แก้ไขบล็อกนี้ เปิดแล้วเทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทยอดเขาวงพระจันทร์ จังหวัดลพบุรีที่ลือชื่อ ปกติเขาวงพระจันทร์เปิดให้ขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาทตลอดทั้งปี แต่จะมีช่วงหนึ่งที่ทางวัดเปิดให้ขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาทในเวลากลางคืนได้ โดยทางวัดจะเปิดไฟสว่างไสวให้ตลอดทาง และมีร้านค้ามาขายของตามบันไดทางขึ้น เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเดินทางขึ้นเขาได้โดยไม่ลำบาก ซึ่งปกติเทศกาลขึ้นเขาวงพระจันทร์จะจัดในช่วงตรุษจีนของทุกปี และเปิดให้ขึ้นเวลากลางคืนได้ 15 วัน โดยประมาณ สำหรับปี 2562 เปิดให้ขึ้นตั้งแต่ วันที่ 5-19 กุมภาพันธ์ 2562 และเนื่องด้วยเป็นช่วงวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก ทางวัดจึงติดป้ายชวนคู่รักขึ้นเขาวงพระจันทร์พิสูจน์รักแท้ เป็นกุศโลบายให้คู่รักได้ถือเอาวันแห่งความรักมาทำบุญในวัดอีกทางหนึ่งด้วย
และด้วยเหตุนี้เองการเดินทางขึ้นเขาวงพระจันทร์ของเราก็ได้เริ่มขึ้น เพื่อพิสูจน์ร่างกายและจิตใจ และเพื่อเอาบรรยากาศของการขึ้นเขาวงพระจันทร์มาฝากเพื่อนๆ ได้ชมกัน เราขึ้นเขาวงพระจันทร์คืนวันที่ 8 หรือช่วงเช้าของวันที่ 9 เพราะเราสตาร์ทตอนตี 1 ครึ่ง นั่นเอง
บรรยากาศในวัดเขาวงพระจันทร์ช่วงเทศกาลขึ้นเขาจะมีร้านค้ามาเปิดร้านกันแน่นลานวัดไปหมด ส่วนหนึ่งจะแบ่งเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถไม่มีการเก็บค่าจอด (ในกรณีที่เห็นคนมาเดินเก็บค่าจอดรถในวัดให้แจ้งทางวัดทันที) สำหรับการขึ้นเขากลางคืนเป็นปีแรกก็ไม่นึกมาก่อนว่าคนจะมากันเยอะขนาดนี้ รถจอดกันเต็มจนหาที่จอดยากมาก ถ้าขับเข้าวัดมาเจอช่องไหนว่างจอดได้ก็จอดไปเลยถ้าคิดว่าจะขับมาใกล้ๆ ทางขึ้นอาจจะไม่มีที่ว่างเหลือจนต้องกลับไปจอดลานที่ไกลกว่าเดิมก็ได้
หลังจากจอดรถแล้วก็ลองดูว่าจะกินข้าวก่อนดีมั้ยหรือว่ากินมาก่อนเข้าวัดแล้วจะเดินเลยก็ตามใจ จะซื้อน้ำถือขึ้นบันไดไปก็ได้น้ำที่ขายที่ลานด้านล่างราคาถูกกว่า คือ 10 บาท พอขึ้นบันไดไปแล้วน้ำจะราคา 20 บาททันที ด้วยเหตุผลที่ว่าแม่ค้าเค้าต้องลงทุนมาสร้างและซ่อมร้านตลอดก่อนงานเริ่ม แถมยังต้องจ้างคนหาบของขึ้นไปส่งด้วย ถ้าอยากเห็นบรรยากาศของการหาบของขึ้นไปขายลองกดดูคลิปด้านล่างนี้นะ
พอได้ที่จอดรถแล้วก็เดินเข้าวัดไปเรื่อยๆ มองเห็นแสงไฟตามบันไดที่เป็นเส้นยาวไปถึงยอดเขาทำให้เราเดินง่ายไม่หลงทางแน่นอนถึงจะมาครั้งแรกก็เถอะ เริ่มสตาร์ทเวลาตี 1 ครึ่ง กะจะลองดูว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการเดินจนถึงยอดเขา วันนี้เป็นวันที่ลมพัดแรงมากรู้สึกว่าเป็นลมเย็นแปลกๆ ทีแรกคิดว่าฝนจะตกด้วยซ้ำ โชคดีที่ลมแรงและไม่มีฝนทำให้เหนื่อยน้อยหน่อย ไปตามบันได้เรื่อยๆ จำได้ว่าถึงบันไดเกินขั้นที่ 500 แล้วจะมีจุดที่มองลงมาเห็นพระใหญ่และวัดเขาวงพระจันทร์ได้หลายจุด ถ้ามากลางวันก็ชมวิวไปแต่มากลางคืนจะเห็นแต่แสงไฟ แต่แลกกับการเดินเย็นๆ ชิวๆ แล้วก็คุ้มอยู่นะ ทุกคนที่มาเดินขึ้นเขาวงพระจันทร์ส่วนใหญ่จะเดินไปพักไป ตามบันไดมีร้านขายของเป็นจุดให้นั่งพักได้ ไม่ซื้อของเค้าก็ไม่ว่า กว่าจะถึงขั้นที่ 2500 เรานั่งตั้ง 5 ร้าน กินน้ำบ้าง สปอนเซอร์บ้าง มาม่าบ้าง ผ้าเย็นบ้าง ไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุดพัก ราคาสินค้าตามร้านค้าข้างบันไดได้แก่น้ำขวดละ 20 สปอนเซอร์ 20 มาม่า 25 ผ้าเย็น 25 ยาดม 30 บาท กาแฟโอวัลตินก็มีราคาใกล้เคียงกันบางร้านมีผลไม้, น้ำผลไม้ปั่น, ผลไม้ดองผลไม้แช่อิ่ม เรียกว่ามีให้เลือกเพียบเลย เรื่องขนมขบเคี้ยวไม่ต้องห่วงมีไม่น้อยเหมือนกัน ของที่ขายดีอีกอย่างหนึ่งก็คงจะเป็น อมยิ้มบางคนเล่าว่าอมอมยิ้มไปด้วยเดินไปด้วยมันจะเหนื่อยน้อยหน่อย ไม่ค่อยหิวน้ำ
รายละเอียดปลีกย่อยระหว่างการเดินมันเยอะถ้าไม่อยากจะอ่านใช้วิธีดูคลิปของเราแทนก็ได้นะ
ด้วยความที่อยากได้ภาพสวยๆ วันนี้เราแบกกล้องพร้อมเลนส์มา 3 ตัว ขาตั้งอีกต่างหาก น้ำหนักรวมเกิน 8 กิโลแน่นอน การเดินของเราต้องไปอย่างใจเย็นเดี๋ยวไปถึงข้างบนแล้วหมดแรงไม่ได้ถ่ายรูปจะแห้วเอาง่ายๆ การเดินขึ้นตอนกลางคืนทำให้ไม่ต้องตั้งขาตั้งถ่ายอะไรมากมายเพราะทุกอย่างมืดไปหมด ขาขึ้นเลยได้รูปไม่กี่รูปส่วนใหญ่จะหามุมที่มองเห็นพระใหญ่แบบไม่มีต้นไม้หรือสายไฟมาบัง ระหว่างการเดินวันนี้เราเจอพระ 2 รูป สิ่งที่เห็นได้ชัดคือการเดินขึ้นบันไดยาวๆ แบบนี้ระหว่างคนธรรมดากับพระมีวิธีการเดินต่างกันมาก จากบันไดขั้นแรกถึง 2000 ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นที่เหลือ 1790 ขั้นกลับใช้เวลามากถึง 2 ชั่วโมงเพราะขาเริ่มล้าและบันไดเริ่มชันกว่าเดิมเยอะ ตั้งแต่บันไดขั้นที่ 2500 ขึ้นไปร้านค้าจะเริ่มน้อยลงๆ บางทีก็ต้องหยุดพักตรงก้อนหินแทน
จำได้ว่าพอพ้นขั้นที่ 3000 เหลือ 790 ขั้นสุดท้าย บันไดจะเริ่มชั้นแต่ละขั้นค่อนข้างจะสูงตอนนี้ขาจะเริ่มก้าวไม่ค่อยพ้นบันไดคอยจะสะดุดไปเรื่อยๆ หลายๆคนจะหยุดทุกๆ โค้ง ในที่สุดเราก็มาถึงซุ้มประตูยอดเขาวงพระจันทร์ พร้อมพญานาคคู่ เป็นเหมือนเส้นชัยของการเดินทาง 3,790 ขั้น พอเดินเลยขั้นที่ 3200 โดยประมาณเราจะเริ่มมองเห็นไฟนีออนสีชมพูใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เป็นเหมือนกำลังใจให้ทุกคนสู้ต่อไป การเดินขึ้นเขาตอนกลางคืนง่ายกว่ากลางวันเพราะไม่ร้อน ความเหนื่อยเหมือนจะน้อยกว่า แต่ก็มีหลายคนที่เดินมาถึง 2500 ขั้นแล้วถอดใจเดินกลับลงเขาไป คนที่เดินไม่ถึงปลายทางมีทุกวันก็ว่าได้ระหว่างที่นั่งพักในร้านค้าเราจะได้ยินคนคุยกันก็จะรู้ว่าเค้าจะไม่ไปต่อ ก็น่าเสียดายแทน
ตี 4 ครึ่งโดยประมาณ เราก็มายืนอยู่ที่ซุ้มประตูยอดเขาเป็นที่เรียบร้อย ตรงนี้เราจะได้ยินคนร้องไชโย เย้ๆๆๆ กันอยู่เป็นระยะๆ รวมใช้เวลา 3 ชั่วโมงในการเดินแบบชิวๆ เดินๆ หยุดๆ พักๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ได้ยินหลายคนบอกว่าถ้าเดินจริงๆ ไม่หยุดบ่อย หรือไม่พักนานจะใช้เวลาชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมงก็ถึงยอดเขาแล้ว
สิ่งแรกที่หลายๆคนจะทำเมื่อได้พิชิตยอดเขาวงพระจันทร์คือเดินมาถ่ายรูปกับป้าย ป้ายนี้ บางช่วงคนมายืนรอต่อคิวยาวบางช่วงแทบไม่มีคน ตั้งแต่ตี 4 จนถึง 7 โมงเช้า เราเห็นคนขึ้นมาเป็นระลอกระลอก พอถ่ายรูปคู่กับป้ายเสร็จแล้วทุกคนก็แยกย้ายบางคนจะไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม บางคนเดินชมวิว บางคนก็ไปนั่งกินข้าวต้มในโรงทานของวัดที่จัดให้กินฟรี หลายๆ คนที่ขึ้นมาถึงก่อน 6 โมงเช้าจะไปออกันอยู่ตรงจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น
จากบนยอดเขาวงพระจันทร์พอมองลงมาด้านล่างเราจะเห็นพระองค์ใหญ่และบริเวณวัดที่มีร้านค้าเปิดขายของ เต็มแน่นไปหมด เปิดไฟสว่างไสวทั้งวัด เป็นภาพที่จะได้เห็นแค่ 15 วันใน 1 ปีเท่านั้น วันอื่นๆจะไม่มีร้านค้ามาขายของ คนที่อยากจะขึ้นเขาวงพระจันทร์ก็คงต้องเตรียมน้ำเตรียมอาหารมากินกันเอง
เมื่อมาถึงแล้วก็แยกย้ายไหว้พระปิดทองเสี่ยง-เซียมซีถวายสังฆทานทำบุญกันตามอัธยาศัยตามกำลังศรัทธาไม่มีกำหนดราคา อยากจะทำบุญเท่าไหร่ก็ได้ ตรงนี้เราว่าเป็นสุขดี รู้สึกดีกว่าเวลาไปเที่ยววัดบางแห่งกำหนดให้ใส่ตู้ละเท่านั้นเท่านี้
มณฑปรอยพระพุทธบาท คือจุดหมายปลายทางของการเดินขึ้นเขาวงพระจันทร์ตามชื่อที่บอกว่า "เทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์ "
บริเวณนี้เป็นลานจอดฮอ จากยอดเขาเดินตรงเข้ามาอีกหน่อยจะมีบันไดเดินลงมา เพียงไม่กี่ขั้นจะถึงลานกว้าง มีสัญลักษณ์รูปตัว H ก็คือลานจอดเฮลิคอปเตอร์ปกติลานตรงนี้จะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นของเขาวงพระจันทร์ บางคนถึงกับเอาเต็นท์ขึ้นมากางนอนก็มี อันนี้ก็แล้วแต่อัธยาศัย แต่ถ้าคิดจะเอาขึ้นมาจริงๆควรจะใช้เต็นท์เบาๆ นะ
เช้าวันนั้นเมฆเยอะมากกว่าพระอาทิตย์จะโผล่ก็ปาเข้าไป 7 โมงกว่า หลายๆคนก็ไม่หล่อเดินลงเขาไปเลยพลาดภาพที่สวยงามอย่างน่าเสียดาย เราเองก็เกือบพลาดไปเหมือนกัน หรือว่าอดทนรอ ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จ เราก็เริ่มเดินทางลงจากเขา
บรรยากาศช่วงรุ่งสาง เราจะได้เห็นท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีน้ำเงิน แล้วจากนั้นก็อาจจะมีสีชมพูอ่อนๆ สีส้ม หรือสีแดง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละวัน เป็นช่วงเหมาะที่จะถ่ายรูป เพราะสีของท้องฟ้า จะช่วยให้ภาพดูสวย มากกว่าท้องฟ้าที่เป็นสีดำสนิท ช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาที ที่ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสี เราก็เดินย้ายที่ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ให้ได้ภาพหลายมุมที่สุด ในระหว่างนี้หลายๆ คนก็ไปนอนอยู่ในศาลาที่ทางวัดจัดไว้ให้เป็นที่นอน คงจะวางแผนขึ้นมาตั้งแต่หัวค่ำ มานอนบนวัด พอมีกำลังฟื้นกลับมาแล้วก็จะเดินลงในช่วงเช้า
นอกเหนือจากความอดทนและความมุ่งมั่นในการเดินขึ้นบันไดแต่ละขั้นแต่ละขั้น ถึง 3790 ขั้น เรายังได้เห็นความอดทนความมีน้ำใจความมีวินัยของคนไทยที่ขึ้นเขาวงพระจันทร์ ที่ตั้งใจต่อแถวรอคิวยาว ถ่ายรูปคู่กับป้าย เพื่อเป็นที่ระลึก คนที่ต่อแถวมีเยอะมากคิวก็ยาว แต่ละคนก็จะถ่ายหลายๆรูป กว่าจะถึงคิวเราก็เล่นเอา นานเหมือนกัน ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้แล้ว ขอบอกได้อย่างเดียวว่า ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่พิชิตเขาวงพระจันทร์สำเร็จด้วยนะครับ
เวลาผ่านไปจนถึง 7 โมงกว่า พระอาทิตย์ก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากเมฆ ที่เรียกว่าค่อนข้างสูง จนทำให้หลายๆคนถอดใจไม่รอ แต่พอพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาให้เห็นทุกคนต่างก็เดินกรูกันไปด้านทิศตะวันออก เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น และขอบอกว่าเช้าวันนั้นพระอาทิตย์ขึ้นสวย เหมือนเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ประสบความสำเร็จในคืนนี้ ได้ยินบางคนเล่าว่าเคยเห็นทะเลหมอกบนนี้ด้วย แต่คืนนั้นลมพัดแรงมาก คนที่เดินป่าบ่อยๆย่อมจะรู้ดีว่า โอกาสได้เห็นทะเลหมอก เป็นศูนย์ซะแล้ว แต่ลมที่พัดแรง ก็ทำให้อากาศเย็นสบายและเดินง่ายกว่าเดิมเยอะเลยทีเดียว
สำหรับคนที่ขึ้นเขาวงพระจันทร์ในช่วงกลางวัน แนะนำให้ไปให้ทันพระอาทิตย์ตก เพราะมุมที่เราจะเห็นพระอาทิตย์ตก จะเป็นมุมที่เห็นพระใหญ่และบริเวณวัด เป็นวิวที่สวยงามมาก ส่วนเราที่ขึ้นตอนกลางคืนได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น คงรอจนถึงพระอาทิตย์ตกไม่ไหว ก็เลยใช้วิธีตัดต่อภาพ อันนี้ก็อย่าว่ากันนะครับ แต่ตัดต่อเสร็จแล้วก็สวยดี ว่าไหมล่ะ
เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็คงต้องถึงเวลาที่เราจะต้องเดินลง ดูนาฬิกาแล้วเป็นเวลาประมาณ 8 โมงถามคนที่มีประสบการณ์ในการขึ้นเขาวงพระจันทร์ บอกว่าการเดินลงจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเราก็ว่าประมาณนั้น กว่าจะมาถึงข้างล่างเวลาจะประมาณ 9 โมงเช้า จริงๆ แล้วการเดินลงจากเขาเป็นอะไรที่ง่ายกว่าการเดินขึ้น เพียงแต่ถ้าใครบอกว่าไม่เหนื่อย คงไม่ใช่เรื่องจริง เพราะการเดินลงจากเขา ต้องใช้พลังขาเยอะกว่า พอกลับมาถึงบ้านถ้ามีอาการปวดขา เราคิดว่า มันจะปวดเพราะเดินลงมากกว่าปวดเพราะเดินขึ้น จะรู้สึกแปล๊บๆ ตรงน่องและข้อเท้า ถ้าใครไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการเดินขึ้นบันได การเดินขึ้นเขา และไม่ค่อยได้ออกกำลังกายจะปวดมากกว่า โชคดีที่ว่าปกติเราปั่นจักรยานออกกำลังกายอยู่บ่อยๆ เลยทำให้มีอาการน้อย กลับมาทำงานได้ตามปกติ
เส้นทางระหว่างการเดินลงเขาเราก็จะเห็นบริเวณวัดและพระองค์ใหญ่ได้ชัดเจน ขาลงทำให้เราต้องพักถ่ายรูปบ่อยกว่าขาขึ้น หลายๆคนก็บอกว่าเป็นวิวที่สวย โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าป่าไม้ดูแห้งแล้งไปหน่อย ถ้าเป็นช่วงที่ป่าสีเขียวคงจะสวยกว่านี้เยอะ แต่ทำไงได้ เทศกาลขึ้นเขาวงพระจันทร์จัดตอนตรุษจีน เป็นการเข้าสู่หน้าแล้ง ภาพที่ออกมาก็เลยจะเป็นแบบนี้
ในระหว่างที่เราเดินลงเขา ก็จะมีอีกหลายคนเดินสวนขึ้นมา เหมือนกับตอนที่เราขึ้นเขาเวลาตี 1 คนที่เดินสวนเราลงไปจะเป็นคนที่ขึ้นเขาประมาณ 2 ทุ่ม ในช่วงเทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์ จะมีคนเดินขึ้นเดินลงอยู่แบบนี้ตลอด 24 ชั่วโมง ดูแล้วคล้ายๆ กับการเปลี่ยนกะทำงานในโรงงาน ช่วงเวลายอดนิยม ที่คนขึ้นกันเยอะ น่าจะเป็นช่วง 5 โมงเย็น ถึง 3 ทุ่ม ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน
ช่วงเวลาในการเดินลงเขาเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกดีมาก แต่ก็อย่างว่า ตอนขาขึ้นได้เห็นป้าย 2,000 ขั้นรู้สึกดีใจมาก เพราะตอนขาลงเห็นป้าย 2,000 ขั้น กลับรู้สึกว่าทำไมมันไกลอย่างนี้ คิดว่าเดินแป๊บเดียวก็น่าจะถึงข้างล่าง พอเอาจริงมันก็ต้องตามลำดับเหมือนเดิม ตอนเห็นหลังคาของศาลาตรงบันไดพันขั้น ดีใจมากนึกว่าถึงข้างล่างแล้ว แต่พอมาเห็นว่าเป็นศาลา 1,000 ขั้น มันรู้สึกท้อมากบอกเลย ลองไปเดินดูสักครั้งแล้วจะเข้าใจ
ซิ่งสไลเดอร์ลงเขาวงพระจันทร์ หลายคนคงเคยได้เห็นตามทีวี ทีแรกก็นึกว่าปีนี้จะไม่ได้เห็น การสไลด์ลงราวบันได แต่ก็พอได้เห็นอยู่ 2-3 คน ที่รับจ้างขนของขึ้นมาขายบนภูเขา หรือจะเรียกว่าลูกหาบก็ได้ ยังคงใช้วิธีที่เรียกว่าการ "ซิ่ง" ลงจากบันไดเขาวงพระจันทร์ ให้เราได้เห็นอยู่บ้าง เพียงแต่ว่า จะไม่ซิ่งยาว ตรงที่ช่วงคนเยอะๆ เขาก็จะใช้การเดินตามปกติ แล้วจะซิ่งเป็นช่วงสั้นๆ เขาจะไม่ตะโกนบอกคนข้างหน้าให้หลบทาง รู้สึกว่านี่คือมารยาทอย่างนึงที่น่าประทับใจมาก เพราะคนที่ขึ้นเขาวงพระจันทร์ส่วนมาก จะเหนื่อยล้าเต็มที ต้องการเดินเกาะราวบันไดลงจากเขาเหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่อายุมากแล้ว
ไม่มีอะไรจะดีใจเท่าการที่เราลงมายืนอยู่บนพื้นราบ แล้วเดินตามทางเรียบๆไปที่ลานจอดรถของเรา ระหว่างนั้นเห็นเด็กๆ กลุ่มหนึ่งเดินมากับผู้ใหญ่ ก็เลยทักทายขอถ่ายรูปถึงได้รู้ว่าเป็นคุณครูพานักเรียนมาเดินขึ้นเขาวงพระจันทร์ คุณครูทำแบบนี้เป็นประจำทุกปี เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ สำหรับนักเรียน ขอยกย่องคุณครูท่านนี้จริงๆครับ
เอาล่ะมาถึงภาพสุดท้ายของทริปนี้ เป็นซุ้มประตูที่อยู่ในวัดเขาวงพระจันทร์ เหนือซุ้ม จะเขียนข้อความขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากที่ได้มาถึงจุดนี้ ของแบบนี้ไม่ลองสักครั้งจะเสียใจ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมาจนจบแล้วอย่าลืมติดตามเรื่องราวต่อไปของทัวร์ออนไทย ถ้ายังไงฝากกด Like แฟนเพจด้วยนะจ๊ะ คลิกไปที่เพจของเราเลยจ้า
เที่ยวไหนต่อ touronthai.com tags: ศาสนสถาน,
ลพบุรี,
บล็อกทั้งหมด ใช้โหมดแก้ไข/เพิ่มรูปภาพ