาะกับคนที่แสวงหาความฟินเงียบๆ บนหาดทรายยาวๆ ฟังเสียงคลื่นที่ไม่ต้องปะปนด้วยเสียงเครื่องดนตรีหรือเสียงรถริมถนน ธรรมชาติมักจะให้รางวัลกับคนที่ตั้งใจแสวงหาเสมอเราได้เห็นสิ่งที่เคยได้ยินผ่านโทรทัศน์ ได้เห็นผ่านเฟสบุ๊ค แล้วฮือฮามาก มีความอยากจะเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง นั่นก็คือ แพลงตอนเรืองแสง เราเคยเห็นครั้งหนึ่งที่เกาะในจังหวัดสตูลแต่แค่จำนวนน้อยๆ แต่คืนนี้แพลงตอนเรืองแสงขึ้นมาโชว์แสงสีฟ้าล้อเกลียวคลื่นอย่างสนุกสนานจนไม่อยากเชื่อสายตานั่งดูความสวยแปลกตาของธรรมชาติเพลินจนเที่ยงคืนแล้วก็บอกลาหาดทรายที่กำลังมีแสงระยิบระยับสีฟ้าเข้านอนอมยิ้มกันไป สนใจห้องพักสอบถามโทรศัพท์ 098-5504161

    เช้าวันต่อมากิจกรรมของเราคือการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นที่เกาะทะลุ ที่นี่มีบริการ One Day Trip มีของกินเครื่องดื่มพร้อมอุปกรณ์ได้แก่เสื้อชูชีพหน้ากาก ออกเดินทางสู่ท้องทะเลกว้างชมความงามใต้ท้องทะเล นอกจากเกาะทะลุยังมีหลายเกาะในบริเวณนี้ได้แก่ เกาะสิงห์ เกาะสังข์ ซึ่งเค้าจะพาไปที่ๆ น่าจะมีปลาสวยๆ ชุกชุม เล่นน้ำกันจนเป็นที่พอใจก็เดินทางกลับ ที่ท่าเรือมีบริการเรือนำเที่ยวดำน้ำหลายเจ้าติดต่อล่วงหน้าได้เลย เช่น ไดฟ์วิ่ง ทัวร์ (ติดต่อ : 032-510714 , 081-9953787 , 081-8588573) และ สีฟ้า ทัวร์ (ติดต่อ : 032-699021 , 086-1705690 , 093-4089009) 

    เวลาวันนี้มันเหลือๆ ไปเดินถ่ายรูปเล่นที่สถานีรถไฟทับสะแก ซึ่งเป็นสถานีรถไฟอันดับแรกๆ ของจังหวัดประจวบฯ การสร้างรูปแบบเดียวกันกับสถานีหัวหิน หามุมฟินๆ กันไป

    ยังไม่หมดแค่นั้น ถ้าคิดว่าดำน้ำมันธรรมดาไป ไปต่อกันที่บ้านทุ่งประดู่ไม่ไกลจากท่าเรือ ที่นี่มีบริการ สปาทราย หรือ ห่มทราย คือการขุดหลุมบนหาดทรายแล้วลงไปนอนกลบทรายเอาไว้ 20 นาที อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นการเล่นสนุกแบบสมัยเด็กๆ เพราะที่นี่มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้รับการรับรองว่ามีผลที่ดีต่อสุขภาพ การนอนห่มทรายที่นี่พิเศษตรงที่ทรายเป็นทรายคริสตัลจะไม่ติดเหนียวกับผิวหนังปัดออกง่าย นอนหันหัวไปทางทิศเหนือตามเส้นแรงแม่เหล็กโลก ก่อนจะนอนให้ดื่มน้ำผลไม้ และผลไม้ที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือมะพร้าวน้ำหอม ส่วนตัวเม็ดทรายจะมีสารซิลิเกต แคลเซียมคาร์บอเนต ฟอสเฟส กำมะถัน ฯลฯ ระหว่างที่นอนห่มทรายจะมีประจุไฟฟ้าอ่อนๆ ทำงานในร่างกายของเรา นอกจากดูดซับสารพิษ ยังช่วยในการรักษาโรคต่างๆ เช่น กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการเหน็บชา อัมพฤกษ์ ขับน้ำคาวปลา ฯลฯ

    บ้านทุ่งประดู่มีบริการเที่ยวโดยชุมชนมีกิจกรรมหลายอย่างในหมู่บ้านเรียกว่าจะมาเที่ยวบ้านทุ่งประดู่ที่เดียวทั้งวันก็ยังได้ เช่น การเล่นเรือใบ เรียนรู้การทำผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว การทำซั้งเชือกสำหรับปลา การทำผ้ามัดย้อมด้วยสีจากกะลามะพร้าว การทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เป็นต้น สอบถามเพิ่มเติม คุณปิ่น โทร. 081-5729665 

    สุขกายสบายใจมากๆ หลังจากที่ขึ้นมาจากหลุมห่มทรายต่อด้วยนวดผ่อนคลายอีกหน่อย เราออกเดินทางเข้าตัวเมืองประจวบฯ มาเดินถนนคนเดินในเมืองซะหน่อย แต่ก่อนหน้านั้นเข้าไปกินข้าวเย็นกันก่อน แนะนำร้านอาหารร้านหนึ่งที่คนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยรู้จักแต่คนประจวบจะชอบมากินร้านนี้กันมาก เพราะอร่อยและไม่แพง ชื่อร้าน เพชรในรู เป็นไง ไม่เคยได้ยินละสิก็ตั้งอยู่ในซอยที่ไม่ค่อยจะได้ผ่านสมชื่อร้านจริงๆ ร้านนี้เป็นร้านที่ตั้งมานาน ใช้วัตถุดิบจากชุมชนที่คัดคุณภาพความสด ปรุงด้วยความตั้งใจ และสะอาด ทำให้เปิดบริการมาได้ยาวนาน สอบถามเส้นทางได้ที่ป้าไหม 089-9967544

    อิ่มหมีพีมันเช็คอินกันเข้าที่พักในเมืองอ่าวประจวบก็มีโรงแรมใหญ่ๆ วิวสวยๆ ไม่บอกก็คงรู้นะเรานอนที่หาดทอง เพราะไม่ไกลจากถนนคนเดินและอยู่บริเวณกลางอ่าววิวสวยดีโดยเฉพาะเช้าๆ เก็บข้าวของออกมาเดินเล่นหาของกินเบาๆ ในถนนคนเดินเค้ามีกันเฉพาะวันศุกร์กับเสาร์ ถนนคนเดินที่นี่ยาวมากๆ รู้สึกว่าแบ่งโซนได้ดี ของกินจะอยู่ใกล้ๆ สะพานสราญวิถี ส่วนของใช้ก็จะอยู่ไกลออกไป กว่าจะเดินสุดโซนของกินก็เอาเรื่องได้มาหลายอย่างเต็มมือเลย ของกินที่นี่ที่ไม่ควรพลาดคือ จับหลัก หน้าตาคล้ายๆ ลูกชิ้นเสียบไม้แต่เค้าใช้การปั้นติดกับไม้แทนเหมือนเอามือจับเสาหลักอะไรแบบนั้น อีกร้านที่เห็นคนมุมกันเยอะมากๆ ก็คือร้านเจ๊เล็กยำสามครกนี่แหละ คนต่อคิวกันยาวเขียนบิลวางไว้แล้วแกก็จะทำไปเรื่อยๆ เร็วมากทำได้ทีละ 3 ชุดเลย

    ที่ประทับใจมากๆ ของที่นี่คือการแยกขยะ เค้าแยกละเอียดปลีกย่อยมาก ไม่ใช่แค่เศษอาหาร เศษขวด เศษกระดาษ ที่เคยเห็น แต่แยกเป็นถังสำหรับไม้เสียบลูกชิ้นและไม้อื่นๆ แก้วพลาสติก น้ำแข็ง ถุงพลาสติก กล่องกระดาษ กล่องโฟม เศษอาหาร โอย เล่าไม่หมด มีคนเฝ้าดูแลอยู่ด้วยทิ้งมั่วไม่ได้จะทิ้งต้องแยกให้ถูกถัง สอบถามคนเฝ้าได้ความว่า แต่ก่อนทำเป็นถังขยะขนาดใหญ่คนก็เอาทุกอย่างทิ้งลงไป ปรากฏว่าขยะล้นถังออกมาเยอะมาก ปลิวลงไปที่หาดอ่าวประจวบ ต้องเกณฑ์คนไปเก็บแล้วก็เก็บยาก เลยต้องแยกถังแยกจนละเอียดยิบแบบที่เห็น ปรากฏว่าใช้ถังเล็กๆ กับถุงขยะใบนึงใส่ไว้ข้างในขยะก็ไม่ล้นออกมาเหมือนกับถังขยะใหญ่ๆ แบบเมื่อก่อน เศษอาหารกับเศษน้ำและน้ำแข็งทิ้งแยกกันก็ไม่ส่งกลิ่นเหม็นด้วย อันนี้ขอชื่นชมอยากให้ตลาดทุกแห่งในประเทศไทยทำแบบนี้บ้างจัง เดินไม่สุดตลาดเพราะไกลมากก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วละเข้านอนดีกว่า

    เช้าวันต่อมา ตื่นให้เช้าๆ เดี๋ยวจะเสียเที่ยวที่มานอนอ่าวประจวบฯ เพราะที่นี่หันไปทางตะวันออกพระอาทิตย์ขึ้นจะสวยมาก อีกกิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือการไปตักบาตรเช้าถนนสายวัฒนธรรม "สู้ศึก" ที่นี่จะมีการตักบาตรตอนเช้าเฉพาะในวันอาทิตย์ สืบทอดกันมานานเป็นธรรมเนียมการปฏิบัติของชาวชุมชนหัวบ้าน จะมีการจัดแคร่วางของสำหรับตักบาตรเป็นแนวยาวๆ ชาวบ้านรวมทั้งนักท่องเที่ยวที่รู้จะมารอใส่บาตรกันแต่เช้า ประมาณ 6.30-7.00 น. 

    แล้วก็เดินเที่ยวไปเรื่อยๆ สักการะ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง แห่งแรกของประจวบฯ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ชุมชนหัวบ้าน ที่รวมเอาเรื่องราวเก่าๆ ของชุมชนไว้ให้เราได้ดูกัน มีของในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ดูด้วย เพราะที่อ่าวมะนาวเคยเป็นที่ตั้งฐานของทหารญี่ปุ่น (นี่ก็เพิ่งรู้นะนี่) อยากรู้อะไรเพิ่มเติมเวลาจะมาให้ติดต่อ คุณจำลอง พรมแดง (ประธานชุมชน) 089-6620929 รับรองได้รู้จักชุมชนหัวบ้านแบบถึงแก่นแน่นอน

    มาเที่ยวเมืองประจวบฯ สถานที่ที่ต้องไปมีเยอะ เขาช่องกระจกก็สวยใช้เวลาเดินหน่อย หรืออีกที่หนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่รู้จักคือวัดอ่าวน้อย เป็นที่ตั้งของโบสถ์ที่สวยงามสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง เป็นโบสถ์ที่มีอายุมา 50-60 ปีแล้ว สร้างอย่างสวยงามมากด้วยฝีมืองานแกะสลักจากช่างทางเชียงราย งานไม้สักแกะสลักเป็นภาพเรื่องราวพุทธประวัติแทนภาพจิตรกรรมที่เห็นอยู่ทั่วไปเป็นอะไรที่น่าตื่นตามาก 

    องค์พระประธานในโบสถ์ไม้สักแกะสลักที่สวยงามของวัดอ่าวน้อย เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแกะสลักจากหินอ่อนทั้งองค์ รวมเป็นความงดงามและศักดิ์สิทธิ์คู่กับวัดอ่าวน้อยที่อยากจะให้ลองแวะมาชมมาทำบุญกัน เพราะไม่ได้มีให้ชมกันมากนัก

    นอกจากนั้นวัดอ่าวน้อยยังมีพื้นที่ครอบคลุมไปบนเขาที่อยู่ใกล้ๆ โบสถ์ มีเส้นทางเดินขึ้นไปด้านบนและที่เขาลูกนี้เองมีถ้ำที่ประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ ใหญ่ที่สุดในประจวบฯ เลยเชียวแถมอยู่ในถ้ำ เป็นอะไรที่ Amazing มากๆ นี่แหละ Unseen ประจวบฯ จริงๆ พระนอนองค์นี้ก็ไม่ใช่พระใหม่เพิ่งสร้างมีอายุหลายร้อยปีแล้วด้วย

    เที่ยววัดชมวิวบนเขาเสร็จแล้วเราควรเข้าสวนผลไม้ขึ้นชื่อเมืองประจวบฯ คือสับปะรดนั่นเอง ประจวบคีรีขันธ์เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกสับปะรดหลายอำเภอในอำเภอเมืองเองก็มีและที่น่าสนใจมากคือ บ้านไร่ดินไทย ชุมชนอ่าวน้อย ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบฯ แรกๆ คิดว่ามาเที่ยวสวนสับปะรดธรรมดาๆ เก็บสับปะรดกิน แต่พอได้ฟังเรื่องราวของคุณนก เจ้าของพื้นที่ที่ลาออกจากงานเงินเดือนเป็นแสนมาซื้อที่ดินและหัดปลูกพืชผักและเพิ่มมูลค่าของสิ่งที่ปลูก แถมยังนำชุมชนในพื้นที่หันมาทำการเกษตรตามแนวหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงพึ่งตาตนเอง ตามแนวทางในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่รักของปวงชนชาวไทย จนตอนนี้ไร่ดินไทยมีผลิตภัณฑ์แตกแขนงจากการเกษตรออกมาอีกมากมายเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีของเกษตรกร และผู้สนใจ รวมไปถึงเด็กๆ คุณนกมีแนวร่วมเป็นเกษตรกรในพื้นที่อยู่หลายคน ได้แก่น้องอ้อม ลุงถึก เปิดสวนให้เดินชมและเก็บสับปะรดชิมกันได้ ลุงแกมีสับปะรดหลายสายพันธุ์ทำให้เราได้รู้ว่าสับปะรดไทยมีมากมายจนจำไม่หมดและเรียกกันไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ละพันธุ์มีเอกลักษณ์ของตัวเองและมีรสชาติที่แตกต่างกันไป

    ทีเด็ดที่ยังไม่ได้เปิดเผยของคุณนกอีกอย่างก็คือผลิตภัณฑ์สำหรับการมาสก์หน้า เป็นสูตรเจ้านางทางใต้ใช้ส่วนผสมไม่ยุ่งยากมีเพียง 3 อย่าง ผสมให้เข้ากันทาทุกวันๆ ละ 5 นาที แล้วล้างออก เคล็ดลับนี้ทำให้คนทำสวนอย่างคุณนกยังมีผิวหน้าที่ผ่องใสและดูอ่อนกว่าวัย สาว สวย รวย สุข อย่างแท้จริง

    ชิมสับปะรดแล้วยังไม่พอที่นี่ยังมีกิจกรรมทำอาหารจากสับปะรดเป็นเมนูหมูอบสับปะรด ที่เราเพิ่งจะกินกันอย่างอร่อยไปเมื่อเที่ยงก่อนที่จะไปสวนน้องอ้อมอีกด้วย ทุกคนช่วยกันทำอาหารกันอย่างสุดฝีมือเป็นอะไรที่สนุกมาก กิจกรรมดีๆ แบบนี้ถ้าสนใจให้ติดต่อสอบถามที่ คุณนก โทร.081-9781577 

    ว้า หมดเวลา อันแสนสนุกไปแล้ว 3 วัน ทุกคนมีความประทับใจมากๆ กับทุกๆ อย่างที่ได้สัมผัส เพราะเกือบทั้งหมดเป็นอะไรที่ไม่เคยไปไม่เคยรู้มาก่อนว่าอยู่ใกล้แค่ประจวบฯ นี่เอง สมแล้วกับชื่อทริปนี้ที่ว่า รัก..แลก..พบ แล้วเราคงจะได้พบกันใหม่อีกแน่นอน....