Village Farm n Winery (วิลเลจฟาร์มวังน้ำเขียว)

 Village Farm & Winery (วิลเลจฟาร์มวังน้ำเขียว) ที่พักและร้านอาหารรูปแบบใหม่ที่ใช้โรงนาเก่าเป็นล็อบบี้ต้อนรับนักท่องเที่ยว พร้อมบริการที่พักที่ให้บรรยากาศของฟาร์มซึ่งล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่นกว้างขวาง มีโรงบ่มไวน์ของไทย Chateau Des Brumes บรรยากาศรวมๆ แล้วออกเป็นสไตล์ฝรั่งเศส ช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงที่นิยมที่สุดเพราะบรรยากาศของไร่องุ่นท่ามกลางสายหมอกในยามเช้าเป็นบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกในฤดูเก็บเกี่ยวมีเทศกาล Harvest festival ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมกิจกรรม (กุมภาพันธ์ – มีนาคม)

 นอกจากบรรยากาศของที่พักแล้ว โรงนาเก่ายังเปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารให้บริการนักท่องเที่ยวทั่วไปด้วยเมนูสเตก สลัด สปาเก็ตตี้ หลากหลายเมนูให้เลือก นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมรอบๆ บริเวณไร่องุ่นได้เป็นบางโซน

 ติดต่อสอบถาม
 103 หมู่ 7 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา 30370
 โทร. 044-228407
 www.villagefarm.co.th

ข้อมูลเพิ่มเติม:โทร. 044-228407
http://www.villagefarm.co.th

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

ทางเข้า Village Farm & Winery ก่อนอื่นที่จะเดินทางเข้าไปใน Village Farm & Winery หลังจากที่เลี้ยวขวาจากทางหลวงหมายเลข 304 ขับมาตามทางลาดขึ้นๆ ลงๆ ตามลักษณะของเนินเขา เนื่องจากเป็นทางผ่านหมู่บ้านถนนสายนี้จึงมีลูกระนาดเป็นระยะๆ ไม่งั้นหากไม่ชะลอความเร็วลงเนินมาเร็วๆ คงจะมีอุบัติเหตุได้ง่ายขับขึ้นเนินมาได้หน่อยเจอทางแยกมีป้ายบอกให้เลี้ยวขวา แล้วจะเจอวิวสวยๆ แบบนี้แต่ต้องเป็นช่วงกุมภาพันธ์ ที่ดอกไม้จะบานทั้งต้น มองๆ ดูสวยดีเลยอดไม่ได้ที่จะจอดรถลงมาเก็บภาพนี้เอาไว้หลายสิบรูปเหมือนกัน แล้วค่อยไปกันต่อ เส้นทางสายนี้เป็นทางค่อนข้างขรุขระและชันเล็กน้อยไปจนถึงหน้า Village Farm

ไร่องุ่นไวน์ เมื่อเข้าประตูมาก็ไปที่ลานจอดรถ ตอนนี้ลานจอดรถมีหลายจุดแต่ละจุดจอดรถได้ไม่มาก ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาแทบจะไม่มีช่องว่างให้จอดได้ต้องรอให้รถออกไปบ้างถึงจะได้เข้าจอด หลังจากนั้นจะเดินเข้าไปที่ไร่องุ่นไวน์ ปกติเมื่อไปเที่ยวชมไร่องุ่นอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงกันจะเห็นแนวเสากับคานไม้ไว้ให้เถาองุ่นเลื้อย แต่สำหรับที่นี่จะเห็นเพียงเสากับลวดโยงระหว่างเสาให้ต้นองุ่นเลื้อยเลยดูแปลกๆ แปลงองุ่นแปลงนี้อยู่ด้านหน้าของโรงนาซึ่งดัดแปลงให้เป็นล็อบบี้และร้านอาหาร เป็นส่วนที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ได้ดี เมื่อจอดรถแล้วหลายคนจะปรี่มาที่แปลงองุ่นก่อน วิวด้านหลังไกลออกไปเป็นเขาลูกเล็กๆ ทำให้วิวสวยขึ้นเยอะ

องุ่นไวน์ การเข้าชมแปลงองุ่นจะต้องปฏิบัติตามกฏที่เขียนไว้ด้านหน้าด้วยนะครับ โดยทั่วไปก็จะมีห้ามเด็ด ห้ามจับ องุ่น แต่ที่อ่านแล้วสะดุดตาสะกิดใจหน่อยก็คงจะเป็นห้ามพูดจาหยาบคายในแปลงองุ่นไวน์ครับ ส่วนเหตุผลนั้นต้องไปถามพนักงานที่นั่นดู

แปลงองุ่น ในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลของ Village Farm & Winery มีแปลงองุ่นหลายแปลงมีเส้นทางเดินชมพื้นที่เขียนบอกไว้บนแผนผังมีรอบเล็กรอบใหญ่ แต่เมื่อเข้าไปแล้วในแปลงองุ่นก็จะมีลักษณะเหมือนๆ กันนี้ ก็เลยไม่ได้เดินเก็บภาพมาทั้งหมด เมื่อถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกจนพอใจแล้วก็ได้เวลาเดินเข้าไปหาที่นั่งสั่งอาหารในโรงนาเก่าซึ่งเป็นศูนย์กลางบริการของที่นี่

ศูนย์กลาง Village Farm & Winery ล็อบบี้ของวิลเลจฟาร์มซึ่งเป็นโรงนาเก่า สร้างจากไม้ทั้งหลังมีขนาดใหญ่มาก ภายในโรงนาแบ่งออกเป็นหลายๆ ส่วนเดินถึงกันได้ จะบอกว่าเป็นห้องสำหรับเลือกนั่งเหมือนในร้านอาหารที่มีที่นั่งให้เลือกหลายโซนก็คงไม่ผิดนัก รอบๆ โรงนามีรั้วรอบ แบ่งแยกชัดเจน

ล็อบบี้โรงนา เดินเข้ามาในรั้วดูชัดๆ จะเห็นว่าเป็นอาคารหลายหลังประกอบเข้าด้วยกัน แต่ละหลังก็เป็นเหมือนแต่ละส่วนของร้านอาหาร มีห้องเก็บรักษาและจำหน่ายไวน์ มีโซนโต๊ะอาหารที่ค่อนข้างโล่ง อีกส่วนหนึ่งจะเป็นห้องที่ดูทึบๆ เดี๋ยวจะพาไปดูที่ละส่วนดีกว่าอธิบายตรงนี้คงไม่เห็นภาพ

Welcome to Village Farm & Winery ป้ายยินดีต้อนรับตรงทางเข้าล็อบบี้ออกแบบอย่างกลมกลืนกับบรรยากาศที่เรากำลังเดินอยู่ในฟาร์ม

ล็อบบี้ ตรงนี้แหละครับที่สำหรับติดต่อทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่พักหรือเข้าชมบริเวณฟาร์มและแปลงองุ่นมีพนักงานรอต้อนรับอยู่ที่นี่

ที่นั่งกลางโรงนา ก่อนที่จะเดินไปยังมุมต่างๆ ของโรงนาแห่งนี้ เดินเข้ามาตรงกลางห่างจากล็อบบี้เพียงไม่กี่เมตรเห็นโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งจัดวางได้กลมกลืนมีแสงสว่างจากหลังคาโปร่งแสงส่องทะลุลงมาได้มุมพอเหมาะ

ห้องอาหารแบบชาวฟาร์ม ภายในห้องนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของห้องที่นั่งสั่งอาหารมากินกันได้ ตกแต่งห้องด้วยถังบ่มไวน์ จุกไม้ก๊อกจำนวนมากวางเรียงรายใต้แผ่นกระจกใสที่เอามาทำเป็นพื้นโต๊ะ สวยงามแปลกตาไปอีกแบบ ในห้องค่อนข้างมืดมีแสงเข้ามาเพียงบางส่วนสำหรับผู้ที่ชอบนั่งทานอาหารในบรรยากาศนี้ก็จะได้มีตัวเลือก

บ้านพัก Village Farm & Winery เริ่มต้นเดินสำรวจแบบระยะสั้นๆ รอบๆ โรงนา เพราะสั่งอาหารไปแล้ว อยากเดินชมบริเวณเพื่อฆ่าเวลาก็จะมีบ้านพักซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับนักท่องเที่ยวที่พักที่นี่ สำหรับนักท่องเที่ยวขาจรที่มากินข้าวอย่างเราๆ ก็เดินชมได้ในระยะที่กำหนดไว้เท่านั้น

บ้านพัก Village Farm & Winery

บ้านพัก Village Farm & Winery สำหรับโซนที่พักคงเข้าไปได้เพียงแค่นี้ ภายในกว่านี้เป็นพื้นที่สำหรับคนที่พักที่นี่ครับ เดี๋ยวไปดูด้านอื่นๆ กันต่อดีกว่า

ชมวิว Village Farm & Winery เอาละด้านหลังของโรงนามีร่มไม้ครึ้มมีทางเดินชมวิวที่สามารถมองเห็นทางหลวงหมายเลข 304 และทิวทัศน์รอบๆ ได้ดี

ทางเดินรอบโรงนา เส้นทางที่เห็นนี้เชื่อมระหว่างบ้านพักวิลเลจโฮม บ้านลานหิน ไปยังบ้านต้นไทรบ้านหน้าผา โดยมีโรงนาหรือล็อบบี้คั่นอยู่ตรงกลาง ด้านซ้ายมือเป็นที่นั่งสำหรับทานอาหารในร้านตกแต่งแบบโปร่งในระเบียงที่ยื่นออกมาจากอาคารหลังใหญ่

ห้องเก็บไวน์ ห้องนี้เป็นห้องที่อยู่ด้านหน้าของโรงนามีพื้นที่ไม่กว้างมากนัก ในห้องจัดเป็นชั้นสำหรับเรียงไวน์เข้าไปดูเป็นระเบียบมาก

จำหน่ายไวน์ หน้าห้องเก็บไวน์มีขวดไวน์หลายแบบหลายชนิดวางเรียงรายจำนวนหนึ่งเผื่อว่าใครได้เดินทางมาพักหรือกินอาหารที่นี่จะนำไวน์ติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากหรือดื่มเอง ไวน์ Chateau Des Brumes ชาโต เดอ บรูมส์ มีความหมายว่าปราสาทในหมอก คือยี่ห้อของไวน์เหล่านี้

บ่อน้ำสไตล์ฟาร์ม บ่อน้ำเล็กๆ ข้างโรงนาออกแบบให้ดูเข้ากับสไตล์ของฟาร์มอย่างสวยงาม ถัดจากบ่อน้ำมีสระน้ำเล็กๆ ล้อมด้วยกงล้อของเกวียนเป็นอีกจุดหนึ่งที่นิยมเก็บภาพที่ระลึกของนักท่องเที่ยวครับ

โรแมนติกกลางฟาร์ม เป็นต้นไม้ 2 ต้น ยืนคู่กันอยู่ ที่บริเวณรอบๆ ทำเป็นม้านั่งยาวๆ ให้นั่งพักระหว่างการเดินชมแปลงองุ่นและอาณาบริเวณของวิลเลจฟาร์มในบางเวลาบรรยากาศบริเวณนี้ดูโรแมนติกมาก หากได้มีหมอกจางๆ ด้วยละก็จะสวยกว่านี้ เนื่องจากต้นไม้ 2 ต้นนี้อยู่เป็นคู่ และไม่มีต้นอื่นๆ อยู่ใกล้ๆ เลยดูสวยดีเหมาะกับการถ่ายรูปคู่ ถัดจากต้นไม้นี้ไปเป็นทางเข้าบ้านหน้าผาซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักอยู่ที่นี่จะเข้าไม่ได้ ใกล้ๆ กันก็มีแปลงองุ่นอีกแปลงเรียกว่า Plot B

ทางเข้าชมแปลงองุ่นไวน์ เส้นทางนี้มุ่งไปยังแปลงองุ่นที่ใหญ่กว่าที่ถ่ายรูปกันหน้าโรงนา แต่เป็นเส้นทางที่ห้ามรถทุกชนิดเข้าไป มีประตูกั้นระหว่างทางหากเดินเข้าไปชมจะเข้าได้ครับระยะทางก็ค่อนข้างไกลวนไปจนถึงบ้านพักและแปลงองุ่นอื่นต่อไป

Wang Nam Khieo Winery เป็นบริษัทวังน้ำเขียวไวน์เนอรี่ ภายในเป็นโรงบ่มไวน์ที่เรียกว่า Chateau Des Brumes ชาโต เดอ บรูมส์ อาคารหลังนี้น่าจะเป็นปราสาทในสายหมอก ชั้นบนสร้างเป็นระเบียงล้อมรอบด้วยกงเกวียนสำหรับเดินชมวิว ส่วนด้านล่างเป็นห้องที่สร้างอยู่ค่อนข้างต่ำทางเดินเข้าเป็นทางลาดลงมีประตูไม้ปิดแน่นหนามิดชิด ภายในรักษาอุณหภูมิสำหรับบ่มไวน์

ประตูปราสาทในหมอก ปกติโรงบ่มไวน์ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมครับปิดสนิทแน่นหนารักษาอุณภูมิให้คงที่ตลอดเวลาสำหรับการบ่มไวน์

อาหารมาแล้ว หมดเวลาสำหรับการนำเที่ยวรอบๆ Village Farm & Winery แม้ว่าช่วงที่ไปจะเป็นฤดูร้อน แต่ก็นับว่าอากาศยังดีอยู่ ไม่ร้อนมากหากได้ไปฤดูหนาวที่นี่จะโรแมนติกกว่านี้มาก และเดินเที่ยวชมรอบบริเวณที่กว้างใหญ่ได้สนุกกว่านี้ อาหารที่นี่มีสเตกเป็นเมนูเด่น จากนั้นก็สลัดผักปลอดสารพิษ สปาเก็ตตี้ หรืออาหารจานเดียวข้าวผัดอเมริกัน กะเพราะแซลมอน เป็นต้น อร่อยทุกเมนู เครื่องดื่มก็มีหลายชนิดให้เลือกด้วยเช่นกันว่างๆ หากไปวังน้ำเขียวลองเปลี่ยนที่ทานอาหารมาเป็นร้านท่ามกลางฟาร์มของจริงแบบนี้ก็ไม่เลวนะครับ