สะพานซูตองเป้

สะพานไม้ที่สร้างทอดยาวกว่า 500 เมตร จากเนินเขาที่ตั้งของสวนธรรมภูสมะ ข้ามแม่น้ำสะงา ข้ามทุ่งนาของชาวบ้านเพื่อใช้สำหรับพระภิกษุได้เดินบิณฑบาตรเข้าไปยังหมู่บ้าน คำว่า ซูตองเป้ ถ่ายทอดมาจากคนในพื้นที่มีความหมายว่า ศรัทธา หรือ ความศรัทธา อะไรทำนองนี้ เราจึงมักจะเห็นคำว่า สะพานซูตองเป้ สะพานแห่งศรัทธา อยู่เสมอ สำหรับสวนธรรมภูสมะ หลวงพ่อท่านได้ให้คำนิยามว่า สะพานไม้ไผ่แห่งศรัทธา แห่งการอธิษฐานสำเร็จ ใต้ป้ายที่ซุ้มประตูบันไดขึ้น - ลง ไปเชื่อมกับสะพานเขียนคำว่า การอธิษฐานสำเร็จ อยู่ใต้คำว่า ซูตองเป้

สะพานที่สร้างโดยใช้ไม้ไผ่เป็นลำสอดยาวบนคานเหนือว่านั้นคือไม้ไผ่ขัดแตะปูพื้น เป็นแบบเดียวกับที่ทำฝาผนังบ้านชาวเขา เนื่องด้วยลำไผ่อายุการใช้งานจำกัดเลยสอดเพิ่มความแข็งแรงด้วยท่อเหล็กใหญ่พอประมาณรองรับน้ำหนักได้มากขึ้น สูงแค่ไหน ถ้าใครเคยไปลองลงมาเดินในทุ่งนาจะสามารถเดินผ่านใต้สะพานนี้ไปโดยไม่ต้องก้มหัว (คนที่สูงเกิน 175 อาจจะค้อมหัวเล็กน้อยพองาม)

สวนธรรมภูสมะพุทธศาสนสถาน สร้างบนเนินเขาเล็กๆ ที่รายล้อมด้วยทุ่งนา ตั้งแต่เมื่อปี 2551 ส่วนการสร้างสะพานซูตองเป้ สร้างในปี พ.ศ.2554 นำโดยท่านพระปลัดจิตตพัฒน์ อคฺคปัญโญ ประธานสงฆ์สวนธรรมภูสมะ ลงเสาเอกวันที่ 20 เมษายน 2554 เปิดใช้อย่างเป็นทางการได้เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 สะพานนี้ไม่เพียงเอื้อความสะดวกต่อพระภิกษุสามเณรในการออกเดินบิณฑบาตรไปในหมู่บ้านกุงไม้สักเท่านั้น แต่เกษตรกรที่มีพื้นที่การเกษตรใกล้แม่น้ำสะงาก็ได้สัญจรไปมาบนสะพานนี้อย่างสะดวกมากขึ้น ไม้ไผ่ขัดแตะที่กว้างประมาณ 2 เมตรตลอดความยาว แสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาของประชาชนที่ร่วมใจกันสร้างสะพานนี้ขึ้นและเสร็จสิ้นในเวลาอันรวดเร็วเพียง 2 เดือนเศษ และใช้งบประมาณเพียง 8 แสนบาท จึงกล่าวได้ว่า สะพานซูตองเป้ เป็นสะพานแห่งศรัทธาโดยแท้

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานแห่จองพาราขนาดย่อมข้ามสะพานซูตองเป้นี้เป็นครั้งแรก ความสวยงามของสะพานแห่งความศรัทธานี้ยังดึงดูดให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวและทำบุญตักบาตรบนสะพานอยู่เป็นประจำ

การเดินทางมายังสะพานซูตองเป้ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 แม่ฮ่องสอน - ปาย ไปถึงแยกทางเข้าปางอุ๋ง เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเข้าหมู่บ้านกุงไม้สัก จะมีป้ายบอกทางไปสะพานซูตองเป้ตลอดทาง หรือเลยแยกเข้าปางอุ๋งไปประมาณ 500 เมตร เลี้ยวซ้ายไปตามถนนตรงถึงสวนธรรมภูสมะ ก็ได้

ข้อมูลเพิ่มเติม:ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน โทร. 0 5361 2982-3
http://www.tourismthailand.org/maehongson

แก้ไขล่าสุด 2016-12-26 19:09:39 ผู้ชม 33927

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

ยามเช้าของวันสดใส เราพักในเมืองแม่ฮ่องสอน ที่บ้านวิวน้ำ แคมปิ้ง แอนด์ รีสอร์ท ออกจากตัวเมืองไปไม่ไกล ทางไปท่าเรือเที่ยวหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว แล้วตื่นแต่เช้า เข้าเมืองมาปั๊ม ปตท. เพื่อซื้อของสำหรับใส่บาตรพระบนสะพานซูตองเป้ จากนั้นขับมาทางเส้นเข้าหมู่บ้านรักไทย หรือปางอุ๋ง ถึงบ้านกุงไม้สัก ไปตามป้ายที่เขียนว่าไปสะพานซูตองเป้ จอดรถที่หมู่บ้านแล้วเดินมาหน่อยเดียว เราก็มาอยู่ตรงข้ามสวนธรรมภูสมะ รอพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ

ตักบาตรบนสะพานซูตองเป้ ความประทับใจของเรานอกเหนือจากการได้มาอยู่ที่สะพานไม้ยาว 500 เมตร แล้ว คือการได้ทำบุญตักบาตร ตามประสามนุษย์เงินเดือนจะหาโอกาสตักบาตรสักทีก็ยาก แต่ได้มาตักบาตรบนสะพานไม้สวยๆ แห่งนี้แล้ว ยิ่งประทับใจ 6 โมงเช้าหลวงพ่อท่านจะนำพระและเณร ออกบิณฑบาตรไปในหมู่บ้านกุงไม้สัก แล้วกลับเวลา 7 โมงเช้า เป็นประจำ ความจริงเราไม่ต้องใส่บาตรขาไปก็ได้ รอให้ท่านกลับมา ท่านจะได้ไม่ต้องถือขอหนักตั้งแต่ขาไป

หลายๆ คนที่รู้จักสะพานแห่งนี้ก็จะมารอตักบาตรเหมือนพวกเรา

ปลายสะพานด้านหนึ่งเชื่อมกับบันไดขึ้นไปบนสวนธรรมภูสมะ ส่วนอีกด้านมีศาลาไม้ เชื่อมไปยังถนนทางเข้าหมู่บ้านกุงไม้สักที่เราเดินมา ป้ายด้านบนสะพานเขียนเป็นภาพไทยแต่มองเผินๆ นึกว่าไม่ใช่ภาษาไทย อ่านได้ความว่า

ซูตองเป้
สะพานแห่งการอธิษฐานสำเร็จ
สวนธรรมภูสมะ พุทธศาสนสถาน
๒๐๐ บ้านกุงไม้สัก ต.ปางหมู
อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ขอความสวัสดีทั้งหลายจงมีแก่ท่านทุกเมื่อเทอญ

ชิลชิลบนสะพาน เมื่อพระท่านเดินผ่านไปแล้ว ก็ไม่แคล้วการถ่ายภาพทั้งหมู่ทั้งเดี่ยว เอาให้สวยๆ แจ่มๆ ตามต้องการ แต่จากการสนทนากับหลวงพ่อ ท่านบอกว่าไม่อยากให้มีคนมากระโดดบนสะพานนี้ เพราะไม่ค่อยแข็งแรง ท่านอาจจะรื้อสร้างสะพานใหม่ เพราะไม่อยากให้มีคนตกหรือได้รับบาดเจ็บเพราะสะพาน

จากนั้นเราก็ต้องขึ้นไปชมสวนสนภูสมะกันสักหน่อย ไหนๆ ก็มาแล้วได้ตักบาตรต่อด้วยทำบุญย่อมประเสิรฐสุด

สวนธรรมภูสมะ พอเดินพ้นบันไดขึ้นมาเราก็จะเห็นวิหารหลังหนึ่งอยู่ตรงกลาง รายล้อมไปด้วยศาลาเล็กๆ ด้านขวาของเรา ส่วนด้านซ้ายเป็นกุฎิหลวงพ่อ

พระพุทธรูปทรงเครื่อง เป็นพระประธานของสวนธรรมภูสมะ ลักษณะงดงามมาก ศิลปะแบบพม่า ประดิษฐานอยู่กลางวิหาร

ในศาลาหลังที่อยู่ด้านหลังสุดจะมีป้ายแขวนไว้มากมายหลายสี แต่ละป้ายพอดูใกล้ๆ จะเป็นชื่อและนามสกุล น่าจะเป็นป้ายของคนที่มาทำบุญแขวนไว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว

กุฎิหลวงพ่อ

เดินมาอีกด้านหนึ่งเราก็จะเห็นวิวสวยๆ สายหมอกในยามเช้าของหน้าฝน ทำให้ที่นี่สวยยิ่งกว่าในฤดูอื่นๆ เพราะตัดกับสีเขียวขจีของต้นไม้ในป่าและทุ่งนาด้านล่าง

พอเวลาใกล้ 7 โมง หลวงพ่อนำพระและเณรเดินกลับจากการบิณฑบาตร คนที่รู้เวลาก็จะมารอใส่บาตรบนสะพานซูตองเป้ตอนขากลับ หมาในสวนธรรมเห็นพระเดินมาก็จะรีบวิ่งลงไปรับกันทุกตัว เป็นภาพที่น่าประทับใจมากในความน่ารักของหมาวัด

ประโยชน์ของสะพานซูตองเป้ ไม่ใช่เฉพาะความสะดวกของการเดินบิณฑบาตรของพระสงฆ์ ท่านสร้างเพื่อให้เป็นสาธารณประโยชน์ต่อคนที่อาศัยในละแวกนี้ได้ใช้สะพานเดินไปทำไร่ทำสวนทำนาได้สะดวกมากขึ้นด้วย

ปิดท้ายของการพาชมสะพานซูตองเป้ด้วยภาพหมาที่หลวงพ่อเลี้ยงไว้ หมาตัวนี้ไม่ยอมให้ใครจับหัว ฉะนั้นต้องระวังมันกัดนะครับ หลวงพ่อบอกขนาดพระในวัดยังจับไม่ได้เลย มันจะหันมาขู่แฮ่ๆๆๆ ทันที